กระทู้ล่าสุดของ: mmkmm25255

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / พริกไทยดำ ขอบชะนางขอบชะนาง ชื่อวิทยาศาสตร์ Gonostegia pentandra (Roxb.) เมื่อ: ธันวาคม 31, 2018, 06:13:32 am

พริกไทยดำ ขอบชะนางขอบชะนาง ชื่อวิทยาศาสตร์ Gonostegia pentandra (Roxb.) Miq.  (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Pouzolzia pentandra (Roxb.) Benn.) จัดอยู่ในวงศ์กะลังตังช้าง (URTICACEAEหรือ CROPIACEAE)สมุนไพรขอบชะนาง มีชื่อเขตแดนrthtyjykllulอื่นๆว่า ต้นหญ้ามูกมาย (oi;io;io';opสระบุรี),พริกไทยดำ ขอบชะนางขาeeว หนอehนตายopehrehpอยากขาว หนอนขาว ขอบชะนางtyyukแดง หljtyuiluiluilนอนตายอยากแดง หนอนแtyดง (ภาคpo'op'opกลาehrhjtyjtyjงyj), ต้นหo'op'ญ้าหนอนตาย (ภาคเหนือop'), ตาสียาเสียเวลาเปล่า โคนสีเพาykuyukyะเกล (กะเuyliuoio;หรี่ยง-แม่yukyukฮ่องสอน), เปลืi;io;iooอกมืนดิน jtyjเป็นต้tykytkyukนรูปแio;io;บบของjtyขอhrthบชะนางต้io;นขอjtyบชะนาtyjง มีเขo'o'poตjtyผู้กrthrรjtyjtyะทำระจายhrthrthrtio;ประเภทอrhjยู่io;oi;วทุกภาคของjtyประเทศio;op'opอjtyยู่ร่วมกัน io;2 จำพวก ยกoi;ตัวอย่างเช่น ขอบชะนางแดงio;แ;ละก็ขอบชะนางขาว ;io;oioโดยจัดเป็นพ;io;ioรรณไม้ล้มลุกtytyjtyชนิดหญ้า และก็jtyjtyล้วก็เลื้อยแผ่jtyjt;oi;yไปตามดินแต่ว่ายอดจะตั้งขึ้น io;ลำoi;ioต้นมีขนาดใหญ่กว่าก้านไม้ขีดเพียงนิดห;oน่อยio; โดยเป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นตามเรือกสวนริมร่อง แjytละก็ขึ้l;oi;uiนตามพื้นที่เป็นสุขที่มีก้;oi;อนอิฐปูนเก่าๆหรือจากที่ผุพัerง แพร่พันธุ์ด้วยtyjtyแนวท;ioางใช้ผ;ลลำต้นอยู่เหjtyนืjtyอดิน ตั้งตรงเองได้ ลำio;io;ต้นเรีio;ยบมีความio;สูงได้โดยประมาณoi;i; 2-3 ฟุตขอบชthjtyะนาoi;งแดงใบขอบชะนาง ใบเป็นใบผู้เดียว ออกเรียงสลับio;oi;กัน โดยใบขio;องขอบioชะนางแดงjtyjtyjจะyjtyมีลักษณะเป็นรูปใบหอก ใบมีขนาดกว้างราวๆ 1.5-2.5 ซม.และก็ยาว{ประมาณ|ราว|ราวๆ|โดยประมา;oio5-8 ซม. ส่วนขiioอบชะนางขาtyjวจะมีop;ลักษณ'p['tyj[pะของใบเป็นรูปค่อนttyytykข้าtyjงมนแล้วก็tyjกลyukyukyukyukมหรือเป็นรูปไข่พริกไทยดำ ใบมีขนาดกว้างtyjโดยประมาณ 1-1.5 เซนติเมตio;รและยาวราว 2-3 เซนติเมตร เส้นykuใบของทั้งสองชนิดสามารถเห็นได้แจ้งชัด เป็นเส้น 3 เส้น ใบจะมีขนาดใjytkuuiliuoliuoyหญ่โดยประมาณ edhrtjt2 กระเบียjhghmyukด,jนิ้ว ยาวโl./l/;/ดยประมาณ 1 นิ้วค/.รึ่ง ถึง 1 นิ้วฟุryjtytต สีของใบรวมjtyทั้งต้jtyนของขอjtyjบชะนางจะเป็นjtyสีม่วงอมสีแดง เฉพาะแผ่นใบนั้นสีจะเด่นชัด คือ หyukลังใบจะเป็นสีเขียวเข้มอมสีแดง และก็ท้อhgmghmงใบจะเป็ghmghนสีแดงคล้ำ แต่ถ้าเป็yukop'นขอบชะนางขาวสีของใบจะเป็นfgyukyukสีเขียวอ่ghอนๆแล้วก็mghmyukyukyทั้งสองชนิดพริกไทยดำจะมีขmghmนนิดหน่อยอยู่อีกทั้งบนแผ่นใบแล้yuวkก็ตyuามลำต้นดngmอกขอบชะนาpo'pgmo'ง ออกดอกเyukyuป็นช่อกระจุกตามgระหว่างซอกใบรวมทั้งตามกิ่ง ดอกมีukyขนาดเล็ก เป็jytนแบบแยกเพtyjศjty อยู่บนต้นเดียวกัน เป็นดอกเพศผู้กับดอกเพศtyjภรรยา โดยดอกขyukองขอyukบชytjะนางแดงจะเป็yukkนสีแดง ส่วนดอกขอyukงjขอบชtytyะนางขาวจjะเป็tyjtyนสีเyukขียวอมyukเหลืองหรือสีนวลผลขอบชะนางพริกไทยดำ ผลเป็นผลแห้งไม่แตกแบบ achene1 ผลเป็นสีน้ำตาลkyuออกเป็นกระจุกตามซอกyukyukkyuyukkใบ มีขนาดประมาณ 2-3 มิลลิเมtyjตร เมื่อแห้งแล้วyukจะร่วงหyukล่นลงบนtyjtytyjtyjtyดินหรือปลิวไปตามลม ภายในผลมีเมล็ดykราว 1-2 jเม็ด เมล็ดมีลักษณะกลมรีสีน้ำตาลและกพริกไทย[/url]ดำมีขjtyนาดเล็กมากมายสรรพคุณของขอบชะนางช่วยแก้อาการไม่อยkyuากอาหาร (ใช้ผลแห้ง โดยใช้สูตรเดียวกับการดูแลรักษาอาการปวดท้อง)ช่วยแก้อาการอ้วกเป็นฟอง
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ไพร ดอกไม้ดอกเล็กๆสีขาวบริสุทธิ์ที่มีกลิ่นหอม เมื่อ: ธันวาคม 05, 2018, 02:59:19 pm

ไพร ดอกไม้ดอกเล็กๆสีขาวบริสุทธิ์ที่มีกลิ่นหอมหวนชวนดมอย่าง "ดอกมะลิ" ถูกประยุกต์ใช้เป็นดอกไม้เครื่องหมาย "วันแม่" ด้วยเหตุว่าดอกมะyukyลิเปรียบเหuilมือนwรักอันบริสุทธิ์ขwergrhtrthองแม่ที่มีให้ลูกน้อยไพรไม่มีวันrhเสื่อมค;ลาย ราวความrthrthหอมของดอกมะลิที่หอมนาtyjน และมีดอกตลอดทั้งปี ยิ่งthrกว่านั้น คนประเทukyyศไทยuykยังนิยมนำดอกมะลิมาร้อยมาลัยบูชาพระ โดยเหyukตุนี้ ดอกมะลิ จึงเปรียบได้กับการบูชาแม่ผู้มีบุญคุณของลูกๆทุกคน แต่ ดอกมะลิ ดอกไม้ไทยแท้ชนิดนี้ มิได้มีดีเพียงแค่kyuukความหอม หรือนำไปร้อยพวงมาลัย แต่ว่ายังเป็uillดอกไม้ที่มีสาระtyeอีกเยอะมากไพร รวมทั้งซ่อนเร้นไว้ด้วยสรรพคุณทางยาสำหรัuiluiบในการช่วยบำบัดรักษาjytและก็รักษrthาการเจ็บ|ลักษณะของการเจ็บ|rthrthกษณะการเจ็บ}ป่วยได้เป็นอย่าuyงดีโดยที่e45hr45thพวกเราคิดไม่ถึง คงจะนึกไม่ถึiulงใช่ไหkyukมล่ะ ว่า "ดอกมะลิ" นี้มีอะไรดีๆมากกว่าที่oi;เห็นๆกัน งั้นก็จำเป็นต้องแนะนำให้รู้จักกันหน่อยแล้วพวงดอกไม้ดอกมะลิ ดอkyuกมะลิ  เป็นไม้ดอกไม้ปkyukระดับที่มีกลิ่นหอมเย็นใจให้ความรู้สึกสงwegบjytสุข มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Jasmine ส่วนชื่อทางภาษานักพฤกษศาสตร์ที่ใช้เรียกtyjtyชื่อกัน คือ Jasminum sambac (L.) Ait. เป็นพืชในตระกูล  Oleaceae ส่วนบ้านเราไม่ว่าจะเป็นภาคใด ตรงไหนก็เรียกว่า jtyดอกมะลิดอกมะqwfลิ กับลักษณะทางวิชาkyuพฤกษศาสตร์ เป็นไม้พุ่มขนาyukyuเล็กที่มีความสูงไม่เท่yuyukkkาไรนัก สูงอย่างเต็jtyมเปี่ยมส่วนมากไม่เjyukกิน 2 เมตร โดยเหตุjนี้ก็เลยluilทำใuilดอกมะลิukrykuykuyukได้รับความนิยiullมจากคนรักต้yukyukyukyนไม้ให้เป็นตัวเลืjtyอyuiuliukกแรกที่จะปลูyukกเอาไว้ในบ้าน มะลิเป็นkyukไio;ม้พุ่มที่แตกกิ่งก้าio;io;สาขาแขนงออกมาijtyo;นวนมาก กิ่งอ่อนจะมีluiขนสั้นๆนุ่มมือไพร ใบlio;oi;เป็นแบบใบโuilioดดเดี่ยวออกในลักษณะตรtluiuilงข้ามกัน ใบออกจะกลio;ม ปลาย;ioใบมน สีเขียวเข้ม ดอกเป็นแบบดอกลำพังio;หรือออกเป็นช่อก็ได้ โดยแต่ละช่อมี 2-3 ดอกluiluil กลีบเลี้uiยงเป็นหuyอดสีขาว กลีบสีขาวนวลตา กลิ่นหอมอวล ไม่ฉุนจัดกระทั่งเกินไukป เลี้ยงดูได้ไม่ยากไพร เติบโตไว ไม่ไ;ioด้อยากต้องกาuiluiloi;oi;รความเอาใจใส่ หรือuilต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษดอกมะลิดio;อกyukyukมะลิtyj กับคุณปyukyระโยชน์รวมukyuทั้งคุณประโยชน์  คนสมัยก่อkyukน นอกเหนือจากที่จะuiluilนิยมปลูกดiulอกมะลิเอาไว้เป็นพืชดอกไม้ประดัoi;oiบ เพื่อชื่นชอบกับดอกสีขio;าวสวยนุ่oi;มนวลชวio;นชมแล้ว เขายังเก็บดอกมะลิตูมมาใส่พานoi;หรือถ้าหากมีเวลาว่างพอก็oะเอามาร้อยเป็นมาลัชูราบบูชาพระอีกด้วย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ไพล

Tags : ไพล
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สรรพคุณเเละประโชน์ ชุมเห็ดเทศ เมื่อ: ธันวาคม 03, 2018, 04:20:02 pm

ชุมเห็ดเทศ
ชื่อสมุนไพร  ชุมเห็ดเทศ
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น ขี้คาก , ลับมืนหลวง , หมากกะลิงเทศ ,หญ้าเล็บมือหลวง (ภาคเหนือ) , ส้มเห็ด (เชียงราย) ,จุมเห็ด (มหาสารคาม) , ชุมเห็ดใหญ่ (ภาคกลาง) , ตะสีพอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ตุ๊ยเฮียะเต่า , ฮุยจิวบักทง (จีน) , ตุ้ยเย่โต้ว (จีนกลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Senna alata (L.) Roxb.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Cassia alata (L.) Roxb. , Cassia bracteata L.f.
ชื่อสามัญ  Acapulo, Candelabra bush, Candle bush, Ringworm bush
วงศ์  FABACEAE (LEGUMINOSAE ) - Caesalpinioideae
ถิ่นกำเนิด
ชุมเห็ดเทศ มีบ้านเกิดในเขตร้อนของทวีปแอฟริกา อเมริกาออสเตรเลีย รวมทั้งเขตร้อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศไทย สามารถพบได้มากในประเทศไทย ตามที่เปียกชื้น ทุกภาวะดินแต่ไม่ขอบที่ร่มมากมาย พบได้มากทั้งบริเวณที่ราบแล้วก็บนเขาที่มีความสูงไม่เกิน 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล
ลักษณะทั่วไป
ชุมเห็ดเทศจัดเป็นพุ่มไม้ขนาดกลาง สูง 1.5-3 เมตร ลำต้นแข็งมีเนื้อไม้ ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นแนวขนานกับพื้นดิน กิ่งจะแผ่ขยายออกทางข้างๆ มีขนสั้นนุ่ม เปลือกลำต้นเรียบเป็นสีน้ำตาล ใบเป็นใบประกอบแบบขนปลายคู่ ออกเรียงสลับ ใบย่อย 8-20 คู่ ยาว 5-15 ซม. ใบย่อยรูปขอบขนาน ยาว5-15 ซม. แกมรูปรี โคนใบมน ปลายใบมน กลม หรือเว้านิดหน่อย ไม่มีต่อม ฐานใบมนไม่เท่ากันทั้งสองด้าน ขอบของใบเรียบมีสีแดง ศูนย์กลางใบครึ้ม ยาวโดยประมาณ 30-60 ซม. ก้านใบประกอบยาวประมาณ 2 เซนติเมตร หูใบรูปติ่งหู สามเหลี่ยม ยาว 6-8 มม. ติดทน ดอกย่อยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 เซนติเมตร ก้านดอกย่อยสั้นมากมาย ใบประดับประดาเป็นแผ่นบางๆกลีบเลี้ยงสีเขียวปลายแหลมมี 5 กลีบ กลีบดอกสีเหลืองปลายมนมี 5 กลีบ ลายเส้นที่กลีบดอกเห็นได้ชัด เกสรตัวผู้ยาว ไม่เท่ากัน เกสรตัวเมียมี 1 อัน ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปแถบ ยาว แบน รวมทั้งเกลี้ยงไม่มีขน ฝักมีขนาดยาวโดยประมาณ 10-20 เซนติเมตรและกว้างประมาณ 1.5-2 ซม. มีสันหรือปีกกว้าง 4 ปีก ปีกกว้างโดยประมาณ 5 มิลลิเมตรตามความยาวของฝัก ฝักมีฝาผนังกั้น ฝักเมื่อแก่จะเป็นสีดำและก็แตกตามยาว ด้านในฝักมีเมล็ดประมาณ 50-60 เม็ด เม็ดเป็นสามเหลี่ยมสีดำ มีผิวตะปุ่มตะป่ำ มีขนาดกว้างโดยประมาณ 5-8 มิลลิเมตรและก็ยาวราว 7-10 มม.
การขยายพันธุ์ ชุมเห็ดเทศสามารถแพร่พันธุ์ได้ 2 วิธีเป็นการใช้เมล็ดและก็การปักชำ แต่ว่าส่วนมากจะนิยมเพาะพันธุ์ด้วยเม็ดมากยิ่งกว่าซึ่งมีวิธีการปลูกดังต่อไปนี้
1. การเตรียมดินให้กำจัดวัชพืชและก็เศษสิ่งของ พร้อมกับไถลูกพรวนแล้วก็ตากดินไว้ 7-15 วัน แล้วให้ปุ๋ยคอกอัตรา 2 ตันต่อไร่
2. การเตรียมชนิด คัดเลือดเม็ดที่แก่จัดแล้วนำมาแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วคลุกกับทรายในอัตรา 1: 1-2 แล้วหุ้มด้วยผ้าขาวบาง รดน้ำให้เปียกแฉะ เก็บในที่ร่ม 1-2 วัน เม็ดก็จะเริ่มแตกหน่อ
3. การปลูก แม้ปลูกแบบหยอดหลุมด้วยเม็ดที่เริ่มงอก ให้หยอดหลุมละ 5-6 เมล็ดให้มีระยะห่างระหว่างต้น และก็ระหว่างแถว 3x4 เมตร เมื่อปลูกเสร็จใช้ผางปกคลุมบางๆรดน้ำให้เปียกแฉะ ถ้าหากปลูกแบบใช้ต้นกล้าให้น้ำต้นกล้าที่เพาะจากเม็ดที่แก่ 30 วัน หรือมีใบจริง 5-7 ใบ มาปลูกลงแปลง รดน้ำให้เปียก ปักไม้ค้ำยันไว้รวมทั้งผูกชิดกับต้นกล้าแล้วคลุมโคนต้นด้วยผางและก็ควรจะรดน้ำให้ชุ่มเสมอในช่าง 2 เดือนแรก
ส่วนประกอบทางเคมี ชุมเห็ดเทศมีส่วนประกอบทางเคมีที่สำคัญมีสารกลุ่ม Anthraquinone โดยในใบชุมเห็ดเทศ ต้องมีสาระสำคัญ Hydroxy-anthracene derives ไม่น้อยกว่า 1.0% w/w (โดยคำนวณเป็น rhein-8-glucoside) อย่างเช่น Aloe-emodin, Chrysophanol , Chrysophanic acid, lsochrysophanol, Physcion glycoside, Terpenoids, Sennoside, Sitosterols, Lectin, Rhein.

ผลดี / สรรพคุณ [/size][/b]
หนังสือเรียนยาไทย: ใช้ด้านในแก้ท้องผูก เป็นยาระบาย ไปกระตุ้นทำให้ลำไส้ใหญ่บีบตัวดีขึ้น สมานธาตุรักษากระเพาะอักเสบ แก้กษัยเส้น ทำหัวใจให้ปกติขับฉี่ ขับพยาธิ ใช้ด้านนอก รักษาฝี และก็แผลพุพอง รักษากลาก เกลื้อน โรคผิวหนัง อมบ้วนปาก รักษาผิวหนังอักเสบเป็นผื่นคัน เส้นประสาทอักเสบ โดยใช้ส่วนของ ใบ เป็นยาถ่าย ใช้ข้างนอกรักษากลาก แก้แมลงสัตว์กัดต่อย และก็โรคผิวหนังอื่นๆใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด ใบสด ใช้รักษากลากเกลื้อน ตำพอก เร่งหัวฝี ใบแล้วก็ดอก ทำยาต้มรับประทาน เป็นยาระบายแก้ท้องผูกขับเสลดในรายที่หลอดลมอักเสบ รวมทั้งแก้หืด เม็ด มีกลิ่นเบื่อ รสเหม็นเบื่อน้อยใช้ขับพยาธิ แก้ตานซาง แก้ท้องเฟ้อ แก้นอนไม่หลับ ฝัก มีรสเหม็นเบื่อเบื่อ แก้พยาธิ เป็นยาระบาย ขับพยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน ต้นและก็ราก แก้กษัยเส้น แก้ท้องผูก บำรุงหัวใจเปลือกและแก่นไม้ ใช้ขับน้ำเหลืองเสีย ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันระบุว่า ชุมเห็ดเทศเป็นยาระบายที่ดี เนื่องจากมีทั้งแอนทราควิโนน ซึ่งเป็นยาระบาย และแทนนิน ซึ่งเป็นยาฝาดสมาน จึงเป็นยาระบายที่สมานธาตุในตัว รวมทั้งในชุมเห็ดเทศยังมีพฤกษเคมีที่เป็นยาและก็สารต้านนุมูลิอิสระสำคัญหลายแบบ โดยมีการทดสอบสารสกัดหยาบคายจากใบ เปลือกลำต้น ดอก ผล สกัด โดยใช้เอทิลอะสิเตทแล้วก็เมทานอล พบสารฟลาโวนอยด์ แอนทราควิโนน คูมาริน ซาโปนิน แทนนิน เทอร์ปินอยด์ สเตอร์รอยด์ แล้วก็คาดิแอคไกลโคไซด์ แต่ว่าไม่เจอสารแอลคาลอยด์ ในทุกส่วนของชุมเห็ดเทศ และก็พบว่าสารสกัดอีกทั้ง 8 แบบอย่าง มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ยิ่งไปกว่านี้ สารสกัดทั้งยัง 8 แบบอย่างสารมารถต้านเชื้อ Bacillus subtilis และก็ Staphy-lococcus aureus ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารสกัดเมทานอลจากดอกชุมเห็ดเทศประเภทเดียวเท่านั้นที่ต่อต้านเชื้อ Pseudomonas auroginosa ได้ แต่ไม่มีสารใดที่มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อ E.coli การศึกษาเล่าเรียนการออกฤทธิ์ของ Senna alata (L.) Roxb. หรือชุมเห็ดเทศสำหรับการยับยั้งการก้าวหน้าของเชื้อก่อโรคพบว่าสารสกัดจากชุมเห็ดเทศสามารถยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรคได้หลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น เชื้อรา แบคทีเรีย เชื้อไวรัส ปรสิต รวมทั้งยังมีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต่อต้านการก่อยั้งเนื้องอก เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะ ลดการอักเสบ แก้ปวดอีกด้วย
รูปแบบ/ขนาดวิธีใช้

ท้องผูก ใช้ใบจำนวน 12-15 ใบย่อย ตากแห้ง คั่ว (หากไม่คั่วซะก่อน จะกำเนิดอาการข้างๆ เป็นอาจมีอาการอาเจียนอ้วก เมื่อคั่วความร้อนจะช่วยให้สารที่ออกฤทธิ์ทำให้อ้วกอาเจียนสลายไป) และจากนั้นจึงนำไปต้มกับน้ำพอเหมาะ ดื่มครั้งเดียวก่อนกินอาหารช่วงเช้ามืด หรือก่อนนอน หรือใช้ผงใบ 3-6 กรัม ชงน้ำเดือด 120 มิลลิลิตร เป็นเวลา 10 นาที ดื่มก่อนนอน บางทีอาจทำเป็นยาลูกกลอนก็ได้ หรือใช้ช่อดอกสด 1-3 ช่อดอก ลวก จิ้มน้ำพริก หรือใช้ดอก 1 ช่อ กินใหม่ๆเป็นยาระบาย รวมถึงใช้ใบแล้วก็ก้านขนาดใหญ่ ราวๆ 3-5 ช่อ เอามาต้มกับน้ำราวๆ 2 ขัน(1500 ซี.ซี.) ต้มให้เดือดเหลือน้ำราว 1/2 ขัน ใส่เกลือพอมีรสเค็มน้อย ดื่มวันละ 1 แก้ว (250 ซี.ซี.)ครั้งถัดมา รับประทานดอกครั้งละโดยประมาณ 1 ช่อ
การใช้ชุมเห็ดเทศรักษากลาก เกลื้อน นำใบสดมาตำอย่างละเอียดใช้ทาบริเวณที่เป็นขี้กลากหรือผื่นคัน หรืออาจนำใบชุมเห็ดเทศ 3-4 ใบ มาตำให้รอบคอบเพิ่มน้ำมะนาวหน่อยเดียว ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง หรือใช้ใบสดขยี้ถูนานๆแล้วก็บ่อยๆตรงบริเวณที่เป็น
รวมถึงใช้ใบสด 4-5 ใบ ตำรวมกับกระเทียม 4-5 กลีบ แล้วเพิ่มปูนแดงบางส่วน ทาบริเวณที่เป็นซึ่งได้ใช้ไผ่บางๆฆ่าเชื้อโรคแล้วขูดผิวบริเวณที่นั้นให้มีสีแดง(กรณีกลาก) ทาวันละ3-4 ครั้ง จนกว่าจะหาย รวมทั้งเมื่อหายแล้วให้ทาไปอีก 1 อาทิตย์ หรือจะใช้ใบสดตำแช่สุรา เอาส่วนเหล้าทาบริเวณที่เป็นวันละ 2-3 ครั้ง จนกว่าจะหาย พบว่าได้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ว่าไม่ค่อยเห็นผลในขี้กลากที่ผมรวมทั้งเล็บ
รักษาฝีแผลพุพอง ใช้ใบชุมเห็ดเทศ 1 กำมือ ต้มกับน้ำพอท่วม ต้มให้เหลือ 1 ใน 3 นำมาล้างฝีที่แตกแล้ว หรือแผลพุพอง วันละ 2 ครั้งเช้า เย็น ถ้าเกิดรอบๆที่เป็นกว้างมากใช้สมุนไพร 10-12 กำมือ ต้มกับน้ำใช้อาบตอนเช้าเย็น จนกว่าจะหาย
ใช้ใบสดตำพอก เพื่อเร่งให้หัวฝีออกเร็วขึ้น หรือจะใช้ใบผสมกับน้ำปูนใสหรือเกลือหรือน้ำมันตำพอก รักษาขี้กลาก แมลงสัตว์กัดต่อย โรคผิวหนัง ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้ใบตำพอกหรือคั้นเอาน้ำผสมน้ำปูนใสทาหรือผสมวาสลิน ใช้ทำเป็นยาขี้ผึ้งทาได้อีกด้วย
ส่วนยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติที่ชี้แนะให้ใช้เป็น กินครั้งละ 1 – 2 ซอง (ใบชุมเห็ดเทศแห้งซองละ 3 กรัม) (3 – 6 กรัม) ชงในน้ำเดือด 120 มล. นาน 10 นาที วันละ 1 คราวก่อนนอน บรรเทาอาการท้องผูก
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์กระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเท่ากันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5 กรัม/กก. ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ปริมาณร้อยละ 25 ของฤทธิ์จากฮีสตามีน 1 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำขนาดเสมอกันผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 10 แล้วก็ 20 กรัม/กิโลกรัม มีผลเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ของหนูเม้าส์ได้มากกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 15 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูตะเภาหดตัวได้ในหลอดทดสอบ ในขณะที่สารกลัยโคไซด์จากใบชุมเห็ดเทศมีฤทธิ์กระตุ้นกล้ามเรียบในลำไส้
ฤทธิ์สำหรับในการรักษาอาการท้องผูก เมื่อให้สารสกัดจากใบชุมเห็ดเทศแห้งด้วยน้ำร้อนกับหนูแรททางปากในขนาด 500 และ 800 มิลลิกรัม/กิโลกรัม พบว่ามีฤทธิ์ช่วยระบาย และก็เมื่อให้สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำกับหนูเม้าส์ทางปากในขนาดเทียบเท่าผงใบชุมเห็ดเทศแห้ง 5, 10 แล้วก็ 20 กรัม/กิโลกรัม จะทำให้หนูเม้าส์ถ่ายเหลว โดยการให้ในขนาดต่ำ (5 กรัม/กก.) จะออกฤทธิ์ช้ากว่าในขนาดสูง (10 แล้วก็ 20 กรัม/โล) สาร anthraquinone glycoside จากใบตัวอย่างเช่น isocrysophanol, physcion-l-glycoside, chrysophanol, emodine, rhein, แล้วก็ aloe-emodin มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย
ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลชีวัน สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำ สารสกัดด้วยเอทานอล สารสกัดด้วยเมทานอล แล้วก็สาร aloe-emodin, rhein emodol, 4,5-dihydroxy-1-hydroxymethylanthrone, 4,5-dihydroxymethylanthraquinone รวมทั้ง chrysophanol จากใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อราที่ผิวหนังยกตัวอย่างเช่น Epidermophyton floccosum , Microsporium gypseum, Trichophyton rubrum , T. mentagrophytes รวมทั้ง M. canis เมื่อเทียบกับยา tolnaftate สารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งเอทานอลจากเปลือกต้นชุมเห็ดเทศสามารถยับยั้งเชื้อยีสต์ Candida albicans ได้ โดยที่ความเข้มข้น 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร จะได้ผลดีเมื่อเปรียบเทียบกับยา ticonazole 30 ไมโครกรัม/ไมโครลิตร แม้กระนั้นสารสกัดจากใบด้วยน้ำและก็เอทานอลไม่มีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อยีสต์ น้ำมันหอมระเหยจากใบชุมเห็ดเทศ สารสกัดจากเปลือกต้นด้วยเมทานอล มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis ในจานเพาะเชื้อได้ปานกลาง สารสกัดด้วยน้ำจากใบชุมเห็ดเทศสามารถยั้งเชื้อ Escherichia coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อพอดีความเข้มข้นมากกว่า 21.8 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
ผลที่เกิดจากการวิจัยทางคลินิก (clinical pharmacology) การเรียนฤทธิ์สำหรับการรักษาอาการท้องผูก การเรียนทางสถานพยาบาลแบบสุ่มมีกลุ่มควบคุมระหว่างชงชาชุมเห็ดเทศ มิสท์แอลบา แล้วก็ยาหลอก ในโรงหมอชุมชน 5 ที่ และก็โรงหมอทั่วไป 1 ที่ ผู้ป่วยที่ไม่อุจจาระติดต่อกันเกิน 72 ชั่วโมง ปริมาณ 80 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรก รับยาหลอกเป็นน้ำ เติมสีคาราเมล 120 มล. จำนวน 28 ราย กรุ๊ปที่สองรับยามิสท์แอทบา 30 มิลลิลิตร น้ำ 90 มิลลิลิตร จำนวน 28 รายและกรุ๊ปที่สามรับน้ำละลายชุมเห็ดเทศ ได้จากการชงผงชุมเห็ดเทศจำนวน 3-6 กรัม ในถุงกระดาษ แช่ลงไปภายในน้ำเดือด 120 มิลลิลิตร นาน 10 นาที ปริมาณ 24 ราย คนป่วยทั้ง 3 กรุ๊ปมีลักษณะไม่มีความต่างกัน ได้รับยารับประทานก่อนนอนประเมินผลจากการขี้หรือเปล่าขี้ข้างใน 24 ชั่วโมง พบว่า เห็นผลอึข้างใน 24 ชั่วโมง ร้อยละ 18,86 รวมทั้ง 83 ตามลำดับ ซึ่งพบว่าผลของกลุ่มชุมเห็ดเทศและมิสท์แอลบาดีกว่ายาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแต่ว่าเจออาการท้องเดินในกรุ๊ปที่ได้รับมิสท์แอลบามากยิ่งกว่า ผู้ป่วยกรุ๊ปที่ได้รับชุมเห็ดเทศมีความพึงพอใจมากกว่ายาหลอก สรุป ยาชงชุมเห็ดเทศมีประสิทธิภาพที่ดีสำหรับในการรักษาท้องผูก
ส่วนอีกการทดสอบหนึ่งพบว่าเมื่อผสมผงใบชุมเห็ดเทศในของกินในขนาดปริมาณร้อยละ 2 แล้วก็ 10 ของของกิน แล้วให้หนูแรทรับประทานนาน 4 อาทิตย์ จะเจอแผลในไส้ ตับ และก็ไต รวมทั้งหรูหราฮีโมโกลบินรวมทั้ง packed cell volume (PCV) สูงขึ้น แม้กระนั้นจำนวนเม็ดเลือดแดงต่ำลงใน 2 สัปดาห์แรก เมื่อใส่สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอลขนาด 100 มิลลิกรัมในน้ำให้หนูแรทกินนาน 14 วัน พบว่ากำเนิดแผลในตับ เซลล์ตับตายขจัดขจายและก็มีการคั่งของเลือดในเส้นเลือดดำ การฉีดสารemodin แล้วก็ kaemferol ขนาด
10 มิลลิกรัม เข้าช่องท้องหนูแรทติดต่อกัน 14 วัน หรือฉีดสาร aloe-emodin ขนาด 100 มิลลิกรัม สาร rhein ขนาด 70 มก. เข้าท้องนาน 4 วัน พบว่ากำเนิดแผลในตับของหนูทุกกรุ๊ป กลุ่มที่ได้รับ aloe-emodin จะพบเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย หนูทุกกลุ่มหรูหราฮีโมโกลบิน แล้วก็ PCV น้อยลงภายใน 14 วัน เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด 10, 50, 100 และ 250 มิลลิกรัม/กก. ให้หนูแรทนาน 14 วัน จะพบระดับฮีโมโกลบินและก็ เม็ดเลือดแดงมากขึ้น ในขณะเดียวกันหนูมีลักษณะอาการเบื่ออาหาร ผอมแห้งแรงน้อยและก็น้ำหนักลด
การเล่าเรียนในผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคกลากและเกลื้อนสารสกัดจากใชุมเห็ดเทศ[/url]ด้วยแอลกอฮอล์และครีมชุมเห็ดเทศเข้มข้นปริมาณร้อยละ 20 สามารถรักษาคนไข้โรคกลาก 30 ราย และโรคเกลื้อน 10 ราย ได้ดิบได้ดีเท่ากันกับยาขี้ผึ้ง whitfield แต่ว่าไม่เป็นผลรักษาราที่เล็บรวมทั้งหนังหัว ยาจัดแจงชุมเห็ดเทศในรูปแบบทิงเจอร์แล้วก็ครีม(ซึ่งมีสารสำคัญ rhein 600 ไมโครกรัม/กรัม) ได้ผลสำหรับในการรักษาผู้ป่วยโรคกลากเกลื้อนที่ผิวหนังได้เหมือนกับยาครีมโคลตรีมาโซลร้อยละ 1 สารสกัดใบชุมเห็ดเทศสดด้วยน้ำ (ใบสด 100 กรัมต่อน้ำ 50 มิลลิลิตร) ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 100 ทาบริเวณแขน และก็ขา หรือความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 90 ทาบริเวณคอ และมือ แล้วก็ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 80 ทาบริเวณหน้า วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน 2 ชั่วโมง มีผลรักษาโรคกลากโรคเกลื้อนชนิด Pityraisis versicolor ที่มีต้นเหตุมาจากเชื้อรา Malassezia furfur ในผู้ป่วยปริมาณ200 คนได้
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ การทดลองความเป็นพิษกระทันหัน พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์จำนวนร้อยละ 50 ในขนาด 15 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 โล ไม่มีพิษเมื่อให้หนูเม้าส์ทางปากและก็ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง แต่ว่ามีความเป็นพิษน้อยเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ และเมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ85 เข้าทางช่องท้องหนูเม้าส์ในขนาด 2 กรัม/โลก็ไม่เจอความเป็นพิษ สารสกัดจากใบด้วยน้ำและสารสกัดจากส่วนเหนือดินของชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ 50 มีความเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าทางท้องหนูเม้าส์
โดยขนาดของสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ปริมาณร้อยละ 50 ที่ทำให้หนูถีบจักรตายจำนวนร้อยละ 50 (LD50) คือ ขนาดที่ให้ทางปากรวมทั้งทางผิวหนังมากกว่า 15 กรัมต่อกิโลกรัมและทางท้อง 8.03 กรัมต่อกิโล
การทดลองพิษครึ่งหนึ่งเรื้อรังของผงใบชุมเห็ดเทศในหนูขาววิสตาร์ 4 กลุ่ม กลุ่มละ 24 ตัว (เพศผู้ 12 ตัว เพศเมีย 12 ตัว) เป็นกลุ่มควบคุมและกรุ๊ปที่ได้รับยาทางปากขนาด 0.03 , 0.15 แล้วก็0.75 กรัมต่อกิโลต่อวัน (ซึ่งเทียบได้กับได้รับ 1 5 และก็ 25 เท่า ของขนาดที่รักษาในคน) ผลคือ ไม่เจอพิษทุกกลุ่ม มีการเจริญวัยปกติการตรวจทางโลหิตวิทยาและชีวเคมีปกติ ไม่เจอพยาธิสภาพและจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายในที่ไม่ดีเหมือนปกติ
พิษต่อระบบสืบพันธุ์ เมื่อฉีดสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ร้อยละ 50 เข้าช่องท้องหนูแรทในขนาด 125 มก./โล ไม่มีผลทำให้แท้งและไม่เจอพิษต่อตัวอ่อนแต่ผลต่อความเคลื่อนไหวของรอบเดือนไม่ชัดแจ้ง ส่วนสารสกัดจากใบด้วยน้ำขนาด300ไมโครกรัม/มล. มีฤทธิ์ทำให้มดลูกหนูแรทหดตัวในหลอดทดลองรวมทั้งมีฤทธิ์เสริม oxytocin
พิษต่อเซลล์ การทดลองความเป็นพิษต่อเซลล์โดยใช้ brine shrimp พบว่าสารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยน้ำในขนาด 7.74 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ทำให้ brine shrimp ตายไปกึ่งหนึ่ง และก็สารสกัดนี้มีความเป็นพิษต่อเซลล์ Vero โดยความเข้มข้น 1,414 ไมโครกรัม/มล. ทำให้เซลล์ Vero ตายไปครึ่งเดียว
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ สารสกัดใบชุมเห็ดเทศด้วยเอทานอล มีผลก่อกลายพันธุ์ในSalmonella typhimurium strain TA98 และพบว่าสารสกัดชุมเห็ดเทศด้วยแอลกอฮอล์ มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ S. typhimurium strain TA98 และก็TA100 โดยสำหรับเพื่อการออกฤทธิ์ปรารถนาเอนไซม์จากตับหนูกระตุ้นการออกฤทธิ์
ข้อเสนอ/ข้อควรปฏิบัติตาม

1. รอบคอบการใช้ในเด็กอายุต่ำยิ่งกว่า 12 ปี ผู้เจ็บป่วย inflammatory bowel disease รวมทั้งภาวะทางเดินอาหารอุดตัน คนสูงอายุ หญิงให้นมบุตร เพราะเหตุว่าสารmetabolite บางตัวเช่น rhein ถูกคัดเลือกหลั่งทางน้ำนม
2. ควรที่จะใช้ยาระบายเป็นครั้งคราว ไม่ควรใช้ติดต่อกัน เพราะว่าสารแอนทราควิโนนในใบชุมเห็ดเทศ มีฤทธิ์ทำให้ลำไส้บีบตัวและขยับเขยื้อนเร็ว ใช้ติดต่อนานจะมีผลให้ลำไส้เคยชินต่อการใช้ยา ถัดไปถ้าไม่ใช้จะมีผลให้ไส้ไม่บีบตัวไม่ขยับเขยื้อนกำเนิดอาการท้องผูกhttps://www.disthai.com/[/b]
3. การรับประทานยาในขนาดสูงอาจจะเป็นผลให้เกิดไตอักเสบ มีเลือดหรือโปรตีนในฉี่มากยิ่งกว่าปกติ
4. การใช้ต่อเนื่องนานๆอาจมีผลลดจำนวนเม็ดเลือดแดง และฮีโมโกลบิตแล้วก็อาจก่อให้เกิดแผลที่ตับ
5. การใช้ตลอดในขนาดสูงนานๆอาจกำเนิดระบบการดูดซึมผิดปกติ มีการดูดกลับของเหลวลดลง เกิดภาวะระดับโพเทสเซียมรวมทั้งแคลเซียมในเลือดต่ำ
6. ห้ามใช้ในสตรีท้อง
7. การใช้ชุมเห็ดเทศในระยะแรกๆอาจส่งผลให้เกิดอาการไม่ปรารถนา ดังเช่นว่า ลักษณะของการปวดมวนท้องเนื่องด้วยการบีบตัวของลำไส้ใหญ่และก็อาจมีอาการอาเจียน อาหารไม่ย่อยแล้วก็ปวดท้องได้
หนังสืออ้างอิง
1. ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.ชุมเห็ดไทย/ชุมเห็ดเทศ.คอลัมน์ สมุนไพรน่ารู้.แมกกาซีนหมอชาวบ้าน.เล่มที่ 26 .ก.ค. .2524
2. ฉัตรโย สวัสดิไชย,สุรศักดิ์ อิ่มใหม่.ชุมเห็ดเทศ.ยาน่ารู้.วารสารศูนย์การเล่าเรียนแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า.ปีที่ 34 ฉบับที่4.ตุลาคม-ธ.ค..2560 หน้า.352-355
3. ดร.วิทย์ เที่ยงตรงบูรณธรรม.“ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือพจนานุกรมสมุนไพรไทย, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5. หน้า 271-274.
4. เปี่ยม บุณยะโชติ. ตำราเรียนโบราณเกี่ยวกับโรคเด็กแล้วก็สุภาพสตรี. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เฟื่องอักษร, 2514. หน้า 39.
5. กองวิจัยทางการแพทย์. สมุนไพรประจำถิ่น ในตอนที่ 1. กรุงเทพมหานคร: กรมวิทยาศาตร์การแพทย์. กระทรวงสาธารณสุข, 2526. หน้า 34.
6. ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, เครื่องหมายชัย มังคละปะทุปต์. “ชุมเห็ดเทศChumhet Tet)”. หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1 หน้า 108.
7. พระเทวดากระจ่างเมาลี. หนังสือเรียนยากลางบ้าน. จังหวัดกรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มงกุฏราชวิทยาลัย, 2524. หน้า 140.
8. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ม.อบ..
9. วิทยา บุญวรพัฒน์. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีนที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. หน้า 208.
10. เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก. “ชุมเห็ดเทศ”. หนังสือสมุนไพรบรรเทาเบาหวาน 150 จำพวก. หน้า 74-75.
11. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ชุมเห็ดเทศ Ringworm Bush”. หนังสือสมุนไพรสวนสิรีต้นไม้. หน้า 75.
12. ชุมเห็ดเทศ.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ม.อบ..
13. คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา. บัญชียาจากสมุนไพร พ.ศ. 2549 ตามประกาศคณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) พุทธศักราช2549 เรื่องบัญชียาหลักแห่งชาติพ.ศ. 2547 (ฉบับที่ 4). กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์รวมกันสหกรณ์การเกษตรที่เมืองไทยจำกัด, 2549
14. วันดี กฤษณพันธ์ แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ ดอกมะลิ ตรีบารมี สุภาวี อาชวาคม. การศึกษาฤทธิ์ต้านเชื้อราของสารแอนทราควิโนนจากใบชุมเห็ดเทศ. การสัมมนาวิชาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เมืองไทย ครั้งที่ 24, 19-21 ตุลาคม ณ. ศูนย์สัมมนาแห่งชาติสิริกิตติ์ กรุงเทพฯ, 2541.
15. Harrison J, Garro CV. Study on anthraquinone derivatives from Cassia alata L. (Leguminosae). Rev Peru Bioquim 1977;(1):31-2.
16. จินตนาการ สุทธชนาความรื่นเริง และก็ภาควิชา. ฤทธิ์ต้านทานเชื้อราของใบชุมเห็ดเทศ. รวมบทคัดย่องานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยการแพทย์แผนไทยรวมทั้งทิศทางการค้นคว้าในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
17. Akah PA. Abortifacient activity of some Nigerian medicinal plants. Phytother Res 1994;8(2):106-8.
18. Plengvidhya P, Suvagondha C. A study of diagnostic contents of leaves of some members in genus Cassia. J Pharm Assoc Siam, Third series 1957;10(1):10-2.
19. เกษร นันทจิต. ฤทธิ์ต้านทานจุลชีพของใบชุมเห็ดเทศ (Cassia alata Linn.). รายงานการวิจัย สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2538.
20. เสาวลักษณ์ ดงษ์งาม. ฤทธิ์ต้านจุลอินทรีย์ของสารสกัดจากพืชสกุล Cassia sp. รายงานการวิจัย ที่ทำการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, 2543.
21. Thamlikitkul V, Dechatiwonges T, Chantrakul C, et al. Randomized controlled trial of Cassia Alata Linn. for constipation. J Med Assoc Thai 1990;73(4):217-21.
22. Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P. Study on toxicity of Thai medicinal plants. Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
23. Rao JVLN, Sastry PSR, Poa RVK, Vimaladevi M. Occurrence of kaempferol and aloe-emodin in the leaves of Cassia alata. Curr Sci 1975;44(20):736-7.
24. ทุ่งนาถฤดี สิทธิสมตระกูล ทรงพล ชีวะพัฒน์ เอมมโน หวังหมัด สุธิดา ไชยราช พัชรินทร์ รักษามั่น จรินทร์ จันทรฉายะ. พิษของใบชุมเห็ดเทศ. นิตยสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์2534;33(4):145-54.
25. Somchit MN, Reezal I, Nur IE, Mutalib AR. In vitro antimicrobial activity of ethanol and water extracts of Cassia alata. J Ethnopharmacol 2003;84:1-4.
26. Fuzellier MC, Mortier F, Lectard P. Antifunga
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ดาวเรือง ผักหนาม อย่ารู้สึกว่าเป็นเพียงแค่พืชริมน้ำ เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2018, 04:32:57 pm

ดาวเรือง ผักหนาม อย่ามีความรู้สึกว่าเป็นเพียงแค่พืชริมน้ำ หรือเป็นพืชอันตรายที่มีหนามมาก เพราะในความy,เป็นจริงแล้วผักหymนio;ามrynjyuมีคุณประโยชน์ดาวเรืองและ{สรรพคุณ|คุณประโยชน์?p'มากยิ่งกว่าที่ทุกคนคิด ! ผักหนาม คืออะไร ? เชื่อว่าห;'ลายๆคนอาจไม่เคยรู้กับผักจำพวกนี้ แม้กระนั้iol;op;น;ioคงจะเพียงพio;io;อเดาไyjtyด้ว่าจะต้องมีหนามมากแน่นอนrthซึ่งจริงๆแล้วผั;ioหนามเป็นioผักที่สามารถesrhrytyjhehjyพบเห็นได้rthiulทั่yukyukวไปในป่า และก็พื้นที่ชื้น บริเuiวณริมแม่น้ำ ukyukลำคลอง คนสามัญที่รู้จักผักuilหนาytyjtyjikiuมส่วนใหญ่จะเอามาทำเป็นuiอาหารio;ทานจ้ะ ด้วยเหตุว่าผักหนามนับว่าเป็fjnyukนผักที่มีคุณiปรtjtuilะโยชน์แลuilให้ท่านค่าทางโภชนาการมากทีเดียว วัuiliuluiนkนี้พวกเluiluoi;jyuiliuราเลยนำเรื่องราวและคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจuilากผักหio;io;นuiluiามมาฝากกันiจ้ะ ผักio;หนาม หรือกะลี มีชื่อด้านวิทยาiศ;าสตร์io;ตั้งชัน oi;มีหนามแหลมตามลำต้นio;รวมทั้งใบ ชอบขึ้นตามดินio;io;โคลนและก็พื้นที่ชื้นชายน้ำ พio;บในเอเชียเขตร้อนอย่างตอนio;ใต้ของจีน เอเio;ชียตะวันออกเฉีoi;ยงใต้ รวมทั้งอินเดีย นิยมเด็ดมาต้มกินกับน้ำพริก ซึ่งนอกจากจะรับประทานกับน้ำพริกอร่อยแล้ว คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากผักหนามยังมีอีกเยอะเลยค่ะ แต่ก่อนจะไปดูประโยชน์ที่ได้รับมาจากผักหนาม เรามาทำความรู้จักผักหนามให้มากยิ่งกว่านี้กันก่อนจ้ะลักษณะทางพฤกษ์ศาสตร์ของผักหนามลำต้น : ลำต้นผักหนามเป็นเหง้าแข็งอยู่ใต้ดิน เลื้อยขนานกับพื้น มีหนามแหลมอยู่ตามลำต้น โดยลำต้นจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-5 เซนติเมตร ดาวเรืองและยาวได้ถึง rjyuk75 เซนติเมตร ถูกใจขึ้นบริเวณที่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง ใบ : ใบของผักหนามเป็นใบคนเดียวทtuรงหัวลูกศร ผืนใบเรียบ สีเขียวเข้ม ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉกเกือบถึงเส้นกึ่งกลางใบ เรียงสลับกัน โดยใบมีความกว้างมากยิ่งกว่า 25 เซนติเมตร ยาวราว 30-40 เซนติเมตร มีหนามอยู่บริเวณข้างหลังแล้วก็เส้นกลางใบ ส่วนใบอ่อนจะม้วนเป็นแท่งกลม ปลายแหลมoi;ก้าน : ก้านของผักหนาio;มมีรูปทรงกระบอก แข็ง ยาวราว 40-120 ซม. รylukวมทั้งมีหนามแหลมตามก้านใบ ดอก : ดอกของผักหนามเป็นช่อเชิงลด เป็นเป็นช่อดอกแบบไม่สิ้นสุด มีทรงกระบอก เป็นแท่งยาวเท่ากับใบ ราวๆ 4 เซนติเมตร ออกมาจากกytkาบใบ ก้านของดอกมีหนามดาวเรืองรวมทั้งสามารถยาวได้ถึง 75 ซม. มีดอกย่อยui.เยอะแยะ ใบตกแต่งเป็นกาบสีน้ำตาลปtjนเขียวถึงสีม่วง ยาวถึง 55 เซนติเมตร โดยกาบจะม้วนเป็นเกลียวไปกระทั่งสุดความยาว ช่อดอก.uo.oมีสีน้ำตi.uล มีดอกเพศผู้เยอะแยะอยู่ข้างบดาวเรือง[/url] แล้วก็ดอกตัวเมียอยู่pด้านล่างในปริมาณไม่มากมาย ดอกจะออกตอนเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขายส่งขมิ้นชัน รูปแบบของข้าวสาลีต้นข้าวสาลี เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2018, 11:28:38 am

ขายส่งขมิ้นชัน รูปแบบของข้าวสาลีต้นข้าวสาลี มีถิ่นเกิดแล้วก็การกระจายจำพวกอยู่ในตะวันออกกลาง ผู้สร้างข้าวสาลีที่สำคัญของโลก ดังเช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ขมิ้นชันราคาถูกแคนาดา จีน รวมทั้งรัสเซีย ในประเทศไทยมีการปลูกบ้างบนพื้นที่สูงทางภาคเหนือ แต่ว่าโดยมากจะได้มาจากการนำเข้าเสียากกว่า จัดเป็นไม้ล้มลุกที่แก่ราว 1ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล ปี มีความสูงของต้นโดยประมาณ 40-150 เซนติเมตร แตกขึ้นเป็นกอแน่น ลำต้นเรียบ มีข้อและก็ข้อราวๆ ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล4-7 ข้อ มีขนาดใหญ่ขึ้นจากโคนไปสู่ปลาย แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการขายส่งขมิ้นชันเเคปซูลหว่านเมล็ดต้นข้าวสาลีใบข้าวสาลี ใบเป็นใบลำพัง ใบติดแบบเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปแถบซูบผอมยาว มีขนาดกว้างประมาณ 1-3 เซนติเมตร และก็ยาวประมาณ 15-40 ซม. ใบสะอาดหรือมีขน เขี้ยวใบเป็นแผ่น หูใบบางบข้าวสาลีดอกข้าวสาลีขมิ้นชันราคาถูก ออกดอกเป็นช่อ ประเภทดอกช่อเชิงลด เรียงเป็นสองแถว แกนกลางช่อหยักไปๆมาๆ ยาวได้ประมาณ 5-15 เซนติเมตร ช่อดอกย่อยแบบ ซ้อนทับกันเป็นแนวข้างๆของแกนช่อดอก ช่อดอกย่อยประกอบไปด้วยดอกย่อยประมาณ 3-9 ดอก ดอกเป็นดอกแบบสมบูรณ์เพศ ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูลดอกจะมีรูปร่าง ขนาด แล้วก็ความหนาแน่นต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ ตรงปลายกาบช่อย่อยเป็นสัน 1 สันขมิ้นชันราคาถูก เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเส้นใบยื่นเป็นปีกแหลม ส่วนกาบล่างมีรยางค์แข็งยาวได้ถึง 16 เซนติเมตรผลข้าวสาลีขมิ้นชันราคาถูก รูปแบบของผลเป็นรูปไข่หรือรูปกระสวย มีร่อขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล[/url]ตามทางยาว สีน้ำตาลปนแดง เหลือง ขาว หรือมีสีปนกัน1,3 โดยส่วนที่นำมากินจะมีอยู่ 3 ส่วน เช่นเมล็ดข้าวสาลี (wheat kernel) จะประกอบไปด้วย เอนโดสเปิร์ม (endosperm), คาร์โบไฮเดรตที่เป็นสตาร์ช (starch) ซึ่งมี amylose และ amylopectin เป็นองค์ประกอบหลักอยู่รวมเป็นเม็ดสตาร์ช (starch granule)รำข้าวสาลี wheat bran)ขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล ซึ่งเป็นเปลือกหุ้มห่อเม็ดไว้หลายชั้น เป็นชั้นของรำขมิ้นชันราคาถูก (bran) ส่วนชั้นนอกสุดเป็นแกลบ (husk)จมูกข้าวสาลี (wheat germ) ซึ่งเป็นแหล่งสะสมอาหารสำหรับต้นอ่อนผลข้าวสาลีรูปต้นข้าวสาลีเมล็ดข้าวสาลีต้นอ่อนข้าวสาลี (Wheatgrass) คือ ส่วนของเมล็ดที่นำมาเพาะราว 7-8 ขมิ้นชันราคาถูกวันกระทั่งฯลฯอ่อนขายส่งขมิ้นชันเเคปซูล (เหมือนกับถั่วงอก) แล้วนำมาคั้นเป็นน้ำวีทกราสหรือน้ำต้นอ่อนข้าวสาลี ขมิ้นชันราคาถูกโดยจะมีขายอีกทั้งในแบบอย่างคั้นสดๆแบบผงชงสำเร็จรูป รวมทั้งแบบที่เอามาแปรรูปเป็นสารสกัดบรรจุแคปซูลหรือแบบอัดเม็ด

Tags : ขมิ้นชันราคาถูก
6  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขายกระชายดำ ลักษณะของต้นม่อนไข่ต้นม่อนไข่ เมื่อ: พฤศจิกายน 02, 2018, 10:49:10 pm

ขายกระชายดำ ลักษณะของต้นม่อนไข่ต้นม่อนไข่ จัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกึ่งกลาง มีความสูงโดยธรรมดาไม่tjyuklul;กิน 8 เมตร และบางทีอาจสูงได้ถึง 27-30 เมตร uilulมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของต้นราว 1 เมตร ลำต้uมียางสีขาวๆที่กิ่งอ่jjอนเป็นสีuli;jj.oน้ำตykาลiul1,2j ผลjไม้ม่อนไข่jj จำหน่ายกระชายดำเป็นผลไม้ท้องถิ่นที่มีถิ่tjyliนykกำเนิดใykyukuykไrtjข่ ลูกม่อนykykไข่ใบม่อนไykข่ รูปแop'บของใบเป็นรูปใบหykอก ปลykoulppykyukykyายใบเรียวแหลม ยาวราว 11.25-2kpit8 เซนติเมตร กว้างประykมาณ 4-7.5 ซม. ใบเป็นเงาแล้วก็บาop'งใบม่อนไo'ข่ดอกม่p'อนไข่ ดอก'o'มีสีครีมแล้วก็มีกลิ่นหอมykหวนผลม่อนไข่ ผลมีลักษณะเป็นกลมรูปykykรี ปลายผลมีหลาykopยแหลมหรือจะงอย ผลมีขนykาดกว้างราว 5-7.5 เซนติเมตรykkมทั้งยาวโดยประมาณ 7.5-12.5 ขายกระชายดำเซนติเมตร ผลเมื่อสุกyykจะเป็นสีเหลืองอ่อน เykลือกผลบ;าง เนื้ykในผลเป็นykเหลืองสดน่ารับประทkyyาน เนื้อkลั'o'กษณะเหนียวคล้าloi;ทำของหวาน เนื้อนุ่มคo;po;ล้ายกับไข่แดง (ก็เลยเป็นต้นเหตุของชื่อ Egg fruit) ข้างo;opในopผลมีเมล็ดขนาดใ;o;หญ่ รวมทั้งมีลักษณะเป็นรูปรีสีดำ;o รสหวานopo
ผลไม้ม่อนไข่เมล็ดม่อykนไข่คุ;opณประโยชน์ขykองyukyukyม่อนไข่เปลือกของต้นม่อนไข่ใช้เป็นยารักษykkาอาการไข้ ตัวร้อน (เปykyลือกต้น)ykลสุกใช้รับประทาน ช่วยรักษาโรคเลือkykyดออกตามไรฟัน (ผล)เkykykม็ดใช้เป็;opนยาyสำykหykykรับช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่จำหน่ายกระชายดำ[/url] (เม็ด)ช่วยรักษาผดkyผื่นคัน (เปลือกต้น)kykyy
ประโยชน์ต่างๆที่ykได้รับจากม่อนไข่ผลม่อนไข่นิยมใช้รับประทานเป็นผลไม้สด;lio; มีความเห็นว่าอร่อยนัก ชาวฟลอริดานิยมกินร่วมกับเกลือykริกไทย มายอyเค้yuuilก|ขนมเค้ก} แยม คัสตาร์ด ทาร์ต ใช้อบใulห้สุก หรือนำมาใช้ผสมกับนมหรือโยเกิร์ต ฯลฯแก่น;oไม้ของต้นม่อนไข่มีควo;ามละเอียดtykiuรวมทั้งแข็งแรง สopามารถขายกระชายดำนำมาใช้ทำเป็นไม้แผ่นหรือใช้ในงานluก่อสร้างต่างๆได้

Tags : ขายกระชายดำ,จำหน่ายกระชายดำ,ขายกระชายดำ
7  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขายส่งมะรุม ผักเบี้ยหินผักเบี้ยหิน ชื่อวิทยาluliอดของผักเบี้ยหินกับ เมื่อ: ตุลาคม 30, 2018, 04:33:55 am

ขายส่งมะรุม ผักเบี้ยหินผักเบี้ยหิน ชื่อวิทยาluliอดของผักเบี้ยหินกับหuluนูทดลอง โดยแบ่งหนูtkyjที่ถูกกระตุ้นให้เป็นโรคjเบาหวานด้วย streptrtjyukoi;ozotocin ออกเป็นrhte4 op']กรุ๊ป กรุ๊ปละ 6 ตัว แบ่งเป็นกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่รักษาด้tyjวdetjyukยยามาตรฐาy;น;ซึ่jtyงใtyช้ลดน้ำตาลใi;iooนเลือด (glibenclamide)มะรุมราคาถูก ในขนาด 1 มก.ต่อuilกิโลกรัม|กก.|กิโล|โล} ส่วนอีก 2 กลุ่มให้สารสกัดเtyjมทานอลขtyjองtyjผักเบี้ยหิน ขนาด 100 แล้วก็ 200 มก.ต่อกก. เป็นjtyjtyลำดับ ผลขอuilงการทดลองพบjtuliว่าสารสกัดเมทาuiyjtylนjtyอลขjองผักเบี้ยtyหินส'oขายส่งมะรุมเเคปซูลp'ามาjtydjyyuรถช่วยลดระดับน้ำop'ตาลในเลือดของtyjหนูแรทได้อย่างมีนัยสำคัญข้างหลังขายส่งมะรุมเเคปซูลกินเข้าไป 1 ชั่lgiวโมง พรรณtyjม้ที่แพร่uioพัjtyนธุ์tjtyyด้วยวิธีการเพาะเมล็ดj จัดเป็นพรรณไม้กลางioop';แจ้งที่ถูกใจแสงอาทิตย์uil;แดดจัดเต็มวัน มีความiuoนปาio;นกลาง เจอในข้าวไร่และที่นาui;oดอนพื้นที่นาน้ำฝl;uoi;น ioประโยชน์ของ|ประโยชน์ที่ได้รับมาจาก|dejtประโio;;ยช์จาก|ปรjtyjะโยชน์ซึ่งมาจาioก|io;ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจาก|คุณ;io;ปioระโยชน์ขykylอง|คุณประโยaชน์ที่ได้รับมาจาก|คุณประโยช์จาก|คุณประio;โยชน์ซึ่งมาจาก|คุณประkuโliยชน์ต่างๆที่ไo;รับจาก}ผัuyk;opกเบี้ยหินใช้ปรุงเป็นของกินหรือขายส่งมะรุมเเคปซูลรับประytktrทานสดty ข้อมูลทางเภสัชวิทยาio;ของผักเบี้ยหินนั้น จากการio;o;ศึกษาเล่าเรียนฤjhrทธิ์ลดระดับน้ำตาลใio;hrttนเลือดของผักเบี้ยio;หินกับหนูทดลtyjtyrthอง ผลของการทดสอบมะรุมราคาถูกพบว่าสารสกัดเrthทานอลของผักเบี้ยหินสามารถช่วยลดระดับน้ำjtyjตาjtyลในopเลือดของหrtjntyขายส่งมะรุมเเคปซูลนูแรo;ioทได้อย่างเป็นจริงio;เป็นจังข้างหลังhrteกินเlio;ข้าไป 1 ชั่วโมง แล้วก็จะrehtrลrthดระดับน้ำตาลได้ดีที่สุดjหลังรับประทานเข้าไป jty4 ชั่วโมง ทำให้เห็นว่าสารjtyดังกล่าว|ดังที่กล่าวมาแล้ว|ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว|ดัiukyuที่กล่าวผ่านมาแล้ว|ดังที่กล่าวถึงtyjtyjแล้ว|ดังกล่าวข้างต้น|ดังกล่าวมาแล้วuilข้างต้น|ดังrtที่กล่าวมาข้างต้น|ดัrthงที่tyjกล่าวtyมาแล้วข้างต้น|ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว|ดังที่ได้กio;ล่าวมาแล้วข้างต้น|ดังที่ไjtyjtyด้กล่าวผ่านมาแล้ว}มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูที่เป็ขายส่งมะรุม[/url]เเคปซูลเบาหวานได้เสมอกันกับการดูแลรักษาโดยใyjช้ยามาตรฐานที่ใช้ลดน้ำตาลในเลือด (glibenclamide)2ยtyjtyjyาวประมาณ มะรุมราคาถูก1-1.5 ไม่ลิเมตร ไม่ตกtyj กลีบดอกไlioม้เป็นสีชมพูอ่อนหรือสีชมพูปนขาว แยกจากกัน มี มะรุมราคาถูก5 กลีบlkuil กลีบดอกมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานปลายแหลม ช่วงปลายกลีบเป็นwhrtlติ่งแหลมสีม่วง กลีบมะรุมราคาถูกมีขนาดกว้างราว 1-1.5 kuuมม. แล้วก็ยาวมะรุมราคาถูกราว 2-3 มิลrthrthลิเมตhrthร ดอกมีเกสรเพศผู้เยอะมuilกๆ ติดอยู่บนกลีบ ขายส่งมะรุมเเคปซูลก้านยกอับเรณูเป็นสีขาวยาวราวๆ r2-3 มิลลิเมตร อับเรณูเป็นสีชมพูth มะรุมราคาถูกเกสรเพศเมียมี 1rthrt อัน รังไข่ superior otyhvary มีก้านเกสรเพศเมียยาว 3 มิลลิเมตรขายส่งมะรุมเเคปซูล ยอดเกสรเป็นเส้น รังไข่เป็นรูปทรงกระบอกมี 1 ห้อง ออวุลมี 2-8 อัน มีดอกได้ตลอดทั้งปี

Tags : ขายส่งมะรุม
8  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายส่งยาระบายประโยชน์ที่ได้รับมาจาก เมื่อ: ตุลาคม 29, 2018, 08:32:47 am
ขายส่งยาระบาย
9  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: สมุนไพรบุกมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2018, 09:24:23 am
สรรพคุณของบุก/ประโยชน์ของบุก
10  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขิง เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณที่น่าทึ่งๆ เมื่อ: สิงหาคม 25, 2018, 08:25:06 am
ประโยชน์ขิง/สรรพคุณขิง
11  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรรากสามสิบรู้หรือไม่ว่ามีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 10:02:35 am
[/b]
รากสามสิ[/size][/b]
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในสกุลหน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) รวมทั้งอยู่ในสกุลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิ[/b] มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า สามร้อยราก (กาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา), ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เพียงพอควายเมะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดเชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยผัว, สาวร้อยผัว, ศตาวรี ฯลฯ
ลักษณะของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามเปลี่ยนมาจากใบเกล็ดบริเวณข้อ) สามารถเลื้อยป่ายปีนต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงราว 1.5-4 เมตร แตกแขนงเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น แล้วก็เป็นเงา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2-5 มิลลิเมตร เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวประมาณ 1-4 มม. รอบๆข้อมีกิ่งแตกกิ่งก้านสาขาแบบรอบข้อ และก็กิ่งนี้จะเปลี่ยนเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างราวๆ 0.5-1 มม. และก็ยาวประมาณ 0.5-2.5 มม. ปฏิบัติหน้าที่แทนใบ มีเหง้ารวมทั้งรากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกลุ่มเหมือนกระสวย ลักษณะของรากออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามาก มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในประเทศไทย ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย รวมทั้งประเทศออสเตรเลีย พบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้งแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กเหมือนหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างราว 0.5-1 มม. และยาวประมาณ 10-36 มม. แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาวประมาณ 13-20 เซนติเมตร
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ มีดอกเป็นช่อกระจะ ยาวราว 2-4 ซม. โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวแล้วก็มีกลิ่นหอมยวนใจ มีราว 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2 มม. มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ รวมทั้งวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างประมาณ 0.5-1 มม. แล้วก็ยาวประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร กลีบมีลักษณะบางแล้วก็ย่นย่อ โคนกลีบเชื่อมชิดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวประมาณ 2-3 มม. ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมและก็อยู่ตรงกันข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านยกอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวประมาณ 1 มม. มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากยิ่งกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะมีดอกในช่วงโดยประมาณเมษายนถึงเดือนมิถุนายน1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ ลักษณะของผลเป็นทรงค่อนข้างจะกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นเงา มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4-6 มม. ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ข้างในผลมีเมล็ดราว 2-6 เม็ด เม็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแม้กระนั้นเปราะ ผลิดอกออกผลในตอนประมาณเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ
[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]
[/b]
คุณประโยชน์ของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสขื่นเย็น มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
ตำราเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กษัย (ราก)
ในประเทศประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่าและต้นจันทน์แดง ผสมกับเหล้าโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดความดันโลหิตแล้วก็ลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นลักษณะการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
อีกทั้งต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, ทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากดื่มน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสลด4 แก้การติดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาช่วยขับลม และก็ช่วยลดกรดในกระเพาะ (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับไส้ แก้อาการอาหารไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้อาการท้องร่วง แก้บิด (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์เป็นยาระบาย (ใบ)
ตำราเรียนยาสมุนไพรพื้นเมืองของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากเอามาต้มกับน้ำเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นรวมทั้งกระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการรอบเดือนไม่ปกติของสตรี (ราก)
ทั้งต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำเป็นยาแก้แท้งลูก (ราก, ทั้งยังต้น)
ในอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นความสามารถทางเพศทั้งชายและหญิง คนทางภาคเหนือบ้านเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย กินแล้วครื้นครึกราวกับม้า 3 ตัว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนหมอยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “สาวร้อยผัว” หรือ “สามร้อยผัว” พูดอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ยังสามารถมีลูกมีสามีได้ อายุเยอะแค่ไหนก็ยังมองสาวเสมอ แต่ไม่ใช่รับประทานแล้วจะสามารถมีผัวได้เป็นร้อยคน ในตำราอายุรเวทจะใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเพื่อการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยแก้ปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นสภาวะระดูไม่ดีเหมือนปกติ ภาวการณ์หมดเมนส์ ปวดรอบเดือน ตกขาว มีบุตรยาก ไม่มีอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงท้อง บำรุงน้ำนม ปกป้องการแท้ง อื่นๆอีกมากมาย ส่วนวิธีการใช้ก็ให้นำรากมาต้มรับประทาน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง นอกจากนี้ยังคงใช้กระตุ้นนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับรวมทั้งปอดให้เกิดกำลังเป็นปกติ แก้ตับและก็ปอดทุพพลภาพ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้อาการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการเคือง (ราก)
รากใช้กินเป็นยาแก้อาการปวดปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อแล้วก็คอ (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับนม ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กแรกเกิดในครรภ์ บำรุงน้ำนม บำรุงร่างกายหลังการคลอดบุตรของสตรี (ราก)
ใน “พระคู่มือสรรพคุณ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ่ยถึงคุณประโยชน์ของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานตัวผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้จักขุโรค รากสามสิบทั้งยัง 2 มีคุณมากกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 จำพวก สิ่งแรกหมายถึงตัวร้อน เบื่ออาหาร ปวดหัว รวมทั้งอีกอย่างหนึ่ง คือ มีอาการร้ายแรงมากกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะอาการคัน ไอ มีเสลด แล้วก็มีเลือดออกทางปากและก็จมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระหนังสือเวชศาสตร์เกื้อหนุน” ได้พูดถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อนยาน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆอีกหลายประเภท โดยกล่าวว่ามีคุณประโยชน์ (ที่ค่อนข้างจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยจำเริญชีวิตให้กำเนิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้เจริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังมากแตกต่างกัน กินเข้าไปแล้วหาโทษมิได้ ใช้ได้อีกทั้งเด็ก คนวัยแก่ คนมีกำลัง คนผอมบาง คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อน ให้ประกอบยานี้กันเถิด อนึ่ง กินแล้วให้มีขึ้นลูก ให้อกโคนแค่นเดือนง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดี แพทย์ก็นับถือรักษาด้วยการใช้ยานี้เถิด (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคซูบซีด แก้โรคหอบหืด แก้ปิดตะ และก็แก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ด้วยกัน 20 อย่างและรากสามสิบ (ราก)
ใน “พระคู่มือวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระนาทิภาควิชา” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง รวมทั้งรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีลักษณะทิ่มแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสลด แก้ลุกลุมโรคหายแล และก็ยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสมหะ ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง และก็รากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงท้อง แก้ไข้ แก้ปวดหัว ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 ชนิด อาทิเช่น รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนทั้ง 5 บัวน้ำ 5 โกฐ 5 จันทน์ทั้ง 4 แล้วก็เทวดาทาโร (ใช้อย่างละเท่ากัน) นำทั้งสิ้นมาใส่ไว้ด้านในหม้อฉาบหรือหม้อดิน เพิ่มเติมน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 ซม. แช่ทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มราวๆ 30 นาที น้ำยาเดือดและก็มีกลิ่นหอมหวนจึงยกลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนรับประทานอาหารยามเช้าแล้วก็เย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงครรภ์อย่างดี (ราก)
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสรรพคุณขอรากสามสิบ[/url]ตามเว็บต่างๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา สมุนไพรประเภทนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง แก้วัยทองคำ เพิ่มขนาดอกแล้วก็บั้นท้าย ช่วยแก้ไขปัญหาช่องคลอดอักเสบ ขจัดกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับรูปร่าง ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงโลหิต บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่เฒ่า ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก ช่วยเสริมสร้างและพัฒนาความจำแล้วก็เชาวน์ (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดและก็การใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากโดยประมาณ 90-100 กรัม เอามาต้มกับน้ำดื่มวันละครั้งในช่วงเวลาเช้า
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่พบ เช่น asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านทานเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้อาการปวด คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ คุ้มครองปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง ขับนม มีฤทธิ์ราวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ยั้งโรคเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็ง ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่พบในรากคือสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ปฏิบัติหน้าที่เอาอย่างฮอร์โมนเพศ ก็เลยน่าจะมีบทบาทสำหรับในการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในตอนวัยหมดระดูของสตรี รวมไปถึงการช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นเลือดรวมถึงโรคกระดูกพรุน
จากการเรียนรู้
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงทันควันและก็ช่วงยาวต่อเนื่อง โดยการเล่าเรียนในตอนฉับพลันป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโล ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 1 รวมทั้งชนิดที่ 2 พบว่าไม่เป็นผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ว่าช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส ในนาทีที่ 30  ส่วนการเล่าเรียนตอนยาวสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มไกลวัวเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม ก็เลยสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการหยุดยั้งการสรุปยและก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต และก็เพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งคงจะมีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์รักษาคนไข้เบาหวานได้9
จากการทดสอบทางคลินิกเป็นการใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการรับประทานผงแห้งของราก พบว่าได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับการรักษาแผลที่กระเพาะแล้วก็ลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี คริสต์ศักราช1997 ที่ประเทศอินได้ทำการทดสอบการใช้รากสามสิบกับคนไข้ความดันเลือดสูงประเภท mild hypertension โดยทดลองเปรียบเทียบกับยาลดความดัน (Propranolol) ใช้ช่วงเวลาทำการทดสอบนาน 3 เดือน ผลของการทดลองพบว่า ผู้เจ็บป่วยมีความดันโลหิตลดน้อยลง < 90 mm.Hg. แล้วก็ลดไขมันได้ผลดี

  • K. Mitra แล้วก็คณะ (ค.ศ.1996) ที่ประเทศอินเดียได้ทำการทดสอบการใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับตัวทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลของการทดลองพบว่า สารสกัดดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/[/b]
12  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์ เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 02:48:32 pm
[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]
ภูมิหลังของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลก่อนหน้าที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางการมีความพยายามหลายหนสำหรับการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้เชิญให้ประชากรพึงพอใจต้น[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ[/b]หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 เดือนมิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการเชิญให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์จำพวกต่างๆล้นหลาม ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนกระทั่งในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อระบุเครื่องหมายต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่มีประโยชน์และก็รู้จักกันอย่างแพร่หลายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวข้องกับประเพณีไทยแล้วก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาก่อนหน้าที่ผ่านมาเครื่องหมายที่บ่งถึงความเป็นเอกราชยจึงมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยรู้จักและพบเห็นหลายครั้ง ดังเช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ รวมทั้ง ช้างเผือก ยังคงถูกเชิดชูให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการสนับสนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วประเทศปริมาณ 99,999 ต้น เวลานี้จึงมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากทั่วประเทศไทย
            ผลสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่กระจ่าง จนถึงช่วงปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วกลับมาเสนออีกรอบ และมีผลสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์แล้วก็สถาปัตยกรรม แล้วก็การพิเคราะห์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติคือ ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติเป็นช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอก[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์
เป็นดอกไม้ประจำชาติเนื่องจากว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้าน คือ เป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่มีอายุยืน ทนทาน ปลูกขึ้นก้าวหน้าทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่เหมือนกันในแต่ละภาค อาทิเช่น ราชพฤกษ์ คูน อ๋อดิบ ราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลใช้ประโยชน์ในพิธีการสำคัญๆยกตัวอย่างเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลแล้วก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งต้น ช่อดอกมีทรงสวย สีเหลืองสวยงามเป็นสัญลักษณ์ของศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาประจำชาติ รวมทั้งเป็นสีเดียวกับวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนี้ความสวยของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์เป็นCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองงามที่พบได้ทั่วไปเห็นได้ทั่วไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชมเชยให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งมั่นใจว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านมีเกียรติตำแหน่งชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาแห่งการเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ประจำถิ่นของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย พม่า และศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่งแจ้ง รวมทั้งมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แม้กระนั้นก็ยังมิได้ผลสรุปกระจ่างแจ้ง ตราบจนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2544
[/b]
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องด้วย ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ ดูสง่างาม อีกทั้งยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" แล้วก็มีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • ด้วยเหตุว่าฯลฯไม้พื้นเมืองที่รู้จักกันอย่างมากมาย แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับจารีตหลักๆในไทยรวมทั้งเป็นต้นไม้มงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ ดังเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังคงใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มงามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นเครื่องหมายแห่งพุทธศาสนา
  • แก่ยืนนาน และแข็งแรง
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงประมาณ 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองงาม แต่ละช่อยาวโดยประมาณ 20-40 ซม. โดยกลีบจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง และก็มีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แต่ว่าต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และมีดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การดูแลรักษา
           แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และก็เจริญเติบโตเจริญในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กิโลกรัมต่อต้น แล้วก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางแพร่พันธุ์ต้นราชพฤกษ[/b]ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เมล็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แม้กระนั้นจำเป็นต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน ด้วยเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ผ่านวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณพอเพียงหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากผลิออก และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นพืชที่มีความมงคล ที่ควรจะปลูกเอาไว้ภายในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งแม้ปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติขั้น ศักดิ์ศรี แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ ด้วยเหตุว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนาม [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]
13  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ทับทิมสามารถนำมาทำเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้เป็นอย่างดี เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 11:30:26 am

ทับทิ[/size][/b]
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม ยอดเยี่ยมราชินีที่ผลไม้ มีคุณประโยชน์อีกทั้งต้น
การกินเพื่อสุขภาพ
ทับทิม สุดยอดราชินีที่ผลไม้ เป็นประโยชน์อีกทั้งต้น
อัปเดตปัจจุบันช่วงวันที่ พฤษภาคม 3, 2018 ราวๆเวลาการอ่าน: 2 นาที
แชร์บทความนี้
[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]ทับทิม
สำเร็จไม่ที่นิยมรับประทานกันมากมาย รวมทั้งขึ้นชื่อลือนามในเรื่องของคุณประโยชน์ที่มากมาย จนได้รับสมญาว่า ราชินีแห่งผลไม้ พูดกันว่าทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่ถูกนำมาใช้ในแวดวงแพทย์มาแล้วนับพันปี ในตอนนี้ทับทิมนับว่าเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาปลูก และรับประทานกันทั่วทั้งโลก สามารถหารับประทานได้ง่ายในประเทศไทย พินิจได้จากร้านขายน้ำทับทิม หรือผลทับทิมสด ที่แทบมีอยู่ตามท้องถนนหรือทุกตลาดในประเทศไทย
คุณประโยช์จากทับทิมมีล้นหลาม ในเรื่องของสารอาหาร รวมทั้งการคุ้มครองป้องกันโรค
วิตามินซีสูงมาก
ทับทิมถือเป็นผลไม่ที่มีวิตามินซีสูงมาก ในน้ำทับทิมเพียง 1 แก้ว มีวิตามินซีถึงจำนวนร้อยละ 40 ของปริมาณที่เราอยากในหนึ่งวัน (สำหรับคนแก่) ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงในระดับนี้จึงมีสรรพคุณสำหรับการลดความเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคหวัด หรือแพ้อากาศได้อย่างดี
ช่วยบำรุงรักษาผิวพรรณ
การรับประทานทับทิมสด หรือน้ำทับทิมนั้น จะช่วยให้ผิวพรรณของเรามองผ่องใส ด้วยเหตุว่าทับทิมเป็นผลถึงที่เหมาะมีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัย ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของเรา รวมทั้งด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูงก็เลยช่วยในเรื่องทำให้ผิวกระจ่างขาวสวยใส ยิ่งกว่านั้นพวกเรายังสามารถใช้น้ำทับทิมราว 1 ช้อนชา ทาบริเวณบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยสำหรับการบำรุงผิวหน้าให้มองเต่งตึงมากขึ้นเรื่อยๆได้อีกด้วย ประโยชน์ในข้อนี้ของทับทิมสามารถยืนยันได้จากการที่ในตอนนี้ มีเครื่องแต่งหน้าหรือครีมหลายอย่างได้นทับทิม[/url]ไปเป็นองค์ประกอบ
เส้นโลหิตแล้วก็หัวใจ
ในทางการแพทย์มีการศึกษาค้นคว้าแล้วพบว่าทับทิม มีคุณประโยชน์ช่วยสำหรับเพื่อการทำให้การไหลเวียนของโลหิต ลดภาวการณ์ขาดเลือดในคนป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังพบว่าคนที่มีความดันเลือดสูง เมื่อกินน้ำทับทิมวันละ 50cc จะช่วยลดระดับความดันเลือดได้ปริมาณร้อยละ 5 ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย
ลดการเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
เนื่องมาจากคือผลไม้ที่มีค่าการต้านทานอนุมูลอิสระที่สูง จึงช่วยลดการเสี่ยงในการกำเนิดโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม มีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยพบว่า การรับประทานทับทิมช่วยลดช่องทางการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยยั้งการเติบโตของเซลล์ของมะเร็งถึง 13ช นิด แล้วก็ยังสามารถช่วยทำลายเซลล์มะเร็งในหลอดอาหาร แล้วก็ลำไส้ได้อีกด้วย
คุณประโยชน์อื่นๆของทับทิม
เว้นเสียแต่สรรพคุณหลักที่กล่าวไปในข้างต้นแล้ว ทับทิมยังมีคุณประโยชน์อื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยทุเลาอาการแพ้ท้องในหญิงมีท้อง ช่วยทำให้ปรับสมดุลในวัยหมดประจำเดือน ลดความเสี่ยงสำหรับเพื่อการเป็นโรคจำอะไรไม่ค่อยได้ในคนแก่ คุ้มครองป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน เสริมสุขภาพกระดูกลดการเสี่ยงในการเป็นโรคกระดูกพรุน ป้องกันการเสื่อมสรรถยนต์ภาพทางเพศ ลดการตกขาว เรียกได้ว่ามีสรรพคุณมากมายจริง
 เว้นเสียแต่ส่วนที่เรานิยมรับประทานกันอย่างเมล็ดแล้ว องค์ประกอบอื่นของทับทิมก็เป็นประโยชน์ไม่แพ้กัน ทั้งเป็นยาและก็สมุนไพร
ใบ: สามารถทำน้ำยาบ้วนปากหรือล้างตาได้ ยาพอกที่ทำมาจากใบสามารถช่วยบรรเทาอาการผมร่วงได้อย่างยอดเยี่ยม
เปลือก: ลดการเกิดริ้วรอยในผิวของพวกเราใช้รักษา แผลหิด กากเกลื้อน มีคุณประโยชน์เกี่ยวกับการรักษาโรคในทางเดินอาหาร อาทิเช่นรักษาอาการท้องเสียได้
เปลือกของลำต้น รวมทั้งราก: สามารถเอามาทำเป็นยาถ่ายพยาธิได้อีกด้วย โดยนำมาผสมกับกานพลู รวมทั้งบางทีอาจใส่ดีเกลือต้มกับน้ำราวสามถ้วย มีคุณประโยชน์ในการถ่ายพยาธิ
ดอก: มีสรรพคุณสำหรับในการรักษาแผล แล้วก็ทุเลาอาการอักเสบของหูชั้นใน
ทับทิมนับว่าเป็นผลไม้ที่เป็นประโยชน์ในทุกส่วนของต้น ไม่ใช่ก็แค่เมล็ด หรือน้ำทับทิม จึงไม่สนเท่ห์ใจเลยที่ทับทิมจะได้รับนามสมมุติว่า "ราชชินีที่ผลไม้"
โรครวมทั้งอาการอื่นๆอย่างเช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเดิน โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และอื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค
ความปลอดภัยในการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างๆจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสภาพทางด้านร่างกาย การกินรากรวมทั้งลำต้นของทับทิมในจำนวนมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างไม่เป็นอันตรายสำหรับเพื่อการกินหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจทำให้กำเนิดอาการแพ้น้อยในบางราย อย่างเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับการกินหรือใช้ทับทิมในแบบอื่น ยกตัวอย่างเช่น สารสกัดจากทับทิม ควรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะทำให้ความดันเลือดลดลดลงนิดหน่อย ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คนไข้ที่มีภาวะความดันต่ำอาการเกิดขึ้นอีก
[/b]
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนไข้ที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 อาทิตย์ เนื่องด้วยทับทิมทำให้ความดันโลหิตต่ำลง ก็เลยอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางประเภทอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อย่างเช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับลักษณะการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดระดับความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน ผู้ที่กินยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนการกินเพื่อให้เกิดความปลอดภัย http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรทับทิม
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย