กระทู้ล่าสุดของ: watamon

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: 1 ... 36 37 [38] 39 40 ... 44
556  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตำรายาพม่ากวาวเครือแดง: ระบุว่าใช้เป็นยาอายุวัฒนะเช่นเดียวกับกวาวเครือขาว แต่มีฤ เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2017, 02:31:16 pm





ตำรายาพม่ากวาวเครือแดง: ระบุว่าใช้เป็นยาอายุวัฒนะเช่นเดียวกับกวาวเครือขาว แต่มีฤทธิ์แรงกว่า
     ปัจจุบันกวาวเครือแดงประเภทที่รับประทานได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนเป็นตำรับยาแผนโบราณ และยาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน ถือได้ว่ามีความปลอดภัย โดยเฉพาะเมื่อได้รับอนุญาตจาก อย. ให้ขึ้นทะเบียนเป็นยาสามัญประจำบ้านด้วยแล้ว เป็นการแสดงว่า เป็นยาที่สามารถบริโภคเองได้โดยไม่จำเป็นต้องมีใบสั่งจากแพทย์ และการใส่กวาวเครือแดงร่วมกับสมุนไพร เช่น ตรีผลา คือ มะขามป้อม สมอไทย สมอพิเภก ก็มีในตำรับโบราณ ทั้งนี้ ตรีผลา ก็มีความเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปรับสมดุลของร่างกาย การทานร่วมกับกวาวเครือ จึงช่วยให้มีสมดุลที่ดี









  • หัวกวาวเครือแดง มีรสเย็นเบื่อเมา ประโยชน์ช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย และใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
            2. กวาวเครือ เป็นสมุนไพรที่ช่วยทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายมีอายุยืนยาวขึ้น ช่วยทำให้ร่างกายและเนื้อเยื่อเสื่อมช้าลง
            3. กวาวเครือแดง คุณสมบัติช่วยเจริญธาตุไฟในร่างกาย 
            4. กวาวเครือแดงช่วยบำรุงผิวพรรณ บำรุงสุขภาพเนื้อหนังให้เต่งตึง
            5. ช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณหน้าอกช่วยให้หน้าอกโต
            6. หัวของกวาวเครือแดงช่วยบำรุงกำหนัด หรือเพิ่มความต้องการทางเพศ ช่วยเพิ่มคุณภาพของอสุจิ มีฤทธิ์เพิ่มความแข็งตัวของอวัยวะเพศ เช่นเดียวกับฤทธิ์ของซิลเดนาฟิล ซิเตรต (Sidenal Citrate) ของยาไวอากร้า (Viagra)
            7. กวาวเครือแดง คุณสมบัติช่วยบำรุงหลอดเลือด ทำให้เลือดหมุนเวียน
            8. ใบ และรากกวาวเครือแดง ประโยชน์ช่วยทำให้นอนหลับ
            9. ราก และต้นกวาวเครือแดง สรรพคุณช่วยแก้โลหิต
          10. ราก และต้นกวาวเครือแดง คุณสมบัติช่วยแก้ลมอัมพาต
          11. เปลือกกวาวเครือแดงช่วยแก้อาการปวดฟัน
          12. กวาวเครือแดงมีฤทธิ์ช่วยแก้ไข้
          13. ช่วยแก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ
          14. ช่วยขับเสมหะ
          15. แก้อาการจุกเสียด แก้อาการลงท้อง แก้สะพั้น
          16. หัวกวาวเครือแดงช่วยแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
  • เปลือกเถากวาวเครือแดง มีรสเย็นเบื่อเมา มีคุณสมบัติช่วยแก้พิษงู
          18. กวาวเครือแดงจัดอยู่ในตำรับยาสมุนไพร“พิกัดเนาวโลหะ” ซึ่งประกอบไปด้วย รากกวาวเครือแดง รากขันทองพยาบาท รากทองกวาว รากทองพันชั่ง รากทองโหลง รากทองหลางหนาม รากทองหลางใบมน รากใบทอง และรากจำปาทอง โดยเป็นตำรับยาที่มีคุณสมบัติช่วยแก้เสมหะ แก้ลม ลมที่เป็นพิษ ดับพิษ ช่วยชำระล้างลำไส้ สมานลำไส้ แก้โรคดี แก้โรคตับ แก้ริดสีดวงทวาร และขับระดูร้าย








     



    ผลการศึกษาวิจัย
    การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ในกวาวเครือแดงยืนยันถึง 3 ระดับด้วยกัน คือ
          1. การค้นคว้าฤทธิ์ทางเภสัชเคมีของสารสกัดกวาวเครือแดงต่อกล้ามเนื้อเรียบอวัยวะเพศที่แยกจากหนูตัวผู้ พบว่าสารสกัดกวาวเครือแดงทุกชนิดรวมทั้งสารสกัดด้วยน้ำ มีฤทธิ์เพิ่มความแข็งตัวของอวัยวะเพศ เหมือนฤทธิ์ของซิลเดนาฟิล ซิเตรต (Sidenal Citrate) ของยาไวอากร้า (Viagra)
          2. การค้นคว้าทดลองในหนู ด้วยการป้อนกวาวเครือแดงแบบผงป่นละลายน้ำเข้มข้น 5 มก./ซีซี ให้แก่หนูวิจัยเป็นเวลา 21 วัน พบว่า ทำให้น้ำหนักตัวของหนูและปริมาณอสุจิของมันเพิ่มขึ้น และเมื่อศึกษาต่อไปถึงระยะ42 วัน พบว่าความยาวของอวัยวะสืบพันธุ์ และพฤติกรรมการผสมพันธุ์ของหนูมีเพิ่มมากขึ้น
          3. การวิจัยทางคลินิกเพื่อทราบฤทธิ์ของกวาวเครือแดงต่อสมรรถภาพทางเพศในคน โดยศึกษาในอาสาสมัครเพศชาย 17 คน มีอายุระหว่าง 30-70 ปี ที่มีประวัติหย่อนสมรรถภาพทางเพศอย่างน้อย 6 เดือน สุ่มแบ่งกลุ่มอาสาสมัครเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกให้รับประทานกวาวเครือแดงแคปซูล ขนาด 250 มิลลิกรัม/แคปซูล วันละ 4 ครั้งครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารและก่อนนอน เป็นเวลา 3 เดือน ส่วนกลุ่มที่สองให้บริโภคยาหลอก
     สรุปผลการทดลองได้ว่ากวาวเครือแดงสามารถฟื้นฟูผู้ป่วยโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ถึง 82.4% โดยปราศจากความเป็นพิษ




    กวาวเครือเป็นสมุนไพรควบคุม
         มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องสมุนไพรควบคุม พ.ศ.2549 โดยมีการลงนามเมื่อวันที่ 11 ม.ค.2549 ประกาศให้กวาวเครือเป็นสมุนไพรควบคุม ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยได้มีมติเห็นว่ากวาวเครือเป็นสมุนไพรที่มีค่าต่อการศึกษาวิจัย มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ และอาจจะสูญพันธุ์ได้ จึงต้องมีการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ประกาศกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2549 และจะมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศ ในวันที่ 2 ส.ค.2549 เป็นต้นไป
     
           ผู้ที่ครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา หรือขนย้ายกวาวเครือดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นหัว รากใต้ดิน หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของกวาวเครือ รวมทั้งกรณีใช้ในการศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปกวาวเครือ รวมถึงกรณีกวาวเครือที่มาจากแหล่งธรรมชาติ หรือจากป่า ต้องดำเนินการ คือ
           1. มีการรายงานกรณีมีไว้ครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา หรือขนย้ายในปริมาณที่เกินกว่ากำหนด
           2. ส่งเสริมการปลูกโดยกำหนดให้กวาวเครือที่ได้จากการปลูกสามารถมีไว้ในครอบครองใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา หรือขนย้ายที่มีได้โดยไม่ต้องรายงานไว้ในปริมาณสูงกว่ากรณีกวาวเครือจากธรรมชาติมาก
           3. กรณีใช้กวาวเครือจากธรรมชาติเพื่อการวิจัยและส่งออก ต้องปลูกทดแทนในที่เดิม
           4. กรณีใช้กวาวเครือจากธรรมชาติเพื่อการวิจัยจะต้องมีข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ให้แก่ชุมชนที่เป็นถิ่นกำเนิดกวาวเครือ




    ข้อควรระวังการใช้กวาวเครือแดง

  • กวาวเครือแดง ไม่ควรรับประทานในผู้ป่วยโรคตับ และถ้าเป็นโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
          2. การรับประทานกวาวเครือแดงในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับ หรือทำให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ต่างๆ ได้
          3. องค์การอาหารและยาของไทยระบุขนาดการรับประทานกวาวเครือแดง ไม่เกิน 2 มิลลิกรัม ต่อกิโลกรัมต่อวัน





 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กวาวเครือเเดง
557  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / การศึกษาพิษเรื้อรังของกวาวเครือแดง เมื่อ: กรกฎาคม 25, 2017, 01:34:51 pm
การศึกษาพิษเรื้อรังของกวาวเครือแดง
ได้มีการ ค้นคว้าในหนูขาวพันธุ์วิสตาร์ทั้งตัวผู้และตัวเมียเป็นระยะเวลา 6 เดือน ผลการ ค้นหาพบว่าการให้ผงกวาวเครือแดงขนาด 10 มก./กก.ต่อวัน พบว่าไม่มีพิษต่อค่าทางโลหิตวิทยา ค่าทางชีวเคมีและพยาธิสภาพของอวัยวะภายใน ส่วนหนู ค้นหาที่ได้รับใน ปริมาณมากกว่า 100 มก./กก.ต่อวัน พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญของค่าโลหิตวิทยา ค่าทางชีวเคมีและพยาธิสภาพของอวัยวะภายใน โดยเฉพาะในหนูทดลองที่ได้รับผงกวาวเครือขนาดสูงสุด (1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมต่อวัน) พบว่ามีระดับเอนไซม์ Aspartate aminotransferase, Alanine aminotransferase, Alkaline phosphatase และ bilirubin ซึ่งแสดงถึงการทำงานของตับเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ และจากการตรวจสอบทางจุลพยาธิก็พบว่าเกิดความ ผิดปกติในตับหนูอย่างมีนัยสำคัญ จากผลการ ศึกษาจึงพบว่าการให้ผงกวาวเครือแดงในขนาด 250 มก./กก. ต่อวันหรือมากกว่านั้นจะทำให้เกิดพยาธิสภาพของอวัยวะภายในของหนูโดยเฉพาะที่ตัประโยชน์กวาวเครือแดง
มีการใช้กวาวเครือแดงเพื่อทำเป็นยาคุมกำเนิดสำหรับสัตว์
ใบกวาวเครือแดงมีขนาดใหญ่มาก จึงสามารถนำมาใช้ห่อข้าวแทนใบตองได
มีการนำสมุนไพรกวาวเครือแดงมาทำเป็นแชมพู สูตรทำให้เส้นผมแข็งแรง ป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผม ป้องกันผมหงอกก่อนวัย เนื่องจากกวาวเครือแดงเป็นสมุนไพรที่มี สรรพคุณช่วยบำรุงหลอดเลือด ทำให้เลือดหมุนเวียนได้ดี จึง อาจนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงรากผมได้ดี และเมื่อใช้ผสมกับสมุนไพรกวาวเครือขาวที่มี ประโยชน์ช่วยบำรุงเรื่องหนังศีรษะทำให้มีน้ำหล่อเลี้ยงแบบธรรมชาติ แถมยังช่วยลดอาการคันหนังศีรษะและรังแคอันเกิดจากหนังศีรษะแห้งได้อีกด้วย และเมื่อนำมาใช้ทำเป็นแชมพูก็จะยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
ปัจจุบันมีการนำสมุนไพรกวาวเครือแดงไปผลิตหรือแปรรูปเป็นยาสมุนไพรอย่างหลากหลาย เช่น ครีมกวาวเครือแดง, สบู่กวาวเครือแดง, ยากวาวเครือแดง, เจลกวาวเครือแดง, กวาวเครือแดงแคปซูล, ครีมนวดกวาวเครือแดง เป็นต้น
คำแนะนำและข้อควรระวัง
กวาวเครือเป็นสมุนไพรที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ จึงถูกขึ้นบัญชีเป็นสมุนไพรควบคุมประกาศของกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2549 เพื่อจำกัดการครอบครองในกรณีที่ขุดจากป่าและเพาะปลูกเอง เมื่อขุดแล้วต้องปลูกทดแทน โดยผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทยหรือหมอพื้นบ้าน (40-120 กก.) หรือหน่วยงานศึกษาวิจัยต่าง ๆ (80-240 กก.) โรงงานอุตสาหกรรม (400-1,200 กก.) และสำหรับเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไป (20-60 กิโลกรัม) สามารถครอบครองสมุนไพรควบคุมดังกล่าวได้ใน จำนวนตามที่ระบุไว้ในประกาศตาม พ.ร.บ. คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ.2542 หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บ. หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังนั้นการนำสมุนไพรกวาวเครือทุก จำพวกมาใช้จึงต้องคำนึงถึงกฎหมายด้วย และควรได้รับการแนะนำจากแพทย์แผนไทย แม้ว่าปริมาณที่ อุปโภคจะปลอดภัยมากกว่ายาไวอาก้าก็ตาม
ตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยาของประเทศไทย (อย.) ระบุขนาดการรับประทานสมุนไพรกวาวเครือแดงไม่ควรเกินวันละ 2 มก.ต่อ กิโลกรัมต่อวัน
สำหรับผู้ที่เป็นโรคตับหรือโรคหัวใจไม่ควร กิน หรือควร ขอคำแนะนำแพทย์ก่อนการใช้สมุนไพร ประเภทนี้
ผลข้างเคียงกวาวเครือแดง ตามตำราสมุนไพรไทยระบุไว้ว่า กวาวเครือ อย่างหัวแดงนี้มีพิษมาก ปกติแล้วจะไม่ นิยมนำมาทำเป็นยาสมุนไพร เพราะการ รับประทานใน จำนวนมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายได้ เช่น อาจมีอาการมึนเมา มีอาการคลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
สมุนไพรกวาวเครือแดงมีพิษเมามากกว่าสมุนไพรกวาวเครือขาว
การ รับประทานกวาวเครือแดงในปริมาณที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดพิษต่อตับ หรือทำให้เกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ได้
การ บริโภคกวาวเครือแบบชง ตามตำรับยาพื้นบ้านของภาคเหนือ ระบุว่าให้ อุปโภคกวาวเครือแดงวันละ 2 ใน 3 ส่วนของเมล็ดพริกไทย หรือ ทานเท่าขนาดของเมล็ดมะกล่ำใหญ่
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : กวาวเครือเเดง
558  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เบี้ยเป็นหอยกาบเดี่ยวหลายชนิด เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2017, 09:12:36 am

เบี้ย
เบี้ยเป็นหอยกาบเดี่ยวหลายชนิด ในสกุล  cypraea
 ในวงศ์  Cypraeidea
 มีชื่อสามัญว่า cowrie หรือ cowry
หอยเบี้ย ก็เรียกเบี้ยเป็นหอยเปลือกแข็งผิวเป็นมัน หลังนูน ท้องแบน ช่องปากยาว แคบและปลายสุดไปทั้งสองข้าง เป็นลำราง ริมปากทั้ง ๒ ด้าน หยักหรือมีฟัน ไม่มีฝาปิดหอยในวงศ์นี้มีราว ๒oo ชนิด พบในประเทศไทยราว  ๒o ชนิด หลายลักษณะใช้เป็นเงินตราในสมัยโบราณ เช่น
 เบี้ยผู้ (walled  cowrie)
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  obvelata  Lamarck
 เบี้ยจั่น หรือเบี้ยจักจั่น หรือเบี้ยจีน ( money  cowrie)
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea   moneta  Linnaeus
 เบี้ยแก้  (serpent’s-head  cowrie )
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cyputserpentis  Linnaeus
 เบี้ยนาง  หรือ เบี้ยแก้ว  ( gold-ringer  cowrie )
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  annulus  Linnaeus
 มีอัตรา  ๑oo  เบี้ย  เป็น  ๑  อัฐ  (เท่ากับ ๑ สตางค์ครึ่ง)   จึงเรียกคำ “เบี้ย “ ในความหมายว่า เงิน จนมาถึงทุกวันนี้
 
559  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เบี้ยที่แพทย์แผนไทยใช้เป็นเครื่องยา เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2017, 01:08:25 pm

ประโยชน์ทางยาของเบี้ย
 
เบี้ยที่แพทย์แผนไทยใช้เป็นเครื่องยา  ได้แก่

  • เบี้ยผู้ เป็นหอยที่มีเปลือกหนาและแน่นรูปรีหรือรูปคล้ายชมพู ท้องยื่นเป็นผิวมัน ส่วนช่องปากยาวแคบ และไปสุดตอยปลายทั้ง ๒ ข้าง เป็นลำรางสั้นริมปากทั้ง ๒  ด้านเป็นหยักหรือมีฟัน ไม่มีฝาปิด หอยพวกนี้เป็นหอยเคลื่อนไหวช้าพบมากในทะเลเป็นเขตอบอุ่น รับประทานตัวอ่อนของกะรังเป็นอาหาร พบได้ในท้องทะเลของประเทศไทย
เบี้ยที่ผู้ใช้ทางยานี้เป็นเปลือกหอยแตกต่างเล็ก รูปไข่หรือรูปไข่กลับ หัวท้ายมนป่องกลาง ส่วนกว้างที่สุดราว ๑ เซนติเมตร ยาวได้ราว ๒ เซนติเมตร ด้านหลังมีขอบยกสูงกว่าตรงกลาง จัดเป็นเบี้ยหายากราคาค่อนข้างแพง
แพทย์แผนไทยเอาเบี้ยผู้มาเผาให้โชน ผสมกับพิมเสนออย่างดี ใช้โรยแผล กัดฝ้าละออง หรือใช้รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ในคัมภีร์ปฐมจินดาร์ให้ยา ๒ ขนานที่เข้า “เบี้ยผู้เผา” ขนานหนึ่งคือ “ยากวาดเจียระไนเพ็ชร์” (ดูเรื่อง  “ไส้เดือนดิน”  หน้า  ๑๒-๑๔) ส่วนอีกขนานหนึ่งคือ “ ยาแก้ชักเส้นกระเหม่นตัว “  ดังนี้
ยาแก้ชักเส้นกระเหม่นตัวขนานนี้ ท่านให้เอา
 รากมะกล่ำเครือ  ๑
 รากหญ้านาง  ๑
 รากกรุงเขมา  ๑
 ข่าแก่  ๑
 รากผู้เผา  ๑
 รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำกินหาย
พระคัมภีร์มหาโชตรัต ให้ยา ๒ ขนานนี้เข้า “ เบี้ยผู้เผา “ เช่นเดียวกัน ขนานหนึ่งเป็นยาขับโลหิตสำหรับสตรี  ดังนี้ ถ้าสตรี คลอดบุตรโลหิตนั้นกลับแห้งไป ท่านให้แต่งยานี้ ให้เอา
 แก่นแสมทั้ง  ๒
 หญ้าพันงูแดง  ๑
 หญ้าพันงูขาว  ๑
 ผักโหมหิน  ๑
 รากสแก  ๑
 หัวบุก  ๑
 เบี้ยผู้เผา  ๑๒  เบี้ยแช่สุรารับประทานให้มดลูกแห้งแล
 

Tags : เบี้ย
560  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / หอยเท็ดขนุนคืออะไร เมื่อ: กรกฎาคม 23, 2017, 10:50:12 am


หอยเม็ดขนุน  (หอยกระดุม)
เครื่องยาที่เรียก “เบี้ยผู้” ที่พบตามร้านยาขายสมุนไพรทั่วไปนั้นไม่ใช่เบี้ยผู้ แต่มักเป็นเปลือกหอยที่มี
 ชื่อสามัญว่า common olive
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Olive  olive (Linnaeus)
 จัดอยู่ในวงศ์  Olividae
 ไทยเรียก  หอยเม็ดขนุน หรือ หอยกระดุม เป็นหอยกาบเดี่ยวขนาดล็ก เปลือกหอยยาว ๓-๔  เซนติเมตร พบได้ทั่วไปในน่านน้ำของประเทศไทย

  • เบี้ยจั่น  เบี้ยประเภทนี้มีรูปร่างค่อนข้างแบน แต่ด้านหลังโป่งเล็กน้อย เปลือกหอยลางอันมีวงกลมสีเข้มที่ตอนหลัง ขนาดยาวราว ๒ ซม.พระคัมภีร์ไกษยให้ยาแก้กษัยขนานหนึ่งเข้า“เบี้ยจั่น” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้
     ลมไกษยดานนั้นมันแข็งอยู่ในท้องประดุจดังว่าแผ่นกระดาษตีบพื้นท้องอยู่มันให้เจ็บปวดนักถ้าจะแก้เอา
     ขมิ้นอ้อย  ๑
     เบี้ยจั่น  ๑
     เปลือกไข่เป็ด  ๑
     เข้าเหนียว  ๑
     เผาไฟละลายน้ำปูนใสรับประทาน  หายแล
  • เบี้ยแก้  เป็นชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยว  ๒  ประเภท  คือ เบี้ยแก้ใหญ่
     มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  mauritiana  Linnaeus
     มีชื่อสามัญว่า  humpback  cowrie
     เปลือกเรียก เบี้ยแก้ใหญ่ หรือ อีแก้ก็มี เป็นเบี้ยที่มีขนาดโตได้ถึง ๘ เซนติเมตร เปลือกเป็นลายจุดสีคล้ำใช้ขัดผ้าให้เนื้อเรียบเป็นมัน

อีกชนิดหนึ่ง คือ เบี้ยแก้
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  caputserprntis  Linnaeus
 มีชื่อสามัญว่า  humpback  cowrie
 มีชื่อสามัญว่า  serpent’s-head  cowrie
 เปลือกเรียก เบี้ยแก้ ชนิดนี้เป็นที่ใช้ทำยา
 
พระคัมภีร์ไกษย ให้ยาตัดจุกกษัยขนานหนึ่งเข้า “เบี้ย” หลายชนิดในคุณภาพนั้นมี “เบี้ยแก้” อยู่ด้วย  ดังนี้
 ยาตัดรากไกษยจุกเอา
 เบี้ยจั่นเผา  ๗  เบี้ย
 เบี้ยแก้เผา  ๙  เบี้ย
 เบี้ยโป่งเผา  ๑๑ เบี้ย
 เบี้ยลายเผา  ๑๓  เบี้ย
 เบี้ยพองลม  ๑๕  เบี้ย
 ขิงแห้งหนัก  ๒ สลึง
 ดีปลีหนัก  ๑  บาท
 พริกไทหนัก  ๑  บาท  ๒  สลึง
 ทำเป็นผง บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำมะนาวกินตัดรากไกษยจุก ทั้งปวงนั้นหายวิเศษนัก ได้ใช้มาแล้ว
 
561  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สังข์คืออะไร เขาใช้ทำอะไรบ้าง เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2017, 04:34:24 pm

สังข์
 
สังข์ หรือ ศังข์ เป็นชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยวหลายลักษณะในหลายวงศ์ หอยสังข์ ก็เรียก เช่น สังข์สกุล  Stombus  วงศ์  Stombidae
ที่พบได้ในท้องทะเลไทยมีหลายชนิด เช่น
 สังข์ชนิด Stombus   labiabus  (Roding)
 มีชื่อสามัญว่า plicate  conch
 สังข์ชนิด  Stombus  microurceus  (Kira)
 ที่มีชื่อสามัญว่า  micro  conch
 สังข์ชนิด  Stombus  urceus  Linnaeus
 ที่มีชื่อสามัญว่า  little  bear  conch
 สังข์ชนิด  Stombus  canarium  Linnaeus
 ที่มีชื่อสามัญว่า  dog  conch
 ทั้งหมดมีขนาดยาว ๔-๖ เซนติเมตร สังข์ในสกุลนี้คุณสมบัติหนึ่ง เปลือกสีขาว ช่องเปิดเรียวยาวได้รูปทรงใช้สำหรับหลั่งน้ำพระพุทธมนต์หรือน้ำเทพมนต์
สังข์อีกชนิดหนึ่งคือสังข์แตร หรือ สังข์เป่า
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  charonia  tritonis  (Linnaeus)จัดอยู่ในวงศ์  Cymatiidae
 มีชื่อสามัญว่า  trumpet  triton
 ใช้สำหรับเป่า
คำ สังข์ เป็นภาษาบาลี   ส่วนศังข์เป็นภาษาสันสกฤต (ภาษาอังกฤษเขียน  sankha)  ลางตำราเขียนเป็น หอยศังข์ ก็มี มีชื่อสามัญว่า conch หรือ conch-shell ชนิดเปลือกคล้ายเครื่องเคลือบดินเผา ป่องกลาง หัวท้าแหลม ส่วนบนเป็นเกลียว ส่วนปลายเรียวยาว สังข์ที่พบทั่วไปเป็นสังข์ที่เกลียวหมุนเป็นอุตราวรรต (ทวนเข็มนาฬิกา)  เรียก สังข์อุตราวรรต ถ้าเกลียวหมุนเป็นทักษิณาวรรต (ตามเข็มนาฬิกา) เรียก สังข์ทักษิณาวรรต สังข์ประเภทหลังนี้ถือว่าเป็นสังข์ลักษณะมงคล มีราคาสูง ชอบใช้ในพิธีมงคลต่างๆ
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สรรพคุณสังข์
562  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ประโยชน์ทางยาของสังข์ เมื่อ: กรกฎาคม 22, 2017, 10:59:20 am

 
ประโยชน์ทางยาของสังข์
สังข์ที่ใช้ทางยา จึงใช้สังข์อุตราวรรต โดยเอามาเผาไฟ ได้เถ้า เรียกเถ้าเปลือกหอยสังข์ (conch  shell  ash) ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นเกลือแมกนีเซียมซิลิเกต (silicate  of  magnesia) ทำให้เป็นผง โรยแผลเนื้อร้ายหรือใช้ภายในเป็นยาแก้ไข้ รากสาด หนองใน ปวดมวนในท้อง ปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย และโรคดีซ่าน ในพระคัมภีร์มหาโชตรัตให้ยามา ๓ ขนาน ชื่อยาสังข์แพทย์ (น้อย) สังข์แพทย์ (ใหญ่) เข้า“สังข์” เป็นเครื่องยาด้วยและยาสังข์วิไชย เข้า “สังข์เป่า” และ “สังข์หนาม” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้
สิทธิการิยะ  ตำราอันชื่อว่าสังข์แพทย์ (น้อย) ท่านให้เอา
 สังข์ ๖ บาท
 ดินประสิวขาว  ๑  บาท
 ผลจันทร์  ๑  สลึง
 เทียนดำ  ๒  สลึง
 เทียนขาว  ๒  สลึง
 เกลือ  ๑  สลึง
 ขมิ้นอ้อย ๑ บาท
 หัวกะชาย ๒ สลึง
 ไพล ๒ สลึง
 หัวหอม ๒ สลึง
 หัวกระเทียม ๒ สลึง
 บดเป็นแท่งไว้ ละลายน้ำส้มซ่า แก้โลหิตหน้าโลหิตร้ายมิให้ตีขึ้นไปเลย ถ้าผู้ใดบริโภคยานี้เหมือนอยู่ไฟได้เดือนครึ่งอย่าสนเทห์เลยได้ทำมามากแล้ว
ยาชื่สังข์[/url]แพทย์ (ใหญ่)  รุสรรพโลหินเหน้าร้ายทั้งปวงให้เอา
 เทียนทั้ง ๕
 โกศทั้ง ๕
 ผลสมอไท ๑
 ผลสมอภิเภก ๑
 ผลผักชีล้อม ๑
 ผลผักชีลา ๑
 เกลือสินเธาว์ ๑
 น้ำประสานทอง ๑
 หัวอุตพิศ ๑
 เบี้ยผู้ ๑
 สังข์ ๑
 มหาหิงคุ์ ๑
 ขิงแห้ง ๑
 พริกล่อน ๑
 การบูร ๑
 ยาทั้งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นผงไว้ก่อน ถ้าจะทำเป็นยารุใหญ่ เอาผลสลอดเท่ายาทั้งหลาย ถ้าจะทำเป็นยาผาย เอาผลสลอด ๒ ส่วน บดรับประทานหนัก ๒ไพ ถ้าสตรีทานหนัก ๑ ไพ แก้โลหิตร้ายทั้งปวง แก้ริศดวง แก้คุณผี แก้คุณคนก็ได้ ท่านตีค่าไว้ชั่งทองหนึ่งแล
ยาชื่อสังข์วิไชย ท่านได้เอา
 รากพันงูแดง ๔ บาท
 หัวแห้วหมู ๔ บาท
 บอรเพ็ด ๔ บาท
 ไพลแห้ง ๑ บาท
 ขมิ้นอ้อยแห้ง ๑ บาท
 รากมะตูม ๑ บาท
 รากจิงจ้อ ๑ บาท
 รากปีบ ๑ บาท
 ผิวมะกรูด ๑ บาท
 เอื้องเพ็ดม้า ๒ บาท
 เปลือกกุ่มสิ่งละ ๒ บาท
 ไฟเดือนห้า ๒ บาท
 สมุลแว้ง ๒ บาท
 กรุงเขมา ๒ บาท
 โกศทั้ง ๙  สิ่งละ ๑ บาท
 เทียนทั้ง ๗ สิ่งละ บาท
 ชเอมทั้งสองสิ่งละบาท
 รากทนดี ๑ บาท
 รากหนาด ๑ บาท
 พริกหอม ๑ บาท
 รากพุงดอ ๑ บาท
 รากช้าพลู ๑ บาท
 รากส้มกุ้งทั้งสอลสิ่งละ ๒ บาท
 รากเจตภังคี ๑ บาท
 การบูร ๕ บาท
 เมล็ดในกระวาน  ๒  บาท
 ผลเอ็น  ๘  บาท
 รากมะรุม ๓ บาท
 รากมะแว้งเครือ ๒ บาท
 รากมะเขือขื่น ๒ บาท
 ผลจันทร์ ๑ บาท
 ดอกจันทร์ ๑ บาท
 กานพลู ๒ บาท
 รากเจตมูลเพลิง  ๕  บาท
 แก่งแสมทั้ง ๒ สิ่งละ ๑o สลึง
 สค้าน ๒ บาท
 สนเทศ ๑ บาท
 หญ้ายองไฟ  ๘  บาท
 สังข์เป่า  ๒  บาท
 สังข์หนาม  ๔  บาท
 ยาทั้งนี้ตำเป็นผง ละลายน้ำส้มซ่าให้ผู้หญิงกินเป็นไข้เพื่อโลหิตทำพิษต่างๆ เพราะต้นโลหิตขัดก็ดี โลหิตออกไม่สะดวกก็ดี ริศดวงปากเปื่อยก็ดี ริศดวงแห้งก็ดี กระไษยท้องมานก็ดี ป้างม้ามท้องโรก็ดีทานยานี้หายถ้าฤดูไม่สะดวกให้ละลายน้ำไพลบริโภคออกดีแล สังข์เป็นหอยประเภทหนึ่งในพิกัดยาที่เรียก พิกัดหอย หรือ พิกัดเนาวหอย หรือ พิกัดนวหอย (ดู “เนาวหอย” )
 

Tags : สังข์
563  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / หอยขมเป็นที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2017, 06:33:22 pm

หอยขม
หอยขม เป็นชื่อเรียกหอยน้ำจืดกาบเดี่ยวหลายจำพวกในหลายสกุลและหลายวงศ์มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ทุกอย่าง
 อยู่ในวงศ์  Viviparidae (วงศ์ย่อย  Bellamyinae)
 มีชื่อสามัญว่า  viviparid  snail
 หอยในวงศ์นี้มีเปลือกขนาดกลาง เปลือกเป็นทรงกลม รูปไข่ ผิวเปลือกอาจเรียบกรือมีตุ่มหรือมีสันยื่นออกมา ลางอย่างอาจมีสีบนเปลือกด้วย
หอยขมกินได้ ที่มีขายในตลาดสดภาคอีสานมักเป็นอย่างที่มีขนาดใหญ่ ส่วนมากเป็นชนิด Filopaludina  cambodjensis (  Mabille  &  Le  Mesle ) ชนิด filopaludina  munensis (Brandt) และชนิด Filopaludina  martensi (Frauenfeld)
นอกจากนั้นยังอาจพบชนิดอื่นๆ ที่มีขนาดเล็กกว่าปนมาบ้าง เช่น ชนิด Filopaludina  polygramma ( Martens ) ชนิด Filopaludina  speciosa (Deshayes) ชนิด  Idiopoma  umbilicata (Lea) ชนิด Mekongia  pongensis (Brant) และชนิด Trochotaia  trochoides (Martens)
หอยขมมีรูปร่าง เป็นกระเปาะเกือบเป็นทรงกลม ขนาดโตได้ราว ๒.๕ ซม. ที่มีขายทั่วไปอาจงมขึ้นมาจากแม่น้ำ หรือชาวบ้านลางถิ่นอาจใช้เถาเครือขนตาช้างหรือหญ้ารกช้าง (Passiflora  foetida  L.) ที่มีใบติดอยู่ ทอดลงไปในน้ำที่มีหอยขมอยู่พืชนี้มีกลิ่นหอยขมชอบมากจะเกาะเถาอยู่จนแน่น ครั้นได้เวลาอันควรจึงยกเถาขึ้นมาเก็บหอยขมโดยไม่ต้องลงไปในน้ำเวลาทำอาหาร ก็ใช้มีดตัดก้นหอยออกหลังจากแกงให้มีน้ำขลุกขลิกแล้ว ก็ดูดตัวหอยออกทางด้านฝาหอยได้ง่าย เสียงดูดตัวหอยดัง  “จุ๊บ” นี้ทำให้บางคนเรียกหอยขมว่า “หอบจุ๊บ” บางคนชอบอุปโภคหอยตอนที่มีลูกอยู่เต็มท้องเพราะมีเสียงกรุบอันเกิดจากการเคี้ยวถูกเปลือกบางๆของลูกหอย
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สรรพคุณหอยขม
564  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ข้อดีขมิ้นชันที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2017, 12:34:44 pm

 
ขมิ้นชัน
.ขมิ้นชัน เป็นเครื่องเป็นทั้งเครื่องยาและเครื่องเทศ ที่เรียก ขมิ้นชันเพราะมีกลิ่นเหมือนชัน ที่ใช้ยาเรือ ได้จากเหง้าของพืชอันมี
 ชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Curcuma longa L.
 มีชื่อพ้อง Curcuma domestica Valentin
 จัดอยู่ในวงศ์ Zingiberaceae
 มีชื่อเรียกตามถิ่นต่างๆ หลายชื่อ เช่น ขมิ้น (ทั่วไป) ขมิ้นแกง ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขี้หมิ้น (ภาคใต้) ฝรั่งเรียก turmeric
พืชจำพวกนี้เพาะ  การทั่วไปเป็นพืชสวนครัว เงาสดมีขายตามตลาดสดทั่วไป เหง้าแห้งหาซื้อได้ตามร้านขายยาสมุนไพรทั่วไป พืชชนิปลูก  เป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ใบมักแห้งและลงหัวในฤดูแล้ง แต่จะแตกใบออกใหม่ในฤดูฝน สูงราว ๖๐ – ๙๐ เซนติเมตร มีเหง้ารูปไข่ มีแง่งแขนง รูปทรงกระบอก แตกออกทั้งสองข้างตรงข้ามกัน เนื้อในเหง้ามีสีเหลืองเข้มถึงสีแสดเข้ม มีกลิ่นเหมือนชันไม้ ใบเป็นใบเดี่ยว ก้านใบยาว แทงออกจากเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนหุ้มกัน ขนาดกว้าง ๑๒ – ๑๕ ซม. ยาว ๓๐ – ๔๐ ซม. แผ่นใบเหนียว ดอกออกเป็นช่อ ก้านช่อแทงออกจากเหง้าแทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก ยาว ๗ – ๑๕ ซม.กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ ๓ – ๔ ดอก ผลรูปกลมมี ๓ พู เหง้าของพืชคุณสมบัติดนี้จะถูกขุดขึ้นมาเมื่อสี ของใบเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลืองในหน้าแล้ง ล้างดินออกให้หมด คัดส่วนเหงาที่เป็นแกนกลางและคะแนนออกจากกัน ส่วนแยกแขนงที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า และมีราคาในท้องตลาดสูงกว่า ในทางการค้านั้น ขมิ้นชันแห้งที่ขายในตลาด มักนำมาต้มกับน้ำ โดยเติมมูลโคลงไปเล็กน้อย ต้มนาน ๓๐ นาที ถึง ๖ ชั่วโมง จนเหง้านิ่มและมีสีเข้มขึ้น นำมาผึ่งให้แห้งในร่ม เมื่อแห้งแล้ว จึงขัดเอาเปลือกนอกออก ราคาของขมิ้นชันจะสูงหรือต่ำแล้วแต่รูปร่างและความมันของเหง้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความร้อนที่ใช้ในการต้มและวิธีขัดเอาผิวออก ขมิ้นชันที่เตรียมโดยการโดยถูกวิธีจะเปราะและมีสีเหลืองมัน
ขมิ้นชันมีน้ำมันระเหยง่าย อยู่ร้อยละ ๒ – ๖ เป็นน้ำมันที่มีสีเหลืองปนส้ม มีกลิ่นเฉพาะ มีสารอยู่หลาย
ลักษณะ เช่น เทอร์เมอโรน (ราวร้อยละ ๖๐) ซิงจิเบอร์โรน , บอร์นีออล และมีสารสีเหลืองส้ม ชื่อเคอร์คูมิน อยู่ในราวร้อยละ ๑.๘ – ๕.๔ ขมิ้นชันใช้แต่งสีอาหารหลายลักษณะเพื่อให้มีสีเหลือง เช่น ข้าวหมกไก่ แกงเหลือง เนย เนยแข็ง ผักดอง มัสตาร์ด ได้ใช้เป็นส่วนผสมในผงกะหรี่ ใช้เป็นสีย้อมผ้าแพร ผ้าฝ้าย ผ้าไหม และไหมพรม สีเหลืองของขมิ้นชันเมื่อถูกด่างจะให้สีน้ำตาลเข้ม เช่น ใส่ในปูนขาวจะได้สีปูนแดงตามที่ต้องการ คนไทยใช้ขมิ้นชันทั้งสดและแห้งมาแต่โบราณ
 แพทย์โบราณว่ามีรสฝาด กลิ่นหอม ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ ฟอกโลหิต แก้โรคผิวหนัง ผื่นคัน ใช้หุงกับน้ำมันมะพร้าวเป็นยาสมานแผล ท้องอืดท้องเฟ้อ ขมิ้นชันสดๆใช้แก้ท้องร่วง ในปัจจุบันยังพบว่าขมิ้นชัน
 มีคุณสมบัติบำบัดโรคกระเพาะอาหารอักเสบได้
 
 
 

Tags : ขมิ้นชัน
565  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขมิ้นอ้อย เป็นทั้งเครื่องยาและเครื่องเทศคล้าย เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2017, 08:51:11 am


ขมิ้นอ้อย
ขมิ้นอ้อย เป็นทั้งเครื่องยาและเครื่องเทศคล้ายกับขมิ้นชัน ได้จากนอกของพืชอันมี
 ชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Curcuma zedoaria (Christm.) Roscoe
 จัดอยู่ในวงศ์ Zingiberaceae
 ฝรั่งเรียก Zedoary
พืชลักษณะนี้เพาะกันทั่วไป สำหรับใช้ปรุงแต่งอาหาร เน่าแห้งใช้เป็นยา หาซื้อได้ตามร้านขายสมุนไพรทั่วไป ขมิ้นอ้อยเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี ใบไม้แห้งและตั้งหัวในฤดูแล้ง แต่จะแตกใบออกใหม่ในฤดูฝน สูงราว ๑-๑.๕ เมตร มีเหง้ารูปไข่ มีแขนงรูปทรงกระบอก แตกออกทั้งสองข้างตรงข้ามกัน เนื้อในเหง้ามีสีเหลือง มีกลิ่นเฉพาะ เหง้าตั้งตรงโผล่ ขึ้นมาเหนือดินลางส่วน (จึงเรียก ขมิ้นอ้อย หรือ ขมิ้นขึ้น หรือ ขมิ้นหัวขึ้น หรือ ว่านหัวตั้ง หรือ สากกะเบือละว้า) ใบเป็นใบเดี่ยว ก้านใบยาว แทงออกจากเหง้าเรียงเป็นวงซ้อนหุ้มกัน ขนาดกว้าง ๑๕ – ๒๐ เซนติเมตร ยาว ๔๐ – ๕๐ เซนติเมตร แผ่นใบเหนียว ดอกเป็นดอกช่อ ก้านช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก ยาว ๗ – ๑๕ เซนติเมตร ดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับอยู่ส่วนล่างของช่อ มีสีเขียวปลายชมพู แต่ที่อยู่ส่วนบนเป็นรูปใบหอก สีชมพูหรือชมพูอมขาว ขมิ้นอ้อยจะถูกขึ้นมาในหน้าแล้ง เมื่อสีของใบเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง ขมิ้นอ้อยมีองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างขมิ้นชัน มีสารสีเหลืองเช่นเดียวกัน แต่สีอ่อนกว่าสีขมิ้นชัน คนไทยนิยมใช้ขมิ้นอ้อยปรุงอาหารมากกว่าขมิ้นชัน เพราะกลิ่นไม่ฉุน ชอบใช้เหง้าสดๆแต่งสีอาหาร เช่นข้าวเหนียวเหลือง ข้าวเหนียวหน้ากุ้ง ขนมเบื้องญวน โดยทั่วไปหมอยาไทยนิยมใช้ขมิ้นอ้อยเป็นอย่างมากกว่าขมิ้นชัน
 ตำราคุณสมบัติยาโบราณว่าขมิ้นอ้อยมีรสฝาด เป็นยาสมาน แก้ท้องร่วง แก้อาเจียน แก้ไข้ ใช้หุงกับน้ำมันมะพร้าว ใส่แผล เพื่อฆ่าเชื้อและสมานแผล และใช้บดผสมกับน้ำปูนใส กินแก้ท้องร่วง
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : สรรพคุณขมิ้นอ้อย
566  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เครือ่งยาเปลือกต้นคืออะไร เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2017, 09:21:15 pm

 
เครื่องยาจากเปลือกต้น
เครื่องยาที่ได้จากเปลือกต้น[/b] ทั้งเปลือกชั้นนอกและเปลือกชั้นใน ยังมีมากมีใช้มากในยาไทย ในที่นี้ขอยกตัวอย่างเปลือกรกฟ้า อบเชย แต่เครื่องยาบางคุณสมบัติอาจใช้เพียงเปลือกชั้นใน เช่น อบเชยเทศ
 

Tags : เปลือกต้น
567  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / หอมแดง หอมแดงเป็นหัวของต้นหอมแดง เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2017, 07:36:15 pm

หอมแดง
หอมแดงเป็นหัวของต้นหอมแดง
อันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Eleutherine americana (Aubl.) Merr.
 มีชื่อพ้อง Eleutherine palmaefolia (L.) Merr.
 ในวงศ์ lridaceae
 บางถิ่นเรียก ว่านไก่แดง ว่านข้าว ว่านหมาก (พายัพ)  ว่านเพลาะ (เชียงใหม่) ว่านหอมแดง (ภาคกลาง)
หอมแดงเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี มีหัวใต้ดินรูปไข่ หัวมีเนื้อสีแดงเข้ม ลำต้นอยู่เหนือดิน ตั้งมุมขึ้น ใบแทงขึ้นมาจากพื้นดิน รูปใบหอก จีบซ้อนกันคล้ายพัด กว้าง ๑ – ๒.๕ ซม. ยาว ๒๕ – ๖๐ เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแคบ ขอบใบเรียบ ใบที่ออกตามลำต้นมีขนาดเล็ก ดอกออกเป็นช่อ ก้านช่อยาว ๒.๕ – ๔ซม. ตั้งตรงและหรือโค้ง กาบหุ้มดอกมี ๒ – ๑๐ กาบ ซ้อนกัรอยู่ที่ซอกใบใกล้ยอด ยาว ๑๒ – ๑๖มม.สีเขียว ดอกมี ๕ – ๑๐ ดอก ก้านดอกยาว ๑ – ๑.๕ เซนติเมตร อยู่ในกาบหุ้มดอก ดอกมีกลีบ ๖ กลีบ เรียงเป็น ๒ วง รูปขอบขนาน รูปไข่กลับ หรือรูปช้อน กว้าง ๑.๕ – ๓๕ เซนติเมตร  กลับที่อยู่วงในมีขนาดเล็กกว่ากลีบที่อยู่วงนอก เกสรเพศผู้มี ๓ อัน มีสีเหลืองสด ติดอยู่ที่โคนกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ไม่ติดกัน รูปขอบขนาน หัวตัดมี ๓ ช่อง เมล็ดรูปรี อัดกันแน่นหอมแดงนี้ชาวนาภาคอีสานขยายพันธุ์ไว้ที่มุมคันนา เพื่อบูชาเจ้าแม่โพสพ ลางถิ่นจึงเรียก ว่านข้าว คงเป็นเพราะชาวบ้านเชื่อว่าวันนี้จะช่วยให้ข้าวนาเจริญงอกงาม
 ตำราสรรพคุณยาโบราณว่า หอมแดงมีรสร้อน มีประโยชน์ขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ และตามชนบทใช้หัวตำสุมกระหม่อมเด็กแก้หวัด
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หอมเเดง
568  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เบี้ยเป็นหอยกาบเดี่ยวหลายชนิด เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2017, 08:04:36 am

เบี้ย
เบี้ยเป็นหอยกาบเดี่ยวหลายชนิด ในสกุล  cypraea
 ในวงศ์  Cypraeidea
 มีชื่อสามัญว่า cowrie หรือ cowry
หอยเบี้ย ก็เรียกเบี้ยเป็นหอยเปลือกแข็งผิวเป็นมัน หลังนูน ท้องแบน ช่องปากยาว แคบและปลายสุดไปทั้งสองข้าง เป็นลำราง ริมปากทั้ง ๒ ด้าน หยักหรือมีฟัน ไม่มีฝาปิดหอยในวงศ์นี้มีราว ๒oo ชนิด พบในประเทศไทยราว  ๒o ชนิด หลายลักษณะใช้เป็นเงินตราในสมัยโบราณ เช่น
 เบี้ยผู้ (walled  cowrie)
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  obvelata  Lamarck
 เบี้ยจั่น หรือเบี้ยจักจั่น หรือเบี้ยจีน ( money  cowrie)
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea   moneta  Linnaeus
 เบี้ยแก้  (serpent’s-head  cowrie )
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cyputserpentis  Linnaeus
 เบี้ยนาง  หรือ เบี้ยแก้ว  ( gold-ringer  cowrie )
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  annulus  Linnaeus
 มีอัตรา  ๑oo  เบี้ย  เป็น  ๑  อัฐ  (เท่ากับ ๑ สตางค์ครึ่ง)   จึงเรียกคำ “เบี้ย “ ในความหมายว่า เงิน จนมาถึงทุกวันนี้
 
569  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เบี้ยที่แพทย์แผนไทยใช้เป็นเครื่องยา เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2017, 04:49:33 pm

ประโยชน์ทางยาของเบี้ย
 
เบี้ยที่แพทย์แผนไทยใช้เป็นเครื่องยา  ได้แก่

  • เบี้ยผู้ เป็นหอยที่มีเปลือกหนาและแน่นรูปรีหรือรูปคล้ายชมพู ท้องยื่นเป็นผิวมัน ส่วนช่องปากยาวแคบ และไปสุดตอยปลายทั้ง ๒ ข้าง เป็นลำรางสั้นริมปากทั้ง ๒  ด้านเป็นหยักหรือมีฟัน ไม่มีฝาปิด หอยพวกนี้เป็นหอยเคลื่อนไหวช้าพบมากในทะเลเป็นเขตอบอุ่น กินตัวอ่อนของกะรังเป็นอาหาร พบได้ในท้องทะเลของประเทศไทย
เบี้ยที่ผู้ใช้ทางยานี้เป็นเปลือกหอยแตกต่างเล็ก รูปไข่หรือรูปไข่กลับ หัวท้ายมนป่องกลาง ส่วนกว้างที่สุดราว ๑ ซม. ยาวได้ราว ๒ เซนติเมตร ด้านหลังมีขอบยกสูงกว่าตรงกลาง จัดเป็นเบี้ยหายากราคาค่อนข้างแพง
แพทย์แผนไทยเอาเบี้ยผู้มาเผาให้โชน ผสมกับพิมเสนออย่างดี ใช้โรยแผล กัดฝ้าละออง หรือใช้กินเป็นยาขับลมในลำไส้ ขับปัสสาวะ แก้ไตพิการ ในคัมภีร์ปฐมจินดาร์ให้ยา ๒ ขนานที่เข้า “เบี้ยผู้เผา” ขนานหนึ่งคือ “ยากวาดเจียระไนเพ็ชร์” (ดูเรื่อง  “ไส้เดือนดิน”  หน้า  ๑๒-๑๔) ส่วนอีกขนานหนึ่งคือ “ ยาแก้ชักเส้นกระเหม่นตัว “  ดังนี้
ยาแก้ชักเส้นกระเหม่นตัวขนานนี้ ท่านให้เอา
 รากมะกล่ำเครือ  ๑
 รากหญ้านาง  ๑
 รากกรุงเขมา  ๑
 ข่าแก่  ๑
 รากผู้เผา  ๑
 รวมยา ๕ สิ่งนี้เอาเสมอภาค ทำเป็นจุณ บดปั้นแท่งไว้ ละลายน้ำกินหาย
พระคัมภีร์มหาโชตรัต ให้ยา ๒ ขนานนี้เข้า “ เบี้ยผู้เผา “ เช่นเดียวกัน ขนานหนึ่งเป็นยาขับโลหิตสำหรับผู้หญิง  ดังนี้ ถ้าผู้หญิง คลอดบุตรโลหิตนั้นกลับแห้งไป ท่านให้แต่งยานี้ ให้เอา
 แก่นแสมทั้ง  ๒
 หญ้าพันงูแดง  ๑
 หญ้าพันงูขาว  ๑
 ผักโหมหิน  ๑
 รากสแก  ๑
 หัวบุก  ๑
 เบี้ยผู้เผา  ๑๒  เบี้ยแช่สุราทานให้มดลูกแห้งแล
 

Tags : เบี้ย
570  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / หอยเท็ดขนุนคืออะไร เมื่อ: กรกฎาคม 17, 2017, 01:40:13 pm


หอยเม็ดขนุน  (หอยกระดุม)
เครื่องยาที่เรียก “เบี้ยผู้” ที่พบตามร้านยาขายสมุนไพรทั่วไปนั้นไม่ใช่เบี้ยผู้ แต่มักเป็นเปลือกหอยที่มี
 ชื่อสามัญว่า common olive
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Olive  olive (Linnaeus)
 จัดอยู่ในวงศ์  Olividae
 ไทยเรียก  หอยเม็ดขนุน[/b] หรือ หอยกระดุม เป็นหอยกาบเดี่ยวขนาดล็ก เปลือกหอยยาว ๓-๔  เซนติเมตร พบได้ทั่วไปในน่านน้ำของประเทศไทย

  • เบี้ยจั่น  เบี้ยชนิดนี้มีรูปร่างค่อนข้างแบน แต่ด้านหลังโป่งเล็กน้อย เปลือกหอยลางอันมีวงกลมสีเข้มที่ตอนหลัง ขนาดยาวราว ๒ เซนติเมตรพระคัมภีร์ไกษยให้ยาแก้กษัยขนานหนึ่งเข้า“เบี้ยจั่น” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังนี้
     ลมไกษยดานนั้นมันแข็งอยู่ในท้องประดุจดังว่าแผ่นกระดาษตีบพื้นท้องอยู่มันให้เจ็บปวดนักถ้าจะแก้เอา
     ขมิ้นอ้อย  ๑
     เบี้ยจั่น  ๑
     เปลือกไข่เป็ด  ๑
     เข้าเหนียว  ๑
     เผาไฟละลายน้ำปูนใสทาน  หายแล
  • เบี้ยแก้  เป็นชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยว  ๒  ชนิด  คือ เบี้ยแก้ใหญ่
     มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  mauritiana  Linnaeus
     มีชื่อสามัญว่า  humpback  cowrie
     เปลือกเรียก เบี้ยแก้ใหญ่ หรือ อีแก้ก็มี เป็นเบี้ยที่มีขนาดโตได้ถึง ๘ เซนติเมตร เปลือกเป็นลายจุดสีคล้ำใช้ขัดผ้าให้เนื้อเรียบเป็นมัน

อีกชนิดหนึ่ง คือ เบี้ยแก้
 มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Cypraea  caputserprntis  Linnaeus
 มีชื่อสามัญว่า  humpback  cowrie
 มีชื่อสามัญว่า  serpent’s-head  cowrie
 เปลือกเรียก เบี้ยแก้ คุณสมบัตินี้เป็นที่ใช้ทำยา
 
พระคัมภีร์ไกษย ให้ยาตัดจุกกษัยขนานหนึ่งเข้า “เบี้ย” หลายคุณสมบัติในปริมาณนั้นมี “เบี้ยแก้” อยู่ด้วย  ดังนี้
 ยาตัดรากไกษยจุกเอา
 เบี้ยจั่นเผา  ๗  เบี้ย
 เบี้ยแก้เผา  ๙  เบี้ย
 เบี้ยโป่งเผา  ๑๑ เบี้ย
 เบี้ยลายเผา  ๑๓  เบี้ย
 เบี้ยพองลม  ๑๕  เบี้ย
 ขิงแห้งหนัก  ๒ สลึง
 ดีปลีหนัก  ๑  บาท
 พริกไทหนัก  ๑  บาท  ๒  สลึง
 ทำเป็นผง บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำมะนาวกินตัดรากไกษยจุก ทั้งปวงนั้นหายวิเศษนัก ได้ใช้มาแล้ว
 
หน้า: 1 ... 36 37 [38] 39 40 ... 44
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย