กระทู้ล่าสุดของ: giw3a5c4h4h4a5

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 04:26:16 pm
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
ลักษณะทางกายภาพและเคมีที่ดี:
           จำนวนน้ำไม่เกิน 68% w/w  จำนวนขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w  ปริมาณเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% แล้วก็ปริมาณสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ รวมทั้งน้ำ ราวๆ 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w  ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษระบุจำนวนสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
คุณประโยชน์:
           ตำราเรียนยาไทยใช้หัว[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
เป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุทุพพลภาพ  อาหารไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดพิการ  แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด  บำรุงธาตุ  กระจัดกระจายเลือด  ขับฉี่ แก้บวมพุพอง  ขับพยาธิ  แก้ตาปลา  แก้ตาแดง น้ำตาไหล  ตาฝ้า รักษาโรคลักปิดลักเปิด  รักษาโรคมะเร็งคุด   รักษาริดสีดวง แก้ไอ  คุมกำเนิด แก้สะอึก  บรรเทาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด  แก้หูอื้อ แก้อัมพาต  ลมเข้าข้อ  แก้อาการชักกระตุกของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดค่อย รักษาวัณโรค  แก้โรคประสาท แก้หืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ  ขับโลหิตเมนส์  บำรุงเส้นประสาท   แก้ไข้   แก้บวมช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก   แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงางาม  บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ข้างนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษากลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง  ทาภายนอกบรรเทาลักษณะของการปวดบวมตามข้อเพราะเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นองค์ประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคร่ำ ในสตรีข้างหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ  ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
         บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ระบุการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์บรรเทาอาการปวดตามเอ็น กล้าม มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณรักษาระดูมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อยกว่าธรรมดา ทุเลาอาการปวดเมนส์  แล้วก็ขับน้ำคร่ำในหญิงหลังคลอดบุตร
แบบและก็ขนาดวิธีการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มก.ต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบอย่างยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มก.หรือสาร allicin 2-5 มิลลิกรัม
ขนาดและวิธีใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม  5-10  กลีบ ตรอกละเอียด  รับประทานหลังรับประทานอาหาร หรือพร้อมของกิน
ขนาดและก็การใช้สำหรับรักษากลากโรคเกลื้อน:
                   ฝานกระเทียมเช็ดเสมอๆบริเวณที่เป็น  หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น  วันละ 2 ครั้ง ก่อนจะทายาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70%  หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดบริเวณที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปก้าวหน้าขึ้น เมื่อหายแล้วให้ป้ายยาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดและวิธีการใช้สำหรับแก้ไอ:
                   ตำรายาไทยให้ใช้กระเทียม และก็ขิงสดอย่างละเท่ากันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสลดแห้ง ตำราเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
องค์ประกอบทางเคมี:
           น้ำมันหอมระเหย ประมาณ 0.1-0.4% มีองค์ประกอบหลักเป็น allicin  ajoene  alliin  allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกลุ่มกรุ๊ป organosulfur  สารในกลุ่มนี้ที่เจอในกระเทียมดังเช่นว่า  สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% รวมทั้ง cycloalliin 0.1% และก็สารที่ไม่ระเหยคือ สารกรุ๊ป gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% รวมทั้ง gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมประมาณ 82% ของสารกรุ๊ป organosulpur ทั้งผอง ส่วนสารกรุ๊ป thiosulfinates (allicin) สารกลุ่ม ajoenes (E-ajoene และก็ Z-ajoene) สารกลุ่ม vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) รวมทั้งสารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแต่ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการย่อยสลายของสาร allin ซึ่งถูกเสื่อมสภาพด้วยเอนไซม์ alliinase หลังจากนั้นก็เลยเกิดการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร สลายตัวได้สารกรุ๊ป sulfides อื่นๆฉะนั้นกระเทียมที่ผ่านกระบวนการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบโดยมากที่เจอเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide รวมทั้ง diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านแนวทางการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่พบส่วนใหญ่เป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene ปริมาณของ alliin ที่เจอในกระเทียมสด ราวๆ 0.25-1.15% สารกลุ่มอื่นๆที่เจอ ตัวอย่างเช่น สารเมือก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids และ flavonoids
การศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา: 
ฤทธิ์ปกป้องรักษาตับจากพิษ
      การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 และก็ 100 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกลุ่ม นานต่อเนื่องกัน 5 วัน ก่อนรั้งนำให้ตับเกิดการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งคู่ขนาดสามารถปกป้องตับเป็นพิษได้ การตรวจสอบลักษณะทางจุลกายวิภาคศาสตร์พบว่าสามารถยั้งความเสื่อมโทรมของเซลล์ตับ โดยลดหลักการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) และ alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวในกระบวนการอักเสบ รวมทั้งการถึงแก่กรรมของเซลล์ตับ ดังเช่น Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกเหนือจากนี้ยังมีผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน แล้วก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวพันในขั้นตอนต้านทานอนุมูลอิสระ อย่างเช่น catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเรียนรู้ทำให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระรวมทั้งคุ้มครองป้องกันตับจากพิษ โดยกลไกกระตุ้นลักษณะการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องรักษาเซลล์ และก็เนื้อเยื่อจากอนุมูลออกสิเจนที่รวดเร็วต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลเหนี่ยวนำการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต้านอนุมูลอิสระ และสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในระบบการกำจัดพิษออกมาจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II  enzyme) และก็ยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการสร้างสารที่เกี่ยวพันกับการอักเสบลง และป้องกันตับจากสารพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ
      เรียนฤทธิ์ต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) และก็สารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว นำมาทดลองในหลอดทดสอบ โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่ทำให้มีการเกิดการผลิตสารอักเสบ) แบบ non-competitive และก็ irreversible จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด รวมทั้งเส้นเลือดแดงในกระต่ายพอๆกับ 0.35, 1.10 รวมทั้ง 0.90 mg ในช่วงเวลาทีกระเทียม[/url]ที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยับยั้ง cyclooxygenase ได้นิดหน่อยเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เหตุเพราะองค์ประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายในขณะให้ความร้อน จากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยทำให้เห็นว่ากระเทียมคงจะมีคุณประโยชน์สำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้องโรคเส้นโลหิตอุดตันได้ (Ali, 1995)
      จากการรวบรวมงานศึกษาเรียนรู้ ที่ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังนี้คือ ต้านทานการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis มีผลให้การมารวมกลุ่มกันของสารที่ทำให้มีการเกิดการอักเสบต่ำลง, ยั้ง transendothelial migration of neutrophils ส่งผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวจำพวก neutrophil ในกรรมวิธีการอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มในขบวนการอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่คล่องแคล่วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ และการทำงานผ่าน ERK1/2 ทั้ง 2 กลไก อย่างเช่น การยับยั้ง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) รวมทั้งการเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) ส่งผลทำให้การอักเสบน้อยลง (Martins, et al, 2016)
[/b]
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
      การทดสอบความรู้ความเข้าใจในการต่อต้านเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  รวมทั้งการสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น โดยใช้วิธี microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC และก็ค่า MBC น้อยที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) แล้วก็รองลงมาคือ สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล และก็อะซิโตน ให้ค่า MIC รวมทั้ง MBC เท่ากัน (6.25กรัมต่อลิตร) แสดงว่าสารสกัดสดมีสมบัติสำหรับเพื่อการยั้ง แล้วก็ทำลายเชื้อแบคทีเรียดีเยี่ยมที่สุด เนื่องจากในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกรรมวิธีดัดแปลง allinase จะถูกปลดปล่อยออกมาจากด้านใน vacuole ของเซลล์ และก็อาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความรู้และความเข้าใจสำหรับในการยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งกรรมวิธีการสกัดสดช่วยให้แนวทางการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase  เนื่องจากว่าต้องใช้เวลาสำหรับในการบีบคาดคั้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้นช่วยทำให้วิธีการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากขึ้น อาจจะส่งผลให้ได้ allicin มากขึ้น (ภรเจริญ แล้วก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
         เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง นำมาทดลองการต้านทานการเกิดปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันของไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำ หรือต่อต้านการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสภาวะเส้นโลหิตแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดลองในภาวะที่มีไหมมี AGE โดยใช้ CuSO4 และ 5-lipoxygenase รั้งนำให้เกิด oxidized LDL รวมทั้งทดลองสารสกัดของ AGE ผลของการทดลองพบว่า AGE มีฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระโดยลดการผลิต superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกซิเจน) และก็ลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน)  โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ให้ผล 34%  ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดขึ้นมาจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ รวมทั้ง 5-lipoxygenase ได้ 81% และ 37% ตามลำดับ สรุปได้ว่า AGE ส่งผลยับยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการสร้าง superoxide และก็ยั้งการเกิด lipid peroxide  ฉะนั้น AGE ก็เลยอาจมีบทบาทสำหรับในการปกป้องการเกิดภาวการณ์เส้นเลือดแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
      การเรียนรู้ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล  อะซิโตน  และก็การสกัดสดโดยวิธีกดดันแบบเย็น ทดสอบโดยกระบวนการยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกสิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดสอบฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 ต่ำที่สุด เท่ากับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา อย่างเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และการสกัดสด ตามลำดับ โดยมีค่า IC50 พอๆกับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 รวมทั้ง 55.36±3.96 mg/ml เป็นลำดับ  ผลของการต่อต้านสารออกซิไดซ์ที่ร้ายแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีทรัพย์สินการต้านออกซิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรกระเทียม
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / กระเทียม ที่เรารู้จักกันมีประโยชน์เเละสรรพคุณอย่างไร ?... เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 06:01:25 pm
[/b]
กระเทีย[/size][/b]
คุณประโยชน์กระเทียม
ปรับความดันเลือดให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะสมกับคนเจ็บเบาหวาน
บำรุงเลือด คุ้มครองปกป้องอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
ปกป้องโรคหัวใจ
ลดอาการท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายดำเนินการเจริญขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
คุ้มครองไข้หวัด ยับยั้งการเติบโตของไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ และก็ลดการเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1][url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
[/url] กับ 10 คุณประโยชน์ดีๆที่เราต้องการให้ท่านทานทุกวี่วัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิซินในกระเทียมที่มีสาระต่อสถาพทางร่างกายของเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด จะต้องหั่น สับ ตี หรือบดกระเทียมก่อนเอามาทำกับข้าว 5-10 นาที โดยสารอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ด้วยเหตุดังกล่าวจะทานสด หรือจะประกอบอาหารในน้ำมันก็ช่างเถอะ
จำนวนกระเทียมที่ควรทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ราวๆ4 กรัมต่อวัน แต่ว่าไม่สมควรทานมากเกินกว่านี้ต่อเนื่องกันเกิน 10 วัน เนื่องจากจะเพิ่มความเสี่ยงภาวการณ์เลือดแข็งตัวช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาปรุงอาหาร
ควรจะเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น รวมทั้งถ้าหากอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วของกินมื้อต่อไปก็บอกให้แม่ครัวพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในของกินให้ด้วยนะคะ แต่ว่าระวังนิดหน่อย ถ้าหากทานกระเทียมมากๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด อาจมีอาการเจ็บคอคราวหลัง รวมทั้งอย่าลืมรอบคอบกลิ่นปากกันด้วยจ้ะ สักครู่จะหาว่าไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกชนิดรับประทานหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ภายนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่อหุ้มอยู่หลายชั้น ด้านในหัวประกอบแกนแข็งตรงกลาง ภายนอกเป็นกลีบเล็กๆจำนวน 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนรวมทั้งใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นแรงจัด
ลำต้นรวมทั้งหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วไปในทุกภาคของเมืองไทย แม้กระนั้นนิยมปลูกกันมากทางภาคเหนือรวมทั้งภาคอีสาน เพราะมีสภาพดินรวมทั้งสภาวะอากาศที่เหมาะอย่างยิ่งกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเจริญเติบโตได้ดิบได้ดี สำเร็จผลิตสูงแล้วก็มีรสชาติที่ดีมากยิ่งกว่า
[/b]
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
กระเทีย[/b]เป็นไม้ล้มลุกแล้วก็ใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่ออยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีเหตุที่เกิดจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปๆมาๆก ใบโดดเดี่ยว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 เซนติเมตร ยาว 30-60 ซม. ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบรวมทั้งพับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นและเชื่อมติดกันเป็นวงห่อรอบใบที่อ่อนกว่าและก็ก้านช่อดอกทำให้มีการเกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวและสีจะค่อยๆจางลงจนกระทั่งถึงโคนใบ ส่วนที่หุ้มหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) มีตะเกียงรูปไข่เล็กๆเป็นจำนวนมากอยู่ปะปนกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีปริมาณน้อย มีใบประดับใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 เซนติเมตร ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมหุ้มห่อช่อดอกระหว่างที่ยังตูมอยู่ แม้กระนั้นเมื่อช่อดอกบานใบแต่งแต้มจะเปิดอ้าออกและห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 ซม. ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือติดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวราว 4 มิลลิเมตร สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูและก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงยิ่งกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างจะกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากทางภาคอีสานและภาคเหนือ แม้กระนั้นกระเทียมที่มีชื่อเสียงว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นแรง เป็นต้นว่ากระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศ
วิธีเลือกซื้อกระเทียม
วิธีสำหรับการเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองที่ง่ายๆเป็น เลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญหากจำเป็นต้องประกอบอาหารที่ต้องการกลิ่นฉุนๆต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเพียงแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะมีความคิดเห็นว่ากระเทียมมีคุณประโยชน์แล้วก็คุณประโยชน์มากมาย ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นแรง แต่ก้ไม่ยากเกินไปที่จะกินนะครับ ดังนั้นอย่าลืมเพิ่ข้อพึงระวังสำหรับเพื่อการรับประทานกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปต่อแต่นี้ไป
คนที่กำลังมีครรภ์หรือผู้ที่อยู่ในตอนให้นมบุตร การรับประทานกระเทียมในช่วงการตั้งครรภ์ค่อนข้างจะปลอดภัยถ้าหากกินเป็นอาหารหรือในปริมาณที่สมควร แต่ว่าบางทีอาจไม่ปลอดภัยถ้ากินกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในช่วงการท้องหรือให้นมลูก
เด็ก การกิน[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b]ในปริมาณที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆอาจปลอดภัยสำหรับเด็ก แม้กระนั้นการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะเป็นผลให้เกิดอาการแสบร้อนรวมทั้งเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยอาหาร อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองที่เดินอาหารได้
ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะก่อให้ระดับความดันโลหิตลดลดลงมากกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนที่จะมีการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 สัปดาห์เนื่องจากว่าอาจจะทำให้เลือดออกมากและก็มีผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด แล้วก็คนที่มีภาวการณ์เลือดออกผิดปกติไม่สมควรกินกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เนื่องจากอาจเพิ่มการเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค อย่างเช่น ไอโซไนอะสิด เพราะเหตุว่ากระเทียมบางทีอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายรวมทั้งส่งผลต่อความสามารถหลักการทำงานของยา รวมทั้งไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุม
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือด[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b]ลงในเมนูอาหารของท่านครับ สรรพคุณและประโยชน์ซึ่งมาจากกระเทียมนั้นเหลือร้ายจริงๆ [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
[/b]

Tags : สมุนไพรกระเทียม
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / ตะไคร้มีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร เมื่อ: สิงหาคม 10, 2018, 09:39:38 am
[/b]
ตะไคร[/size][/b]
ตะไคร้ ชื่อสามัญ Lemongrass
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cymbopogon citratus (DC.) Stapf จัดอยู่ในตระกูลต้นหญ้า (POACEAE หรือ GRAMINEAE)
ตะไคร้จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า ใบมีลักษณะเรียวยาว ปลายใบมีขนหนาม เป็นสมุนไพรไทยประเภทหนึ่งที่นิยมเอามาปรุงอาหาร โดยตะไคร้แบ่งได้เป็น 6 ประเภท ได้แก่ ตะไคร้หอม ตะไคร้กอ ตะไคร้ต้น ตะไคร้น้ำ ตะไคร้หางนาค และก็ตะไคร้หางสิงห์ ซึ่งเป็นสมุนไพรไทยที่นิยมนำมาปลูกทั่วๆไปในบ้านพวกเรา โดยมีถื่นกำเนิดในประเทศประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา และไทย
[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร[/color]เป็นยารักษาโรคและยังมีวิตามินรวมทั้งแร่ที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น วิตามินเอ ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก อื่นๆอีกมากมาย
คุณประโยชน์ของตะไคร้
มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อ
เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้รุ่งเรือง (ต้นตะไคร้)
มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยสำหรับในการเจริญอาหาร
ช่วยแก้อาการไม่อยากกินอาหาร (ต้น)
สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยสำหรับการปกป้องโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
แก้และทุเลาอาการหวัด อาการไอ
ช่วยรักษาลักษณะของการมีไข้ (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก)
น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาอาการปวดได้
ช่วยแก้อาการปวดหัว
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง (ใบสด)
ใช้เป็นยาแก้คลื่นไส้ถ้าหากนำไปใช้ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆ(หัวตะไคร้)
ช่่วยแก้อาการกษัยเส้นและแก้ลมใบ (หัวตะไคร้)
รักษาโรคหอบหืดด้วยการใช้ต้นตะไคร้
ช่วยแก้อาการเสียดแน่นแสบบริเวณหน้าอก (ราก)
ใช้เป็นยาแก้อาการปวดท้องและอาการท้องเดิน (ราก)
ช่วยแก้และก็ทุเลาลักษณะของการปวดท้อง
ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องอืด (หัวตะไคร้)
ช่วยสำหรับเพื่อการขับน้ำดีมาช่วยสำหรับในการย่อยอาหาร
น้ำมันหอมระเหยจาก[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้
มีส่วนช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
มีฤทธิ์ช่วยสำหรับเพื่อการขับฉี่
ช่วยแก้อาการเยี่ยวทุพพลภาพรวมทั้งรักษาโรคนิ่ว (หัวตะไคร้)
ช่วยแก้อาการขัดเบา (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยาแก้ขับลม (ต้น)
ช่วยรักษาอหิวาตกโรค
ช่วยแก้ลมอัมพาต (หัวตะไคร้)
ใช้เป็นยารักษาเกลื้อน (หัวตะไคร้)
น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สามารถช่วยต้านทานเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้โรคหนองใน หากนำไปผสมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆ
[/b]
คุณประโยชน์ของตะไคร้
ประยุกต์ใช้ทำเป็นน้ำตะไคร้หอม น้ำตะไคร้ใบเตย ช่วยดับร้อนแก้กระหายได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยสำหรับในการบำรุงและก็รักษาสายตา
มีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกรวมทั้งฟันให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยสำหรับการบำรุงสมองและก็เพิ่มสมาธิ
สามารถประยุกต์ใช้ทำเป็นยานวดได้
ช่วยไขปัญหาผมแตกปลาย (ต้น)
มีฤทธิ์เป็นยาช่วยสำหรับการนอน
การปลูกตะไคร้ร่วมกับผักประเภทอื่นๆจะช่วยคุ้มครองปกป้องแมลงได้เป็นอย่างดี
นำมาใช้เป็นองค์ประกอบของสารระงับกลิ่นต่างๆ
ต้นตะไคร้ช่วยกำจัดกลิ่นคาวหรือเหม็นกลิ่นคาวของปลาได้อย่างดีเยี่ยม
กลิ่นหอมยวนใจขอตะไคร้[/url]สามารถช่วยไล่ยุงแล้วก็กำจัดยุงได้อย่างดีเยี่ยม
เป็นองค์ประกอบของผลิตภัณฑ์ประเภทยากันยุงจำพวกต่างๆอาทิเช่น ยากันยุงตะไคร้หอม
สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายชนิด ดังเช่นว่า เครื่องปรุงอบแห้ง ตะไคร้แห้งสำหรับชงดื่ม นำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ฯลฯ
มักนิยมประยุกต์ใช้ในการเข้าครัวหลากหลายประเภท เป็นต้นว่า ต้มยำ และอาหารไทยอื่นๆเพื่อเพิ่มรส
วิธีทําน้ําตะไคร้หอม
สรรพคุณตะไคร้ตระเตรียมวัตถุดิบดังนี้ ตะไคร้ 1 ต้น / น้ำเชื่อม 15 กรัม / น้ำดื่ม 240 กรัม
ล้างตะไคร้ให้สะอาด แล้วเอามาหั่นเป็นท่อน ทุบให้แตก
ใส่ลงหม้อต้มกับน้ำให้เดือด กระทั่งน้ำตะไคร้ออกมาผสมกับน้ำกระทั่งเป็นสีเขียว
รอคอยสักประเดี๋ยวแล้วชูลง ต่อจากนั้นกรองเอาตะไคร้ออกแล้วเพิ่มเติมน้ำเชื่อมให้ได้รสตามพึงพอใจ
เสร็จแล้ววิธีการทำน้ำตะไคร้
วิธีทําน้ําตะไคร้ใบเตย
น้ำตะไคร[/color]การทําน้ําตะไคร้ใบเตยนั้นอย่างแรกให้จัดเตรียมวัตถุดิบดังต่อไปนี้ ตะไคร้ 2 ต้น / ใบเตย 3 ใบ / น้ำ 1-2 ลิตร / น้ำตาลแดง 2 ช้อนชา (จะใส่หรือไม่ก็ได้)
นำตะไคร้มาทุบให้แหลกพอควร แล้วใช้ใบเตยมัดตะไคร้ไว้ให้เป็นก้อน
ใส่ตะไคร้แล้วก็ใบเตยลงไปในหม้อแล้วเพิ่มเติมน้ำ 1 ถึง 2 ลิตร แล้วต้มให้เดือดสักราว 5 นาที เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อยสำหรับวิธีการทําน้ํา ตะไคร้
โดยตะไคร้รวมทั้งใบเตยชุดเดียวกัน สามารถเพิ่มเติมน้ำสุกใหม่ได้ 2-3 รอบ แม้กระนั้นรสบางทีอาจจืดจางลงไปบ้าง นำมาดื่มแทนน้ำช่วยเพิ่มความสดชื่น แถมช่วยทำนุบำรุงสุขภาพอีกด้วย
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของตะไคร้
การเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มก. วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม และ ขี้เถ้า 1.4 กรัม
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมัน[url=http://www.disthai.com/]ตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่กึ่งหนึ่งของจำนวนหนูขาวทั้งหมด ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโลกรัม และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษรุนแรงของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับทำให้พบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากลุ่มที่ไม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

Tags : ประโยชน์ตะไคร้
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย