กระทู้ล่าสุดของ: parple1199

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1] 2 3 ... 5
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายว่าน108 ไทยแท้{ของแท้|ของจริง}{แน่นอน|แน่ๆ}สำหรับ สร้างพระผง{เครื่องราง|ของขล เมื่อ: ธันวาคม 13, 2018, 09:06:42 am
ขายผงว่าน108
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: เห็ดหลินจือ ดอกพุทธรักษา ดอกไม้ประจำวัน เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2018, 04:01:20 pm
เห็ดหลินจือ
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายถั่งเช่า รูปแบบของมะฝ่อต้นมะฝ่อ เมื่อ: ตุลาคม 22, 2018, 03:17:16 pm
ขายถั่งเช่า ขายส่งถั่งเช่า สมุนไพรถั่งเช่า
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เรื่องราวของว่าน108 แล้วก็คุณประโยชน์ด้านรักษาโรค เมื่อ: กันยายน 25, 2018, 11:37:04 am
เรื่องราวของว่าน108 และก็สรรพคุณด้านรักษาโรค


เรื่องราวความเป็นมาขอขายมวลสาร ว่าน108มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ประการใดให้แน่นอนยากมากมาย เพราะขาดผู้ชำนาญที่เคยใช้เคยทดลองหรือเคยเจอเคยได้เห็น ส่วนใหญ่มักบอกว่าเคยพบจากแบบเรียนหรือท่านว่าแต่อย่างเดียวถึงแม้ว่าบรรดาว่านต่างๆได้ถูกท่านโบราณจารผู้ทรงวิทยาคุณทางคาถาขลังได้สะสมบรรดาหัวว่านสำคัญต่างๆไว้อย่างต่ำ 108 อย่าง ทำเป็นผงผสมกับเกสรไม้หอม ดังเช่นว่า พิกุล บุนนาค มะลิ บัวทั้งยัง 5 ประกอบด้วยผงวิเศษต่างๆอีกเยอะมากหลายอย่าง โดยนำเอามาบดให้ถี่ถ้วนผสมรวมกันผสมน้ำมันตังอิ้วปั้นเป็นแท่ง ทำแม่พิมพ์ประทับเป็นองค์พระเครื่องรูปต่างๆเมื่อแห้งสนิทและหลังจากนั้นก็ค่อยนำเข้าพิธีการ พุทธาภิเษก พร้อมด้วยพระอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณมากรูปทำพิธีปลุกเสกมนต์ดูแลให้พระพิมพ์เหล่านั้นมีอิทธิฤทธิ์ต่างๆในทางยืนยงชาตรีบ้าง เป็นเมตตามหานิยมบ้าง เรียกกันว่าพระเครื่องเป็นต้น รวมทั้งที่พระเครื่องลางทรงความศักดิ์สิทธิ์ต่างๆก็ด้วยอิทธิฤทธิ์ของว่านบันดาลช่วยเหลือเกื้อกูลและคาถาอาคมที่ประกอบเป็น 2 แรงด้วยกัน โบราณว่า “อิทธิฤทธิ์ขอ
ตัว PowerShell มีความพิเศษมากกว่า Shell อื่นทั่วไป โดยเป็นสิ่งแวดล้อมที่รองรับการเขียนสคริปต์ซ้อนกันได้อย่างเต็มที่ ทำให้ใช้เขียนสคริปต์ที่มีคุณภาพสูงได้ไม่ยากซึ่งเราสามารถใช้สคริปต์พวกนี้สำหรับจัดแจงระบบต่างๆบนวินโดวส์ได้อย่างสะดวกรวมทั้งยืดหยุ่น ทำให้เหล่าแอดมินระบบทั้งหลายนิยมทำงานผ่าน PowerShell เพื่อเขียนสคริปต์ที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ Command Prompt นั้นเป็นแค่สิ่งแวดล้อมการทำงานที่เปิดให้รันคำสั่ง DoS เก่าพื้นฐานเท่านั้น จึงค่อนข้างจะมีความเข้าใจจำกัด และไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ระดับแอดไม่นโดยมากบนระบบได้ เรียกว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขียนสคริปต์ที่ซับซ้อนบน Command Prompt

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม Command Prompt ก็มีสาระสำหรับเพื่อการใช้งานของมัน อาทิเช่น การรันคำบัญชากล้วยๆในชีวิตประจำวันของแอดไม่นอย่าง ping, ipconfig ซึ่งถ้าหากพวกเราไม่ได้คุ้นเคยกับการทำงานผ่านคอมมานด์ไลน์อย่าง Command Prompt การจะหันไปใช้งานคอมมานด์ไลน์ระดับที่ค่อนข้างสูงอย่าง PowerShell ก็ยิ่งไม่มีความสำคัญ แม้กระนั้นถ้าเกิดชำนาญหรือชำนิชำนาญกับการใช้ Command Prompt แล้ว ก็อาจหันมาลองฝึกหัดใช้ PowerShell บ้างก็ได้ ด้วยเหตุว่าหลายคำสั่งบน Command Prompt ก็สามารถรันบน PowerShell ได้เหมือนกัน

PowerShell นั้นมีความรู้และมีความเข้าใจสูงมาก โดยสามารถทำงานบางสิ่งบางอย่างที่ถ้าไม่ใช้เชลล์ตัวนี้และจากนั้นก็อาจจำเป็นต้องหันไปพึ่งซอฟต์แวร์เธิร์ดปาร์ตี้ด้านนอกแทน PowerShell นี้เป็นฟีพบร์ที่ทำให้ชีวิตของเหล่าแอดมินง่ายอย่างยิ่งมากยิ่งกว่าเดิม ด้วยการเขียนสคริปต์เพื่อรันคำบัญชาที่สลับซับซ้อนแบบอัตโนมัติเพื่อแบ่งเบาภาระ
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ผงว่าน108

Tags : ขายมวลสาร
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ต้นแก้ว พืชที่มีความเป็นสิริมงคล ที่นิยมปลูกสำหรับตกแต่งหรือเพื่อความเป็นมงคลแก่ เมื่อ: กันยายน 20, 2018, 11:04:18 pm

 ดอกต้นแก้วดอกแก้วต้นแก้วต้
ดอกแก้วเป็นไม้มงคลอีกประเภทหนึ่ง
ที่ผู้คนถูกใจหามาปลูกเพื่อประดับรอบๆบ้านรวมทั้งสวน คนประเทศไทยโบราณนิยมปลูกไว้เพื่อเป็นแนวรั้ว
บ้าน เมื่อต้นโตขึ้นพอประมาณจะเริ่มส่งกลิ่นหอมเย็อว่าจะช่วยดูแลรักษาทุกคนในบ้านให้รอดพ้นจากเรื่องเลวร้ายและอันตรายต่างๆการเลือกปลูก ไม้มงคลปลูกเอาไว้ภายในนหากยิ่งโตเต็มไวแล้วจะส่งกลิ่นเปียกชื้นดวงใจเป็นอยากมาก มีความชื่อว่าผู้ใดที่มาเที่ยหาบ้านคนที่ปลูกต้นแก้ว(ต้นดอกแก้ว)”ทำให้มีคนรักดังแก้วตาดวงใจ”ต้นแก้วขอสำหรับไม้นามมงคลที่มีขนาดเล็กก็มักจะปลูกเป็นไม้กระถางไว้หน้าบ้านด้วยเหตุว่าเงต้นจะตากลายเป็นร่องยาว ราวกับไม่ยืนต้นทั่วไป
ชื่อพื้นบ้าน: แก้ว, แก้วขาว (ภาคกลาง), แก้วขี้ไก่ (ยะลา), แก้วพริก, ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ)

มีชื่อภาษาอังกฤษว่า: Orange Jessamine, Satin-wood, Cosmetic Bark Tree)[url=https://wadtudep.net" target="_blank]ดอกแก้ว[/url]
ต้นแก้ว(ต้นดอกแก้ว) มีถิ่นเกิดมากมายจาก: จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย และก็ภูมิภาคอินโดจีน
ต้นแก้วเป็นไม้ต้นพืชที่มีความมงคลที่มีลักษณะเป็นพุ่มไม้มีขนาดไม่ใหญ่มากนักต้นสูงเต็มกำลังราว5-10เมตร ลำต้นมีสีขาวเทาๆเปลือก ใบต้นแก้วนั้นมีลักษณะใบเป็นช่อเป็นแผงออกใบเรียงสลับกันราวกับแบบของขนนกปลายคี่ ช่อหนึ่งมีใบย่อยราวๆ 4-9ใบ ส่วนดอกของต้นจะมีสีขาวแซมด้วยเกสรสีเขียวแล้วก็เหลืองให้ความสวยสดงดงามในแบบสบายตา ถ้าเกิดอยู่ใกล้ๆจะมีได้กลิ่นหอมแม้กระนั้นเมื่อนำมาสูดจะมีกลิ่นหอมหวนเย็นชื่นใจ
ใบต้นแก้
6  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 28, 2018, 09:17:51 am
[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาแพทย์ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาปล้องคำ (ลำปาง), เสลดพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาปล้องทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (ภาษาจีนกลาง) ฯลฯ
รูปแบบของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มไม้แกมเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว เพาะพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก เติบโตเจริญในดินทุกประเภท ถูกใจดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตการกระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบได้มากขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆรูปแบบของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและก็โคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 ซม. แล้วก็ยาวโดยประมาณ 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราว 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากหมายถึงปากข้างล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียเกลี้ยงไม่มีขน ออกดอกในตอนราวตุลาคมถึงม.ค. (แต่ว่าชอบไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลสำเร็จแห้งและก็แตกได้ (แต่ผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ข้างในผลมีเม็ดโดยประมาณ 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวก คือ เสมหะพังพอนเพศผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนตัวผู้ลำต้นจะมีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงหลายๆตำราก็เลยนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาข้อทองคำ” โดยเสลดพังพอนตัวผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วก็แบบเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากรวมทั้งเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและเปลือกต้น)
ทั้งยังต้นและใบใช้กินเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งต้นและก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยราว 30 นาที อาการไข้แล้วก็ลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มกินทีละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดประมาณ 10 ใบ กลืนเอาแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราว 10-15 ใบ ตำให้ถี่ถ้วนผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป รวมทั้งลักษณะการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับประจำเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาแตกต่างจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (อีกทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ เอามาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอแฉะ ใช้พอกโดยประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดีขึ้น (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดนำมาตำอย่างระมัดระวังผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดี4 ส่วนอีกตำราเรียนบอกว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเนื่องจากว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด แล้วก็แผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกกรดได้อีกด้วย เพียงแต่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบราว 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอเพียงเปียก แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนแปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการใช้ใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวแล้วก็เม็ดผดผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบเอามาตำผสมกับเกลือและก็สุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น แปลงยาทุกยามเช้ารวมทั้งเย็น (ใบ)
ทั้งยังต้นรวมทั้งใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย อย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอแหลก แช่ในเหล้าขาวประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วจากนั้นจึงค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลกล่าวว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำนิดหน่อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
[/b]
ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดโดยประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเหลือเกิน) แล้วนำมาตำผสมกับสุราหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและเอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกวิธีให้ตระเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโล เอามาปั่นให้ถี่ถ้วน เพิ่มแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งเอาไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ความจุต่ำลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนไฟให้ร้อน แล้วนำมากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า แล้วก็ยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับสุรา นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึก เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกรวมทั้งผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินและก็ทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปบางส่วน) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดลับปวดเมื่อย บวมช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดเมื่อยเนื่องจากเย็นเปียกชื้น (ทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยบั้นเอว (ราก)
ขนาดแล้วก็วิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลด้านนอก
ข้อควรระวัพญายอ[/url][/size][/b]
: ถึงแม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ในตอนนี้แนวทางลักษณะนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะเหตุว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล และอาจก่อให้ติดเชื้อโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides อย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และก็สารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่ว่าเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้ผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโล มีประสิทธิภาพต้านการอักเสบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มก.ต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัมต่อกก. ส่วนสารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล แล้วก็เอทิลอะสิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 และใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ตอนที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการดูแลรักษาคนป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir แล้วก็ยาหลอก โดยให้คนไข้ทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่มีความต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน และก็หายสนิทภายใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่ทำให้มีการเกิดการอักเสบและเคือง ขณะที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกเหนือจากนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนป่วยโรคเริม งูสวัด รวมทั้งแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดเริมรวมทั้งอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลรักษาคนป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ จนกว่าแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายด้านใน 7-10 วัน จะมีเป็นจำนวนมากกว่ากรุ๊ปหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และก็ระดับความเจ็บปวดจะน้อยลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลกระทบใดๆก็ตาม9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แต่ว่าจะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโล (เท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อโล) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการเป็นพิษอะไรก็ตาม
จากการศึกษาพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 รวมทั้ง 540 มก.ต่อกิโล ให้หนูแรททุกเมื่อเชื่อวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่พบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่ปรารถนาแม้กระนั้นอ http://www.disthai.com/[/b]
7  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / กระเทียม ที่เรารู้จักกันมีประโยชน์เเละสรรพคุณอย่างไร ?... เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 08:01:05 pm
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
สรรพคุณกระเทียม
ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ก็เลยเหมาะกับคนป่วยโรคเบาหวาน
บำรุงเลือด ปกป้องอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ป้องกันโรคหัวใจ
ลดท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานเจริญขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
ปกป้องไข้หวัด ยั้งการเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ รวมทั้งลดการเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
กับ 10 ประโยชน์ดีๆที่พวกเราอยากให้ท่านทานวันแล้ววันเล่า
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่มีสาระต่อสภาพร่างกายของพวกเรา ต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด จำเป็นจะต้องหั่น สับ ทุบ หรือบดกระเทียมก่อนเอามาปรุงอาหาร 5-10 นาที โดยสารอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ฉะนั้นจะทานสด หรือจะปรุงอาหารในน้ำมันก็ช่างเถิด
จำนวนกระเทียมที่ควรทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ประมาณ4 กรัมต่อวัน แต่ไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน เพราะว่าจะเพิ่มความเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาปรุงอาหาร
ควรเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น รวมทั้งแม้อยากได้รสของกระเทียมแบบแรงๆควรที่จะทำการเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อต่อไปก็บอกให้กุ๊กพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แต่ระวังนิดหน่อย ถ้าหากทานกระเทียมมากมายๆโดยเฉพาะกระเทียมสด อาจมีลักษณะของการเจ็บคอคราวหลัง และก็อย่าลืมรอบคอบกลิ่นปากกันด้วยค่ะ สักครู่จะหาว่าไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกชนิดกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ด้านนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่ออยู่หลายชั้น ภายในหัวประกอบแกนแข็งกึ่งกลาง ภายนอกเป็นกลีบเล็กๆจำนวน 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นแรงจัด
ลำต้นและก็หัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วไปในทุกภาคของประเทศไทย แม้กระนั้นนิยมปลูกกันมากมายทางภาคเหนือแล้วก็ภาคอีสาน เนื่องจากมีสภาพดินและก็สภาพการณ์อากาศที่เหมาะสมมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเติบโตก้าวหน้า เห็นผลผลิตสูงและก็มีรสชาติที่ดีกว่า
[/b]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
กระเทีย[/b]เป็นไม้ล้มลุกและก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่อหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีเหตุมาจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปมาก ใบคนเดียว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 30-60 ซม. ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบและก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นแล้วก็เชื่อมติดกันเป็นวงห่อรอบใบที่อ่อนกว่าและก้านช่อดอกนำไปสู่เป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวรวมทั้งสีจะค่อยๆจางลงจนถึงถึงโคนใบ ส่วนที่หุ้มห่อหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆไม่น้อยเลยทีเดียวอยู่ปะปนกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบแต่งแต้มใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมห่อช่อดอกตอนที่ยังตูมอยู่ แต่ว่าเมื่อช่อดอกบานใบตกแต่งจะเปิดอ้าออกและห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 เซนติเมตร ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวประมาณ 4 มิลลิเมตร สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูแล้วก็ก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากมายทางภาคอีสานและภาคเหนือ แต่ว่ากระเทียมที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นฉุน ได้แก่กระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
วิธีเลือกซื้อกระเทียม
การเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักพิจารณง่ายๆคือ เลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญหากจำต้องทำครัวที่อยากกลิ่นแรงๆจะต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเท่านั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความคิดเห็นว่กระเทียม
มีสาระและคุณประโยชน์ล้นหลาม ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นแรง แม้กระนั้นก้ไม่ยากเกินความจำเป็นที่จะรับประทานครับผม เพราะฉะนั้นอย่าลืมเพิ่สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียมโดยยิ่งไปกว่านั้นบุคคลในกรุ๊ปต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังตั้งครรภ์หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การกินกระเทียมในตอนการตั้งท้องค่อนข้างไม่มีอันตรายถ้ารับประทานเป็นอาหารหรือในปริมาณที่สมควร แต่ว่าอาจไม่ปลอดภัยแม้รับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในตอนการมีท้องหรือให้นมลูก
เด็ก การรับประทานกระเทีย[/b]ในปริมาณที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆบางทีอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนรวมทั้งระคายเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยอาหาร อาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองที่ทางเดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจจะส่งผลให้ระดับความดันเลือดลดลดลงมากยิ่งกว่าปกติ
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เนื่องจากว่าอาจส่งผลให้เลือดออกมากแล้วก็ส่งผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด แล้วก็คนที่มีสภาวะเลือดออกผิดปกติไม่สมควรกินกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เนื่องจากว่าบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ได้แก่ ไอโซไนอะสิด เพราะว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายรวมทั้งส่งผลต่อความสามารถลักษณะการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรกินกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต่อต้านเกล็ดเลือด[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b]ลงในเมนูอาหารของท่านนะครับ สรรพคุณรวมทั้งคุณประโยชน์ของกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]
8  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 11, 2018, 12:09:21 pm
[/b]
ตะไคร[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
(Lemon Grass) จัดเป็นผักสมุนไพรที่นิยมเอามาทำอาหารสำหรับขจัดกลิ่นคาว และก็ช่วยเพิ่มรสชาตของอาหาร ในนานาประการรายการอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารจำพวกที่เป็นอาหารต้มยำ รวมทั้งแกงต่างๆรวมทั้งการนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ เป็นต้น
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกตระกูลเดียวกันกับหญ้า แก่มากกว่า 1 ปี ขึ้นกับสภาพแวดล้อม มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ เช่น พม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
วงศ์ : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อเขตแดน:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– ค้างหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง รูปทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (และใบ)ส่วนของลำต้นที่พวกเราแลเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหุ้มครึ้ม ผิวเรียบ และก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนบางส่วน และก็เบาๆเรียวเล็กลงแปลงเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นบ้องแข็ง ส่วนนี้สูงราวๆ 20-30 เซนติเมตร ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และประเภท รวมทั้งเป็นส่วนที่ประยุกต์ใช้สำหรับทำครัว
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ รวมทั้งใบ) แล้วก็ใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบคนเดียว มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งลู่ลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ แล้วก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แม้กระนั้นคม กึ่งกลางใบมีเส้นกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา มองเห็นต่างกับแผ่นใบชัดแจ้ง ใบกว้างราวๆ 2 ซม. ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก ก็เลยไม่ค่อยประสบพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นช่อกระจาย มีก้านช่อดอกยาว แล้วก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบเสริมแต่งรองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่คล้ายดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบสด

– ใช้เป็นเครื่องเทศทำกับข้าวสำหรับดับกลิ่นคาว ช่วยให้ของกินมีกลิ่นหอม แล้วก็เปลี่ยนแปลงรสให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
– ใช้เป็นส่วนประกอบของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง รวมทั้งยาจุดกันยุง


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่เจอ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น
– ซิทราล (Citral) พบได้บ่อยที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซสิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิทุ่งนาลูล (Linalool)
– เจอรานิออล (Geraniol)
– คาริโอฟิกลุ่มคำน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนทุ่งนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพครั้งโนน (Methyl heptennone)
– สิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
เก็บรวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), หัวใจชนชั้น ตระการชัยสกุล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]
[/b]
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น รวมทั้งใบ

– ช่วยทุเลา รวมทั้งรักษาอาการไข้หวัด
– แ้ก้ไอ แล้วก็ช่วยขับเสมหะ
– บรรเทาลักษณะโรคหืดหอบ
– รักษาลักษณะของการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับเพื่อการขับลม
– แก้อหิวาตกโรค
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน โลหิตสูง
– ลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
– แก้รอบเดือนมาแตกต่างจากปกติ

  • ราก

– ใช้เป็นยาปรับแต่งเจ็บท้อง แล้วก็ท้องเสีย
– ช่วยขับฉี่
– ทุเลาอาการไอ และก็ขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย

– ออกฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับการขับถ่าย
– ทุเลาอาการท้องร่วง
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านอาการอักเสบ และก็ลดการติดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการกลัดกลุ้ม
– ต่อต้านอนุมูลอิสระ
เก็บรวบรวมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), กมลชาติชั้นวรรณะ น่าอัศจรรย์ชัยสกุล (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้

น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ เป็นต้นว่า Cineole แล้วก็ Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุลักษณะของอาการท้องเสีย

สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องร่วง คือ E. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น Citral, Citronellol, Geraneol และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี

น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ อาทิเช่น Borneol, Fenchone และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม

สาร Menthol, Camphor และก็ Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/โล และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษฉับพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับทำให้พบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ แล้วก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

Tags : สมุนไพรตะไคร้
9  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด เมื่อ: สิงหาคม 10, 2018, 02:29:54 pm
[/b]
ตะไคร[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
เป็นพืชสมุนไพรแคว้นในประเทศแถบทวีปเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นส่วนตัว นอกจากนำมาใช้ทำกับข้าว แต่งกลิ่นในของกิน และก็ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกใช้ประโยชน์ในหลากสาขา เช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องแต่งหน้า การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเห็นกันว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ อาจสามารถช่วยปกป้องการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดลักษณะของการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาลักษณะของการปวดและลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในระหว่างมีเมนส์ แล้วก็เป็นส่วนประกอบในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ ฯลฯ
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมนำมาปลูกไว้ตามบ้านรวมทั้งเอามาปรุงอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีสาระแล้วก็ช่วยทุเลาลักษณะของโรคบางชนิดได้ แต่ว่าหารู้ไหมว่าที่จริงแล้ว ภายใต้ต้นแข็งๆรวมทั้งใบที่คมของตะไคร้ยังหลบซ่อนคุณค่าเอาไว้มากไม่น้อยเลยทีเดียวจนไม่ได้นึกฝัน วันนี้เราไปดูประโยชน์ซึ่งมาจากตะไคร้ที่รู้และเข้าใจดีแล้วจำต้องอัศจรรย์ใจที่เอามาจากเว็บ allwomenstalk กันเลยดีกว่าค่ะ คนใดที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน ต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรจำพวกนี้มากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
คุณประโยชน์ของตะไคร้ คุณประโยชน์ดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่ามีความรู้สึกว่าตะไคร้เป็นประโยชน์แค่ใช้ประกอบอาหารเพียงแค่นั้น ด้วยเหตุว่าในความเป็นจริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและก็ธาตุจำนวนมาก ทั้งยังวิตามินเอ วิตามินซี รวมทั้งวิตามินบี นอกจากนั้นยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินเยอะขนาดนี้ครั้งต่อไปพบตะไคร้ในอาหารก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกเหนือจากที่จะนำมาทำอาหารแล้ว ตะไคร้ยังมีสาระสำหรับการไล่แมลงอีกด้วย ด้วยเหตุว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่อีกทั้งในใบและในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยกลุ่มนี้มีคุณสมบัติสำหรับเพื่อการไล่แมลงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็เลยไม่น่าฉงนใจที่พวกเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ ผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้ขายอยู่ในท้องตลาดจำนวนมาก ผู้ใดที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ทดลองหามาใช้ได้นะคะ
[/b]
ล้างสารพิษ
          สำหรับคนที่รักสุขภาพแล้วก็ถูกใจล้างพิษภายในร่างกายเป็นประจำไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะว่ามันมีคุณสมบัติในการล้างสารพิษในร่างกายด้วยกระบวนการทำให้คุณเยี่ยวหลายครั้งขึ้น เพราะสารเคมีที่อยู่ใตะไคร้[/url]จะช่วยชำระล้างระบบการทำงานเกี่ยวกับการย่อยอาหาร ได้แก่ ตับ ตับอ่อน ไต แล้วก็กระเพาะปัสสาวะ ขับพิษรวมทั้งกรดยูริกออกมาจากร่างกาย ทำให้ระบบย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น รวมทั้งดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยสำหรับในการย่อยของกิน
          ตะไคร[/b]ช่วยทำให้ระบบที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารทำงานได้ดิบได้ดีขึ้นจ้ะ เพราะมีการศึกษาเล่าเรียนหนึ่งพบว่าการดื่มชาตะไคร้จะช่วยสำหรับการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในไส้ แล้วก็ท้องเสียได้ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยคุ้มครองป้องกันรวมทั้งลดก๊าซในลำไส้ได้อีกด้วย
ช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมแล้วก็บำรุงระบบประสาท
          มีการเรียนรู้จำนวนไม่น้อยพบว่าตะไคร้สามารถช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมและก็เสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างง่ายดายด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะมีผลให้กล้ามเนื้อของคุณบรรเทามากมายและก็ลดอาการตะคิวได้ แต่ก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรจะที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกบรรเทาแล้วก็บรรเทาอาการปวดต่างๆได้ นอกนั้นยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดต่างๆยกตัวอย่างเช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นถ้าหากคุณรู้สึกเจ็บปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดดูนะคะรับประกันว่าหายแน่ๆ
ช่วยบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุดังกล่าวมันก็เลยสามารถช่วยทำนุบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณแผ่รัศมีความมีสุขภาพแข็งแรงออกมา แถมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอ แล้วก็ช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมัน[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของจำนวนหนูขาวทั้งสิ้น ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล แล้วก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษรุนแรงของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม รวมทั้ง ขี้เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด http://www.disthai.com/[/color]
10  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ทับทิมสามารถนำมาทำเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้เป็นอย่างดี เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 10:30:53 am

ทับทิ[/size][/b]
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีแห่งผลไม้ มีสาระทั้งต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีที่ผลไม้ เป็นประโยชน์อีกทั้งต้น
อัปเดตล่าสุดเมื่อวันที่ พฤษภาคม 3, 2018 โดยประมาณเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์เนื้อหานี้
[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทับทิม
ได้ผลสำเร็จไม่ที่นิยมกินกันมากมาย และลือชื่อในเรื่องของคุณค่าที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีที่ผลไม้ กล่าวกันว่าทับทิมนั้นคือผลไม้ที่ถูกนำมาใช้ในแวดวงแพทย์มาแล้วนับพันปี ในตอนนี้ทับทิมถือเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาปลูก และก็กินกันทั่วทั้งโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย สังเกตได้จากร้านขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่เกือบจะมีอยู่ตามถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากทับทิมมีเยอะมาก อีกทั้งในเรื่องของสารอาหาร แล้วก็การปกป้องโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมถือเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียง 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงปริมาณร้อยละ 40 ของจำนวนที่เราอยากในหนึ่งวัน (สำหรับคนแก่) ด้วยจำนวนวิตามินซีที่สูงในระดับนี้จึงมีคุณประโยชน์สำหรับการลดการเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างยอดเยี่ยม
ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ
การรับประทานทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยทำให้ผิวพรรณของพวกเรามองผ่องใส เพราะทับทิมสำเร็จเหมาะมีคุณประโยชน์สำหรับในการต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยสำหรับในการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเรา แล้วก็ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงจึงช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างใส นอกนั้นพวกเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมราวๆ 1 ช้อนชา ทาบริเวณบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยสำหรับในการบำรุงผิวหน้าให้มองเต่งตึงมากขึ้นเรื่อยๆได้อีกด้วย ผลดีในข้อนี้ของทับทิมสามารถรับรองได้จากการที่ในตอนนี้ มีเครื่องสำอางหรือครีมหลายชนิดได้นำทับทิมไปเป็นส่วนประกอบ
หลอดเลือดและก็หัวใจ
ในทางการแพทย์มีการวิจัยแล้วพบว่าทับทิม มีสรรพคุณช่วยในการทำให้การไหลเวียนของโลหิต ลดภาวการณ์ขาดเลือดในคนป่วยโรคหัวใจ ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าผู้ที่มีความดันเลือดสูง เมื่อรับประทานน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดความดันโลหิตได้ปริมาณร้อยละ 5 ช่วยลดสถานการณ์การแข็งตัวของไขมันในหลอดเลือดได้อีกด้วย
ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
ด้วยเหตุว่าเป็นผลไม้ที่มีค่าการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สูง จึงช่วยลดความเสี่ยงสำหรับการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยพบว่า การรับประทานทับทิมช่วยลดจังหวะการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งถึง 13ช นิด รวมทั้งยังสามารถช่วยทำลายเซลล์ของโรคมะเร็งในหลอดของกิน แล้วก็ลำไส้ได้อีกด้วย
ผลดีอื่นๆของทับทิม
เว้นเสียแต่สรรพคุณหลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีสรรพคุณอื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงมีท้อง ช่วยปรับสมดุลในวัยหมดประจำเดือน ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคจำอะไรไม่ค่อยได้ในคนวัยชรา คุ้มครองปกป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดการเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคกระดูกพรุน คุ้มครองป้องกันการเสื่อมสรรถยนต์ภาพทางเพศ ลดการตกขาว กล่าวได้ว่ามีสรรพคุณเยอะแยะจริง
 เว้นแต่ส่วนที่พวกเรานิยมกินกันอย่างเมล็ดแล้ว ส่วนประกอบอื่นของทับทิมก็มีคุณประโยชน์ไม่แพ้กัน ทั้งเป็นยารวมทั้งสมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำมาจากใบสามารถช่วยทุเลาอาการผมร่วงได้อย่างยอดเยี่ยม
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเราใช้รักษา แผลหิด กากโรคเกลื้อน มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับการดูแลและรักษาโรคในทางเดินของกิน ดังเช่นว่ารักษาอาการท้องเสียได้
เปลือกของลำต้น แล้วก็ราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยเอามาผสมกับกานพลู และอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำประมาณสามถ้วย มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีคุณประโยชน์สำหรับในการรักษาแผล แล้วก็บรรเทาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่เพียงแต่เม็ด หรือน้ำทับทิม จึงไม่ประหลาดใจเลยทีทับทิม[/url]จะได้รับฉายาว่า "ราชชินีแห่งผลไม้"
โรคและก็อาการอื่นๆตัวอย่างเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การติดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และอื่นๆยังต้องทำการวิจัยวิจัยเสริมเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะและความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยปกติการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมอาจเกิดผลข้างเคียงจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย การกินรากและก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะปลอดภัยในการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจทำให้กำเนิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย ยกตัวอย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจไม่สะดวก
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับการรับประทานหรือใช้ทับทิมในต้นแบบอื่น ดังเช่นว่า สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอคำแนะนำแพทย์ก่อนจะมีการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจทำให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงบางส่วน ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการกำเริบ
[/b]
คนที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนเจ็บที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมอย่างต่ำ 2 อาทิตย์ ด้วยเหตุว่าทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมควบคู่กับยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อาทิเช่น ยาที่เกี่ยวเนื่องกับแนวทางการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดระดับความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน คนที่กินยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะมีการรับประทานเพื่อให้มีความปลอดภัย http://www.disthai.com/[/b]
11  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขิง เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: กรกฎาคม 31, 2018, 11:12:58 am
[/b]
ขิ[/size][/b]
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’พบ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในตระกูลขิง (ZINGIBERACEAE)
[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง
จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายๆด้าน เพราะอุดมไปด้วยวิตามินและก็ธาตุที่มีความหมายเป็นอย่างมากต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดังเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็เส้นใยมากมายอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ของขิงนั้น พวกเราสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และก็ผลก็ได้ทั้งนั้น
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นยอด
มีสารต้านอนุมูลอิสระเยอะมากๆ ช่วยชะลอความแก่รวมทั้งชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับในการคุ้มครองปกป้อง ต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านการเติบโตของเซลล์ของมะเร็ง
ช่วยลดผลข้างเคียงจากสารเคมีที่ใช้เพื่อการรักษามะเร็ง โดยเหตุนั้นควรกินขิงพร้อมกันไปกับการรักษามะเร็งจะส่งผลดี
ขิ มีฤทธิ์อุ่น ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น และก็ช่วยสำหรับการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆเอามาตีให้แหลกราว 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดความอ้วน ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดหัวรวมทั้งไมเกรน ด้วยการกินน้ำขิงบ่อยๆ
ช่วยลดความต้องการของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมารับประทาน
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำกิน
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาอาการของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับคุณแม่หลังคลอดบุตร ด้วยการรับประทานไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดราวๆ 1 องคุลีเอามาต้มกับน้ำดื่ม ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของแม่ (ผล)
ช่วยให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยให้เลือดแข็งตัวเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้โดยประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ บรรเทาหวัดจับเสลด ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดนึง
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนไข้ที่มีลักษณะอาการติดยาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้อย่างดีเยี่ยม ด้วยการใช้ขิงสดเอามาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำกิน (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
ช่วยแก้ปัญหาผมหล่น หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟกระทั่งอุ่น แล้วนำมาตำให้แหลก เอามาพอกบริเวณที่มีผมหล่น วันละ 2 ครั้งจนกระทั่งอาการดีขึ้น หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะราว 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมตกได้แบบเดียวกัน แถมยังช่วยทำให้ผมงาม แข็งแรง มีความอ่อนนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา และใช้แก้อาการตาฟาง (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอเปื่อยยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาตีอย่างถี่ถ้วนคั่วกับน้ำสารส้มกระทั่งเกรียม แล้วบดจนเป็นผุยผง จากนั้นนำมาพอกรอบๆฟันที่ปวดแก้เสลด เสลดขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวะน้ำลายมาก อ้วกเป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นรวมทั้งเกลือเล็กน้อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันและก็คุ้มครองป้องกันการเกิดฟันผุ
ช่วยกำจัดกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาทุบให้แหลก แล้วนำมาคั้นเอาน้ำมาทารักแร้บ่อยๆ จะสามารถช่วยขจัดรอยคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย คนจนเข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดโดยประมาณ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลทรายแดง นำมาตำจนกระทั่งเหมาะ แล้วกิน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอ้วก (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดราว 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ นำมาตีให้แตกแล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดการอาเจียนอาเจียนจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงมีท้องไม่ควรรับประทานบ่อยจนถึงเกินความจำเป็น)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาทุบพอเพียงแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดในช่วงหลังหรือก่อนระดู ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วราว 30 กรัมมาต้มกับน้ำกินเสมอๆ
ช่วยสำหรับในการย่อยของกินได้อย่างมีคุณภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการถ่าย รวมทั้งช่วยในเรื่องของระบบลำไส้ให้ดำเนินการได้อย่างปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาปัสสาวะรดที่นอนในคนป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ (ใบ)
[url=http://www.disthai.com/]ขิง
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดเสมอๆ
มีฤทธิ์ช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
ขจัดปัญหาหนังที่มือลอกเป็นเกล็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาถูบริเวณดังที่ได้กล่าวมาแล้ววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาเปลือกนอกจนเป็นถ่าน รอปาดถ่านที่เปลือกนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูเอามาทาบริเวณที่เป็นแผลหากถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยป้องกันการแพ้อาหารทะเลจนกระทั่งเกิดผื่นคัน ลมพิษ หรืออาหารช็อกคุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิง
ช่วยรักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกบริเวณแผล เพื่อคุ้มครองการอักเสบรวมทั้งการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันเหม็นหืนในน้ำมันได้
ในด้านการประกอบอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติของกินได้อย่างดีเยี่ยม แล้วก็สามารถช่วยขจัดกลิ่นคาวของของกินได้ดิบได้ดีอีกด้วย
ในด้านความงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยให้ผิวพรรณเรียบเนียนยิ่งขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดบริเวณต้นขา ก้น หรือบริเวณที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความตะปุ่มตะป่ำของผิวได้อีกด้วย
ผลิตภัณฑ์จากขิงนั้นนำมาดัดแปลงได้หลายแบบ ดังเช่นว่า บัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ
[/b]
ขั้นตอนการทำน้ำขิง
วิธีทำน้ำขิงวิธีการทำน้ำขิงอันดับแรกให้จัดแจงส่วนผสมดังนี้ ขิงแก่ 1 กิโลกรัม / น้ำตาล 1 ถ้วยตวง / น้ำที่สะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด นำมาตีให้แตก แล้วนำมาใส่ไว้ในหม้อต้ม เติมน้ำที่สะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มกระทั่งน้ำเดือดแล้วค่อยค่อยไฟลง ต้มราวๆ 20 นาทีกระทั่งน้ำขิงละลายออกมาจนกระทั่งหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วยกลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความต้องการ) แล้วคนจะกว่าจะเข้ากัน
เรียบร้อยและจากนั้นก็สามารถนำมากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้ด้วยเหมือนกัน แต่ควรจะเพิ่มน้ำตาลมากยิ่งกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากจนเกินไป ด้วยเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่สมควรใช้จำนวนที่เข้มข้นจนกระทั่งเกินไป เพราะเหตุว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้ เนื่องจากจะไปยับยั้งการบีบตัวของไส้ จนถึงทำให้ไส้หยุดการบีบตัว ฉะนั้นควรจะคั้นในจำนวนน้อยๆหรือดื่มจนชินก่อน
พวกเรามักจะรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นของกินที่นิยมประยุกต์ใช้ในการทำครัวรวมทั้งทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดโรคต่างๆได้สารพัน ถือได้ว่าตัวช่วยในการรักษาโรคได้เลยทีเดียว แต่ทั้งนี้เราก็ไม่ควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวสำหรับในการเยียวยารักษาโรค น่าจะทำอันอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เนื่องจากว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน จึงมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และยังมีใยอาหารมากขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย แม้กระนั้นเพราะว่าขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว เป็นต้นว่าผู้ที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกตอนกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากยิ่งกว่าปกติ แต่ว่าหากจะกินควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/[/b]
12  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / น้ำมันเหลือง ใช้นวดตามจุดต่างๆของร่างกายอย่างไรให้หายได้จริงหรือ?... เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2018, 12:33:21 pm

น้ำมันเหลือ[/size][/b]
เราชี้แนะกล้วยๆแค่เพียง 2 ขั้นตอนเป็น"กด" + "ทา" โดยจะนวดไหมนวดก็ได้ ทาบริเวณที่มีลักษณะอาการ
เวลานี้น้ำมันเหลืองเป็นที่ชื่นชอบใช้อย่างล้นหลามมากมาย เพราะเหตุว่าน้ำมันเหลืองสรรพคุณไม่แพ้ยาแผนปัจจุบันอย่างยิ่งจริงๆ ลูกค้าโดยมากอยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากธรรมชาติจริงๆเพราะนอกจากจะรู้สึกปลอดภัยแล้ว ใช้นานหรือบ่อยแค่ไหนก็ไม่เกิดการสะสม
ผู้ใดกันแน่ที่ถูกใจใช้ น้ำมันเหลือง เป็นประจำห้ามพลาด เนื่องจากว่าวันนี้เรานำน้ำมันเหลืองสูตรใหม่ กลิ่นไม่ฉุนจัด ซึ่งทั่วๆไปนั้นมีการทำกันแปลงสูตรมากมาย สุดแต่ว่าคนใดกันชอบใจสูตรไหน เป็นน้ำมันเหลืองที่ทำจากธรรมชาติล้วนๆใช้สมุนไพรดีๆของไทยทั้งผองมักใช้แก้ปวด แก้เวียนหัว แก้ตะคริว รักษาอาการหอบหืด ไซนัส บางสูตรแก้ท้องอืดได้ด้วย ไปดูสูตรกระบวนการทำกันเลย
ข้าวของ อุปกรณ์
1.เมนทอล 300 กรัม
2.พิมเสน 100 กรัม
3.การบูร 100 กรัม
4.หัวไพลแก่จัด 200 กรัม
5.น้ำมันงาบริสูทธิ์ 50 กรัม
6.กระทะสำหรับทอดหัวไพล
7.ภาชนะสำหรับผสมสาร ยกตัวอย่างเช่น ขวดใส่กาแฟ ขวดแก้ว
แนวทางการทำ
1.ล้างหัวไพลให้สะอาดตากให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากแห้ง
2.ทอดหัวไพลในน้ำมันงาโดยใช้ไฟอ่อนๆทอดไปกระทั่งน้ำมันเป็นสีเหลือง เสร็จแล้วใส่สมุนไพรครั้งละตัวทอดแม้กระทั่งหมดฟองชูลงจากเตากรองเอากากทิ้ง
3.นำองค์ประกอบทั้ง 3 ชนิด ในอัตราส่วนที่เจาะจงคือ(เมนทอล 3 ส่วน พิมเสน 1 ส่วน พิมเสน 1 การบูร 1 ส่วน )เทผสมรวมกันในภาชนะสำหรับผสมสาร
4.ใช้ไม้พายเล็กคนให้ส่วนประกอบทั้งหมดละลายเป็นของเหลว (ถ้าเกิดไม่ใช่ไม้คนอาจใช้แนวทางการเขย่าขวดให้องค์ประกอบละลายก็ได้
5.เติมน้ำมันที่สกัดจากหัวไพลลงไป คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียว
6.น้ำมันเหลืองที่ได้บรรจุขวดปิดฝาให้แน่น
[url=https://www.chiangdaonaturefood.com/product/45/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือ ผลการค้นคว้าจากมหาวิทยาลัยบอสตันเผยว่า คนป่วยโรคมะเร็งระยะแพร่ที่ได้รับการนวดตัว จะสามารถนอนก้าวหน้าขึ้น ทุเลาลักษณะของการเจ็บปวด รวมทั้งมีคุณภาพชีวิตที่ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับผลที่ได้รับจากงานวิจัยของ Memorial Sloan-Kettering Cancer Center in New York City ในปี 2004 ที่เผยว่า คนบาดเจ็บโรคมะเร็งระยะแพร่ระบาด จะทรมาทรกรรมจากอาการเจ็บปวดลดลง อ้วกน้อยครั้ง ไหมคลื่นไส้เลย รู้สึกแจ่มใสขึ้น ความดันดีกว่าเดิม แล้วก็เครียดจากลักษณะของการป่วยน้อยลง หลังจากได้รับการบำบัดด้วยแนวทางนวด
การเลือก[url=http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3][url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง
[/url]
การเลือกน้ำมันนวดสังกัดการใช้แรงงาน และก็คุณประโยชน์ต่างๆของน้ำมันนวดแต่ละประเภท โดยส่วนใหญ่น้ำมันเบื้องต้นที่นิยมนำมาผสมทำน้ำมันนวด ได้แก่ น้ำมันเมล็ดทานตะวัน อื่นๆอีกมากมาย ซึ่งมีวิตามินอี สูงขึ้นมากยิ่งกว่าน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากถั่วเหลือง แล้วหลังจากนั้นก็น้ำมันเมล็ดข้าวโพดถึง 3 เท่า วิตามินอี ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ดักจับ และก็ทำลายของเสียที่ทำร้ายเซลล์ต่างๆของร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณเต่งตึง ลกไขมันในเส้นเลือด คุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง นอกนั้นน้ำมันเม็ดดอกทานตะวันยังมีกรดไขมันไม่อิ่ม กรดไลโนเลอิกสูง ซึ่งเป็นกรดไขมันที่ควรต้องต่อสถาพทางร่างกาย ทั้งยังยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื่น
โดยทั้งนี้น้ำมันเหลืองแต่ละประเภทจะมีคุณลักษณะ และค่าที่นาๆประการ ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ให้สมควรตามการใช้
13  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: สมุนไพรดอกคำฝอยมีทั้งประโยชน์เเละสรรพคุณที่ดีเยี่ยม เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2018, 12:21:54 pm
สมุนไพร ดอกคำฝอย
14  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เข้าใจรู้เรื่องมะเร็งเเละเราจะมีวิธีการป้องกันอย่างไรในการทานเห็ดหลินจือ เมื่อ: กรกฎาคม 02, 2018, 03:27:18 pm
[/b]
เห็ดหลินจื[/size][/b]
เข้าใจโรคมะเร็งโรคมะเร็งเป็นยังไงมีเหตุเหตุ กลไกลการเกิดลักษณะของการมีอาการโรคมะเร็ง โรคมะเร็งที่เจอย่อยไม่ว่าจะเป็น ปากมดลูกโรคมะเร็งตับ ปอด แล้วจะคุ้มครองป้องกันได้ไหม รักษาเช่นไร
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ-[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจื โรคมะเร็ง ( Cancer1 ) พบได้ในทุกเพศทุกวัยตั้งแต่ต้นกำเนิดไปจนกระทั่งคนแก่ จำนวนมากจะพบในอายุตั้งแต่ 50 ขึ้นไปส่วนในเด็กพบน้อยกว่าคนแก่ราว 10 เท่า ปัจจุบันว่าผู้คนจำนวนมากจะเริ่มหันมาใสหัวใจในสุขภาพที่เกิดขึ้นกับร่างกาย[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
ของตัวเองกันมากเพิ่มขึ้น แม้กระนั้นเหล่าบรรดาเชื้อโรคต่างๆก็ปรับปรุงตนเองขึ้นมาอย่างไม่หยุดยั้งเช่นเดียวกัน โดยยิ่งไปกว่านั้นโรคมะเร็งที่เรียกว่าเป็นโรคยอดฮิตที่ผู้คนเป็นกันเยอะมากๆยิ่งกว่าโรคติดต่อ
โรคมะเร็งคือ โรคของเซลล์ ที่มีการเติบโตอย่างผิดปกติแปลงเป็นก้อนมะเร็งที่สามารถบุกรุง ทำลายเนื้อเยื่อใกล้เคียงและก็กระจัดกระจายไปยังอวัยวะอื่นๆได้โรคซึ่ง (เห็ดหลินจือ)โรคซึ่งกำเนิดมีเซลล์กำเนิดมีเซลล์เปลี่ยนไปจากปกติในร่างกาย และก็เซลล์กลุ่มนี้มีการเติบโตรวดเร็วทันใจเกินปกติ ร่างกายควบคุมมิได้ โดยเหตุนี้เซลล์พวกนี้จึงก้าวหน้าแผ่ขยายและแพร่ระบาดได้ทั่วร้างกายทำให้เซลล์ธรรมดาของสมอง ไต กระดูก และไขกระดูก
ต้นสายปลายเหตุแล้วก็สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
เห็ดหลินจือ-สำหรับสาเหตุที่ทำให้ผู้คนต่างป่วยด้วยโรคมะเร็งกันมากขึ้นเรื่อยๆมีเหตุมาจากปัจจัยภายใน คือ
1.ปัจจัยภายนอก
-ผู้ที่ติดเชื้อโรคไวรัสตับอักเสบบี  มักเกิดในไม่นิยมที่ไม่นิยมกินร้อนช้อนกลาง โดยอาจติดจากทางน้ำลายสำหรับเพื่อการทานอาหารด้วยกัน
-การติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ ในเรื่องที่ชอบรับประทานอาหารแบบดิบๆหรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
-คนที่ชอบดื่มเครื่องดือแอลกอฮอล์เป็นชีวิตจิตใจ และผู้ที่ดูดบุรีเป็นประจำ
-ผู้ที่เคยผ่านการฉายรักสีเอกซเรย์
สารอะฟลาทอกซินที่ปนเปื้อนอยู่ในอาหารและเครื่องดื่มที่เรากินกันทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะในพวกพริกแห้ง ถั่ว
-สารก่อโรคมะเร็งในของกินประเภทปิ้ง ปิ้ง ทอด โดยเฉพาะพื้นที่ย่างหรือปิ้งจนกระทั่งไหม้เกรียม หรือพื้นที่ทอดโดยใช้น้ำมันบ่อยๆทุกๆวัน
-สารไฮโดรคาร์บอน เป็นสารเคมีที่ประยุกต์ใช้ในการรักษาอาหารอย่างไนโตซามิน ซึ่งเป็นสีย้อมผ้าที่เอามาผสมอาร
2.ปัจจัยภายใน
-เห็ดหลินจื[/b]เกิดจากความนึกคิดไม่ปกติภายในร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น เด็กไม่สมประกอบโดยกำเนิด ซึ้งเป็นความไม่ดีเหมือนปกติทางพันธุกรรม
-ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือขาดสารอาหารบางอย่าง ได้แก่ พวกวิตามินเอ หรือ ซี
ซึ่งจะเห็นได้ว่ามะเร็งส่วนมากนั้นมีเหตุที่เกิดจากปัจจัยภายใน นั้นแปลว่าเราสามารถคุ้มครองป้องกันการก่อมะเร็งได้เยอะพอสมควร ดังนี้ ก็ขึ้นกับความประพฤติปฏิบัติแล้วก็ระเบียบวินัยการเลือกปฎิบัติของพวกเราเป็นหลัก แล้วก็ความรู้ในเรื่องของสารก่อโรคมะเร็งด้วย
[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
-ไม่มีอาการเฉพาะโรคมะเร็ง แต่เป็นอาการเหมือนกันกับการอักเสบเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่เป็นโรคมะเร็ง โดยที่ผิดแผกแตกต่างเป็นมักเป็นอาการที่ห่วยลงเรื่อยๆและเรื้อรัก เพราะฉะนั้นเมื่อมีลักษณะต่างๆนานเกิน 1 – 2 อาทิตย์ ควรต้องรีบเจอแพทย์ เช่นไร ก็ตาม อาการที่น่าสงสัยว่าเนมะเร็ง ได้
-มีก้อนเนื้อโตเร็ว หรือ มีแผลเรื้อรังไม่หายภายใน 1-2 อาทิตย์ ภายหลังการดูแลตัวเองในพื้นฐาน
-มีต่อมน้ำเหลืองโต คลำเ มักจะแข็งไม่เจ็บ รวมทั้งโตขึ้นเรื่อยๆ
-ไฝ ปาน หูด ที่โตเร็วกว่าธรรมดา หรือเป็นแผลแตก
-หายใจ กรือ มีกลิ่นปากรุนแรงจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
-เลือดกำเดาออกเรื้อรัง มักออกเพียงแต่ฝ่ายเดียว (อาจออกทั้งสองข้างได้)
-ไอเรื้อรัง เรือ ไอเป็นเลือด
-มีเสมหะ น้ำลาย หรือเสมหะคละเคล้าเลือดหลายครั้ง
-คลื่นไส้เป็นเลือด
-ฉี่เป็นเลือด
-เยี่ยวบ่อย ขัดลำ ฉี่เล็ด โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
-อุจจาระเป็นเลือด  มูก หรือเป็นมูกเลือด
-ท้องผูก สลับท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
สมุนไพ[/b]-มีเลือดออกทางช่องคลอดเปลี่ยนไปจากปกติ หรือ มีเมนส์เปลี่ยนไปจากปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดในวัยหมดประจำเลือดหรือหลังมีเซ็กส์ทั้งๆที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
-ท้องขึ้น ท้องอืด แน่ อึดอัดท้อง โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
-มีไข้ต่ำๆหาต้นเหตุมิได้
-จับไข้สูงบ่อยครั้ง หาปัจจัยมิได้
-จับไข้สูงหลายครั้ง หาต้นเหตุไม่ได้
-ซูบผอมลงมากใน 6 เดือน น้ำหนักลดจากเดิมเป็น 10%
-มีจ้ำห้อเลือดง่าย หรือ มีจุดแดงคล้ายไข้เลือดออกตามผิวหนังหลายครั้ง
-ปวดศีรษะร้ายแรงเรื้อรัง หรือ แขน/ขาอ่อนแรง หรือ ชัก โดยไม่เคยเป็นมาก่อน
-ปวดหลังเรื้อรัง และก็ปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอาร่วมกับ แขน/โคนขาแรง
[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]
[/b]
สัญญาณอันตราย 7 ประการ ที่ควรจะรีบมาเจอหมอ
เห็ดหลินจือ-มีเลือดหรือสิ่งผิดปกติออกมาจากร่างกาย เป็นต้นว่า มีตกขาวมากเกินไป
-มีก้อนเลือดหรือตุ่ม เกิดขึ้นที่ใดอันดับแรกของร่างกายแล้วก็ก้อนนั้นโตเร็วไม่ปกติ
-มีแผลเรื้อรัง
-มีการอึ ฉี่ ไม่ปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม
-เสียงแหบ ไอเรื้อรัง
-กลืนอาหารตรากตรำ ไม่อยากอาหาร น้ำหนักลด
สมุนไพร-มีการเปลี่ยนของหูด ไฝ ปาน ดังเช่นว่า โตแตกต่างจากปกติ ควรจะรีบมาพบหมอ
รายชื่อโรคมะเร็งที่มักพบ
1.โรคมะเร็งตับ
2.มะเร็งปอด
3.มะเล็งเม็ดเลือดขาว
4.โรคมะเร็งสมอง
5.โรคมะเร็งปากมดลูก
6.มะเร็งไส้
7.มะเร็งกล่องเสียง
8.โรคมะเร็งผิวหนัง
9.มะเร็งรังไข่
10.มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
11.โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
12.มะเร็งเต้านม
13.มะเร็งกระเพาะ
14.มะเร็งกระดูก
15.มะเร็งหลอดของกิน
16.มะเล็งลิ้น
17.โรคมะเร็งช่องปากแล้วก็คอ
18.โรคมะเร็งท่อน้ำดีแล้วก็ถุงน้ำดี
19.โรคมะเร็งหลอดลม
20.โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
21.มะเร็งตับอ่อน
22.มะเร็งไต
23.โรคมะเร็งไทรอย์
24.มะเร็งโรงจมูก
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ-[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจื จะเห็นได้ว่าโรคมะเร็งนั้นเป็นโรคอันตรายที่สามารถป้องกันให้ไกลห่างจากโรคมะเร็งได้ ทั้งนี้ข้นอยู่กับความประพฤติปฏิบัติระเบียบวินัยของทุกคนเป็นหลักว่าจะสามารถไตร่ตรองในเรื่ออาหารกินได้มากน้อยเท่าใด เพราะว่าต้นเหตุของโรคมะเร็งจำนวนมากนั้นเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการทานอาหาร เราควรต้องเลือกกินอาหารซึ่งมีก็เพียงแต่คุณประโยชน์และก็คุณประโยชน์ทางโภชนาการรวมทั้งความสะอาดโดยไม่มีการแปดเปื้อนของสารเคมีต่างๆเพื่อให้ห่างไหลมายากลจากโรคร้ายอย่างโรคมะเร็ง

Tags : ขายเห็ดหลินจือ,เห็ดหลินจือแดง
15  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: โรคไข้หวัด - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2018, 08:26:27 am
โรคไข้หวัด อาการไข้หวัดและการรักษาโรคไข้หวัด -disthai.com
หน้า: [1] 2 3 ... 5
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย