กระทู้ล่าสุดของ: niiodsp0s4d5f4

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์ เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 02:57:03 pm
[/b]
ราชพฤกษ[/size][/b]
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
[url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) รวมทั้งอยู่ในสกุลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง), ลมแล้ง (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วไปเรียกและก็ชอบเขียนผิดหรือสะกดไม่ถูกเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) เป็นต้น
คำว่า “ราชพฤกษ์” แปลว่า “ต้นไม้ของพระราชา” ซึ่งเป็นเครื่องหมายของงานมหกรรมพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อฉลองในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีคำแนะนำแล้วก็สรุปให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ และก็สถาปัตยกรรม ซึ่งจากการไตร่ตรองได้บทสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติเป็น “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” รวมทั้งในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุผลสำหรับในการคัดดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดฯลฯไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ เป็นต้นไม้ที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันอย่างมากมาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถพบเจอได้ทั่วไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีความเกี่ยวข้องกับประเพณีคนไทยมาอย่างเป็นเวลายาวนาน ด้วยเหตุว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนามและใช้เพื่อการประกอบพิธีหลักๆต่างๆหลายพิธีการ ตัวอย่างเช่น พิธีลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถประยุกต์ใช้ผลดีได้อย่างนานาประการ อาทิเช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือนำมาใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนนานแล้วก็แข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีทรงรวมทั้งพุ่มไม้ที่สวย มีดอกเหลืองอร่ามเต็มต้น มองดูสวยสดงดงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เป็นเครื่องหมายที่พุทธศาสนา รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกนั้นตามตำราพืชที่มีความเป็นสิริมงคล 9 ประเภทยังระบุไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่ ความมีอำนาจวาสนา มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรคแล้วก็อาการต่างๆโดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นสรรพคุณทางยานั้น อย่างเช่น ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก รวมทั้งเมล็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้กับเด็ก สตรี รวมไปถึงผู้สูงอายุ โดยปลอดภัยอะไรก็ตาม
รูปแบบของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชพื้นเมืองในแถบทวีปเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานไปจนถึงประเทศอินเดีย เมียนมาร์ แล้วก็ประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกึ่งกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลปนเทาสะอาด มักขึ้นทั่วไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการระบายน้ำดี แพร่พันธุ์ด้วยแนวทางเพาะเมล็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกไว้ในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกภายในพื้นที่ แม้กระนั้นในขณะนี้บางครั้งก็อาจจะใช้กรรมวิธีทาบกิ่งรวมทั้งทิ่มยอดก็ได้ แม้กระนั้นโอกาสเสร็จจะน้อยกว่ากรรมวิธีการเพาะเม็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) รูปแบบของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียววาว ช่อหนึ่งยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร และมีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆโดยประมาณ 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราวๆ 5-7 ซม. และยาวโดยประมาณ 9-15 ซม. โคนใบมนแล้วก็สอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางหมดจด มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบถี่และโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) ออกดอกเป็นช่อ ยาวราว 20-45 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวราว 1 เซนติเมตร กลีบมี 5 กลีบ หลุดร่วงได้ง่าย และก็กลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกราวๆ 2-3 เท่า แล้วก็มีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ บริเวณพื้นกลีบจะมองเห็นเส้นกลีบแจ้งชัด ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดแตกต่างกันจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกมักจะบานในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม แต่ว่าก็มีบางกรณีที่มีดอกนอกฤดูแบบเดียวกัน ดังเช่นว่า ในตอนธันวาคมถึงเดือนมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักทรงกระบอกเกลี้ยงๆฝักยาวราวๆ 20-60 เซนติเมตร รวมทั้งวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆติดกันอยู่เป็นช่องๆตามแนวขวางของฝัก และในช่องจะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดโดยประมาณ 0.8-0.9 ซม.
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์
ช่วยทำนุบำรุงโลหิตภายในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นรวมทั้งใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการกางใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวบางส่วน มีกลิ่นเหม็นเหม็นเบื่อ เย็นจัด สรรพคุณสามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการอยากดื่มน้ำ (ฝัก)
เปลือกเม็ดแล้วก็เปลือกฝักมีคุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ ทำให้อาเจียน หรือจะใช้เมล็ดประมาณ 5-6 เม็ด เอามาบดเป็นผุยผงแล้วรับประทานก็ได้ (เม็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ สรรพคุณของกระพี้ใช้แก้อาการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก รวมทั้งใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้รวมทั้งหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แก้อาการเศร้าหมอง หนักหัว หนักตัว ทำให้ชุ่มชื่นกระชุ่มกระชวยอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
สรรพคุณราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นต้นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งโดยประมาณ 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำ (ฝัก)
ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยสำหรับในการขับถ่าย ทำให้ถ่ายได้สะดวก ไม่มวนท้อง แก้ท้องผูก เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะอาการท้องผูกบ่อยๆและสตรีท้อง เพราะว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่าหัวแม่มือ (หนักราวๆ 4 กรัม) รวมทั้งน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือเล็กน้อย ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารเช้าหรือตอนก่อนนอนเพียงแค่ครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เม็ด)
เม็ดมีรสฝาดเมา คุณประโยชน์ช่วยแก้ท้องเสีย (เม็ด)
ช่วยหล่อลื่นไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและแผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยทำให้กำเนิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เม็ดฝนกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล แล้วเอามากิน (เม็ด)
ฝักและใบมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งราวๆ 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสเฝื่อนเมา ช่วยขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านทานการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
คุณประโยชน์ของคูน รากใช้แก้โรคคุดทะราด (ราก)
ใบสามารถประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากเอามาฝนใช้ทารักษากลากโรคเกลื้อน และก็ใบอ่อนก็ใช้แก้กลากได้เช่นเดียวกัน (ราก, ใบ)
เปลือกรวมทั้งใบนำมาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีคุณประโยชน์ช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกและใบเอามาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน คุณประโยชน์ของดอกช่วยแก้รอยแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ สรรพคุณช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีสรรพคุณช่วยแก้อาการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
แขกใช้ใบเอามาตำ เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อและก็อัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนรวมทั้งแมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำทิ้งไว้โดยประมาณ 2-3 วัน แล้วใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะช่วยขจัดคราบแมลงและหนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี Acetylcholinesterase
นอกจากนั้นยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาดัดแปลงทำเป็นสินค้าต่างๆจำนวนมาก อย่างเช่น
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่เคี่ยวมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต และแก้ไขปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน แล้วก็อบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะดูตามโรคแล้วก็ความต้องการเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้ต่างกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำจากใบคูนที่เอามาบดเป็นผุยผง ช่วยแก้อาการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยนำมาพอกบริเวณที่เป็นจะช่วยทำให้มีการเกิดการไหลเวียนของเลือด ทุเลาอาการปวดข้อ รักษาโรคโรคเกาต์ รวมทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาค้าง ทำจากใบคูน คุณประโยชน์ช่วยในด้านสมอง ไขปัญหาเส้นโลหิตตีบในสมอง ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนในร่างกายดีขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มพร้อมกันไปกับการรักษาแบบอื่นๆ
[/b]
ข้อควรตรึกตรอง !
:การทำเป็นยาต้ม ควรต้มให้พอประมาณจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี ถ้าเกิดต้มนานเหลือเกินหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่จะทำให้ท้องผูกแทน และก็ควรจะเลือกใช้ฝักที่ไม่มากจนเกินไป และก็ยาต้มที่ได้ถ้าหากกินมากเกินไปอาจจะเป็นผลให้อ้วกได้
ประโยช์จากราชพฤกษ์
นิยมนำมาปลูกไว้ฯลฯไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆอย่างเช่น สถานที่ราชการ รอบๆข้างถนนข้างทาง และสถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเลื่อมใส ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลนามที่คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดที่ปลูกต้ราชพฤกษ์[/url]ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติและศักดิ์ศรี มูลเหตุเนื่องจากว่าคนให้การเห็นด้วยว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงและก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของเมืองไทยอีกด้วย และก็ยังเชื่อว่าจะก่อให้ผู้อาศัยนั้นเจริญ โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์และก็ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉใต้ของบ้าน (อาจเป็นเพราะเนื่องจากด้านดังที่ได้กล่าวมาแล้วได้รับแดดจัดในช่วงช่วงบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนในบ้านและช่วยใชัพลังงานน้อยลง)
ต้นราชพฤกษ์เป็นไม้มงคลแล้วก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีการต่างๆทางศาสนา อย่างเช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาฤกษ์สำหรับในการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก ฯลฯ
เนื้อไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆได้แก่ ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ เป็นต้น
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลในการทำเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์รวมทั้งจุลชีวันขยายได้
ฝักแก่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเพื่อการหุงด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดพอเหมาะพอควร โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บไซต์สำนักงานแผนการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชสาเหตุจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และก็พันธุ์พืช, เว็บไซต์ไทยโพส, ที่ทำการปรับปรุงเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (หน่วยงานมหาชน), งานแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, สำนักงานกองทุนส่งเสริมการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรราชพฤษ์
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 02:52:12 pm
[/b]
ตะไคร[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
(Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาทำอาหารสำหรับขจัดกลิ่นคาว รวมทั้งช่วยเพิ่มรสชาตของของกิน ในหลากหลายรายการอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารจำพวกที่เป็นอาหารต้มยำ แล้วก็แกงต่างๆรวมทั้งการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นต้นว่า น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ ฯลฯ
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกตระกูลเดียวกันกับต้นหญ้า มีอายุมากยิ่งกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม มีถิ่นกำเนิดในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ ได้แก่ ประเทศพม่า ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฯลฯ
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
ตระกูล : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อเขตแดน:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– ติดอยู่หอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งตรง ทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (รวมถึงใบ)ส่วนของลำต้นที่พวกเรามองเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหุ้มครึ้ม ผิวเรียบ แล้วก็มีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆเรียวเล็กลงแปลงเป็นส่วนของใบ ศูนย์กลางเป็นข้อแข็ง ส่วนนี้สูงราว 20-30 ซม. ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วก็พันธุ์ และก็เป็นส่วนที่นำมาใช้สำหรับปรุงอาหาร
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้มี 3 ส่วนหมายถึงก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ แล้วก็ใบ) รวมทั้งใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบลำพัง มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งลู่ลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ และก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ แต่ว่าคม กึ่งกลางใบมีเส้นกลางเรือใบแข็ง สีขาวอมเทา แลเห็นต่างกับแผ่นใบเด่นชัด ใบกว้างราว 2 ซม. ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่มีดอกยาก ก็เลยไม่ค่อยประสบพบเห็น ดอกตะไคร้ดอกจะออกดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว แล้วก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบเสริมแต่งรองรับ มีกลิ่นหอมยวนใจ ดอกมีขนาดใหญ่คล้ายดอกอ๋อ
ดอกตะไคร้
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น รวมทั้งใบสด

– ใช้เป็นเครื่องเทศเข้าครัวสำหรับขจัดกลิ่นคาว ช่วยทำให้อาหารมีกลิ่นหอม และปรับปรุงแก้ไขรสให้น่าอร่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
– ใช้เป็นส่วนประกอบของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง รวมทั้งยาจุดกันยุง


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่เจอ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลายแบบ ได้แก่
– สิทราล (Citral) พบได้บ่อยที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิที่นาลูล (Linalool)
– พบรานิออล (Geraniol)
– คาริโอฟิวลีน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนท้องนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพคราวโนน (Methyl heptennone)
– สิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
เก็บรวบรวมจาก ทอง ขยัน (2552)(2), ใจชาติชั้นวรรณะ ตระการชัยตระกูล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]
[/b]
คุณประโยชน์ตะไคร้

  • ลำต้น รวมทั้งใบ

– ช่วยบรรเทา และก็รักษาลักษณะของการมีไข้หวัด
– แ้ก้ไอ รวมทั้งช่วยขับเสมหะ
– บรรเทาลักษณะของโรคโรคหืดหอบ
– รักษาอาการปวดท้อง
– ช่วยขับปัสสาวะ แก้ปัสสาวะยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยในการขับลม
– แก้อหิวาต์
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน โลหิตสูง
– ลดจำนวนคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้เมนส์มาไม่ดีเหมือนปกติ

  • ราก

– ใช้เป็นยาปรับปรุงปวดท้อง และก็ท้องเดิน
– ช่วยขับฉี่
– บรรเทาอาการไอ และก็ขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย

– ออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับการขับถ่าย
– ทุเลาอาการท้องเสีย
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต่อต้านอาการอักเสบ และก็ลดการตำหนิดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการเซื่องซึม
– ต่อต้านอนุมูลอิสระ
รวบรวมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), ใจชนชั้น น่าอัศจรรย์ชัยสกุล (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้

น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของลำไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ตัวอย่างเช่น Cineole และ Linalool

  • ฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียต้นเหตุลักษณะของอาการท้องเสีย

สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเสียหมายถึงE. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ เช่น Citral, Citronellol, Geraneol แล้วก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี

น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ เช่น Borneol, Fenchone และ Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม

สาร Menthol, Camphor รวมทั้ง Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
ปริมาณน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษรุนแรงของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไม้ได้รับ แล้วก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่ทรงคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ เมื่อ: สิงหาคม 07, 2018, 06:16:45 pm
[/b]
เห็ดหลินจื[/size][/b]
สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่ทรงคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ
เมื่อ ค.ศ 2005 บริษัทของเรามีจุดเริ่มแรกขึ้นจากความอยากได้หาสมุนไพรประสิทธิภาพสูงจากในหลายประเทศ ตราบจนกระทั่งเราเจอแล้วก็มีส่วนร่วมกับบริษัทยยาของรัฐบาลจีน และก็ได้ นำเข้าสปอร์[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
ประสิทธิภาพสูงตั้งแต่นั้นมา
นับ 10 กว่าปี ที่เราเป็นผู้ก่อกำเนิด แล้วก็เป็นผู้นำในด้านสปอร์เห็ดหลินจือแดงคุณภาพสูง คุณภาพเป็นหัวใจสำคุณของเรา สปอร์เห็ดหลินจือของเรา จะถูกคัดสรรอย่างดีก่อนถึงมือบริโภค เห็ดหลินจือแดงที่พวกเรานำเข้ามา ถูกเพาะด้วยวิธีพิถีพิถัน ทำให้ได้ตัวดอกเห็ดที่มีขนาดใหญ่มากกว่า
พวกเราใส่ใจแล้วก็ตรวจตราประสิทธิภาพในทุกแนวทางการผลิตอย่างใกล้ชิด แล้วก็ด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ดูแลอย่างดี ทำให้พวกเราได้รับการรับรองมาตฐาน GMP (GOOD Manufacturing Practice) ทุกล็อตที่พวกเราผลิตออกมา จะได้รับการตรวจคุณภาพจากห้องแล็ปในโรงพยาบาล
เพื่อประโยชน์สูงสุดของท่านคนที่กำลังหาผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือมากิน
การค้นคว้าวิจัยรับรองว่าการกินสปอร์เห็ดหลินจือจะได้ประสิทธิภาพที่ดีมากกว่าการทานดอก เหตุเพราะสปอร์มีสารออกฤทธิ์สำคัญมากกว่ารวมทั้งสปอร์ที่ถูกกระเทาะนั้น เปลือกหุ้มจะต้านมะเร็ง และเสริมภูมิคุ้มกันได้ดีกว่า เทียบกับแบบมิได้กระเทาะเปลือก
ที่พลาดมิได้ที่สุดคือ.....
ท่านๆสามารถบริโภคเห็ดหลินจือได้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆโดยไม่เป็นอันตรายใด อีกกด้วย เห็ดหลินจือมีมากมายว่า 100 สายพันธุ์แม้กระนั้นสายพันธุ์ที่มีสรรพคุณทางยาเยี่ยมที่สุดคือเห็ดหลินจือแดง เนื่องจากสายพันธุ์นี้จะมีสารออกฤทธิ์กลุ่ม Polysaccharide อยู่เป็นอย่างมากที่สุด
ส่วนท่านที่กำลังเลือกซื้อเห็ดหลินจือออกมาขายในตลาดแบบต่างๆมากมายก่ายกอง อีกทั้งในแบบดอกอบแห้ง แคปซูล น้ำเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจืออื่นๆอีกมากมาย
เพราะฉะนั้นการจะเลือกซื้อเห็ดหลินจือให้ได้แบบที่มีคุณภาพดี ต้อง......
มองตั้งแต่กรรมวิธีการผลิต ว่าตัวเห็ดหลินจือนั้นได้รับการเลี้ยงที่สมควรหรือปล่าว เพราะเหตุว่าการควบคุมอณหภูมิ ความชุ่มชื้น สารอาหาร และก็กรรมวิธีแปลรูปล้วนมีผลต่อจำนวนสาระสำคัญในตัวเห็ดหลินจือ บรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะเหตุว่าเห็ดหลินจือจะขึ้นราได้ง่ายเมื่อโดนความชื้อ ด้วยเหตุดังกล่าวตัวบรรจุภัณฑ์ควรต้องเลือกเป็นขวดที่กันความชื้อได้ดีอีกด้วย
เห็ดหลินจือกับประโยชน์ต่อร่างกาย
เห็ดหลินจือ (Lingzihi หรือ  REISHI)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์ มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum) เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีเข้มมีพื้นผิวแวววาว มีลักษณะเหมือนไม้ และมีรสขม มีประวัตศาสตร์ยาวนานสำหรับการใช้เห็ดหลินจือ เพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเซีย โดย เฉพาะประเทศจีนรวมทั้งญี่ปุ่น เนื่องด้วยเชื่อว่าสารประกอบด้านในเหลืดหลินจือมีคุณค่าต่อสุขภาพร่างกาย
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่อาจเป็นผลดีต่อร่างกายเยอะมาก ชนิดเส้นใยต่างๆโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและแร่บางจำพวก เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี มองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ไต่อยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลวัวโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) และสารอนุพันธ์อื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) รวมทั้งลิวซีน (Leucine)เพราะฉะนั้น มีบางคนหรือในบางวัฒนธรรมนำเห็ดหลินจือมาประกอบอาหารรวมทั้งแปรรูปเพื่อการบริโภคอย่างนานาประการ นักวิทยาศาสตร์จึงมีความสนใจและนเห็ดหลินจือ[/url]มาทดสอบหาประสิทธิผลทางการรักษาและการบำรุงสุขภาพ เพื่อพิสูจน์ว่าเห็ดชนิดนี้มีสาระต่อสุขภาพร่างกายของผู้คนจริงหรือไม่
[/b]
เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่บางทีอาจเป็นได้จริงหรือ?
ถึงแม้มีการค้นคว้าทดลองล้นหลามเกี่ยวกับคุณสมบัติรวมทั้งคุณค่าที่อาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ทางด้านวิทยาศาสตร์และก็การแพทย์ที่แจ่มแจ้งถึงคุณลักษณะรวมทั้งคุณค่าที่อาจเป็นได้ของเห็ดหลินจือแต่ว่า ในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งที่ใช้พิสูจน์ด้านวิทยาศาสตร์รวมทั้งการแพทย์ที่แจ้งชัดถึงคุณสมบัติและประสิทธิผลด้านอะไรก็แล้วแต่โดยเหตุนั้น ผู้ใช้ควรศึกษาข้อมูลของเห็ดหลินจือ ปริมาณและก็วิธีการบริโภคที่สมควร และก็ความจำกัดต่างๆรวมทั้งปัจจัยทางสุขภาพของตนให้ดีก่อนการบริโภค
แบบอย่างงานศึกษาวิจัยที่ศึกษาเกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อร่างกาย
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานค้นคว้าหนึ่งได้ทดลองหาประสิทธิผลและความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในผู้ป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปริมาณ 32 ราย  คำตอบคือ เห็ดหลินจืออาจมีสรรพคุณในด้านการยับยั้งอาการปวด ปลอดภัยต่อการรับประทานเข้าสู่ร่างกายและไม่มีผลข้างๆ อย่างไรก็ดี กลับไม่ปรากฏผลที่มีความนัยสำคัญสำหรับเพื่อการต้านทานปฎิกิริยาออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลของการปรับระบบภูมิคุ้มกันแต่อย่างใด
เพิ่มสมรรถนะร่างกาย
มีการทดสอบที่ทดลองความสามารถของเห็ดหลินจื[/b]ในด้านการเพิ่มสรรถภาพของร่างกาย โดยได้ ทดสอบในคนป่วยโรคปวดกล้ามไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)ผู้หญิงปริมาณ 64 ราย ตลอดเวลาการทดลอง 6 สัปดาห์ คนเจ็บบริโภคเห็ดหลินจือจำนวน 6 กรัม/วัน ต่อจากนั้นจึงทดสอบสมรรถนะร่างกายของผู้ป่วย ผลของการทดลองรวมทั้งวางแผนรักษาคนเจ็บโรคนี้ต่อไป แต่ว่ายังคงขาดหลักฐานส่งเสริมที่แจ่มแจ้ง ควรต้องมีการทำการศึกษาในด้าน เพื่อหาหลักฐานและก็ข้อยืนยันที่แนชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือถัดไป
ต้านการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน และคุ้มครองปกป้องการทำลายเซลล์ตับ
จากการทดลองหาคุณภาพของสารตรีเทอร์พีนอยด์ (Trirpenoids)และโพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide)ใน[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ
ในด้านการต้านการเกิดปฎิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน และการปกป้องคุ้มครองการทำลายเซลล์ตับในกรุ๊ปผู้ทดลองที่มีสุขภาพแข็งแรง 42 คน ผลสรุปทีแสดงถึงความสามารถของเห็ดหลินจือสำหรับในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็ยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
แต่ ถึงแม้เห็ดหลินจืออาจช่วยต้านปริกิรริยาออกซิเดชันได้ แม้กระนั้นการทดลองดังที่ได้กล่าวมาแล้วเป็นเพียงแค่การวิจัยขนาดเล็ก ควรศึกษาค้นคว้าต่อไปเพื่อหาหลักฐานรวมทั้งข้อพสจน์ที่แน่ชัดที่แจ่มกระจ่างถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรเห็ดหลินจือ
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ขิง เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2018, 08:54:57 am
[/b]
ขิ[/size][/b]
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’พบ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในตระกูลขิง (ZINGIBERACEAE)
[url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง
จัดเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสาระต่อสุขภาพร่างกายในหลายๆด้าน ด้วยเหตุว่าอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสภาพร่างกายของพวกเรา อาทิเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และก็เส้นใยจำนวนหลายชิ้นอีกด้วย ซึ่งคุณประโยชน์ของขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น รวมทั้งผลก็ได้ทั้งหมด
ประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเลิศ
มีสารต้านทานอนุมูลอิสระไม่น้อยเลยทีเดียว ช่วยชะลอความแก่และก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยสำหรับในการปกป้อง ต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านทานการเติบโตของเซลล์ของมะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้เพื่อการรักษามะเร็ง ด้วยเหตุนั้นควรกินขิงควบคู่ไปกับการดูแลรักษาโรคมะเร็งจะเป็นประโยชน์
ขิ มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น รวมทั้งช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆนำมาทุบให้แหลกราว 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยลดน้ำหนัก ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดหัวรวมทั้งไมเกรน ด้วยการรับประทานน้ำขิงบ่อยๆ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดสิ่งเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วนำมากิน
ช่วยรักษาโรคความดันเลือด ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยทำนุบำรุงหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาอาการของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับคุณแม่ข้างหลังคลอดลูก ด้วยการกินไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดราวๆ 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงนมของแม่ (ผล)
ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การกินขิงจะช่วยให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ประมาณครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา เอามาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด ทุเลาอาการไอ ทุเลาหวัดจับเสลด ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือเล็กน้อย
ไอน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในคนป่วยที่มีอาการเมายาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดนำมาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
ช่วยขจัดปัญหาผมตก หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนกระทั่งอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก นำมาพอกบริเวณที่มีผมร่วง วันละ 2 ครั้งกระทั่งอาการดียิ่งขึ้น หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำจากมะกอกแล้วนำมาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะราวๆ 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมตกได้เช่นกัน แถมยังช่วยทำให้ผมงาม แข็งแรง มีความนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงรักษาสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา และก็ใช้แก้อาการตาฝ้า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้ง เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาทุบให้ถี่ถ้วนคั่วกับน้ำสารส้มจนกระทั่งเกรียม แล้วบดกระทั่งเป็นผุยผง แล้วนำมาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสมหะ เสลดขาวเหลวจำนวนมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวะน้ำลายมากมาย คลื่นไส้เป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นและเกลือนิดหน่อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยทำนุบำรุงฟันและป้องกันการเกิดฟันผุ
ช่วยกำจัดกลิ่นรักแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาตีให้แหลก แล้วนำมาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้เป็นประจำ จะสามารถช่วยขจัดรอยคราบกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำจนกระทั่งแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งน้อย คนจะกว่าจะเข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดประมาณ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง เอามาตำจนกระทั่งถูกกัน แล้วรับประทาน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอาเจียน (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดราว 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ นำมาทุบให้แตกแล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดการอ้วกอาเจียนจากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงมีครรภ์ไม่ควรรับประทานหลายครั้งจนถึงเกินไป)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาทุบพอเพียงแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาอาการปวดในช่วงก่อนหลังระดู ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วราวๆ 30 กรัมมาต้มกับน้ำดื่มเป็นประจำ
ช่วยย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ดอก)
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการถ่าย และช่วยในเรื่องของระบบไส้ให้ดำเนินงานได้อย่างเป็นปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดฉี่ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาฉี่รดที่พักผ่อนในคนป่วยที่มีภาวการณ์หยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการบวมช้ำ (ใบ)
[url=http://www.disthai.com/]ขิง
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดข้อตามร่างกายด้วยการรับประทานขิงสดเสมอๆ
มีฤทธิ์ช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
ขจัดปัญหาหนังที่มือลอกเป็นสะเก็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำมาแช่เหล้า 1 ถ้วยชา ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง แล้วนำแผ่นขิงมาเช็ดบริเวณดังกล่าววันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว เอามาเผาผิวนอกจนเป็นถ่าน รอเฉือนถ่านที่เปลือกนอกออกไปเรื่อยแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูนำมาทาบริเวณที่เป็นแผลซึ่งถ้าหากว่าถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆเอามาวางทับรอบๆที่ถูกกัดจะช่วยทุเลาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง ฯลฯ ช่วยปกป้องการแพ้อาหารทะเลจนกระทั่งเกิดผื่นคัน ผื่นคัน หรืออาหารช็อกประโยชน์ของขิง
ช่วยรักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกบริเวณแผล เพื่อคุ้มครองป้องกันการอักเสบรวมทั้งการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันหืนในน้ำมันได้
ในด้านการปรุงอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติของกินได้อย่างดีเยี่ยม แล้วก็สามารถช่วยดับกลิ่นคาวของของกินได้ดีอีกด้วย
ในด้านความงดงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งตัวที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเพิ่มขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดบริเวณต้นขา ก้น หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นเอามาแปรรูปได้หลายอย่าง เป็นต้นว่า บัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ
[/b]
วิธีทำน้ำขิง
วิธีทำน้ำขิงขั้นตอนการทำน้ำขิงขั้นแรกให้จัดแจงส่วนประกอบดังนี้ ขิงแก่ 1 กก. / น้ำตาล 1 ถ้วยตวง / น้ำสะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาตีให้แตก แล้วนำมาใส่ในหม้อต้ม เพิ่มเติมน้ำที่สะอาดลงไป ยกขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนน้ำเดือดแล้วค่อยเบาไฟลง ต้มราว 20 นาทีจนถึงน้ำขิงละลายออกมาจนถึงหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วชูลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มเติมน้ำตาลลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามความอยาก) แล้วคนจะกว่าจะเข้ากัน
เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นก็สามารถนำมากินได้ โดยนำมาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เช่นกัน แม้กระนั้นควรเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากจนเกินความจำเป็น เนื่องจากว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้ปริมาณที่เข้มข้นกระทั่งเหลือเกิน เพราะเหตุว่าจะเป็นโทษต่อสภาพร่างกายได้ ด้วยเหตุว่าจะไประงับการบีบตัวของลำไส้ กระทั่งทำให้ไส้หยุดการบีบตัว ด้วยเหตุนี้ควรจะคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนเกิดความเคยชินก่อน
พวกเราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมนำมาใช้ในการทำกับข้าวรวมทั้งทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดรักษาโรคต่างๆได้สารพัด นับได้ว่าเป็นตัวช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แต่ดังนี้เราก็ไม่สมควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวในการบำบัดรักษาโรค ควรทำอันอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราร่วมด้วยจะได้ผลลัพธ์ที่ดีนักแล
พวกเรามักนิยมใชขิง[/url]แก่ เพราะเหตุว่ายิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน ก็เลยมีคุณประโยชน์ทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน และก็ยังมีใยอาหารเยอะขึ้นตามไปด้วย แต่ว่าเนื่องจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณสมบัติอุ่น จึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีความร้อนภายในร่างกายอยู่แล้ว อย่างเช่นคนที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกช่วงกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าปกติ แต่ว่าหากจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรขิง
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย