กระทู้ล่าสุดของ: ind4s2fuo6p0

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรบัวบกมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง เมื่อ: กันยายน 07, 2018, 08:05:23 am
[/b]
บัวบ[/size][/b]
บัวบก ชื่อสามัญ Gotu kola
บัวบก ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urb. จัดอยู่ในวงศ์ผักชี (APIACEAE หรือ UMBELLIFERAE)
สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ผักหนอก (ภาคเหนือ), ผักแว่น (ภาคใต้), กะโต่ ฯลฯ จัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีต้นกำเนิดในแถบทวีปเอเชีย เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีกลิ่นฉุน มีรสขมหวาน
เมื่อเอ่ยถึงบัวบก สมุนไพรจำพวกนี้ขึ้นมาทีไร ผู้คนจำนวนมากอาจนึกไปว่ามันเพียงแค่ช่วยแก้อาการบอบช้ำในเฉยๆ(ส่วนอาการอกหักนี้ไม่เกี่ยวกันนะ) แม้กระนั้นในความเป็นจริงแล้ว บัวบกหรือใบบัวบกนั้นมีสรรพคุณจำนวนมาก เพราะได้รับการกล่าวขวัญเกี่ยวการรักษาโรคได้หลายแบบ อย่างโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องร่วง อาการท้องอืด แผลในกระเพาะ มีฤทธิ์กล่อมประสาท ช่วยบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ช่วยลดความเมื่อยล้าของสมอง
ใบบัวบก มีสารประกอบสำคัญหลายอย่าง ดังเช่น บราโมซัยด์ บราไม่โนซัยด์ ไตรเตอพีนอยด์ มาดิแคสโซซัยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยต้านการอักเสบ แล้วก็ยังมีกรดมาดิแคสสิค วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 วิตามินเอ วิตามินเค ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม และก็กรดอะมิโน อาทิเช่น แอสพาเรต กรดกลูตามิก เซรีน ทรีโอนีน อะลานีน ไลซีน ฮีสครั้งดิน ฯลฯ
ใบบัวบกเหมาะสำหรับคนที่ขี้ร้อน มีภาวะแกร่ง หรือมีความร้อนเปียกชื้น เนื่องจากว่าเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยาเย็น
บัวบกประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากใบบัวบกประโยชน์ของใบบัวบก
คุณประโยช์จากใบบัวบก
บัวบกเป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แม้กระนั้นหรูหราสารออกซาเลตที่เป็นโทษต่อสุขภาพในปริมาณต่ำ
ใบบัวบกช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุรวมทั้งวัย
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยเสริมสร้างและก็กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแล้วก็อีลาสติน
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
คุณประโยชน์ซึ่งมาจากใบบัวบก ช่วยบำรุงแล้วก็รักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง
ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการกางใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นมัวแต่น้ำเอามาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
ช่วยบำรุงประสาทรวมทั้งสมองราวกับใบแปะก๊วย
ช่วยทำให้ความจำดียิ่งขึ้นและก็ทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มมากขึ้น
ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มความฉลาดทางสติปัญญา ความฉลาด และความสามารถสำหรับในการเรียนรู้
ใบบัวบกมีคุณประโยชน์ช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในคนสูงอายุ สตรีวัยทอง โรคอัลไซเมอร์หรืออาการลืมระยะสั้นได้
ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
ช่วยเพิ่มความสามารถสำหรับในการตัดสินใจเฉพาะหน้า
ช่วยแก้อาการปวดหัว ปวดศีรษะด้านเดียว
ช่วยแก้อาการตาลายหัว
ช่วยผ่อนคลายความเครียด
ช่วยเสริมหลักการทำงานของกาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ จึงช่วยบรรเทาแล้วก็ทำให้หลับง่ายขึ้น
ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดิบได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยกระตุ้นการผลิตเนื้อเยื่อใหม่
ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงโลหิตภายในร่างกาย
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจ
ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
ช่วยให้จิตใจมีชีวิตชีวา อารมณ์แจ่มใส
ช่วยทำให้เค้าหน้าผ่องใสราวกับเป็นวัยรุ่น
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
ช่วยบำรุงรักษาเสียง
ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเพิ่มน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
ช่วยแก้กระหายน้ำคุณประโยชน์ใบบัวบก
ใบบัวบกมีสรรพคุณช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์ของโรคมะเร็ง ช่วยต้านโรคมะเร็ง
ช่วยรักษาโรคโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในคนป่วยเบาหวานก้าวหน้า
ช่วยรักษาโรคโรคตับเหลืองจากภาวการณ์ร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำ
ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยถนอมอาหารโรคหืด
ช่วยรักษาโรคความดันเลือดสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วเอามาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆทั้งต้นประมาณ 30 กรัมเอามาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลน้อยแล้วดื่มกินราว 5-7 วัน
ช่วยรักษาโรคลมชัก
ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะต้น ด้วยการใช้บัวบกแล้วก็เปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับสุราดื่ม
ช่วยแก้คนเป็นบ้า
ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด และก็ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า
ช่วยแก้ไข้
ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะว่าทำให้เลือดเดิน แต่เลือดจะไม่ออกมาจากเส้นเลือดรวมทั้งยังเป็นเหตุให้เลือดเย็นอีกด้วย
ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบชน
เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
ช่วยทำให้เจริญอาหาร ทานอาหารได้มากขึ้น
ช่วยแก้อาการท้องเสีย
สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์คุ้มครองป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
ช่วยรักษาโรคบิดหรือมีมูกเลือดคละเคล้าเมื่อถ่าย
ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
ใช้เป็นยาขับเยี่ยว
แก้อาการปัสสาวะติดขัด ด้วยการใช้ใบบัวบกราว 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อฉี่คล่องก็ดีค่อยคัดแยกออก
ช่วยขับความร้อนเปียกชื้นทางเท้าฉี่ คุ้มครองป้องกันการเกิดนิ่ว
ช่วยรักษาโรคนิ่วฟุตบาทฉี่ด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำแช่ข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากฉี่
ช่วยแก้อาการน้ำดีภายในร่างกายมากจนเกินความจำเป็น
ช่วยรักษาโรคม้ามโต
ช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคของไวรัสตับอักเสบ
แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 20 ใบเอามาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วเพิ่มขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ ด้วยการกางใบบัวบกมาตีให้แหลกแล้วเอามาโปะรอบๆที่บวมช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงประมาณ 250 cc. ราวๆ 1 ชั่วโมงแล้วนำมาดื่ม
ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือใช้รักษาอาการด้วยการใช้น้ำคั้นบัวบกนำมาผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกรอบๆที่เป็น
ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆอย่างเช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด ฝึกฝน ฯลฯ
ช่วยหยุดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุนำไปสู่หนอง
ช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดีและใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้วย
ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
ใช้เป็นยาทำลายพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อนจากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกราวๆ 3 ต้นเอามาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วเอามาพอกแผลไฟไหม้
บัวบกมีการเอามาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการช่วยบำรุงรักษาสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
เดี๋ยวนี้มีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในแบบเป็นผงใช้โรยแผล รวมทั้งในรูปแบบเม็ดกินเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสด ไฟเผา น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ แล้วก็ยังช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
ช่วยแก้อาการก้างปลาติดคอ ด้วยการนำบัวบกไปต้มน้ำ และก็หลังจากนั้นจึงค่อยๆกลืนน้ำลงคอ
ใบแล้วก็เถาบัวบกใช้กินเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุปหน่อไม้ ฯลฯ
น้ำคั้นจากใบบัวบกเอามาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ทาหัว มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังหัวและก็เส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ ขจัดปัญหาผมหล่น ผมหงอกก่อนวัย
น้ำใบบัวบกเป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับฤดูร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่ามีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิวรวมทั้งปลอดภัยต่อสภาพทางด้านร่างกาย
สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมสำหรับในการผลิตเครื่องสำอาง
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นสิ่งของปิดแผล
ลบรอยตีนกาตื้นๆด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นกระทั่งละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วรอบๆหางตาหรือทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกเมื่อเชื่อวันก่อนนอน
มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็นสบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างถึงว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้
[/b]
ขั้นตอนการทำน้ำบัวบก
วิธีการทำน้ำบัวบกแนวทางการทำน้ำบัวบก ควรที่จะเลือกใช้ใบบัวบกที่แก่กว่า รับประทานเป็นผักสด โดยใช้ทั้งรากเอามาล้างน้ำชำระล้าง
ใบบัวบกจะเหนียวให้ตัดเป็น 2-3 ท่อน ก่อนเอามาบด
คั้นน้ำแรกโดยผสมน้ำกับใบบัวบกที่บด แล้วนำกากที่เหลือมาคั้นน้ำที่สองเพื่อให้ได้ตัวยาสมุนไพรที่ยังเหลืออยู่ (ควรจะใช้น้ำที่สะอาด แล้วก็ห้ามใช้น้ำร้อนหรือนำน้ำที่คั้นได้ไปต้ม)
กรองน้ำบัวบกด้วยผ้าขาวบางห่างๆ(แบบผ้ามุ้ง ถี่มากจะกรองไม่ได้)
ข้างหลังกรองจะมีกากให้ทิ้งไป ให้รินเฉพาะน้ำส่วนใสๆมาดื่ม
น้ำบัวบกต้องคั้นใหม่ๆจากใบใหม่ๆและไม่ควรที่จะเก็บน้ำที่คั้นได้ไว้นานหรือควรจะแช่เย็นเก็บไว้
น้ำเชื่อมถ้าทำมาจากน้ำต้มใบเตย จะก่อให้น้ำบัวบกอร่อยมากขึ้น
สรรพคุณของน้ำใบบัวบกช่วยแก้ร้อนใน ช้ำใน
ไข่เจียวบัวบก
ใบบัวบกวัตถุดิบที่จะต้องเตรียมยกตัวอย่างเช่น บัวบกสด 20 กรัม / ไข่ 2 ฟอง / น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ / น้ำปลาน้อย / น้ำมันพืชสำหรับใช้ทอด
นำบัวบกมาล้างจนกระทั่งสะอาดแล้วหั่นตรอกเป็นชิ้นเล็กๆ
นำไข่มาตอกแล้วตีไข่ เพิ่มเครื่องปรุงต่างๆ
นำใบบัวบกที่ตรอกแล้วผสมลงไปในไข่ คนให้เข้ากัน
เอามาทอดในไฟอ่อนจนไข่สุก
คุณประโยชน์ช่วยทุเลาลักษณะของการปวดหัว และเวียนหัวหัว
ข่างปองบัวบก (บัวบกชุบแป้งทอด)
จัดเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกสด / ไข่ไก่ / แป้งทอดกรอบ / กระเทียมหั่นหยาบคาย / หอมแดงหั่นหยาบคาย / เกลือ / พริกไทยป่น
นำบัวบกสดที่ได้มาล้างชำระล้าง แล้วหั่นหยาบๆให้พอดิบพอดีคำ
นำแป้งที่ใช้ในการทอดกรอบมาผสมกับไข่ไก่ กระเทียม หอมแดง พริกไทย และเกลือ ผสมเข้าด้วยกัน
นำบัวบกที่หั่นตระเตรียมไว้ เอามาชุบกับแป้งที่ผสมไว้
หลักแล้วหลังจากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันให้ร้อน
แล้วจึงน้ำบัวบกที่ชุบแป้งแล้ว นำมาทอดให้เพียงพอเหลืองกรอบแล้วยกลงให้สะเด็ดน้ำมัน
เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย เอามาจิ้มรับประทานกับน้ำจิ้มไก่ตามใจชอบได้เลย
คุกกี้บัวบก
ให้เตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ บัวบกหั่นละเอียด 2 ถ้วยตวง / ไข่ไก่ 1 ฟอง / แป้งอเนกประสงค์ 2 ถ้วยตวง / เนยสดรสเค็ม 2 ถ้วยตวง / น้ำตาล 1.1/2 ถ้วยตวง / ผงฟู 2 ช้อนชา / กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
นำใบบัวบกมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นอย่างรอบคอบ โดยตัดก้านและก็ใบออกมาจากกัน ก้านให้หั่นเป็นท่อนเล็กๆส่วนใบนำมาเรียงซ้อนกันแล้วหั่นตามทางขวางและก็กลับมาหั่นอีกข้าง แล้วพักไว้
นำแป้งแล้วก็ผงฟูมาร่อนผ่านที่กรอง 2 รอบ แล้วพักไว้
นำเนยสดมาตีให้กับน้ำตาลด้วยความเร็วปานกลางจนกระทั่งขึ้นฟู ราวๆ 1 นาที
ใส่ไข่ไก่แล้วก็กลิ่นวานิลลาลงไป แล้วตีให้ถูกกัน
เบาๆใส่แป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปทีละเล็กทีละน้อย (ครั้งละ 1 ส่วน 3 ของแป้งทั้งหมดทั้งปวง) แล้วตีแป้งให้เข้ากับส่วนประกอบทั้งสิ้น
นำบัวบกที่หั่นละเอียดแล้วใส่ลงไปในแป้ง แล้วผสมให้เข้ากันอีกรอบ
นำไปอบในตู้อบ โดยวางใส่ถาดที่ทาเนยหรือกระดาษทนความร้อน ซึ่งจะต้องตักแป้งให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ
ใช้เวลาอบโดยประมาณ 6-8 นาที ด้วยอุณหภูมิโดยประมาณ 250 องศา หรือดูว่าขอบเริ่มเหลืองก็เป็นอันใช้ได้แล้ว เสร็จแล้ว คุกกี้บัวบก
กระบวนการทำน้ำมันบัวบก
เตรียมส่วนผสมดังต่อไปนี้ บัวบก 4 โล / น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว 1 ลิตร / น้ำสะอาด 1 ลิตร
นำบัวบกมาล้างน้ำชำระล้าง แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
เพิ่มเติมน้ำลงไปในบัวบก แล้วค่อยนำไปปั่นกระทั่งละเอียด
เสร็จแล้วให้กรองมัวแต่น้ำบัวบกที่ได้จากการปั่น
นำน้ำบัวบกที่กรองได้ไปต้มกับน้ำมันที่สกัดจากมะพร้าวโดยใช้ไฟอ่อนๆราวๆ 80 องศาเซลเซียส
เคี่ยวไปเรื่อยๆจนถึงเหลือแค่น้ำมันที่ทำจากมะพร้าว โดยให้สังเกตลักษณะกากของน้ำมัน จะมีลักษณะแห้งแบบเม็ดทราย นับได้ว่าเป็นอันใช้ได้ ชูลงจากเตาแล้วกรองเอาน้ำมัน เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อย
วิธีใช้น้ำมันบัวบก
ใช้น้ำมันที่ได้เอามาทาเส้นผม แล้วนวดให้ทั่วหนังศีรษะ
นวดเสร็จแล้วให้หมักทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 นาที
ครบเวลาแล้วให้สระผมด้วยน้ำอุ่นพร้อมยาสระผมตามปกติ เป็นอันเสร็จ
น้ำมันบัวบก สรรพคุณช่วยบำรุงหนังหัวและก็เส้นผม ช่วยให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมตก ผมหงอกก่อนวัย
คำตักเตือนแล้วก็คำเสนอแนะ
คุณประโยชน์ของใบบัวบกการรับประทานใบบัวบกคุณควรพิเคราะห์รากฐานของร่างกาย อย่าดูแม้กระนั้นคุณประโยชน์เพียงอย่างเดียว
บัวบไม่เหมาะกับผู้ที่มีสภาวะเย็นพร่อง หรือขี้หนาว ท้องเฟ้อเสมอๆ
การกินบัวบกในจำนวนที่มากเหลือเกิน จะก่อให้ธาตุในร่างกา
[url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]

Tags : ประโยชน์บัวบก
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรพญายอมีรูปร่างอย่างไรเเละสรรพคุณ-ประโยชน์ดีอย่างไร..?... เมื่อ: สิงหาคม 20, 2018, 09:22:39 am
[/b]
พญาย[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
เป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถารวมทั้งใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้สวยในดินที่บริบูรณ์ แดดปานกลาง พบมากตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ ฯลฯไม้ที่ปลูกได้ไม่ยาก ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาก็ดีก็ย้ายไปปลูกลงในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วๆไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินความจำเป็น ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูเจริญ โดยยิ่งไปกว่านั้นส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล รวมทั้งภาควิชาได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโอ้อวดนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต่อต้านพิษงูยังไม่แน่ชัด แม้กระนั้นปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ว่าไม่มีไข้) จากแมลงที่เป็นพิษกัดต่อย ได้แก่ ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำอย่างรอบคอบ เพิ่มแอลกอฮอล์เพียงพอเปียกยา ตั้งทิ้งเอาไว้ 1 อาทิตย์ หมั่นคนยาวันแล้ววันเล่า กรองน้ำยา ใช้น้ำ แล้วก็กากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสลดพังพอน เพราะว่าเสมหะพังพอนมีทั้งตัวผู้ละตัวเมีย แม้กระนั้นเพศผู้ไม่นิยมประยุกต์ใช้เพราะว่ามีฤทธิ์อ่อน แล้วก็เพื่อไม่ให้งงเต็กจึงเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" โดยมากนำมาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชทำลายพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาทารักษาภายนอก มีสรรพคุณทุเลาการอักเสบของผิวหนังได้ดิบได้ดี  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
คุณสมบัติของผงพญายอสำหรับในการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับเหล้าใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก พญายอมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนก้าวหน้า
- อีกตำราระบุว่านอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเนื่องมาจากถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด และก็แผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย เอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและก็สุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกเช้าตรู่แล้วก็เย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- พญาย[/color]ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง และใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกบริเวณแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด ช่วยลดอาการปวด
- มีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]
[/b]
วิธีการพอกขัดผิวด้วยผพญายอ[/url][/size][/b]

  • ชำระล้างผิวหน้าด้วยสินค้าล้างหน้าล้างตาแล้วก็ถูเครื่องแต่งหน้าให้สะอาดก่อนวิธีการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำที่สะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง น้ำนม หรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้ทั้งยังผิวหน้าและผิวกาย เสมอๆ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง

     - สำหรับผิวหน้า พญายอถ้าเกิดเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลุกลามไปทั่วบริเวณใบหน้า รวมทั้งเพื่อไม่ให้เป็นการก่อกวนผิวหน้ามากจนเกินไป พอกทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
     - ถ้าใช้ขัด (สำหรับคนที่ไม่เป็นสิว และผิวกาย) ให้ขัดให้เบาไม้เบามือที่สุด ราวแค่ลูบคลำเพียรพยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด แล้วก็ให้ขัดเพียงแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้กระทั่งแห้ง (บางทีอาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งไว้ราว 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังแห้งแล้ว ให้ทำความสะอาดโดยการล้างด้วยน้ำธรรมดา (ไม่ควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบค่อยที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆแล้วหลังจากนั้นก็ปลดปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบคลำให้เบาที่สุด โดยใช้วิธีการล้างเดียวกับการขัดหน้าเป็นพยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ซับหน้าให้แห้ง

Tip  เพื่อการบำรุงที่เพิ่มขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำกินปกติในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเท่ากัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วใบหน้าสักนิดหน่อย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทั้งช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มรวมทั้งกระจ่างขาวใส ดูอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / รู้ไหมว่ากระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์อย่างมากๆ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 05:18:58 pm
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
กระเทียมกับผลดีต่อสุขภาพ
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเหมือนกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะมี 6-10 กลีบ นิยมประยุกต์ใช้เป็นเครื่องปรุงเข้าครัว กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างไม่เหมือนกับพืชทั่วไป เพราะอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารฯลฯ ดังเช่นว่า อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) แล้วก็ซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย
กระเทียม
หลายท่านอาจจดจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคล ซึ่งมีต้นเหตุจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่โดดเด่นแล้ว อัลลิสินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่มีคุณประโยชน์ต่อสถาพทางร่างกาย แล้วก็อาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้น โดยที่หลายๆคนมั่นใจว่าการรับประทากระเทียม
บางทีอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและเส้นเลือด ความดันโลหิต คอเลสเตอรอล ทุเลาหวัด รวมถึงใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ทั้งนี้สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์หรือหลักฐานทางด้านการแพทย์มีมากมายน้อยแค่ไหนที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ ประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของการกินกระเทียมที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยในการรักษาโรคกลุ่มนี้
ความดันเลือดสูง อัลลิซินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายของกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นเลือดแล้วก็ทำให้เส้นเลือดขยายตัวแล้วก็ทำให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองชิ้นหนึ่งให้คนเจ็บที่มีระดับความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือพอๆกับ 140 มิลลิตรปรอท รับประทานกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มิลลิกรัม เป็นเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากกว่าเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รับประทานยาหลอก จึงอาจจะกล่าวว่าการกินกระเทียมบ่มสกัดอาจมีความสามารถสำหรับเพื่อการรักษาผู้เจ็บป่วยความดันเลือดสูงได้ดีกว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับการลดความดันโลหิตได้ดีมากว่าการใช้ยาหลอก แต่ว่าเนื่องด้วยผลของการทดลองอาจยังไม่แม่นพอเพียงที่จะสรุปประสิทธิภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและก็เส้นโลหิตในคนป่วยความดันโลหิตสูง จึงยังจะต้องเรียนเพิ่มอีกเพื่อรับรองความสามารถที่แจ่มชัดยิ่งขึ้น
โรคมะเร็ง ความเกี่ยวข้องของการบริโภคกระเทียมและการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังไม่ชัดแจ้งรวมทั้งยังคงเป็นที่คัดค้านกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนจีนทั้งหมดศชายและก็เพศหญิงที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารปริมาณกว่า 5,000 คน กินสารอัลลิทริดินขนาด 200 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยทำการทดสอบตรงเวลา 5 ปี รวมทั้งเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอกแล้วพบว่ากรุ๊ปที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกต่ำลง 33 เปอร์เซ็นต์ และเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารลดน้อยลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็แล้วแต่ มีการทำการวิจัยอีก 19 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ยังไม่พบหลักฐานที่น่าไว้วางใจได้ที่จะช่วยส่งเสริมความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมต่อความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งหน้าอก มะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ค่อนข้างจำกัดที่ส่งเสริมว่าการบริโภคกระเทียมอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดอาหาร โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งในโพรงปาก หรือโรคมะเร็งรังไข่
ดังนี้สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) ได้กล่าวว่ากระเทียมเป็นผักที่อาจมีคุณสมบัติต้านทานโรคมะเร็ง แต่ยังมีสาเหตุอื่นๆยกตัวอย่างเช่น รูปแบบของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่นานาประการ อาจจะทำให้พิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของกระเทียมได้ยาก แล้วก็เมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสิ่งแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะส่งผลให้สมรรถนะของกระเทียมหมดลงไปได้เช่นเดียวกัน
แก้หวัด คนไม่ใช่น้อยเชื่อว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส และมีการนำมาใช้เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการหวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสอดคล้องกับการเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครจำนวน 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมรูปแบบเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มิลลิกรัมวันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 สัปดาห์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง ทั้งยังพบว่าระยะเวลาของการเป็นหวัดในกรุ๊ปที่รับประทานสารสกัดจากกระเทียมมีจำนวนวันที่น้อยกว่า แต่ระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของทั้งยัง 2 กรุ๊ปมีความไม่เหมือนกันเพียงนิดหน่อย ถึงแม้ผลของการทดลองข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียม แม้กระนั้นหลักฐานการทดสอบทางสถานพยาบาลยังน้อยเกินไปแล้วก็จะต้องเรียนรู้เสริมเติมเพื่อยืนยันสมรรถนะของกระเทียมให้แจ่มชัดเพิ่มขึ้น
ลดหุ่นรวมทั้งมวลไขมัน ในคนเจ็บภาวการณ์ไขมันพอกตับ ที่มิได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักมีต้นเหตุที่เกิดจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันโลหิตสูง และก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการรักษาด้วยการรับประทานยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นบางทีอาจไม่พอ แม้ไม่ดูแลเรื่องการกินอาหารควบคู่ไปด้วย การกินกระเทียมจึงบางทีอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยเหตุว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และก็สารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติคุ้มครองปกป้องสภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนป่วยไขมันพอกตับที่ไม่ได้เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งเพศชายแล้วก็ผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี จำนวนทั้งหมด 110 คน กินกระเทียมผงชนิดแคปซูลขนาด 400 มก. ซึ่งภายในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 สัปดาห์ โดยสามารถกินอาหารได้ตามธรรมดา แต่ว่ากินกระเทียมได้ไม่เกินสัปดาห์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบแสดงให้เห็นว่า น้ำหนักและก็มวลร่างกายลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่กินยาหลอก จึงอาจจะบอกได้ว่าการกินกระเทียมอาจช่วยลดปริมาณไขมันในตับและก็คุ้มครองป้องกันหรือชะลอการเกิดภาวการณ์ไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ อย่างไรก็แล้วแต่การศึกษาเล่าเรียนในอนาคตยังควรต้องวางแบบการทดสอบให้และควรเพิ่มระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบเพื่อรับรองคุณภาพของกระเทียมให้ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงมีความขัดแย้ง จึงทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปได้อย่างแจ่มแจ้ง ซึ่งสอดคล้องกับการทดลองและก็การเรียนรู้โดยการทบทวนการค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวเนื่องจำนวน 29 ชิ้น ได้ชี้ให้เห็นว่า การรับประทานกระเทียมอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้บางส่วน แม้กระนั้นไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดน้อยลงอะไร ก็เลยยังจึงควรเรียนรู้เสริมเติมเพื่อหาผลสรุปแล้วก็ยืนยันสมรรถนะของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่กระจ่างเพิ่มขึ้น
[/b]
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานกระเทียม
การรับประทานกระเทียมออกจะปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม แต่อาจจะส่งผลให้เกิดผลใกล้กันได้ เช่น ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกลางอก ท้องอืด คลื่นไส้ อ้วก หรือท้องเดิน อาการกลุ่มนี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อรับประทานกระเทียมสด ทั้งยังการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจจะส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนรวมทั้งเคืองได้
ข้อควรคำนึงสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปต่อแต่นี้ไป
ผู้ที่กำลังท้องหรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การกินกระเทียมในตอนการตั้งครรภ์ค่อนข้างจะไม่มีอันตรายแม้รับประทานเป็นของกินหรือในปริมาณที่สมควร แม้กระนั้นอาจไม่ปลอดภัยถ้าหากรับประทานกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้วางใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการมีท้องหรือให้นมลูก
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจส่งผลให้กำเนิดอาการแสบร้อนแล้วก็ระคายเคือง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยอาหาร อาจจะส่งผลให้มีการเคืองที่เดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะทำให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากกว่าธรรมดา
ผู้ที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนการผ่าตัดขั้นต่ำ 2 อาทิตย์เพราะว่าอาจทำให้เลือดออกมากและมีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด แล้วก็ผู้ที่มีภาวการณ์เลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมสด เนื่องจากว่าบางทีอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ดังเช่น ไอโซไนอะสิด เนื่องจากกระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายและก็มีผลต่อสมรรถนะหลักการทำงานของยา รวมทั้งไม่สมควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต่อต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/[/b][/size][/b]
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 03:13:41 pm
[/b]
บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะยังไงนี่ พวกเรากำลังดูหนังการทำศึกอยู่หรอ เปล่านะครับ บุกในที่นี้มิได้ถึงข้าศึกบุก แต่หมายคือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก รวมทั้งที่จำเป็นต้องหนี ไม่ใช่ผู้ใดกันแน่ที่ไหน แต่เป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในปัจจุบันอย่างโรคอ้วน เบาหวาน ต่างหากที่จะต้องหนีไป
บุก ส่วนที่มองเห็นคือ หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในประเทศไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นที่ได้รับความนิยมเสมือนทุกวันนี้เนื่องจากว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชประจำถิ่นอยู่ดี  คนภายในแคว้นก็นำบุกมาทำครัว เหมือนเผือก เสมือนมันทั่วๆไปพอเพียงเริ่มมีคนมาวิจัย   คุณประโยชน์ต่างๆของมัน เลยเปลี่ยนเป็นพืชสมุนไพรไทยยอดนิยม มีการดัดแปลงเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และอื่นๆอีกมากมาย วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเกินความจำเป็นที่จะนำทุกคนมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นภูตผีปิศาจ  น่ากลัวครับผมชื่อนี้ คาดว่ามาจากรูปแบบของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อสกุล    ARACEAE
ชื่อตามท้องถิ่น  :  บุกปะทุงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราพบบุกพอดีไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นอยู่ตาม ชายเขา และก็บางโอกาสก็เจอตามพื้นที่ ทำนา เช่นที่จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี เป็นต้น บุกขึ้นได้ในสภาพดินทุกชนิด แม้กระนั้นจะเจริญวัยเจริญให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังแล้วก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
ลักษณะของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บ่งบอกถึงองค์ประกอบคือใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่พวกเราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ประมาณ 25 ซม. (บางพันธ์อาจเล็กกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะราวกับใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางประเภทมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางเวลาบุกบางจำพวกก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะมีความคิดเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่มากมายมาก  แต่ว่าที่เด่นๆพินิจง่ายว่าเป็บุกคือ จะมีก้านตรงจากกึ่งกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แต่ว่าบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนราวกับหงายร่ม เพราะฉะนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายต้นแบบขึ้นอยู่กับจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าวัว แต่ละจำพวกมีขนาด สี และก็รูป ทรงแตกต่าง บางชนิดมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แต่ว่าบุกสามารถมีดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาในการแก่เต็มกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็ต่างกัน
 ผลบุ[/b](อย่างงเต็กกับหัวบุกนะ ) ภายหลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกส่วนใหญ่จะมีลักษณะคล้ายๆกัน แต่ว่าเมล็ดด้านในแตกต่าง พบว่าส่วนใหญ่มีเม็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม
[url=http://www.disthai.com/16488234/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81]
[/b]
บุกกับการนำมาทำครัว
เป็นพืชอาหารพื้นเมืองซึ่งชาวไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ท่อนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค ดังเช่นว่าทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบรรพชามันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งกินอาหาร ทางภาคเหนือโดยเฉพาะคนภูเขา มักเอามา ปิ้งกิน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นของหวาน
*บุกมีหลากหลายประเภทหลายชนิด อาจขมแล้วก็มีพิษ ทุกประเภทมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบแล้วก็หัว ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คัน ก่อนนำมาทำอาหารจำต้องต้มซะก่อน ไม่อย่างนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากและลิ้นพอง
อาหารที่ดัดแปลงมาจากบุก
ปัจจุบันมีการนำบุกมาแปรรูป อีกทั้งในลักษณะของเส้นบุก ซึ่งคือผลิตภัณฑ์ดัดแปลงจากท่อนหับุก[/url] มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดกันเคยไปกินเนื้อย่างอาจเคยเจอบ้าง เว้นแต่เส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆสมัยเก่าเป็นเจเล่ ผสมผงบุก ถ้าหากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายในการโฆษณาด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการเรียนรู้พบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ประเภทเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) และ (D-mannose) เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แม้กระนั้นร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ดูดซับได้ช้า จึงให้พลังงานแล้วก็สารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานดี ผู้ที่ต้องการลดความอ้วนนิยมทานอาหารจากแป้งบุก ตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะว่ารับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกจากนั้นเองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เนื่องจากความรั้ง ซึ่งยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส ด้วยเหตุนั้น กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมากมาย เดี๋ยวนี้จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับคนเจ็บเป็นโรคโรคเบาหวาน รวมทั้งสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละครับเป็นผลดีจากบุก ลองหามาทานกันครับ มีประโยชน์ขนาดนี้ สมัยปัจจุบันไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว ชี้แนะมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/[/b]
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรบุกมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 11:46:44 am

บุก (Amorphophallus spp.) มีชื่อสามัญว่า Konjac (คอนจัค)12 ในไทยจะใช้บุกที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson หรือที่เราเรียกว่า “บุกคางคก” ซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกันกับบุกประเภทที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch แต่ว่าต่างจำพวกกัน ซึ่งมีคุณสมบัติแล้วก็คุณประโยชน์ทางยาที่ใกล้เคียงกัน และก็สามารถประยุกต์ใช้แทนกันได้
บุ[/size][/b]
บุก ชื่อสามัญ Devil’s tongue, Shade palm, Umbrella arum
บุก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus konjac K.Koch (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus rivieri Durand ex Carrière) จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุก มีชื่อเรียกอื่นว่า แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว (จีนแต้จิ๋ว), แพทย์ยื่อ (จีนแมนดาริน) ฯลฯ
ต้นบุก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกที่มีอายุหลาย ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นประมาณ 50-150 เซนติเมตร หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างกลมแบนเล็กน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและแขนงมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่
หัวบุก
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวราว 15-20 ซม.
ใบบุก
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกลำพัง รูปแบบของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราวๆ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
ดอกและผลบุก
บุกคางคก
[url=http://www.disthai.com/16488234/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81]บุก
คางคก ชื่อสามัญ Stanley’s water-tub, Elephant yam
บุกคางคก ชื่อวิทยาศาสตร์ Amorphophallus paeoniifolius (Dennst.) Nicolson (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Amorphophallus campanulatus Decne.) จัดอยู่ในวงศ์บอน (ARACEAE)
สมุนไพรบุกคางคก มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า บุกหลวง บุกหนาม เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน), บักกะเดื่อ (สกลนคร), กระบุก (บุรีรัมย์), บุกคางคก บุกคุงคก (จังหวัดชลบุรี), หัวบุก (ปัตตานี), มันซูรัน (ภาคกลาง), บุก (ทั่วไป), กระแท่ง บุกรอ หัววุ้น (ไทย), บุกอีรอคอยกเขา ฯลฯ
ต้นบุกคางคก จัดเป็นพรรณไม้ล้มลุกพวกกะแท่งหรือเท้าคุณยายม่อมหัว แก่ได้นานยาวนานหลายปี มีความสูงของต้นราว 5 ฟุต มีลักษณะของลำต้นอวบอ้วนและก็อวบน้ำไม่มีแก่น ผิวขรุขระ ลำต้นกลมแล้วก็มีลายเขียวๆแดงๆลักษณะที่คล้ายกับคนเป็นโรคผิวหนัง ต้นบุกนั้นขยายพันธุ์ด้วยแนวทางแยกหน่อ พรรณไม้ประเภทนี้จะงอกงามในฤดูฝน และก็จะเหี่ยวเฉาไปในตอนต้นฤดูหนาว ในประเทศไทยพบได้มากขึ้นเองตามป่าราบริมหาดและก็ที่อำเภอศรีราชา ส่วนในต่างแดนบุกคางคกนั้นเป็นพืชพื้นบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เจอได้ตั้งแต่ศรีลังกาไปจนกระทั่งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ต้นบุกคางคก
หัวบุกคางคก เป็นส่วนของหัวที่อยู่ใต้ดิน มีลักษณะค่อนข้างกลมและมีขนาดใหญ่สีน้ำตาล ผิวตะปุ่มตะป่ำ เส้นผ่าศูนย์กลางของหัวบุกนั้นจะมีขนาดตั้งแต่ 15 ซม.ขึ้นไป เนื้อในหัวเป็นสีเหลืองอมชมพู สีชมพูสด สีขาวขุ่น สีครีม สีเหลืองอ่อน สีเหลืองอมขาวละเอียดและก็เป็นมูกลื่น มียาง โดยเฉพาะหัวสด แม้สัมผัสเข้าจะมีผลให้กำเนิดอาการคันได้ ก่อนเอามาปรุงเป็นอาหารนั้นก็เลยต้องทำให้เป็นเมือกโดยการต้มในน้ำเดือดซะก่อน โดยน้ำหนักของหัวนั้นมีตั้งแต่ 1 กรัม ไปจนกระทั่ง 35 กิโลกรัม
บุกคางคก
ใบบุกคางคก ใบเป็นใบคนเดียว ออกที่ปลายยอดของต้น ใบแผ่ออกเหมือนกางร่มแล้วหยักเว้าเข้าหาเส้นกึ่งกลางใบ ส่วนขอบใบจักเว้าลึก ก้านใบกลม อวบน้ำและยาวได้โดยประมาณ 150-180 ซม.
ใบบุกคางคก
ดอกบุกคางคก ออกดอกเป็นช่อ ดอกแทงขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณของโคนต้น เป็นแท่งมีลายสีเขียวหรือสีแดงแกมสีน้ำตาล (ขึ้นกับสายพันธุ์) ดอกออกเป็นช่อ แทงขึ้นมาจากหัวที่อยู่ใต้ดิน ก้านช่อดอกสั้น มีใบตกแต่งเป็นรูปหุ้มช่อดอก ขอบหยักเป็นคลื่นและบานออก ปลายช่อดอกเป็นรูปกรวยคว่ำขนาดใหญ่ ยับเป็นร่องลึก สีแดงอมน้ำตาลหรือสีม่วงเข้ม ดอกเพศผู้อยู่ตอนบน ส่วนดอกเพศเมียอยู่ตอนล่าง ดอกมีกลิ่นเหม็นคล้ายซากสัตว์เน่า
ดอกบุกคางคุก
ผลบุกคางคก ผลได้ผลสำเร็จสด เนื้อนุ่ม รูปแบบของผลเป็นรูปทรงรียาว ขนาดยาวโดยประมาณ 1.2 ซม. ผลมีเยอะๆชิดกันเป็นช่อๆ(สิบถึงร้อยร้อยผลต่อหนึ่งช่อดอก)ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะเปลี่ยนสีเหลือง สีส้ม จนกระทั่งสีแดง ด้านในผลมีเม็ดราวๆ 1-3 เมล็ด โดยมีสันขั้วเมล็ดของแต่เม็ดแยกออกมาจากกัน เมล็ดมีลักษณะกลมรีหรือเป็นรูปไข่
สรรพคุณของบุก
หัวบุกมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ และระบบทางเดินอาหาร มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต (หัว)
ใช้เป็นอาหารสำหรับคนไข้โรคเบาหวานรวมทั้งคนเจ็บโรคไขมันในเลือดสูง ด้วยการแยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วชงกับน้ำกิน โดยให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว เอามาชงกับน้ำกินก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ
หัวใช้เป็นยารักษาโรคโรคมะเร็ง (หัว)
ใช้เป็นยาแก้ไข้จับสั่น (หัว)
ช่วยแก้อาการไอ (หัว)
หัวใช้เป็นยากัดเสมหะ ละลายเสมหะ ช่วยกระจายเสลดที่ตันรอบๆหลอดลม (หัว)
หัวบุกมีรสเบื่อคัน ใช้เป็นยากัดเสมหะเถาดาน และก็เลือดจับกันเป็นก้อน (หัว)
หัวเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคท้องมาน (หัว)
ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
ช่วยแก้ระดูไม่มาของสตรี (หัว)6 ช่วยขับเมนส์ของสตรี (ราก)
หัวนำมาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้โรคตับ (หัว)
ใช้แก้พิษงู (หัว)
ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก (หัว)
หัวใช้หุงเป็นน้ำมัน ใช้ใส่รอยแผล กัดฝ้าและก็กัดหนองได้ดิบได้ดี (หัว)1,2,3,4 บางข้อมูลระบุว่ารากใช้เป็นยาพอกฝีได้ (ราก)
ใช้แก้ฝีหนองบวมอักเสบ (หัว)6
หัวใช้เป็นยาแก้ปวดบวม แก้บวมช้ำ (หัว)
บุก เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์ยิ่งกว่าไวอากร้า หรือเป็นยาเพิ่มความสามารถทางเพศ โดยคุณนิล นก (บ้านหนองพลวง ต.โคกกึ่งกลาง อำเภอลำปลายมาศ จ.จังหวัดบุรีรัมย์) เสนอแนะให้ทดลองพิสูจน์ ด้วยการเอาไม้พิงปากหม้อแล้วนำสมุนไพรบุกคางคก เอาพวงเม็ดนำมาปิ้งไฟให้หอมก่อน แล้วใช้ผูกกับไม้แขวนจุ่มลงไปในหม้อต้มใส่น้ำพอเพียงท่วมเม็ดบุก ต้มจนกระทั่งเม็ดบุกร่วงลงหม้อ ตัวยาก็จะไหลลงมาด้วย เมื่อเดือดและจากนั้นก็ให้เพิ่มน้ำตาลพอสมควรลงไปต้มให้เพียงพอหวาน ต่อไปลองชิมมอง ถ้าเกิดยังมีลักษณะอาการคันคออยู่ก็ให้เพิ่มน้ำตาลเพิ่มและหลังจากนั้นก็ค่อยชิมใหม่ หากไม่มีอาการคันคอก็แสลงว่าใช้ได้ แล้วก็ให้นำสมุนไพรโด่ไม่เคยรู้ล้มใส่เข้าไปด้วยราว 1 กำมือ แล้วต้มให้เดือด ปลดปล่อยให้เย็นและเก็บไว้ในตู้แช่เย็น ใช้ดื่ม 1 เป็ก ราว 30 นาที จะปวดท้องฉี่โดยธรรมชาติ ภายหลังอาวุธนั้นจะพร้อมสู้โดยทันที (ผล)
หมายเหตุ : สำหรับวิธีการใช้ให้แยกแป้งจากส่วนที่เป็นเนื้อทราย แล้วนำมาชงกับน้ำ ส่วนขนาดที่ใช้นั้นให้ใช้แป้ง 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 1 แก้ว ชงกับน้ำก่อนกินอาหารครึ่งชั่วโมงวันละ 2-3 มื้อ2 ส่วนการใช้ตาม 6 ให้ใช้ทีละ 10-15 กรัม (รู้เรื่องว่าคือส่วนของหัว) นำมาต้มกับน้ำนาน 2 ชั่วโมง จึงสามารถเอามารับประทานได้ ถ้าเป็นยาสดให้ใช้ตำพอกหรือเอามาฝนกับน้ำส้มสายชู หรือต้มเอาน้ำใช้ชำระล้างบริเวณที่เป็นแผล
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะมากๆ ที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการคัน ส่วนเหง้าแล้วก็ก้านใบถ้าปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะมีผลให้ลิ้นพองและคันปากได้8ก่อนนำมารับประทานต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด6
แนวทางการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นคราวแรก และจากนั้นจึงนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังที่กล่าวถึงแล้วสำหรับในการประกอบอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้6ถ้าเกิดอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้รับประทานน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
ด้วยเหตุว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก (ไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 เท่าของเนื้อวุ้นแห้ง) ก็เลยไม่สมควรบริโภควุ้นบกตอนหลังการกิน แม้กระนั้นให้กินก่อนที่จะรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตขึ้นมาจากวุ้น เช่น วุ้นก้อนแล้วก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังรับประทานอาหารได้ เพราะเหตุว่าวุ้นดังที่กล่าวถึงแล้วได้ผ่านขั้นตอนการแล้วก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นจึงเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณประโยชน์ทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เหตุเพราะไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็ตามที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเลยกลูโคแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันต่ำลง (เป็นต้นว่า วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี แล้วก็วิตามินเค) ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่มีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ (ยกตัวอย่างเช่น วิตามินบีรวม วิตามินซี)
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจจะทำให้มีลักษณะอาการท้องเดินหรือท้องเฟ้อ มีอาการอยากกินน้ำมากกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการเมื่อยล้าเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลงได้
[/b]
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของบุก
สารที่พบ ดังเช่นว่า สาร Glucomannan, Konjacmannan, D-mannose, Takadiastase, แป้ง, โปรตีนบุก, วิตามินบี, วิตามินซี รวมทั้งยังเจอสารที่เป็นพิษ คือ Coniine, Cyanophoric glycoside ก้านบุกพบสาร Uniine รวมทั้งวิตามินบีที่ก้านช่อดอก6 แล้วก็หัวบุกยังมีโปรตีนอยู่ปริมาณร้อยละ 5-6 รวมทั้งมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูงปริมาณร้อยละ 672หัวบุกมีสารสำคัญ คือ กลูวัวแมนแนน (Glucomannan) เป็นสารชนิดคาร์โบไฮเดรต ซึ่งมีกลูโคส แมนโนส รวมทั้งฟรุคโตส สารกลูวัวแมนแนนสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ ด้วยเหตุว่ามีความเหนียว ช่วยยับยั้งการดูดซึมของกลูโคสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมากมายก็ยิ่งมีผลการดูดซึมกลูโคส ด้วยเหตุดังกล่าว กลูโคแมนแนน ซึ่งเหนียวกว่า gua gum จึงสามารถลดน้ำตาลได้ดีกว่า จึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับคนเจ็บโรคเบาหวานและก็สำหรับคนที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูงสารกลูโคแมนแนน (Glucomannan) จะมีปริมาณต่างกันออกไปตามชนิดของบุก5
แป้งจากหัวบุกนั้นประกอบไปด้วยกลูโคนแมนแนนราว 90% และสิ่งแปลกปลอมอื่นๆได้แก่ alkaloid, starch, สารประกอบไนโตเจนต่างๆsulfates, chloride, แล้วก็พิษอื่น โมเลกุลของกลูโคแมนแนนนั้นสำคัญๆแล้วจะประกอบไปด้วยน้ำตาลสองจำพวกหมายถึงเดกซ์โทรส 2 ส่วน และแมนโนส 3 ส่วน คร่าวๆ เชื่อมต่อกันระหว่างคาร์บอนตำแหน่งที่ 1 ของน้ำตาลชนิดที่สอง กับคาร์บอนตำแหน่งที่ 4 ของน้ำตาลจำพวกแรกแบบ ?-1, 4-glucosidic linkage ซึ่งต่างจากแป้งที่เจอในพืชทั่วๆไป จึงไม่ถูกย่อยโดยกรดรวมทั้งน้ำย่อยในกระเพาะ เพื่อน้ำตาลที่ให้พลังงานได้8 เว้นเสียแต่กลูวัวแมนแนนจะเจอได้ในบุกแล้ว ยังเจอได้ในว่านหางจระเข้อีกด้วย9
กลูโคแมนแนน (Glucomannan) สามารถดูดน้ำแล้วก็พองตัวได้มากถึง 200 เท่า ของจำนวนเดิม เมื่อเรากินกลูโคแมนแนนก่อนที่จะรับประทานอาหารครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมงทีละ 1 กรัม กลูวัวแมนแนนจะดูดน้ำที่มีมากมายในกระเพาะอาหารของพวกเรา แล้วเกิดการพองตัวจนทำให้พวกเรารู้สึกอิ่มของกินได้เร็วแล้วก็อิ่มได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้เรารับประทานได้น้อยลงกว่าปกติด้วย อีกทั้งกลูโคแมนแนนจากบุกก็มีพลังงานต่ำมาก กลูวัวแมนแนนก็เลยช่วยสำหรับในการควบคุมน้ำหนักรวมทั้งเป็นอาหารของคนที่อยากลดความอ้วนได้อย่างดีเยี่ยม8
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่รับประทานทีละ 15 กรัม ต่อ 1 กก. ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2-3 อาทิตย์ พบว่าระดับของคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูลดลงคิดเป็น 44% และ Triglyceride ลดน้อยลงคิดเป็น 9.5%6
สาร Glucomannan มีฤทธิ์ดูดซึมน้ำในกระเพาะและก็ลำไส้ได้ดิบได้ดีมากมาย รวมทั้งยังสามารถไปกระตุ้นน้ำย่อยในลำไส้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีการขับของที่คั่งค้างในไส้ได้เร็วขึ้น6สารสกัดแอลกอฮอล์จากหัวบุก สามารถยับยั้งการเจริญของเชื้อวัณโรคในหลอดแก้วได้5
เมื่อนำสารที่สกัดได้จากบุกที่มีการกำจัดพิษแล้ว ให้หนูใหญ่ที่มีอาการบวมที่ขารับประทานทีละ 15 กรัม ต่อ 1 โล พบว่าอาการบวมที่ขาของหนูต่ำลง6
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากบุกคนไทยเรานิ http://www.disthai.com/[/b]
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย