กระทู้ล่าสุดของ: joosisu2s5d4

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2018, 10:58:52 am
[/b]
เหงือกปลาหม[/size][/b]
ถิ่นเกิดเหงือกปลาหมอ
[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปล[/b]หมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยพวกเราเพราะเหตุว่ามีประวัติในการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งแล้วก็ชอบพบมากในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เติบโตได้ดิบได้ดีในที่ร่มและมีความชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ชอบที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นกัน เหงือกปลาแพทย์ พบอยู่ 2 พันธุ์ คือ ชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้ทั่วไปในภาคกลางแล้วก็ภาคตะวันออก จำพวกดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. พบทางภาคใต้ อีกทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นพันธุ์ไม่ขึ้นชื่อลือชาของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบลำพัง รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบและก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบวาวลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแถวก้างปลา เนื้อใบแข็งและก็เหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 เซนติเมตร และก็ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอเหงือกปลาหมอ
มีดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับพันธุ์ของต้นเหงือกปลาหมอคือ ดอกมีทั้งยังประเภทดอกสีม่วง หรือสีฟ้า รวมทั้งพันธุ์ดอกสีขาว แต่ลักษณะอื่นๆเหมือกันเป็น  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกเป็นท่อปลายบานโต ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร บริเวณกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้รวมทั้งเกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้แต่ โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสก็จะลดน้อยลงลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นทั้งยารับประทานรวมทั้งต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดน้อยลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนป่วยโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาและวิธีใช้ยาก็มีหลายวิธี คือ
แนวทางต้มยากินและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มรับประทานขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนที่จะรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จำเป็นต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นทีละ 3-4 ขัน แต่ถ้าเกิดมีเหงือกปลาหมอไม่น้อยเลยทีเดียว บางครั้งก็อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
ขั้นตอนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอ 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 ซม. คนแก่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กอาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและก็น้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหาร เช้า-เย็น รับประทานไปเรื่อยจนกว่าจะหาย แม้กระนั้นถ้าเกิดเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานบกพร่องก็ต้องกินตลอดกาล
[/b]
กระบวนการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการร่อนเป็นผุยผงละเอียดเหมือนแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มก. ผู้ใหญ่กินทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กน้อยลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์มากไม่น้อยเลยทีเดียว อาทิเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์ในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และก็ใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายชนิด โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการซูบซีด หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-ทั้งยังต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-อีกทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งมวล ผลรับประทานเป็นยาขับเลือดรอบเดือน นอกนั้น ถ้าหากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาทั้งตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงกิน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง เจ็บป่วยจับสั่น
- อีกทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งแรงน้อยเหลืองหมดทั้งตัว กินทุกเมื่อเชื่อวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดเดียว หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดจึงยกลง กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" ทั้งยัง 5 รวมราก กับ อาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา ตอนเช้า กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการ ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ประเภท หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่รู้อ่อนเพลีย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าเกิดผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นหนังสือเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกเหยียดหยาม รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บัวบกเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์เเละสรรพคุณ เมื่อ: สิงหาคม 19, 2018, 02:47:29 am
[/b]
บัวบ[/size][/b]
ใบบัวบก เป็นพืชสมุนไพรที่เจริญเติบโตในแถบประเทศอินเดีย แอฟริกา และก็เอเซียอาคเนย์ ใบและก็ลำต้นประยุกต์ใช้เป็นยารักษาโรคตามหมอแผนโบราณของอินเดียแล้วก็จีนมาอย่างช้านาน ใช้รักษาหลายโรค เช่น โรคซิฟิลิส โรคหอบหืด หรือโรคสะเก็ดเงิน และก็ยังเอามาปรุงอาหารได้อีกด้วย
ใบบัวบก
ใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
มีสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพอยู่หลายชนิด อาทิเช่น ซาโปนิน (Saponin) หรือไตรเทอร์พีนอยด์ (Triterpenoids) ทวีปเอเชียว่ากล่าววัวไซด์ (Asiaticoside) กรดทวีปเอเชียว่ากล่าวก (Asiatic Acid) มาเดแคสโซไซด์ (Madecassoside) และกรดมาดีคาสสิค (Madecassic Acid) จึงทำให้ประยุกต์ใช้ในทางการแพทย์ โดยเชื่อว่ามีคุณประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น บรรเทาอาการอักเสบ ถ้าหากใช้กินอาจมีคุณลักษณะช่วยลดความดันโลหิตในเส้นเลือดดำ แล้วก็ประยุกต์ใช้รักษาโรคหรืออาการที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือปรสิตต่างๆเช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ การต่อว่าดเชื้อที่ระบบทางเดินเยี่ยว โรคงูสวัด โรคเรื้อน อหิวาต์ โรคบิด โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคพยาธิใบไม้ในเลือด ฯลฯ นอกจากนั้น ยังมีความเห็นกันว่าถ้าใช้ใบบัวบกทาที่ผิวหนังบางทีอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นสาระสำคัญสำหรับเพื่อการสมานรอยแผล ลดลางเลือนรอยแผลเป็น รวมทั้งปัญหาท้องลายที่มีต้นเหตุจากการตั้งครรภ์ แต่สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากมายน้อยมีมากมายน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองความเชื่อถือ คุณประโยชน์ และก็ความปลอดภัยของใบบัวบกสำหรับเพื่อการรักษาโรคกลุ่มนี้
การรักษาด้วยใบบัวบกที่อาจสำเร็จ
เส้นเลือดขอด มีการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งกล่าวว่าใบบัวบกอาจมีส่วนช่วยทำนุบำรุงและก็สร้างสมดุลสำหรับการเจริญวัยของเยื่อเกี่ยวพัน (Connective Tissues) เพิ่มความแข็งแรงให้กับเส้นเลือด ส่งผลต่อความดันในเส้นเลือดฝอยแล้วก็เส้นโลหิตขอด ลดอัตราการกรองของเส้นเลือดฝอยโดยปรับแก้การไหลเวียนของโลหิต นอกนั้น ยังมีการศึกษาโดยการทบทวนงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยที่เกี่ยวพัน 8 ชิ้นเกี่ยวกับการรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบกในคนไข้ที่มีปัญหาเส้นเลือดขอดเรื้อรัง พบว่าอาการปวดขา ขาหนัก และก็อาการบวมน้ำบรรเทาลงอย่างเป็นจริงเป็นจัง ถึงแม้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจช่วยบรรเทาอาการคนเจ็บเส้นเลือดขอดเรื้อรังลงได้ แม้กระนั้นจากงานศึกษาเรียนรู้กล่าวว่าข้อสรุปข้างต้นต้องแปลความด้วยความระมัดระวังเพราะว่าข้อจำกัดต่างๆของงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัย และก็ยังจำต้องเรียนเพิ่มเติมอีกเพื่อหาหลักฐานที่มีความถูกต้องรวมทั้งมีคุณภาพมากพอสำหรับในการประเมินสมรรถนะการดูแลรักษาโดยใช้สารสกัดจากใบบัวบก
การดูแลรักษาด้วยใบบัวบกที่เป็นไปได้ แต่ว่ายังมีหลักฐานช่วยเหลือไม่พอ
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง (Atherosclerosis) ใบบัวบกอาจช่วยสำหรับเพื่อการลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดได้ จากการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งโดยให้อาสาสมัครโรคเส้นโลหิตแดงแข็งที่ไม่ออกอาการกลุ่มหนึ่งรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกเป็นเวลา 6 เดือน และอีกกลุ่มไม่รับประทาน แล้วตรวจค้นความหนาแน่นของไขมันหรือพลัค (Plagues) ที่เกาะอยู่ตามเยื่อบุของเส้นโลหิต พบว่า ระดับคอเลสเตอรอลของอาสาสมัครทั้งยัง 2 กลุ่มไม่ได้มีความแตกต่างกัน แต่ว่าในกรุ๊ปที่กินอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกพบว่า อนุมูลอิสระในเลือดลดน้อยลง ปริมาณไขมันหรือพลัคที่เส้นโลหิตแดงใหญ่ที่คอและขาลดลง รวมทั้งรูปแบบของพลัคทั้งยังความดกและความยาวก็ลดน้อยลงด้วยเช่นกัน ทั้งยังยังไม่พบอาการที่ไม่พึงประสงค์ สามารถทนต่ออาการใกล้กันได้ แล้วก็มีการบันทึกผลของการตรวจเลือดเสมอๆ เพราะเหตุว่าหลักฐานส่งเสริมคุณลักษณะของใบบัวบกต่อโรคเส้นเลือดแดงแข็งยังไม่เพียงพอ ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
คุ้มครองลิ่มเลือด การกินใบบัวบกบางทีอาจช่วยปกป้องการเกิดลิ่มเลือดที่ขาซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจากการขึ้นรถเครื่องบินเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จากหลักฐานที่ได้รับการพัฒนาเสนอแนะว่าใบบัวบกบางทีอาจช่วยลดของเหลวรวมทั้งเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตในคนที่ขึ้นรถเรือบินติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการเรียนชิ้นนี้จะซึ่งก็คือการลดการสะสมของลิ่มเลือด ด้วยเหตุว่าหลักฐานช่วยเหลือคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการปกป้องลิ่มเลือดยังไม่เพียงพอ จึงจำเป็นจะต้องศึกษาต่อไป
กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ในคนไข้เบาหวาน งานค้นคว้าวิจัยหนึ่งให้คนเจ็บโรคเบาหวานที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นเลือดฝอยจำนวน 50 คน รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกซึ่งมีสารสามเทอร์พีนอยด์เป็นสาระสำคัญ ขนาด 60 มก. 2 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 6 เดือน เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก พบว่าสารตรีเทอร์พีนอยด์ของใบบัวบกเป็นประโยชน์ต่อการไหลเวียนของโลหิตในหลอดเลือดฝอยของคนเจ็บเบาหวาน แต่หลักฐานส่งเสริมคุณสมบัติของใบบัวบกต่อการไหลเวียนของโลหิตยังไม่เพียงพอ จึงจะต้องศึกษาต่อไป
แผลเบาหวาน มีการทำการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพและก็ผลข้างเคียงของการรับประทานสารสกัดจากใบบัวบกต่อแผลโรคเบาหวาน โดยแบ่งคนป่วยเบาหวานจำนวน 200 คนออกเป็น 2 กรุ๊ป โดยกลุ่มหนึ่งกินสารทวีปเอเชียติวัวไซด์ซึ่งเป็นสกัดจากใบบัวบกขนาด 50 มก. รวมทั้งอีกกรุ๊ปกินยาหลอกจำนวน 2 แคปซูลข้างหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง รวมทั้งมีการประมวลผลทุก 7 วัน พบว่าแผลของคนเจ็บที่รับประทานสารสกัดจากใบบัวบกมีการหดรั้ง (Wound Contraction) ที่ดีมากกว่าและไม่พบผลกระทบ หรือบอกได้ว่าสารสกัดจากใบบัวบกอาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาแผล ทำให้แผลหายเร็วขึ้น และสามารถใช้ได้โดยสวัสดิภาพโดยไม่เกิดผลใกล้กัน แต่เพราะหลักฐานช่วยเหลือคุณลักษณะของใบบัวบกต่อการดูแลรักษาแผลเบาหวานยังไม่พอ ก็เลยต้องศึกษาต่อไป
รอยแผล สารออกฤทธิ์ของใบบัวบก ดังเช่น ทวีปเอเชียติเตียนโคไซด์ กรดทวีปเอเชียติเตียนก มาเดแคสโซไซด์ รวมทั้งกรดมาดีค้างสสิค เป็นสารช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในร่างกายและก็อาจมีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาแผลต่างๆแผลขนาดเล็ก แผลไฟเผา แผลจากโรคสะเก็ดเงินหรือโรคหนังแข็ง รวมถึงแผลเป็นแบบนูน ซึ่งจากงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยชิ้นหนึ่งได้ชี้แนะว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบกบริเวณผิวหนังภายหลังจากเย็บแผลแล้ว 2 ครั้งต่อวัน สม่ำเสมอนาน 6-8 อาทิตย์ บางทีอาจช่วยลดการเกิดแผลเป็นได้ รวมทั้งแผลแบบนูนหรือคีลอยด์ แต่เนื่องจากว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบบัวบกต่อแผลยังไม่เพียงพอ ก็เลยควรต้องศึกษาต่อไป
ท้องลาย จากการตั้งท้อง ได้มีงานศึกษาเรียนรู้แนะนำให้คนที่กำลังตั้งครรภ์ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน เสมอๆทุกวี่ทุกวันในช่วง 6 เดือนในที่สุดก่อนที่จะมีการคลอด ซึ่งอาจช่วยปัญหารอยแตกได้ ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีการทดลองโดยให้หญิงท้องจำนวน 100 คน ทาครีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบบัวบก วิตามินอี และคอลลาเจน-อีลาสติน ไฮโดรไลเซท ทาบริเวณผิวหนังที่มีรอยแตกเปรียบเทียบกับการใช้ยาหลอก พบว่าการทาครีมที่มีส่วนผสมของใบบัวบกอาจจะทำให้เกิดรอยแตกหรือท้องลายน้อยกว่าในกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก แม้กระนั้นด้วยเหตุว่าหลักฐานเกื้อหนุนคุณสมบัติของใบัวบก[/url]ต่อรอยแตกหรือท้องลายยังไม่แน่นอน ก็เลยจึงควรศึกษาต่อไป
ลดความไม่สาบายใจ การดูแลรักษาแบบหมอแผนจีนมีการนำใบบัวบกมาใช้เพื่อทุเลาอาการหม่นหมองและก็ความกลุ้มอกกลุ้มใจ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนทดลองชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับประสิทธิภาพของใบบัวบกสำหรับในการลดความรู้สึกกังวลใจ โดยสุ่มให้อาสาสมัครรับประทานใบบัวบกในจำนวน 12 กรัมหรือกินยาหลอก จากผลของการทดสอบแสดงให้เห็นว่าใบบัวบกมีฤทธิ์ต้านความหนักใจ ช่วยลดความเคร่งเครียด แต่ว่ายังคงจำเป็นต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกต่อไปถึงคุณภาพของใบบัวบกสำหรับการรักษาโรคไม่สบายใจ
โรคและอาการอื่นๆเป็นต้นว่า หวัด ไข้หวัดใหญ่ ต่อมทอนซิลอักเสบ เป็นลมแดด การตำหนิดเชื้อทางเดินปัสสาวะ โรคตับอักเสบ โรคดีซ่าน ท้องร่วง ของกินไม่ย่อย ซึ่งยังจำเป็นจะต้องทำการศึกษาเรียนรู้หาสมรรถนะรวมทั้งความปลอดภัยสำหรับในการรักษาต่อไป
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินใบบัวบก
 การใช้สารสกัดจากใบบัวบกทาบริเวณผิวหนังอาจมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ว่าการกินใบบัวบกบางทีอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก คนที่กำลังท้อง หรือผู้ที่อยู่ในตอนให้นมบุตร ด้วยเหตุว่ายังไม่มีหลักฐานทางด้านการแพทย์เพียงพอที่จะส่งเสริมถึงเรื่องความปลอดภัยต่อเด็ก มารดา หรือลูกในท้อง
การรับประทานใบบัวบกอาจเป็นสาเหตุให้กำเนิดความทรุดโทรมต่อตับ ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ที่เป็นโรคตับหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับไม่สมควรรับประทานใบบัวบก เนื่องจากอาจส่งผลให้อาการต่างๆแย่ลงได้ รวมทั้งไม่สมควรรับประทานใบบัวบกร่วมกับยาที่มีผลต่อตับในกลุ่มพวกนี้ อย่างเช่น พาราเซตามอล อะมิโอดาโรน คาร์บามาซีตะกาย ไอโซไนอะสิด ซิมวาสแตว่ากล่าวน เป็นต้น
การกินใบบัวบกในปริมาณมากอาจจะเป็นผลให้รู้สึกอยากนอนได้มากกว่าปกติ หรือถ้าหากกินร่วมกับยานอนหลับหรือยาคลายความไม่สบายใจ เช่น โคลนาซีแพม ลอราซีแพม ฟิโนบาร์บิทอล รวมทั้งโซลพิเดม
ควรหยุดกินใบบัวบกขั้นต่ำ 2 อาทิตย์สำหรับคนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด เพราะเหตุว่าอาจเกิดปฏิกิริยากับยาที่ใช้เพื่อการผ่าตัดและก็อาจจะเป็นผลให้รู้สึกอยากนอนได้มากขึ้น
ควรหารือแพทย์ก่อนรับประทานใบบัวบก หากอยู่ในตอนการใช้ยาหรืออาหารเสริมชนิดอื่นๆอยู่เป็นประจำ เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ถ้าเกิดรับประทานใบบัวบกในระหว่างการรักษาของผู้ป่วยโรคตื่นตระหนก คนป่วยโรคเบาหวาน คนที่หรูหราคอเลสเตอรอลในเลือดสูง คนไข้อัลไซเมอร์ รวมทั้งผู้ที่ใช้ยานอนหลับหรือยากลุ้มอกกลุ้มใจน้อยลง และก็ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากว่าอาจจะเป็นผลให้กดประสาทเพิ่มมากขึ้น http://www.disthai.com/[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / คูนประโยชน์-เเละสรรพคุณ ของราชพฤกษ์ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 10:13:32 am

[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]

คูน ประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์ของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้น[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์
หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นบ้านของทวีปเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย เมียนมาร์ แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีใน และก็มีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้บทสรุปเด่นชัด จนกว่ามีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องมาจาก ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองยกช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" และก็มีการลงนามให้ต้นราชพฤกษ์ ยอดเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องจากฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างล้นหลาม แล้วก็มีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับจารีตประเพณีสำคัญๆในไทยรวมทั้งเป็นต้นไม้มงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มไม้สวยเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นเครื่องหมายแห่งศาสนาพุทธ
  • มีอายุยืนนาน และก็แข็งแรง

คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรจำพวกยืนต้นขนาดกลางถึงขั้นใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามเขตแดนต่างๆยกตัวอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ลมแล้ง หรือชัยพฤกษ์ ส่วนจังหวัดปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และก็กะเหรี่ยง-กาญจนบุรีเรียก กุเพยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นของทวีปเอเชียใต้ไปจนถึงอินเดีย ศรีลังกา และก็เมียนมาร์ รวมถึงคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลรักษา
           แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือกลางแจ้ง และก็เจริญเติบโตเจริญในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตเจริญในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนคละเคล้าทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กก.ต่อต้น รวมทั้งควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           วิธีแพร่พันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่จำเป็นต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เพราะว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ ต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ หลังจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก แล้วก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อถือเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯพืชที่มีความมงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และก็หากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติตำแหน่ง เกียรติ และก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยศาสตร์ โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องด้วยเป็นไม้มงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นไม้ต้นขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่สามารถถ่ายเทน้ำได้ดิบได้ดี ส่วนใบจะมีสีเขียววาว โคนมน เนื้อใบหมดจดและก็บาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบรูปทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ แล้วก็เห็นเส้นกลีบแจ่มชัด ฝักอ่อนมีสีเขียวและจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด แล้วก็ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆกั้นเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และก็ด้านในช่องพวกนี้จะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ผลดีและคุณประโยชน์ของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้ลักษณะของการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ และก็ช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามเนื้อบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ และโรคเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอก[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url] – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) รวมถึงโรคกระเพาะอาหาร และก็แผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับเพื่อการฆ่าเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้ขี้กลากหรือโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณหัว แล้วก็ช่วยถ่ายสิ่งสกปรกโสโครกออกจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีมีครรภ์ ไม่มีผลใกล้กันอะไรก็แล้วแต่ให้รสเมา
แก่น – ช่วยในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ต้นตานขโมย ปรับแต่งไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือผู้ที่มีลักษณะท้องผูกเรื้อรัง และถ่ายเสมะแล้วก็แก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กและสตรีตั้งครรภ์ ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้คลื่นไส้ และก็ขับรกที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสขื่นเมา
เมล็ด – ทำให้คลื่นไส้ ให้รสขื่นเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องร่วง ใช้ฝนผสมกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล รับประทานเพื่อกำเนิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย และก็ระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและครึ่งเขตร้อน สามารถเติบโตได้ดีในที่โล่ง และปลูกได้ง่ายอีกทั้งในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินร่วนเหนียว รวมทั้งยังทนต่อสภาพภูมิอากาศแล้งและดินเค็มเจริญ แต่ถ้าอากาศหนาวจัดอาจส่งผลให้ติดเชื้อโรคราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/[/b]
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ราชพฤกษ์เป็นสมุนไพรที่นำมารักษาโรคได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 04:50:25 pm
[/b]
ชื่อตระกูล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อท้องถิ่นอื่น : คูน (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ[/b] (ภาคกึ่งกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
ชนิดนี้ตำราหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงระดับจำพวกย่อยหมายถึงCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชจำพวกนี้เป็นต้นไม้ขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดจากกิ่งแก่ที่ร่วงหล่นไป แต่ว่าเมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่ปุ่มป่ำ ใบเป็นใบประกอบแบบขนเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ เซนติเมตร แกนกลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่แกมรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่รวมทั้งแข็ง ไม่แตกแขนง ยาว ๕-๑๖ เซนติเมตร เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยกลายเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ ซม.[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C][url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์
[/url] มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มม.กลีบดอกไม้รูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มม. ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบดอกเป็นก้านยาวราว ๓ มิลลิเมตร  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ปริมาณยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๖๐ เซนติเมตร ห้อยลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ สะอาด ไม่มีขน ไม่แตก มีเม็ดจำนวนมาก แล้วก็รูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลเป็นเงา
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ต้นไม้ (T) สูงโดยประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ หมดจด สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนก ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยประมาณ 4-12 คู่
ดอก มีดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ ออกดอกแบบสมมาตรข้างๆ มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกเหนือสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และก็มีเปลือกแข็ง ด้านในมีฝาผนังแบนสีน้ำตาล กันเป็นห้องแล้วก็มีเมล็ดห้องละ 1 เมล็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เมล็ด มีเนื้อห่อนิ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนและก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วๆไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับและปลูกข้างถนนเพื่อความสวยสดงดงาม
การปลูกแล้วก็แพร่พันธุ์
ปลูกได้ไม่ยากและก็เจริญวัยได้ในดินเกือบทุกชนิด แต่ว่าจะถูกใจดินร่วนผสมทราย แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดแล้วก็ตอนกิ่ง
[/b]
ประโยชน์ทางยา
รสและคุณประโยชน์ในตำรายา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาอาการไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งโสโครกออกมาจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคโรคกุฏฐัง แก้กลากโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้มาลาเรียรวมทั้งระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้ไข้มาลาเรียรวมทั้งเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องเสีย แล้วก็ช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยเร่งคลอด รักษาอาการท้องเสีย
กระพี้ รสเมา ใช้แก้รำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเหม็นเบื่อ ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ถูหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อรวมทั้งขัดข้อ
เปลือกฝัก รสขื่นเมา ทำให้แท้งลูก ขับรกที่ค้าง แล้วก็ทำให้อ้วก
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งหมด ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามเนื้อบนบริเวณใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำแก้โรคเกี่ยวกับสมอง แก้เส้นเอ็นพิการ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากโรคเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในไส้ ระบายท้อง
เมล็ด ช่วยกระตุ้นให้อ้วก เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ แนวทางและก็ปริมาณที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยการเอาเนื้อในฝักแก่หนักโดยประมาณ 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือน้อย ดื่มก่อนนอนหรือช่วงเวลาเช้าก่อนกินอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกเป็นประจำ รวมทั้งสตรีตั้งครรภ์ก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะอาหาร โดยใช้ฝักโดยประมาณ 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดและก็เหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/[/b]
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เห็ดหลินจือ รักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือ?.. เมื่อ: สิงหาคม 07, 2018, 01:49:42 pm
[/b]
เห็ดหลินจื[/size][/b]
เห็ดหลินจือ รักษาโรคโรคมะเร็ง
อีกหนึ่งการค้นคว้าที่ศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิผลของสารโพลีแซ็คคาไรค์ในเห็ดหลินจือของผู้ในผู้เจ็บป่วยมะเร็งปอด จากการวิเคาะห์พบว่า สารดังที่กล่าวมาแล้วมีส่วนในการยัยยั้งหลักการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว
จากการศึกษาเรียนรู้วิจัยมากมายถึงประสิทธิผลทางการรักษาโรคมะเร็งของเห็ดหลินจืออาจมีผลต่อการต้านการอักเสบในผู้ป่วยมะเร็งปอดบางราย แม้กระนั้นยังคงไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือการทดสอบด้านการแพทย์ที่ให้ข้อมูลพอเพียงที่สนับสนุนให้ใช้เห็ดหลินจือสำหรับการรักษาโรคมะเร็งอย่างเป็นทางการ
เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบจากการรวบการวิจัยที่เรียนประสิทธิผลของ[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
เพื่อรักษาโรคโรคมะเร็งในมนุษย์ 373 คน แม้ว่าจะพบว่าคนเจ็บสนองตอบต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดรักษาก้าวหน้าขึ้นเมื่อรักษาร่วมกับการใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือ แต่เมื่อทดสอบการใช้เห็ดหลินจือเพียงอย่างเดียวกลับไม่มีประสิทธิผลในในการทำให้โรคมะเร็งลดขนาดลงประการใด
ยิ่งกว่านั้น จาการทวนงานวิจัยพบว่ามีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัย 4 ชิ้นที่ส่งผลลัพธ์เกื้อหนุนว่าเห็ดหลินจืออาจสัมพันธ์ต่อการปรับแต่งคุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วยให้ดียิ่งขึ้น แล้วก็ในเวลาเดียวกัน ก็ส่งผลลัพธ์จากงานศึกษาวิจัยหนึ่งที่แสดงถึงผลข้างคียงของเห็ดหลินจือ เป็นอาการคลื่นใส้รวมทั้งนอนไม่หลับด้วย
โดยเหตุนั้น จึงอาจจะบอกได้ว่า เครื่องพิสูจน์ทางคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยชน์ซึ่งมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาเรียนรู้วิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแต่การทดลองในคนเจ็บบางกลุ่มเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง จึงยังคงเป็นเรื่องการค้นคว้าที่ควรดำเนินงานทดลองต่อไปเพื่อได้เห็นผลลัพ์ที่ชัดแจ้งและก็เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาคนไข้โรคมะเร็งได้ในอนาคต
ภาวะต่อมลูกหมากโต และก็การเจ็บป่วยในระบบทางเท้าฉี่
มีแนวทางการทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในคนป่วยเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะฉี่ขัดข้อง หลังการทดสอบกว่า 12 สัปดาห์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็น คนเจ็บต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับในการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของผู้เจ็บป่วยจากการตอบคำถาม แต่ไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
ด้วยเหตุดังกล่าว การทดสอบดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่ชัดเจนพอเพียง ควรต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ถัดไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่แจ่มแจ้งสำหรับเพื่อการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลและรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาด้านสุขภาพใดๆที่เกี่ยว
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นโลหิตหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลการทดสอบทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีคนเจ็บโรคเบาหวานชนิด 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่มีผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพพอเพียงจะสนับสนุนผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเช่นกัน โดยหนึ่งในงานค้นคว้าเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนไข้บางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเสีย หรือท้องผูก
โดยเหตุนี้ควรต้องมีการค้นคว้าทดสอบถึงคุณภาพของเห็ดหลินจือในการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆเหล่านี้เพื่อป้องกันและก็การรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจถัดไป และให้ได้เรื่องกระจ่างแจ้งชัดดเจนในด้านดังกล่าวข้างต้นมากขึ้นเรื่อยๆ อันเป็นผลดีต่อกรรมวิธีการรักษาคุ้มครองโรคเส้นโลหิตหัวใจและอาการต่างๆที่เกี่ยวข้องถัดไปในอนาคต
ปริมาณที่สมควรสำหรับในการบริโรคเห็ดหลินจืออย่างกระจ่าง เนื่องประสิทธิผลและผลข้างคียงจากการบริโภค ด้วยเหตุนั้น ผู้ใช้ ควรศึกษาค้นคว้าเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และก็ขอคำแนะนำแพทย์หรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโรค เพราะเห็ดหลินจือในแต่ละรูปแบบจะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ แม้กระนั้นสารเคมีและก็ส่วนประต่างอาจส่งผลใกล้กันที่เป็นโทษต่อร่างกายได้ด้วยเหมือนกัน
[/b]
โดยทั่วไป จำนวนการบริโภคเห็ดหลินจือ/วันเป็นต้นว่า
-เห็ดหลินจืออบแห้ง ไม่สมควรบริโภคเกิน 1.5-9 กรัม/วัน
-ผงสารสกัดเห็ดหลินจือ ไม่ควรบริโภคเกิน 1-1.5 กรัม
-สารละลายเห็ดหลินจือ ไม่สมควรบริโภคเกิน 1 มิลลิลิตร/วัน
ความปลอดภัยในการบริโภคเห็ดหลินจือ
แม้จะมีการพิสูจน์ถึงคุณค่าในบางด้านที่อาจเกิดขึ้นได้จากการบริโภคเห็ดหลินจือ แต่ผู้บริโภคก็ควรศึกษาเนื้อหาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือ และขอคำแนะนำหมอหรือเภสัชกรก่อนจะมีการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรระมัดระวังในด้านปริมาณแล้วก็แบบเห็ดหลินจือที่บริโภค ด้วยเหตุว่าอาจเกิดผลข้างๆต่อสุขภาพได้ในภายหลัง
โดยข้อควรไตร่ตรองในการบริโภคเห็ดหลินจืออาทิเช่น
ผู้ใช้ทั่วไป.......
-ควรจะบริโภคเห็ดหลินจือในจำนวนที่พอดี
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันเป็นเวลานานเกินกว่า 1 ปี อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดจากเห็ดหลินจือติดต่อกันนานเกินกว่า 1 ปี อาจจะทำให้ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้
-การบริโภคสารสกัดเห็ดหลินจืออาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ปากแห้ง คอแห้งผาก คันจมูก เลือดกำเดาไหล ท้องไส้ปั่นป่วน ถ่ายเป็นเลือด
-การดื่มไวน์เห็ดหลินจืออาจก่อให้เกิดผลกระทบเป็นอาการผื่นคัน
-การดมหายใจเอาเซลล์ขยายพันธุ์ หรือ สปอร์ (Spores) ของเห็ดหลินจือเข้าไปอาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้
คนที่พึงระวังสำหรับการบริโภคเป็นพิษ
คนที่ครรภ์ หรือกำลังให้นมลูก แม้ยังไม่มีการยืนยันผลข้างเคียงที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มผู้ใช้นี้แต่ว่าผู้ที่ตั้งท้องและก็คนที่กำลังให้นมลูกควรจะหลีกเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยต่อสุขภาพของตนแล้วก็ลูกน้อย
คนที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัด การบริโภเห็ดหลินจือ[/url]ในจำนวนมาก บางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนไข้บางรายที่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด ด้วยเหตุนั้น เพื่อลดการเสี่ยง ผู้ป่วยควรจะหยุดบริโภคเห็ดหลินจือ ขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ก่อนวันผ่าตัด
คนที่มีปัญหาสุขภาพ
ความดันเลือดต่ำ เห็ดหลินจืออาจทำให้ความดันเลือดต่ำลง ดังนั้น คนเจ็บสภาวะความดันเลือดต่ำจำเป็นที่จะต้องเลี่ยงการบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมากอาจเพิ่มการเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนที่มีเกล็ดเลือดต่ำ ฉะนั้นคนป่วยภาวการณ์เกล็ดเลือดต่ำก็เลยไม่ควรบริโภคเห็ดหลินจือ
ภาวะมีเลือดออกแตกต่างจากปกติ การบริโภคเห็ดหลินจือในปริมาณมาก อาจเพิ่มความเสี่ยงสำหรับในการเกิดภาวะมีเลือดออกในคนป่วยบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่มีภาวการณ์เลือกออกแตกต่างจากปกติอยู่แล้ว http://www.disthai.com/[/b]
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย