กระทู้ล่าสุดของ: asd051sa4

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: แนวทางการทำokน้ำขิง วิธีการทำqน้ำขิงกระบวนการทำน้ำขิงอันดับแรกให้เตรีย2มส่วนผสมด เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2018, 09:43:46 am
Good สุดยอดครับ
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: เห็ดหลินจือ108 (Lingzhi หรือ Reishi)เป็นเห็ด12ที่มีขนาดใหญ่22 มีสีแก่ มีพื้นผิวแ เมื่อ: ตุลาคม 16, 2018, 10:46:56 pm
อะไร ยังไง ใครบอกว่าดี หือ ดีจริงป่ะ
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ว่าวเป็นสิ่งที่ชาวไทยรับผลิตถังเช่ารู้จักดี488และก็รู้จักกันดีมาตั้งแต่เด็ก เพรา เมื่อ: ตุลาคม 16, 2018, 03:08:17 pm
กินแล้วครับ ดีอยู่ครับ
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: สรรพคุณกวาวเครือขาว มีสารออกฤทธิ์สำคัญที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนของผู้หญิง เมื่อ: ตุลาคม 14, 2018, 02:05:43 pm
ประกาศ กวาวเครือขาวให้โลกรู้ ใช่ป๊ะ
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: สมุนไพรท่าพระจันทร์เม็ดจันทน์เทศ โดยธรรมดาเราจะเรียกเม็ดว่า ลูกจันทน์ แล้วก็เม็ด เมื่อ: ตุลาคม 14, 2018, 10:19:42 am
ผมงง คืออะไร
6  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: เวิร์คมากน้ำมันเหลืองที่คุณควรได้ไใช้ทุเลาอาการเวียนหัวหัว หน้ามืดลายตา คลื่นไส้ เมื่อ: ตุลาคม 13, 2018, 07:47:08 pm
อยาลองใช้ หาซื้อที่ไหน
7  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: หมามุ้ยเถาคันA รับผลิตกวาวเครือแดง,โรงงานรับผลิตกวาวเครือแดง,รับจ้างผลิตกวาวเครื เมื่อ: ตุลาคม 09, 2018, 11:50:25 am
หากคิดถึงสมุนไพรบำรุงร่างกายคงต้องติดอันดับกับเขาคือ กวาวเครือแดง สมุนไพรคุณภาพสำหรับท่านชายอีกตัวหนุึ่งก็ว่าได้
8  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ว่าวเป็นสิ่งที่ชาวไทยรับผลิตถังเช่ารู้จักดี488และก็รู้จักกันดีมาตั้งแต่เด็ก เพรา เมื่อ: ตุลาคม 08, 2018, 10:23:42 pm
สมรรถภาพทางเพศ อะไร ยังไง ไม่รู้ กินถังเช่า
9  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 01:59:44 pm
[/b]
บัวบ[/size][/b]
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เติบโตในแถบประเทศอินเดีย แอฟริกา แล้วก็เอเซียอาคเนย์ ใบและลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของประเทศอินเดียและจีนมาอย่างช้านาน ใช้รักษาหลายโรค ได้แก่ โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน แล้วก็ยังนำมาปรุงอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่หลายอย่าง ได้แก่ ซาโปนิน (Saponin) หรือไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียติโคไซด์ (Asiaticoside) กรดเอเชียติก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และก็กรดมาดีคาสสิค (Madecassic Acid) ก็เลยทำให้ประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยมั่นใจว่ามีคุณประโยชน์หลายชนิด อย่างเช่น ทุเลาอาการอักเสบ แม้ใช้กินอาจมีคุณลักษณะช่วยลดความดันโลหิตในหลอดโลหิตดำ และประยุกต์ใช้รักษาโรคหรืออาการที่มีต้นเหตุจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆเป็นต้นว่า หวัด ไข้หวัดใหญ่ การตำหนิดเชื้อที่ระบบทางเท้าปัสสาวะ โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ นอกเหนือจากนั้น ยังมีความเห็นกันว่าถ้าเกิดใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังอาจช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนซึ่งเป็นข้อสำคัญสำหรับการสมานบาดแผล ลดลางเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงปัญหาท้องลายที่เป็นผลมาจากการมีท้อง แต่สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากมายน้อยมีมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยยืนยันความเลื่อมใส คุณประโยชน์ และความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหล่านี้
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่อาจเห็นผล
เส้นโลหิตขอด มีการเรียนชิ้นหนึ่งรายงานว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยบำรุงรวมทั้งสร้างสมดุลสำหรับในการเจริญวัยของเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด มีผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยและเส้นโลหิตขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับปรุงแก้ไขการไหลเวียนของเลือด ยิ่งกว่านั้น ยังมีการเล่าเรียนโดยการทบทวนการค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวโยง 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนป่วยที่มีปัญหาเส้นโลหิตขอดเรื้อรัง พบว่าอาการปวดขา ขาหนัก และก็อาการบวมน้ำทุเลาลงอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการผู้ป่วยเส้นโลหิตขอดเรื้อรังลงได้ แม้กระนั้นจากการค้นคว้าบอกว่าผลสรุปข้างต้นจะต้องแปลความด้วยความระวังเนื่องจากข้อกำหนดต่างๆของงานค้นคว้าวิจัย รวมทั้งยังจำเป็นที่จะต้องเรียนเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องชัดเจนแล้วก็มีคุณภาพมากพอสำหรับในการประเมินประสิทธิภาพการดูแลและรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลและรักษาด้วยใบัวบก[/url]ที่เป็นไปได้ แต่ยังมีหลักฐานสนับสนุนไม่เพียงพอ[/size][/b]
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกอาจช่วยในการลดจำนวนไขมันในเส้นโลหิตได้ จากการเรียนรู้ชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นเลือดแดงแข็งที่ไม่แสดงอาการกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกเป็นเวลา 6 เดือน รวมทั้งอีกกลุ่มไม่รับประทาน แล้วตรวจหาความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นโลหิต พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครอีกทั้ง 2 กลุ่มไม่มีความต่างกัน แต่ในกลุ่มที่กินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดลดลง จำนวนไขมันหรือพลัคที่เส้นเลือดแดงใหญ่ที่คอและขาลดลง รวมทั้งลักษณะของพลัคทั้งยังความดกรวมทั้งความยาวก็ต่ำลงด้วยเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังไม่เจออาการที่ไม่พึงปรารถนา สามารถทนต่ออาการข้างเคียงได้ แล้วก็มีการบันทึกผลของการตรวจเลือดบ่อยๆ เนื่องด้วยหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อโรคเส้นเลือดแดงแข็งยังไม่เพียงพอ ก็เลยจึงควรศึกษาต่อไป
คุ้มครองปกป้องลิ่มเลือด การกินใบบัวบกบางทีอาจช่วยปกป้องการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งเป็นผลมาจากการขึ้นรถเรือบินเป็นระยะเวลานาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาชี้แนะว่าใบบัวบกบางทีอาจช่วยลดของเหลวรวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนเลือดในคนที่ขึ้นรถเรือบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง แม้กระนั้น ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการศึกษาชิ้นนี้จะเป็นการลดการสั่งสมของลิ่มเลือด เนื่องจากหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการปกป้องลิ่มเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยจะต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ในคนป่วยโรคเบาหวาน งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งให้คนเจ็บเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดฝอยจำนวน 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารสามเทอร์พีนอยด์เป็นสาระสำคัญ ขนาด 60 มก. 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก พบว่าสารไตรเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกมีคุณประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดฝอยของผู้ป่วยโรคเบาหวาน แต่ว่าหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการไหลเวียนเลือดยังน้อยเกินไป ก็เลยจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
แผลโรคเบาหวาน มีการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบของการกินสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลเบาหวาน โดยแบ่งผู้ป่วยโรคเบาหวานปริมาณ 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกลุ่มหนึ่งกินสารทวีปเอเชียว่ากล่าวโคไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มิลลิกรัม และก็อีกกลุ่มกินยาหลอกจำนวน 2 แคปซูลข้างหลังมื้อของกินวันละ 3 ครั้ง และก็มีการประมวลผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของผู้ป่วยที่รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีกว่าและไม่เจอผลข้างเคียง หรือบอกได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และก็สามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลข้างเคียง แต่เนื่องจากหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการรักษาแผลเบาหวานยังน้อยเกินไป จึงจะต้องศึกษาต่อไป
แผลเป็น สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก เช่น ทวีปเอเชียติวัวไซด์ กรดทวีปเอเชียติก มาเดแคสโซไซด์ และก็กรดมาดีคาสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในร่างกายและก็อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลต่างๆแผลขนาดเล็ก แผลไฟลุก รอยแผลจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมทั้งรอยแผลแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาเรียนรู้ชิ้นหนึ่งได้แนะนำว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกบริเวณผิวหนังหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน สม่ำเสมอนาน 6-8 สัปดาห์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมถึงแผลเป็นแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่ด้วยเหตุว่าหลักฐานสนับสนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อแผลเป็นยังไม่พอ ก็เลยจำเป็นต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการท้อง ได้มีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยแนะนำให้คนที่กำลังมีท้องทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี แล้วก็คอลลาเจน เป็นประจำแต่ละวันในตอน 6 เดือนในที่สุดก่อนการคลอด ซึ่งบางทีอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ นอกจากนั้น ยังมีการทดลองโดยให้หญิงท้องจำนวน 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะทำให้กำเนิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แต่เหตุเพราะหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาต่อไป
ลดความกังวลใจ การรักษาแบบแพทย์แผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อบรรเทาอาการไม่มีชีวิตชีวาแล้วก็ความรู้สึกวิตกกังวล ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนทดสอบชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับสมรรถนะของใบบัวบกในการลดความกลุ้มใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือกินยาหลอก จากผลของการทดลองแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต่อต้านความวิตก ช่วยลดความเครียด แม้กระนั้นยังคงจะต้องศึกษาเสริมเติมถัดไปถึงสมรรถนะของใบบัวบกในการรักษาโรคตื่นตระหนก
โรคแล้วก็อาการอื่นๆดังเช่นว่า ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การตำหนิดเชื้อทางเดินเยี่ยว โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องเดิน ของกินไม่ย่อย ซึ่งยังจำเป็นต้องศึกษาค้นคว้าหาคุณภาพและก็ความปลอดภัยสำหรับการรักษาถัดไป
[/b]
ความปลอดภัยในการกินใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่การกินใบบัวบกอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ผู้ที่กำลังมีครรภ์ หรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานทางด้านการแพทย์เพียงพอที่จะช่วยเหลือถึงเรื่องความปลอดภัยทั้งยังต่อเด็ก คุณแม่ หรือทารกในท้อง
การรับประทานใบบัวบกอาจเป็นต้นเหตุให้กำเนิดความย่ำแย่ต่อตับ เพราะฉะนั้นผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่สมควรกินใบบัวบก เพราะอาจจะทำให้อาการต่างๆห่วยลงได้ รวมทั้งไม่สมควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับในกรุ๊ปเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น พาราเซตามอล อะไม่โอดาโรน คาร์บามาซีตะกาย ไอโซไนอะซิด ซิมวาสแตตำหนิน ฯลฯ
การรับประทานใบบัวบกในจำนวนมากอาจทำให้รู้สึกง่วงงุนได้มากกว่าปกติ หรือหากรับประทานร่วมกับยานอนหลับหรือยากลุ้มใจลดลง เช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล และโซลพิเดม
ควรหยุดกินใบบัวบกอย่างต่ำ 2 สัปดาห์สำหรับคนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เนื่องจากว่าบางทีอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้เพื่อการผ่าตัดแล้วก็อาจทำให้รู้สึกง่วงนอนได้มากขึ้น
ควรจะหารือแพทย์ก่อนรับประทานใบบัวบก ถ้าอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมประเภทอื่นๆอยู่เป็นประจำ ด้วยเหตุว่าอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่ประสงค์ถ้ารับประทานใบบัวบกในระหว่างการดูแลรักษาของคนป่วยโรควิตก คนป่วยโรคเบาหวาน คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนป่วยอัลไซเมอร์ รวมถึงคนที่ใช้ยานอนหลับหรือยาไม่สบายใจน้อยลง รวมทั้งผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้กดประสาทเยอะขึ้น http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรบัวบก
10  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / รู้จัก พญายอ สมุนไพรฆ่าเชื้อไวรัส เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 10:14:57 am
[/b]
พญาย[/size][/b]
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
ขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอและ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม
[/b]
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูก[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url] ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี

รากพญาย[/b]
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
[url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]

Tags : สมุนไพร เสลดพังพอน (พญายอ)
11  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / พญายอเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 20, 2018, 09:30:23 am
[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อสกุล ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni  Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อเขตแดนผักมันไก่  ผักลิ้นเขียด  พญาข้อคำ  พญาข้อดำ พญายอ  โพะโซ่จาง  เสลดพังพอนตัวเมีย


ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์


          ไม้พุ่มรอคอยเลื้อย ลำต้นและกิ่งไม้เกลี้ยงเป็นมัน สูงได้ถึง 3 เมตร ใบผู้เดียวออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานปนใบหอก กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 7-9 เซ็นติเมตร โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซ็นติเมตร ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายยอด กลีบดอกสีส้มแดงเชื่อมชิดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 ซม. ไม่ติดฝัก


ส่วนที่ใช้เป็นยาและก็สรรพคุณ


-ส่วนใบ รักษาอาการด้วยเหตุว่าแมลงกัดต่อยรวมทั้งโรคเริม


สารสำคัญที่ออกฤทธิ์


สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides อย่างเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกลุ่ม glycoglycerolipids จากใบ  มีฤทธิ์ยั้งเชื้อไวรัสเริม


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา


ฤทธิ์ลดการอักเสบ
       เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท  หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าช่องท้องของหนูแรท  จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้   ตำรับยาที่มีพญายอปริมาณร้อยละ 5  ใน cold cream และสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อเอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้  แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
ฤทธิ์ลดอาการปวด
                 เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิค  ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัม/โล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กก. (5)  ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2)  สารสกัดด้วยน้ำ แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่มีผลลดความเจ็บปวด
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]
[/b]
ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
ไวรัสเริม
       พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะสิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1  และเมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล  พบว่า มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์  ในตอนที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะเป็นพิษต่อเซลล์
                 จากรายงานการรักษาผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir  แล้วก็ยาหลอก  โดยให้คนเจ็บป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่แตกต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้เจ็บป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอและก็ยา acyclovir   โดยแผลจะตกสะเก็ดด้านใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่ก่อให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง ในช่วงเวลาที่ acyclovir ทำให้แสบ   นอกเหนือจากนั้นมีการใช้ยาที่ทำมาจาก[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ [/url]ในคนไข้โรคเริม งูสวัด และก็แผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบได้ดี   
เชื้อไวรัส Varicella zoster
                 สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายไวรัส Varicella zoster ที่เป็นสาเหตุโรคงูสวัดแล้วก็อีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่เชื้อไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก  โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 7-14 วัน จนกว่าแผลจะหาย  พบว่าคนไข้หวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลตกสะเก็ดด้านใน 3 วัน และก็หายด้านใน 7-10 วัน จะมีมากไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระดับความเจ็บลดน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มยาหลอก และไม่พบผลกระทบใดๆก็ตาม


อาการข้างเคียง


ความเป็นพิษทั่วไปรวมทั้งต่อระบบขยายพันธุ์


การทดสอบความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แม้กระนั้นเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง  ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/โล (หรือเสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัม/กก.) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการพิษใดๆ
การเรียนพิษ
พญายอครึ่งหนึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโลกรัม และก็ 540 มก./กก. ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเจริญเติบโต แต่น้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในระหว่างที่น้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความไม่ปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่ประสงค์ใดๆก็ตาม หนูแรทที่กินสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/กก. ทุกวี่วันนาน 90 วัน พบว่าการกินอาหารของกลุ่มที่ได้รับสารสกัดรวมทั้งกรุ๊ปควบคุมไม่มีความต่างกัน แต่น้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/กก. ต่ำลงยิ่งกว่าพญายอกรุ๊ปควบคุม  เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งสองเพศสูงยิ่งกว่า รวมทั้งครีอาตินินต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม  แม้กระนั้นไม่เจอความผิดแปลกด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน และพยาธิภาวะข้างนอกhttp://www.disthai.com/[/b]
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย