กระทู้ล่าสุดของ: ioxoop0x58x8

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างน่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 20, 2018, 05:51:12 pm
[/b]
เหงือกปลาหม[/size][/b]
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มแพทย์ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำรายาไทยพูดว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อ[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปลา
หมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดจากเชื้อไวรัสก็จะลดน้อยลงลง
สมุนไพร เหงือกปลาหมอเป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางสูงโดยประมาณ 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นแล้วก็ใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและก็มีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบดอกจะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เมล็ด จะสามารถพบได้บ่อยตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสเอดส์ แม้จะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แต่ว่าเมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นอีกทั้งยารับประทานรวมทั้งต้มน้ำอาบติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะเบาลงลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาแล้วก็วิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธี คือ
วิธีต้มยารับประทานและก็อาบ
เอาเหงือกปลาแพทย์สดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น ต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำเป็นต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำธรรมดาตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ถ้าหากมีเหงือกปลาแพทย์ไม่น้อยเลยทีเดียว อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ตลอดตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาแพทย์อีกทั้ง 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่รับประทานทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งอาจจะกินทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและน้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะรับประทานอาหาร ยามเช้า-เย็น กินไปเรื่อยๆจวบจนกระทั่งจะหาย แต่ถ้าเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานขาดตกบกพร่องก็จำเป็นต้องรับประทานตลอดกาล
[/b]
วิธีการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาแพทย์ที่ผ่านการบินร่อนเป็นผุยผงละเอียดราวกับแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มก. คนแก่รับประทานทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กลดน้อยลงตามส่วน
เหงือกปลาแพทย์มีคุณประโยชน์มากมาย ได้แก่
-ราก มีคุณประโยชน์สำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และก็ใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลากหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำดื่มรักษาวัณโรค อาการผอมโซ หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาแตกต่างกันออกไปอีก
-ต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-อีกทั้งต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มรับประทานแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งมวล ผลกินเป็นยาขับโลหิตรอบเดือน นอกจากนี้ ถ้าตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดีขึ้น
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน คุดทะราด เป็นไข้จับสั่น
- ต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งแรงน้อยเหลืองตลอดตัว กินทุกเมื่อเชื่อวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือเล็กน้อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำจนเดือดให้งวดจึงชูลง กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" ทั้งยัง 5 รวมราก กับ ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ จำนวนเสมอกัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำจนเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา ยามเช้า ช่วงเวลากลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และต้องระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานแต่ละวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกชนิดหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 ประเภท หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่ทราบอ่อนล้า
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงเพราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าผิวแตกหมดทั้งตัวหายได้ ทั้งผองที่บอกเป็นแบบเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรลบหลู่ดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/[/b]
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์ เมื่อ: สิงหาคม 16, 2018, 12:22:02 pm
[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]
ที่ไปที่มาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตที่ผ่านมากว่า 50 ปี ทางราชการมีความมานะบากบั่นบ่อยมากสำหรับในการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ แล้วก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญให้ราษฎรพึงพอใจต้น[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ[/b]หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 เดือนมิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการเชื้อเชิญให้ปลูกต้นไม้ที่มีประโยชน์ชนิดต่างๆจำนวนมาก ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ คงจะนับว่าเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนกระทั่งในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อระบุสัญลักษณ์ต้นไม้และสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่มีสาระและรู้จักกันอย่างล้นหลามเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวพันกับจารีตประเพณีไทยและก็ประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอตอนนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ฉะนั้นตลอดเวลาก่อนหน้านี้เครื่องหมายที่บ่งถึงความเป็นอิสระยก็เลยมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยเคยชินและประสบพบเห็นบ่อยครั้ง เช่น พระปรางค์วัดย่ำรุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เช่นเดียวกับ ต้นราชพฤกษ์ แล้วก็ ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกรอบ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยมีการผลักดันให้ปลูกต้ราชพฤกษ์
ทั้งประเทศปริมาณ 99,999 ต้น ขณะนี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่จำนวนมากทั้งประเทศไทย
            ข้อสรุปเรื่องเครื่องหมายประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดเจน จนถึงตอนปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวผ่านมาแล้วกลับมาเสนออีกครั้ง และก็มีบทสรุปเสนอให้มีการกำหนดเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งเป็น ดอกไม้ สัตว์รวมทั้งสถาปัตยกรรม และก็การพินิจที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ ฯลฯไม้ที่แก่ยืน ทน ปลูกขึ้นได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้พื้นบ้านที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อต่างกันในแต่ละภาค เป็นต้นว่า ลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆดังเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลและก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีทรงงดงาม สีเหลืองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ และก็เป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกเหนือจากนี้ความสวยสดงดงามของช่อดอก และก็ความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบประดับไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยเป็นดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองแพรวพราวที่พบได้มากมองเห็นได้ทั่วไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการชื่นชมให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งยังมั่นใจว่าฯลฯไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติขั้นชื่อ เสียงมากยิ่งขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาแห่งการเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
เรื่องราวดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้พื้นบ้านของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย พม่า และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยได้ดิบได้ดีในที่โล่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ว่าก็ยังมิได้ผลสรุปกระจ่างแจ้ง จนกว่ามีการลงชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2544
[/b]
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะ ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองยกช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" รวมทั้งมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นเลิศใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย แล้วก็ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • ด้วยเหตุว่าเป็นต้นไม้ประจำถิ่นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย และมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีหลักๆในไทยและเป็นต้นพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ ดังเช่นว่า ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองสวยงาม พุ่มสวยเต็มต้น เทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งพุทธศาสนา
  • มีอายุยืนนาน และก็แข็งแรง
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองงาม แต่ละช่อยาวโดยประมาณ 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกไม้จะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราว 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง แล้วก็มีเมล็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเติบโตช้าในตอน 1-3 ปีแรก แม้กระนั้นต่อจากนั้นจะมีการเติบโตเร็วขึ้น แล้วก็มีดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การรักษา
           แสงสว่าง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง แล้วก็เติบโตเจริญในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ถูกใจน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น รวมทั้งควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ[/b]ที่นิยม คือ การเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าจะต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ จากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ข้ามวัน จึงค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ หลังจากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะพบรากแตกหน่อ และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯไม้มงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ และแม้ปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติยศ เกียรติ รวมทั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะว่าเป็นไม้มงคลนาม [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เห็ดหลินจือช่วยรักษาโรคต่างๆได้จริงหรือ?... เมื่อ: สิงหาคม 08, 2018, 09:25:31 am
[/b]
เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลอย่างไรต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง และโรคอื่นๆอันแสนเพลียที่จะรักษา ติดตามผลวิจัยรับรองสรรพคุณได้ในบทความนี้ค่ะ
บทความเหล่านี้อ้างอิงสรรพคุณของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาวิจัยยืนยันจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนได้พินิจพิเคราะห์ด้วยตัวเองว่ารักษาโรคก้าวหน้าขนาดไหนและน่าเชื่อถือแค่ไหน หากเพื่อนๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรือการค้นคว้าเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเท่าไรหรือเปล่าเข้าใจ บทความในเว็บไซต์แห่งนี้นักเขียนได้คัดและก็เก็บจากหลายที่แล้วก็เขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนๆถูกใจบทความนี้ก็จะเป็นอย่างยิ่งดวงใจให้ผู้เขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนฝูงอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนๆต้องชอบ
ระบบภูมิคุ้มกันคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีแปลกปลอม เซลล์ของโรคมะเร็ง แล้วก็สิ่งเจือปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสุขภาพเรานั้นเอง โดยเหตุนี้หากเพื่อนพ้องๆมีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่ป่วยไข้ง่าย หรือถ้าเกิดป่วยก็จะฟื้นเร็ว แต่ถ้าระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีก็จะเจ็บไข้บ่อยมากรวมทั้งเป็นหนักกว่าคนที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวที่ตรงนี้แล้วเพื่อนๆคงมองเห็นจุดสำคัญของการมีระบบภูมิต้านทานที่แข็งแรงกันแล้ว
คนจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมานานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ว่าในสมัยนั้นยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเพราะอะไรทาเห็ดหลินจือ[/url]ถึงแก่ยืนแล้วก็แข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ปัจจุบันนี้พวกเราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกลุ่ม Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเราได้จริง สารกลุ่มดังที่กล่าวมาแล้วสามารถกระตุ้นการสร้าง Interleukin และก็ Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูเขามคุ้มครองดีและก็แข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิต้านทานที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต่อต้านวรัส เซลล์ของโรคมะเร็ง แล้วก็จำกัดสารอนุมูลอิสระก้าวหน้าขึ้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยให้ผู้ที่ถูกผลข้างเคียงที่โดนยาต้านโรคมะเร็งบางตัวแล้วก็กระบวนการทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอีก รวมทั้งเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต้านทานการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กรุ๊ปดังกล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นกลุ่ม Bitter Triterpenoids
A
นักค้นคว้าได้ศึกษาและทำการค้นพบสารหลากหลายประเภทในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดจำนวนไขมันในเส้นเลือดเป็นGanoderic Acid รวมทั้ง Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 จำพวกที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น นอกจากช่วยลดไขมันในเส้นโลหิตได้แล้ว ยังคุ้มครองไม่ให้ไขมันอุดตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ที่สามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นเลือด และช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับผู้ที่เป็นโรคไขมันเส้นเลือดสูง 70 ราย รวมทั้งกระทำเก็บผลการทดสอบภายหลังผ่านไป 3 เดือน พบว่าวัวเรสเตอคอยลของคนรับการทดสอบลดลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลที่ได้รับจากการวิจัยจากทั่วโลก และยังพบว่าเห็ดหลินจือ เว้นเสียแต่ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังมีผลให้โลหิตไหลเวียนดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ฉะนั้น ก็เลยอาจกล่าวได้ว่า สิ่งที่ใช้ในการพิสูจน์ทางคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยช์จากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยเป็นการทดลองขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแค่การทดสอบในคนป่วยบางกลุ่มแค่นั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นหัวข้อการค้นคว้าที่ควรดำเนินการทดสอบถัดไป เพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่แจ่มแจ้ง และก็เป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการดูแลและรักษาคนเจ็บโรคมะเร็งได้ในอนาคต
[/b]
ภาวะต่อมลูกหมากโต รวมทั้งการเจ็บป่วยในระบบทางเดินฉี่
มีขั้นตอนทดลองหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดลองในผู้เจ็บป่วยเพศ 88 รายซึ่งแก่เกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีลักษณะปัสสาวะขัดข้อง หลังการทดสอบกว่า 12 สัปดาห์ คำตอบที่ได้คือ คนไข้ต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลในการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของคนป่วยจากการตอบคำถาม กลับไม่ปรากฏผลในเชิงความเคลื่อนไหวคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากอะไร
โดยเหตุนั้น การทดลองดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วก็เลยยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ่มกระจ่างพอเพียง จะต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ถัดไปในอนาคต เพื่อค้นหาหลังฐานที่กระจ่างสำหรับการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการดูแลรักษาภาวการณ์ต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยวพัน
ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคเส้นโลหิตหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดลองทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้เจ็บป่วยเบาหวานประเภท 2 เข้าร่วมทดลองกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะส่งเสริมผลทางการรักษาพวกนั้น และไม่มีข้อมูลที่เพียงพอในการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจือเหมือนกัน โดยหนึ่งในงานศึกษาเรียนรู้วิจัยเหล่านั้น ได้แสดงถึงผลกระทบจากการบริโภคเห็ดหลินจือในผู้เจ็บป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องเดิน หรือท้องผูก
ฉะนั้นควรต้องมีการค้นคว้าทดสอบถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆพวกนี้เพื่อคุ้มครองปกป้องและการดูแลและรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจต่อไป รวมทั้งให้รู้เรื่องแจ้งชัดชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวถึงแล้วเยอะขึ้น อันเป็นผลดีต่อกรรมวิธีรักษาคุ้มครองปกป้องโรคเส้นโลหิตหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวถัดไปในอนาคต
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย