กระทู้ล่าสุดของ: gmkpas5s9q81a3

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / มหันตภัย ! ความดันและเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยขจัดได้ เมื่อ: กันยายน 11, 2018, 04:59:18 pm
มหันตภัย ! ความดันรวมทั้งโรคเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยขจัดได้
เดือนพฤษภาคม 8, 2018  kungtep
โรคความดันและเบาหวาน เป็นโรคที่คนส่วนมากไม่มองถึงความรุนแรงสักเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่า สร้างความเสียหายต่อสถาพทางร่างกายและก็ชีวิตอย่างไม่คาดฝัน รีบคุ้มครองปกป้องให้ถูกจุดด้วย ” สมุนไพรเจียวกู่หลาน ” [/color]

โรคความดันสูง-เบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกละเลยเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่เรามักไม่ใส่ใจไม่เห็นถึงความสำคัญ ดังเช่น คู่รัก มิตรสหาย คนภายในครอบครัว ที่ถูกไม่ให้ความสนใจจากพวกเราอย่างไม่ตั้งใจ บางทีอาจจะด้วยการตั้งใจปฏิบัติงานหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามที รวมทั้งก็มีหลายสิ่งรอบข้างที่พวกเรามักไม่มองเห็นถึงความอันตราย ที่จะนำมาสู่ตัวหรือคนรอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆในขณะที่ไม่ร้ายแรงแล้วก็ที่มีความคิดว่าไม่รุนแรง แต่ว่าแฝงด้วยภัยอย่างมหัน ที่คอยจังหวะเวลาอยู่เป็นประจำ เป็นต้นว่า โรคของความดันและโรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งทั้ง 2 ต่างก็เป็นโรคที่คุ้นหูพวกเราอย่างดีเยี่ยม ภัยร้ายก็มีแม้กระนั้นก็ดีขึ้นกว่าเดิมและก็ไม่มีอันตรายได้เพียงใช้ “เจียวกู่หลาน”
ลดการอุดตันเส้นเลือด เจียวกู่หลาน
โรคความดันโลหิตสูง มีลักษณะอาการเช่นไร?
อาการป่วยโรคความดันโลหิตสูง โดยมากพวกเราจะพบคนเจ็บ เป็นความดันเลือดสูงมากกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นอาการของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงกดดันในกระแสเลือดที่สูง เร็ว ถี่ มากกว่าธรรมดาทั่วๆไป
ความดัน เบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระมัดระวัง!
โรคความดันสูง มีสาเหตุจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา  ทั้งยังแรงกดดันในเลือดที่จะต้องปฏิบัติงานเช่นเดียวกันอย่างเลี่ยงมิได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่เจอได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ว่าที่จะเป็นไปได้ง่ายอย่างยิ่งที่สุดกับผู้ที่แก่ 35 – 40 ปีขึ้นไป ก็เลยสังเกตได้ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายของพวกเรามักเป็นโรคนี้กันมาก

คุณประโยชนเจียวกู่หลาน[/url][/size][/b]
สรรพคุณรวมทั้งคุณประโยชน์ใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” คุ้มครองป้องกันโรคความดันสูงและเบาหวานได้ไหม
การดูแลและรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยป้องกันได้ ความเลวร้ายของโรคความดันสูงที่ควรจะรักษาโดยใช้ เจียวกู่หลานหมายถึงเมื่อความดันสูงมากๆจะก่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะหลักๆหลายส่วนไม่เพียงพอ จนกระทั่งเสียหายมีผลต่อชีวิตได้ เช่น ทั้งยังไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นโลหิตแดงส่วนปลายแข็งปฏิบัติงานไม่สุดกำลัง สมองเสื่อม และก็เส้นเลือดสมองแตกได้สุดท้าย ซึ่งถ้าหากไม่ตายก็บางทีอาจเป็นอัมพาต
โรความดันและเบาหวาน คุ้มครองปกป้องได้ด้วย”เจียวกู่หลาน”
สมุนไพรรักษาโรความดัน-โรคเบาหวาน เจียวกู่หลาน คนไข้หรือผู้ต้องการับประทานปกป้อง ควรที่จะทำการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียนยาแล้วก็ทะเบียน(อย) สร้างจากโรงงานได้มาตรฐานGMP
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 09:16:07 am
[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสลดพังพอนตัวเมีย [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ
มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาบ้องทอง (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) เป็นต้น
รูปแบบของเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถา มักเลื้อยพาดไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว เพาะพันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เจริญเติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงแดดจัด มีเขตการกระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และก็ไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบผู้เดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและโคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกระจุกที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกราว 3-6 ดอก กลีบเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 เซนติเมตร ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน ออกดอกในช่วงราวตุลาคมถึงเดือนมกราคม (แม้กระนั้นชอบไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลสำเร็จแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) รูปแบบของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ภายในผลมีเม็ดราว 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภท คือ เสลดพังพอนเพศผู้ และเสลดพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงงวยหลายๆตำราเรียนก็เลยนิยมเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาปล้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสลดพังพอนตัวเมีย และหนังสือเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำเป็นยาบำรุงกำลัง (รากแล้วก็เปลือกต้น)
ทั้งยังต้นและก็ใบใช้กินเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการกางใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวคนไข้โดยประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้และลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (ทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดนำมาต้มกินทีละราว 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราว 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดราว 10-15 ใบ ตำอย่างรอบคอบผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็ลักษณะของการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (อีกทั้งต้นรวมทั้งใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับรอบเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เมนส์มาแตกต่างจากปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบมีไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำอาหารสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำเพียงพอแฉะ ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการ (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากสุนัขกัดมีเลือดไหล ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 5 ใบ นำมาตำพอกรอบๆแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดเอามาตำต้มกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำให้ถี่ถ้วนผสมกับสุรา ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดี4 ส่วนอีกตำรากล่าวว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด แล้วก็แผลที่เกิดจากการถูกกรดได้อีกด้วย เพียงแค่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เติมน้ำลงไปให้พอแฉะ แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการกางใบนำมาตำผสมกับเกลือรวมทั้งเหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าและก็เย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดราว 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้เพียงพอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวประมาณ 1 สัปดาห์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ลมพิษ ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำบางส่วน ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
[/b]
ชาวเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังจำพวกเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนสุนัข และใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆด้วยการกางใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินความจำเป็น) แล้วเอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและก็เอากากพอกบริเวณแผล หรืออีกแนวทางให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล นำมาปั่นให้ถี่ถ้วน เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังไอน้ำให้ปริมาตรลดน้อยลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และก็เติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสลดพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก และใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับตำราเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนลานไฟให้ร้อน แล้วเอามาคลึงเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสมหะพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และก็ยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้หัด เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกแล้วก็ผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งรับประทานและทาทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปนิดหน่อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ครั้งละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งต้นใช้เป็นยาแก้ปวดบวม กลยุทธ์ปวดเมื่อย ฟกช้ำ กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นภายในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยเพราะเย็นเปียกชื้น (ต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยบั้นท้าย (ราก)
ขนาดและวิธีการใช้ : ยาแห้งให้ใช้ครั้งละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ทีละ 30 กรัม นำมาตำคั้นเอาน้ำรับประทาน หรือตำพอกแผลข้างนอก
ข้อควรพิจารณพญายอ[/url][/size][/b]
: หากแม้ในอดีตจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ในตอนนี้แนวทางแบบนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบแล้ว ด้วยเหตุว่าจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล แล้วก็อาจส่งผลให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides ดังเช่นว่า 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสมหะพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream และก็สารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่ได้เรื่อง
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 โล มีคุณภาพต้านการอักเสบก้าวหน้า
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อกิโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บ
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะสิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในขณะเมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ และก็จากรายงานการดูแลรักษาคนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ประเภทเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้คนป่วยป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่แตกต่างในช่วงเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนเจ็บที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดข้างใน 3 วัน และก็หายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการอักเสบแล้วก็ระคาย ในตอนที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกเหนือจากนี้ยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสมหะพังพอนตัวเมียในผู้ป่วยโรคเริม งูสวัด และแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสประเภทที่ส่งผลให้เกิดเริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้ป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน แล้วก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีจำนวนมากกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แล้วก็ระดับความเจ็บจะลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลข้างเคียงใดๆ9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษบางส่วน แม้กระนั้นจะเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโลกรัม) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่ส่งผลให้เกิดอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และก็ 540 มก.ต่อโล ให้หนูแรททุกวี่ทุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในตอนที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดปกติต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อ http://www.disthai.com/[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรพญายอมีรูปร่างอย่างไรเเละสรรพคุณ-ประโยชน์ดีอย่างไร..?... เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 08:00:31 am
[/b]
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]
พญายอเป็นไม้พุ่งปนเลื้อย เถาและก็ใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกไม้เป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้สวยในดินที่บริบูรณ์ แสงอาทิตย์ปานกลาง พบบ่อยตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ ฯลฯไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกเอาไว้ในแปลง ดูแลรักษาเสมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดิบได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” สกุลสถิต ฉั่วกุล และก็ภาควิชาได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโอ้อวดนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต่อต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ว่าไม่มีไข้) จากแมลงที่เป็นพิษกัดต่อย อาทิเช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากมายน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำอย่างรอบคอบ เพิ่มเติมแอลกอฮอล์พอเพียงชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวี่วัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และก็กากทาบรอบๆที่เจ็บบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสลดพังพอน เพราะว่าเสมหะพังพอนมีทั้งตัวผู้ละตัวเมีย แต่ว่าเพศผู้ไม่นิยมประยุกต์ใช้เหตุเพราะมีฤทธิ์อ่อน และก็เพื่อไม่ให้สับสนก็เลยเรียกเสลดพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" โดยมากนำมาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชทำลายพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาใช้ภายนอกรักษาข้างนอก มีคุณประโยชน์บรรเทาการอักเสบของผิวหนังก้าวหน้า  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
คุณลักษณะของผงพญายอสำหรับเพื่อการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและก็เม็ดผดผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับเหล้าใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก พญายอมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดี
- อีกหนังสือเรียนกล่าวว่านอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลยุ่ยเพราะว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และแผลที่เกิดขึ้นมาจากการถูกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย เอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและก็เหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนแปลงยาทุกตอนเช้าและเย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ดังเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- พญาย[/color]ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง แล้วก็ใช้เป็นยาถอนพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกรอบๆแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บ ช่วยลดลักษณะของการปวด
- มีฤทธิ์ต้านไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]
[/b]
แนวทางการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ชำระล้างผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าล้างตารวมทั้งเช็ดเครื่องสำอางให้สะอาดก่อนวิธีการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำที่สะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง นม หรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้ทั้งผิวหน้ารวมทั้งผิวกาย เป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 – 3 ครั้ง

     - สำหรับผิวหน้า พญายอถ้าเกิดเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลามไปทั่วใบหน้า แล้วก็เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผิวหน้ามากเกินความจำเป็น พอกทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 15 นาที
     - แม้ใช้ขัด (สำหรับผู้ที่ไม่เป็นสิว แล้วก็ผิวกาย) ให้ขัดให้เบามือที่สุด ราวเพียงแค่ลูบมานะจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด และก็ให้ขัดแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งไว้จนถึงแห้ง (บางทีอาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งไว้ราว 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังจากแห้งแล้ว ให้ทำการล้างด้วยน้ำปกติ (ไม่สมควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆแล้วหลังจากนั้นก็ปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบคลำให้เบาที่สุด โดยใช้แนวทางล้างเดียวกับการขัดหน้า คือ พยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าเสร็จแล้ว ซึมซับหน้าให้แห้ง

Tip  เพื่อการบำรุงที่มากขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำดื่มธรรมดาในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเสมอกัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วบริเวณใบหน้าสักนิดหน่อย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความชุ่มชื่นให้แก่ผิว ทั้งช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและกระจ่างใส มองอ่อนกว่าวัยเพิ่มขึ้น http://www.disthai.com/[/b]
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / พญายอเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 30, 2018, 06:50:51 am
[/b]
สมุนไพรพญาย[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni  Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อท้องถิ่นผักมันไก่  ผักลิ้นเขียด  พญาข้อคำ  พญาบ้องดำ พญายอ  โพะโซ่จาง  เสมหะพังพอนตัวเมีย


ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์


          ไม้พุ่มคอยเลื้อย ลำต้นรวมทั้งกิ่งเกลี้ยงวาว สูงได้ถึง 3 เมตร ใบเดี่ยวออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานปนใบหอก กว้าง 2-3 ซม. ยาว 7-9 เซ็นติเมตร โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซ็นต์ ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายยอด กลีบดอกไม้สีส้มแดงเชื่อมติดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 เซนติเมตร ไม่ติดฝัก


ส่วนที่ใช้เป็นยาและก็สรรพคุณ


-ส่วนใบ รักษาอาการเนื่องมาจากแมลงกัดต่อยและโรคเริม


สารสำคัญที่ออกฤทธิ์


สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides เช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol รวมทั้งสารกลุ่ม glycoglycerolipids จากใบ  มีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา


ฤทธิ์ลดการอักเสบ
       เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท  หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าช่องท้องของหนูแรท  จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้   ตำรับยาที่มีพญายอปริมาณร้อยละ 5  ใน cold cream และสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อนำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้  แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
ฤทธิ์ลดลักษณะของการปวด
                 เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีตำหนิค  ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก./กิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโล (5)  ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2)  สารสกัดด้วยน้ำ แล้วก็สารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]
[/b]
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัส
เชื้อไวรัสเริม
       พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล รวมทั้งเอทิลอะซิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1  และก็เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล  พบว่า มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์  ตอนที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะเป็นพิษต่อเซลล์
                 จากรายงานการดูแลและรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์จำพวกเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir  และก็ยาหลอก  โดยให้คนไข้ป้ายยาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้แตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลผู้ป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอรวมทั้งยา acyclovir   โดยแผลจะเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งแตกต่างกันกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง ในตอนที่ acyclovir ทำให้แสบ   นอกจากนี้มีการใช้ยาที่ทำจาก[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ [/url]ในคนเจ็บโรคเริม งูสวัด และก็แผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบได้ดิบได้ดี   
เชื้อไวรัส Varicella zoster
                 สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายเชื้อไวรัส Varicella zoster ที่เป็นต้นเหตุโรคงูสวัดและอีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่จะไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการดูแลและรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก  โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน จนกระทั่งแผลจะหาย  พบว่าคนไข้หวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายด้านใน 7-10 วัน จะมีเป็นจำนวนมากกว่ากรุ๊ปสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระดับความเจ็บปวดน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มยาหลอก และไม่เจอผลกระทบใดๆก็ตาม


อาการใกล้กัน


ความเป็นพิษทั่วๆไปรวมทั้งต่อระบบแพร่พันธุ์


การทดลองความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แต่เป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง  ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กิโลกรัม (หรือเท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัม/กิโล) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่ทำให้มีการเกิดอาการพิษใดๆ
การศึกษาพิษ
พญายอครึ่งหนึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มิลลิกรัม/กิโล และ 540 มิลลิกรัม/กก. ทุกวี่ทุกวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่เป็นผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในขณะน้ำหนักตับเพิ่มขึ้น ไม่เจอความแตกต่างจากปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่พึงปรารถนาใดๆ หนูแรทที่รับประทานสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/โล ทุกๆวันนาน 90 วัน พบว่าการกินของกินของกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดและก็กลุ่มควบคุมไม่ต่างอะไรกัน แต่น้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/กิโล ต่ำยิ่งกว่าพญายอกรุ๊ปควบคุม  เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งสองเพศสูงขึ้นมากยิ่งกว่า และก็ครีอาตินินต่ำลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม  แต่ไม่เจอความไม่ดีเหมือนปกติด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน รวมทั้งพยาธิสภาพด้านนอกhttp://www.disthai.com/[/b]
5  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างน่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 20, 2018, 01:59:05 pm
[/b]
เหงือกปลาหม[/size][/b]
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในแบบเรียนยาไทยพูดว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อ[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลา
หมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะลดน้อยลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาหมอเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางๆสูงราวๆ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นรวมทั้งใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งรวมทั้งมีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงกันข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกไม้จะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถพบบ่อยตามชายน้ำ ริมฝั่งคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นยารับประทานรวมทั้งต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับคนไข้โรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาและวิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธี คือ
แนวทางต้มยากินและก็อาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ก่อนกินอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจะต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่หากมเหงือกปลาหมอ[/url]จำนวนไม่ใช่น้อย อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
ขั้นตอนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาแพทย์อีกทั้ง 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งอาจจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุแล้วก็น้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร รุ่งเช้า-เย็น กินไปเรื่อยๆจนกว่าจะหาย แต่ถ้าเกิดเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานบกพร่องก็จำต้องกินตลอดกาล
[/b]
กระบวนการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการเหินเป็นผุยผงละเอียดเหมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม คนแก่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กน้อยลงตามส่วน
เหงือกปลาแพทย์มีสรรพคุณล้นหลาม ตัวอย่างเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ รวมทั้งใช้ขับเสลด
-ต้น มีสรรพคุณรักษาโรคหลายอย่าง โดยใช้ต้นตำผสมน้ำรักษาวัณโรค อาการผอมแห้งแรงน้อย หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-อีกทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-ทั้งยังต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มรับประทานแก้พิษโรคฝีดาษ ฝีทั้งมวล ผลกินเป็นยาขับโลหิตระดู นอกจากนั้น หากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาทั้งตัว
- ต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดีขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน คุดทะราด ไม่สบายจับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งแรงน้อยเหลืองทั้งตัว กินทุกวี่วัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดเดียว หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดจึงยกลง กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามต้องการ ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นทีละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้า ตอนกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้หมอเอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาแพทย์" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกๆวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ชนิด หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่ทราบเมื่อยล้า
กินได้ 7 เดือน ผิวงาม
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะเพราะพริ้ง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งหมดที่บอกเป็นหนังสือเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกดูแคลน รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
6  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 11:27:41 am
[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในสกุลถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) แล้วก็อยู่ในตระกูลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง), คูน (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วไปเรียกรวมทั้งชอบเขียนไม่ถูกหรือสะกดไม่ถูกเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) ฯลฯ
คำว่า “ราชพฤกษ์” แสดงว่า “ต้นไม้ของพระราชา” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อสังสรรค์ในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระมหากษัตริย์ของพวกเราทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อเสนอรวมทั้งสรุปให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ รวมทั้งสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการไตร่ตรองได้ผลสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติเป็น “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” และก็ในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุมีผลสำหรับการเลือกเฟ้นดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดฯลฯไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ ฯลฯไม้ที่คนประเทศไทยทั่วๆไปรู้จักกันอย่างมากมาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเจอได้ทั่วๆไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีความเกี่ยวข้องกับประเพณีชาวไทยมาอย่างนาน เนื่องจากเป็นพืชที่มีความมงคลนามแล้วก็ใช้สำหรับการประกอบพิธีสำคัญๆต่างๆหลายพิธีการ เช่น พิธีการลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถประยุกต์ใช้ประโยชน์ได้อย่างนานาประการ ยกตัวอย่างเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือนำมาใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ อื่นๆอีกมากมาย
ต้นราชพฤกษ์ฯลฯไม้ที่มีอายุยืนนานและแข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงแล้วก็พุ่มที่งดงาม มีดอกเหลืองแพรวพราวเต็มต้น มองดูงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เป็นเครื่องหมายแห่งพุทธศาสนา รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนั้นตามตำราพืชที่มีความมงคล 9 ประเภทยังกำหนดไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความมีอำนาจบุญบารมี มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคและอาการต่างๆโดยส่วนที่นำมาใช้เป็นคุณประโยชน์ทางยานั้น อย่างเช่น ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก รวมทั้งเมล็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้อีกทั้งกับเด็ก สตรี รวมถึงผู้สูงวัย โดยปลอดภัยอะไรก็ตาม
รูปแบบของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชประจำถิ่นในแถบทวีปเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย เมียนมาร์ รวมทั้งประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลปนเทาเกลี้ยง มักขึ้นทั่วๆไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการระบายน้ำดี แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกไว้ในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกลงในพื้นที่ แต่ว่าในขณะนี้บางทีก็อาจจะใช้กรรมวิธีทาบกิ่งแล้วก็แทงยอดก็ได้ แต่ว่าจังหวะสำเร็จจะน้อยกว่าแนวทางการเพาะเมล็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) ลักษณะของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นมัน ช่อหนึ่งยาวราว 2.5 ซม. แล้วก็มีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆราวๆ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราวๆ 5-7 ซม. รวมทั้งยาวโดยประมาณ 9-15 เซนติเมตร โคนใบมนและสอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางสะอาด มีเส้นกิ้งก้านใบถี่รวมทั้งโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) มีดอกเป็นช่อ ยาวราว 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวราวๆ 1 เซนติเมตร กลีบมี 5 กลีบ หลุดตกได้ง่าย และก็กลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกราวๆ 2-3 เท่า แล้วก็มีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะมองเห็นเส้นกลีบชัดแจ้ง ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดแตกต่างกันจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกชอบบานในช่วงมี.ค.ถึงพ.ค. แต่ว่าก็มีบางครั้งที่ออกดอกนอกฤดูเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในตอนธันวาคมถึงมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปทรงกระบอกสะอาดๆฝักยาวราวๆ 20-60 เซนติเมตร แล้วก็วัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 เซนติเมตร ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆชิดกันอยู่เป็นช่องๆตามขวางของฝัก และในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดประมาณ 0.8-0.9 เซนติเมตร
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์
ช่วยบำรุงโลหิตภายในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นและใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ไข้ไข้จับสั่น (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการใช้ใบอ่อนเอามาต้มกับน้ำกิน (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดหน่อย มีกลิ่นเหม็นเอียน เย็นจัด คุณประโยชน์สามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการอยากกินน้ำ (ฝัก)
เปลือกเม็ดแล้วก็เปลือกฝักมีสรรพคุณช่วยทำลายพิษ ทำให้คลื่นไส้ หรือจะใช้เมล็ดโดยประมาณ 5-6 เม็ด นำมาบดเป็นผุยผงแล้วรับประทานก็ได้ (เมล็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ สรรพคุณของกระพี้ใช้แก้ลักษณะของการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก แล้วก็ใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้รวมทั้งหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกมาจากร่างกาย แก้อาการไม่มีชีวิตชีวา หนักศีรษะ หนักตัว ทำให้สดชื่นทรวงอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
สรรพคุณราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งราวๆ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำกิน (ฝัก)
ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยในการขับถ่าย ทำให้ถ่ายได้สบาย ไม่มวนท้อง แก้ท้องผูก เหมาะสำหรับคนที่มีลักษณะอาการท้องผูกบ่อยๆและสตรีตั้งครรภ์ เพราะเหตุว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่าหัวแม่มือ (หนักโดยประมาณ 4 กรัม) และก็น้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือบางส่วน ใช้ดื่มก่อนอาหารตอนเช้าหรือช่วงก่อนนอนเพียงแค่ครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เม็ด)
เม็ดมีรสฝาดเมา คุณประโยชน์ช่วยแก้ท้องเสีย (เมล็ด)
ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะรวมทั้งแผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
สรรพคุณของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยทำให้กำเนิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เมล็ดฝนกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล แล้วเอามากิน (เม็ด)
ฝักและใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งราว 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำ (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสฝาดเมา ช่วยขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
สรรพคุณของคูน รากใช้แก้โรคโรคกุฏฐัง (ราก)
ใบสามารถประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากเอามาฝนใช้ทารักษาขี้กลากเกลื้อน และใบอ่อนก็ใช้แก้ขี้กลากได้เหมือนกัน (ราก, ใบ)
เปลือกและก็ใบนำมาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกรวมทั้งใบนำมาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน คุณประโยชน์ของดอกช่วยแก้รอยแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ สรรพคุณช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีสรรพคุณช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
คนประเทศอินเดียใช้ใบนำมาตำ เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อแล้วก็อัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนและแมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่ส่งผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำเสียไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะสามารถที่จะช่วยในการกำจัดแมลงแล้วก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี Acetylcholinesterase
นอกจากนี้ยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆมาก อย่างเช่น
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่เคี่ยวมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต แล้วก็ขจัดปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน รวมทั้งอบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะดูตามโรคแล้วก็ความอยากได้เป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้แตกต่าง
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำมาจากใบคูนที่นำมาบดเป็นผง ช่วยแก้อาการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเอามาพอกรอบๆที่เป็นจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเลือด ทุเลาลักษณะของการปวดข้อ รักษาโรคเกาต์ แล้วก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับคนไข้ที่เป็นอัมพาตบริเวณใบหน้าครึ่งซีก ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาติดอยู่ ทำมาจากใบคูน สรรพคุณช่วยในด้านสมอง แก้ไขปัญหาเส้นเลือดตีบในสมอง ช่วยให้ระบบไหลเวียนในร่างกายดียิ่งขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มควบคู่ไปกับการดูแลและรักษาแบบอื่นๆ
[/b]
ข้อควรตรึกตรอง !
:แนวทางการทำเป็นยาต้ม ควรต้มให้พอสมควรก็เลยจะได้ผลลัพธ์ที่ดี หากต้มนานเกินไปหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่ว่าจะก่อให้ท้องผูกแทน และก็ควรที่จะทำการเลือกใช้ฝักที่ไม่มากเกินความจำเป็น และยาต้มที่ได้แม้กินมากจนเกินไปอาจทำให้อาเจียนได้
ประโยชน์ซึ่งมาจาราชพฤกษ์[/url][/size][/b]
นิยมปลูกไว้เป็นต้นไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆเช่น สถานที่ราชการ บริเวณข้างถนนข้างทาง และสถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเชื่อ ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลนามที่คนประเทศไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติและก็เกียรติ ปัจจัยเพราะว่าคนให้การยอมรับว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงและยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย แล้วก็ยังมั่นใจว่าจะมีผลให้ผู้อาศัยนั้นเจริญก้าวหน้า โดยจะนิยมปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์และก็ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉใต้ของบ้าน (อาจจะเกิดขึ้นเนื่องมาจากด้านดังที่กล่าวถึงแล้วได้รับแสงแดดจัดในตอนตอนเวลาบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนข้างในบ้านแล้วก็ช่วยลดการใช้พลังงาน)
ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลแล้วก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีบูชาต่างๆทางศาสนา ตัวอย่างเช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาฤกษ์ในการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ประสิทธิภาพที่ดีนัก เป็นต้น
เนื้อไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามวัสดุต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆดังเช่นว่า ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ ฯลฯ
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลในการทำเป็นหัวเชื้อจุลชีพและก็จุลอินทรีย์ขยายได้
ฝักแก่สามารถประยุกต์ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับการหุงด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดเหมาะเจาะ โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์ที่ทำการแผนการรักษากรรมพันธุ์พืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บไซต์กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า รวมทั้งพืชพันธุ์, เว็บไทยโพส, ที่ทำการปรับปรุงเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (หน่วยงานมหาชน), งานแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, สำนักงานกองทุนส่งเสริมการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/[/b]
7  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 09:42:05 am
[/b]
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้[/url]
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรประเภทหนึ่งที่นิยมเอามาทำครัวสำหรับกำจัดกลิ่นคาว แล้วก็ช่วยเพิ่มรสชาตของของกิน ในนานัปการรายการอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารพวกที่ทำมาจากการต้มยำ และก็แกงต่างๆรวมทั้งการนำมาดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ ฯลฯ
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกตระกูลเดียวกันกับต้นหญ้า มีอายุมากยิ่งกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม มีบ้านเกิดในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ อย่างเช่น ประเทศพม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย เป็นต้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
สกุล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อท้องถิ่น:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– คาหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (รวมถึงใบ)ส่วนของลำต้นที่เรามองเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหุ้มดก ผิวเรียบ และมีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย และค่อยๆเรียวเล็กลงเปลี่ยนเป็นส่วนของใบ ศูนย์กลางเป็นปล้องแข็ง ส่วนนี้สูงโดยประมาณ 20-30 เซนติเมตร ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน และก็จำพวก แล้วก็เป็นส่วนที่นำมาใช้สำหรับทำอาหาร
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วนเป็นก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ รวมทั้งใบ) และก็ใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบลำพัง มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งลู่ลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ และมีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แม้กระนั้นคม กลางใบมีเส้นกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา มองเห็นต่างกับแผ่นใบแจ้งชัด ใบกว้างประมาณ 2 ซม. ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก จึงไม่ค่อยพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะมีดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว แล้วก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบประดับรองรับ มีกลิ่นหอมยวนใจ ดอกมีขนาดใหญ่เหมือนดอกอ้อ
ดอกตะไคร้
ประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น และก็ใบสด

– ใช้เป็นเครื่องเทศทำอาหารสำหรับขจัดกลิ่นคาว ช่วยทำให้อาหารมีกลิ่นหอม และปรับปรุงรสให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น
– ใช้เป็นส่วนผสมของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง รวมทั้งยาจุดกันยุง


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่พบ
ส่วนของลำต้น รวมทั้งใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น
– สิทราล (Citral) พบมากที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิที่นาลูล (Linalool)
– พบรานิออล (Geraniol)
– คาริโอฟิกลุ่มคำน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพคราวโนน (Methyl heptennone)
– สิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
สะสมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), หัวใจวรรณ ตระการชัยตระกูล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]
[/b]
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น และใบ

– ช่วยทุเลา รวมทั้งรักษาลักษณะของการมีไข้หวัด
– แ้ก้ไอ รวมทั้งช่วยขับเสมหะ
– ทุเลาลักษณะของโรคโรคหืดหอบ
– รักษาอาการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้ฉี่ยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับเพื่อการขับลม
– แก้อหิวาต์
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดความดัน โลหิตสูง
– ลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้เมนส์มาไม่ดีเหมือนปกติ

  • ราก

– ใช้เป็นยาแก้ไขเจ็บท้อง รวมทั้งท้องร่วง
– ช่วยขับปัสสาวะ
– บรรเทาอาการไอ และขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย

– ออกฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับการขับถ่าย
– ทุเลาอาการท้องเสีย
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต่อต้านอาการอักเสบ แล้วก็ลดการติดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการซึมเศร้า
– ต้านอนุมูลอิสระ
เก็บจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), หัวใจวรรณ น่าอัศจรรย์ชัยวงศ์ (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้

น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของลำไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ยกตัวอย่างเช่น Cineole และ Linalool

  • ฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียต้นสายปลายเหตุลักษณะของอาการท้องเดิน

สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเสีย คือ E. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ เป็นต้นว่า Citral, Citronellol, Geraneol และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี

น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ได้แก่ Borneol, Fenchone และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม

สาร Menthol, Camphor รวมทั้ง Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
ปริมาณน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งสิ้น ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษรุนแรงของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ แล้วก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด
8  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้สามารถนำมาทำอะไรได้บ้างเเละมีสรรพคุณประโยชน์อย่างไร เมื่อ: สิงหาคม 10, 2018, 02:28:24 pm
[/b]
ตะไคร้บ้า[/size][/b]
ตะไคร้ คุณประโยชน์
"[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่เรารู้จักรวมทั้งคุ้นเคยกันมานาน เพราะในอาหารไทยหลายประเภทมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเยี่ยมในเครื่องปรุงด้วยเสมอ อาทิ ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติและคุณค่าให้กับของกิน ส่งกลิ่นหอมเชิญชวนรับประทาน จนถึงกลายเป็นสิ่งที่จะจำเป็นมากเลยในของกินพวกนี้ นอกเหนือจากนั้นยังมีกลิ่นหอมสดชื่นส่วนตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในสินค้าเพื่อสุขภาพมาก อีกทั้งน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในสกุลต้นหญ้า มีหลากหลายชนิด เว้นเสียแต่นำไปเตรียมอาหารแล้วและทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางจำพวกยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย ก็เลยจัดเป็นผักสวนครัวที่อยู่คู่กับชาวไทยมาช้านาน หลายบ้านก็เลยนิยมปลูกเอาไว้ภายในบ้าน จะใช้เมื่อไรก็ตัดมาใช้ได้โดยทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่หลบซ่อนคุณค่าไว้เยอะแยะ เนื่องจากว่าเป็นอาหารรวมทั้งยารักษาโรค มีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส แล้วก็โฟเลต คุณภาพคับแก้วขนาดนี้เกลียดตะไคร้ลองเปลี่ยนแปลงความคิดกันใหม่ หันมาชอบตะไคร้ให้มากขึ้น จะได้ประโยชน์เยอะแยะแน่ๆ
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้ใช่หรือ?
ใน[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้[/url]หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการคุ้มครองป้องกันแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถปกป้องยุงลาย ยุงก้นปล่อง รวมทั้งยุงเบื่อหน่ายกัดได้ นอกนั้นยังฤทธิ์สำหรับเพื่อการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
เว้นเสียแต่ยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยป้องกันแมลงประเภทอื่น เช่น แม้ผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะส่งผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนและก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วฝักยาว ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าตัวเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นทรงกระบอก แข็ง หมดจด ตามบ้องมักมีไขปกระอุลม เหง้า มีข้อรวมทั้งข้อสั้นมากมาย กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวปนม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมหวนเฉพาะ
คุณประโยชน์
– อีกทั้งต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้เจ็บท้อง ขับฉี่ และก็แก้อหิวาต์ นอกจากนั้นยังใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ อาทิเช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร รวมทั้งขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับปรุงแก้ไข เจ็บท้อง ท้องร่วง
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคฟุตบาทเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ยังใช้ดับกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา และก็มีกลิ่นไล่สุนัขและก็แมว
ตำรายาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดินปัสสาวะ แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้เยี่ยวเป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดความดันเลือด เหง้า แก้เบื่ออาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ฉี่ขัด แก้ปัสสาวะทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับเมนส์ ขับระดูขาว ใช้ข้างนอกทาแก้อาการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน รูปแบบของใบกว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวโดยประมาณ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว และนิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเกลี้ยง และมีกลิ่นหอมเอียน ก้านใบเป็นกาบทับกันแน่นสีเขียวผสมม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นและก็ใบมีกลิ่นฉุนจนกระทั่งกินเป็นอาหารไม่ได้ อีกทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม
[/b]
สรรพคุณ
– ทั้งยังต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับโลหิตระดู มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งท้อง เนื่องจากว่าหากทานเข้าไป อาจทำให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างลำไส้ ไม่ให้เกิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ ไม่สบายใจ เพ้อเจ้อ
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาคุ้มครองยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง แล้วก็ใช้รักษาโรคตัวเห็บหมา
หนังสือเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งบุตรได้ คนตั้งครรภ์ห้ามกิน นอกนั้นยังคงใช้ขับระดู ขับเยี่ยว ขับตกขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้คลื่นไส้ แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมแตกต่างจากปกติ
เหง้า ใบ รวมทั้งกาบ เอามากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม ดังเช่นว่า สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว มีชีวิตชีวา ทำให้คล่องแคล่ว ความเครียดน้อยลง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับในการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร บรรเทาอาการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้าม
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี และก็ช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
ข้อควรปฏิบัติตาม
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงมีท้องเพราะอาจจะทำให้แท้งได้
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย