[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
เสลดพังพอนตัวเมียเสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plantเสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาปล้องคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาบ้องดำ พญาบ้องทองคำ (ภาคกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนกลาง) ฯลฯ
ลักษณะของเสลดพังพอนตัวเมียต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะหมดจด ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นปล้องสีเขียว แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้ากิ่งก้านสาขาไปปลูก เจริญเติบโตก้าวหน้าในดินทุกประเภท ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตการกระจายพันธุ์ในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยมักพบขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือเจอปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมียต้นพญายอใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบลำพัง ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและก็โคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2-3 เซนติเมตร แล้วก็ยาวประมาณ 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมียดอก
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]เสลดพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากหมายถึงปากด้านล่างรวมทั้งปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกไม้นั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียหมดจดไม่มีขน มีดอกในช่วงประมาณเดือนตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แม้กระนั้นชอบไม่ค่อยมีดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมียพญาปล้องทองคำลิ้นงูเห่าผลเสมหะพังพอนตัวเมีย ผลสำเร็จแห้งและแตกได้ (แต่ว่าผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้ราวๆ 0.5 ซม. ก้านสั้น ภายในผลมีเม็ดราว 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ชนิดเป็นเสลดพังพอนตัวผู้ รวมทั้งเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างตรงที่เสมหะพังพอนตัวผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามแล้วก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงวยงงหลายๆแบบเรียนจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “
พญายอ” หรือ “พญาบ้องทอง” โดยเสลดพังพอนตัวผู้นั้นจะมีคุณประโยชน์ทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และตำรายาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสมหะพังพอนตัวเมียรากและเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและเปลือกต้น)ทั้งต้นรวมทั้งใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ต้นและใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำอย่างละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะผู้ป่วยราวๆ 30 นาที อาการไข้รวมทั้งลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (รับประทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานทีละโดยประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวประมาณ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำให้ละเอียดผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป และก็อาการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับระดู (ราก)
ใช้เป็นยาแก้รอบเดือนมาแตกต่างจากปกติ (ต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคดีซ่าน (ต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดประมาณ 3-4 ใบ เอามาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเพียงแฉะ ใช้พอกราวๆ 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการ (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดราวๆ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดนำมาตำให้รอบคอบผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟลุกหรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกแบบเรียนระบุว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเพราะว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด รวมทั้งแผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกกรดได้อีกด้วย เพียงนำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบโดยประมาณ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้เพียงพอแฉะ แล้วนำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองเจริญ ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนแปลงยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวเอามาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบเอามาโขลกผสมกับเกลือรวมทั้งสุรา ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าตรู่และเย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นรวมทั้งใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราว 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวราวๆ 1 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลกล่าวว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำบางส่วน ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
[/b]
คนกรุงจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการใช้ใบเสลดพังพอนตัวเมียสดราวๆ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มวาว ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเหลือเกิน) แล้วนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกวิธีให้ตระเตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล เอามาปั่นให้ถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ความจุต่ำลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) รวมทั้งเพิ่มเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับหนังสือเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับสุรา แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลนไฟให้ร้อน แล้วเอามาคลึงเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และยางสาวน้อยประแป้ง ด้วยการกางใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึก เหือด ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งรับประทานแล้วก็ทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปเล็กน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งต้นใช้เป็นยาพาราบวม กลยุทธ์ปวดเมื่อย ฟกช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้อาการปวดเมื่อยล้าเนื่องจากว่าเย็นเปียกชื้น (ต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยล้าบั้นท้าย (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลภายนอก
ข้อควรพิจารณาพญายอ: ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดเอามาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แม้กระนั้นในตอนนี้แนวทางลักษณะนี้ไม่เป็นที่นิยมแล้ว ด้วยเหตุว่าจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้กากติดแผล และอาจทำให้ติดเชื้อโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสลดพังพอนตัวเมียพญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ตัวอย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดลองในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม มีประสิทธิภาพต้านการอักเสบก้าวหน้า
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโลกรัม ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและก็สารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล แล้วก็เอทิลอะสิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านทานไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ แล้วก็จากรายงานการดูแลรักษาคนเจ็บโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir แล้วก็ยาหลอก โดยให้คนไข้ทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้ต่างอะไรในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้ป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งไม่เหมือนกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่ส่งผลให้เกิดการอักเสบรวมทั้งระคาย ในช่วงเวลาที่ acyclovir จะทำให้แสบ นอกจากนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนป่วยโรคเริม งูสวัด และแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบได้ดิบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสประเภทที่นำไปสู่เริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนป่วยหวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน รวมทั้งหายด้านใน 7-10 วัน จะมีจำนวนไม่ใช่น้อยกว่ากรุ๊ปหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บจะน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลข้างเคียงอะไรก็แล้วแต่9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษนิดหน่อย แต่จะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโลกรัม (เท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อโล) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่นำไปสู่อาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการเรียนพิษกึ่งเรื้อรังด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และก็ 540 มก.ต่อกิโลกรัม ให้หนูแรททุกวี่ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในช่วงเวลาที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงปรารถนาแม้กระนั้นอ
http://www.disthai.com/[/b]