กระทู้ล่าสุดของ: uooips05d4d5

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / รากสามสิบมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าทึ่ง เมื่อ: สิงหาคม 18, 2018, 03:32:59 pm

รากสามสิ[/size][/b]
[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ
คุณประโยชน์ ว่านสามสิบ หนังสือเรียนยาพื้นบ้าน ใช้ ทั้งยังต้นหรือราก ต้มน้ำกิน แก้แท้งลูก และโรคคอพอก ราก มีรสฝาดเย็น รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในหิวน้ำ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว ครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยบำรุงเด็กในท้อง บำรุงตับ ปอด ชูกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า และก็ต้นจันทน์แดงผสมสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน ทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำ แก้แท้งลูก และโรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ผลักดันความรัก แล้วก็ กระชับความเกี่ยวเนื่องให้ชีวิตแต่งงาน คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดประจำเดือน เมนส์มาผิดปกติ ลดภาวการณ์มีลูกยาก เสริมฮอร์โมนผู้หญิง กระชับช่องคลอด ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
สกุล : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยผัว รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (หนองคาย) ผักหนาม (นครราชสีมา) สามร้อยราก (กาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้ารวมทั้งรากใต้ดินออกเป็นกลุ่มคล้ายกระสวยออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามากมาย ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบคนเดียว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกระจุก 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มิลลิเมตร ยาว 3-6 เซนติเมตร แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาว 13-20 เซนติเมตร ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 ซม. ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมสดชื่น มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวโดยประมาณ 2 มิลลิเมตร กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มม. ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มิลลิเมตร กลีบดอกไม้บางและย่นย่อ เกสรเพศผู้ เชื่อมและก็อยู่ตรงข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวราวๆ 1 มิลลิเมตร อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด หรือมากยิ่งกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ค่อนข้างจะกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบวาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4-6 มม. ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เม็ดสีดำ มี 2-6 เมล็ด ออกดอกช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน เจอตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยสามีหรืรากสามสิบ[/url] เป็นสมุนไพรไทยมีรสขนมหวานเย็น ที่แฝงไปด้วยสรรพคุณขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี รวมทั้งยังเสริมสมรรถภาพทางเพศให้แก่ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมยวนใจคล้ายผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก แล้วก็นำส่วนของรากที่มีลักษณะคล้ายกระชาย แต่มีขนาดใหญ่และก็ยาวกว่าอีกทั้งมีกลิ่นหอมสดชื่น มาใช้ดองยาสมุนไพร ชูกำลังในสตรีด้วยสรรพคุณที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกขานกันว่า สาวร้อยผัว ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุเท่าไหร่ อยู่ในวัยมีเมนส์หรือหมดเมนส์ก็ตาม ถ้าเกิดได้ทานหัวพืชชนิดนี้เสมอๆ จะช่วยทำให้ดูเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขนาดของอก ด้วยวิธีการนำรากสดมาต้มรับประทานหรือจะนำรากไปตากแห้ง แล้วนำมาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งกินก็ได้เหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในผู้หญิง ช่วยให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาวได้อีกที
ในประเทศอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับเมืองไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางตำราเรียนพูดว่าซึ่งก็คือ เพศหญิงที่มีร้อยผัว “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกพูดถึงในตำรา พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุยงรเวทด้วย ก็เลยน่าจะนับได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และก็ในประเทศอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นขนมหวานเหมือนกันกับเมืองไทย
ในหนังสือเรียนอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในสตรี สำหรับในการทำให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) นอกเหนือจากนี้ยังช่วยจัดการกับปัญหาอื่นๆของหญิงดังเช่น สภาวะรอบเดือนไม่ดีเหมือนปกติ ปวดประจำเดือน สภาวะมีลูกยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย สภาวะหมดปะจำเดือน(menopause) และก็ใช้บำรุงน้ำนมบำรุงท้อง คุ้มครองปกป้องการแท้ง (habitual abortion) และก็อาการที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆของสตรี
ถึงแม้สมุนไพรประเภทนี้จะโดดเด่นต่อสตรีเพศแล้ว ในอินเดียยังใช้สำหรับการเพิ่มพลังทางเพศให้กับเพศชายอีกด้วย ซึ่งก็อาจจะคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยสามี หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย และยังใช้เพื่อคุณประโยชน์ทางยาอื่นๆอีกมาก เช่น ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้มากที่สุดในอินเดียชนิดหนึ่ง ปัจจุบันมีสารสกัดด้วยน้ำ ของรากสามสิบ จากอินเดียไปที่สหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
[/b]
คุณประโยชน์สมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง
แก้ปวดระดู
แก้รอบเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ
แก้อาการตกขาว
แก้ไขปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยกำจัดกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับ
ขจัดปัญหาการมีลูกยาก คุ้มครองปกป้องการแท้งลูก
บำรุงนม
ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับเยี่ยว
ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดทรวงอก และก็สะโพก
กระชับสัดส่วน
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด รวมทั้งบำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความชรา
ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ
ชูกำลัง แก้กระษัย
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับในการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้วยเหตุดังกล่าวจึงห้ามนำมาใช้ในสตรีที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง ได้แก่ คนเจ็บโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลจากการศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การเรียนรู้ในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ตอนเป็นตอนเฉียบพลัน และก็ตอนยาวต่อเนื่อง
โดยการศึกษาเล่าเรียนในระยะกระทันหันป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กิโลกรัม ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน แล้วก็หนูแรทที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และ จำพวกที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แม้กระนั้นช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการศึกษาเล่าเรียนตอนยาวสม่ำเสมอโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิ[/b]ขนาด 1.25 กรัม/กก.วันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในช่วงเวลาที่หนูเบาหวานกลุ่มควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เท่ากัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ และเพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มเบาหวานควบคุม นอกเหนือจากนั้นยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน รวมทั้งเพิ่มกลัยวัวเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม จากการศึกษาเล่าเรียนในครั้งนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการขัดขวางการสรุปยรวมทั้งการดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต และการเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบน่าจะเป็นประโยชน์ในการเอามารักษาคนเจ็บโรคเบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร ที่ทำการข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล [url=http://www.disthai.com/]http://www.disthai.com/
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / กระเทียม มีประโยชน์-เเละสรรพคุณ มากกว่าที่คุณคิด ?.... เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 05:30:25 pm

กระเทีย[/size][/b]
กระเทียม ชื่อสามัญ Garlic
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] ชื่อวิทยาศาสตร์ เป็นคำว่า Allium sativum L. จัดอยู่ในตระกูลพลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) รวมทั้งอยู่ในตระกูลย่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE)
สำหรับในประเทศไทยนิยมนำมาปลูกมากมายในทางภาคเหนือและภาคอีสาน แต่ว่าสำหรับกระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นฉุนคงจะหนีไม่พ้นจังหวัดศรีสะเกศา
สรรพคุณของกระเทียม
ช่วยทำนุบำรุงผิวหนังให้มีร่างกายแข็งแรงรวมทั้งแข็งแรง
ช่วยสร้างเสริมการเติบโตของเยื่อในร่างกาย
ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลแล้วก็น้ำตาลในเลือด
ช่วยปรับให้สมดุลภายในร่างกาย
ช่วยแก้อาการเวียนหัวศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ
ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และก็ระบบฟุตบาทปัสสาวะ เนื่องจากมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนอีกทั้งหญิงและก็ชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มกำลังวังชาให้มีเรี่ยวแรง
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ช่วยต้านเนื้องอก
ช่วยจัดการกับปัญหาศีรษะบาง ยาวช้า มีสีเทา
ช่วยคุ้มครองป้องกันการเกิดแล้วก็รักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยสำหรับในการขับพิษแล้วก็สารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
ช่วยคุ้มครองปกป้องผนังเส้นโลหิตครึ้มและก็แข็ง
สารสกัดน้ำมันกระเทียมมีสารที่มีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการละลายลิ่มเลือด
ช่วยคุ้มครองการเกิดเส้นเลือดอุดตัน
มีสารต้านไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
ช่วยบรรเทาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
ช่วยรักษาโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่
ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบแล้วก็ไซนัส
ช่วยรักษาโรคไอกรน
ช่วยแก้อาการหอบ หืด
ช่วยรักษาโรคหลอดลม
ช่วยยับยั้งกลิ่นปากกระเทียม
ช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
ช่วยสำหรับในการขับเสมหะ
ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
ช่วยในการขับลม
ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง อาการท้องอืด ท้องอืด
ช่วยคุ้มครองโรคท้องผูก
ช่วยรักษาโรคบิด
ช่วยสำหรับในการขับปัสสาวะ
ช่วยในการขับพยาธิได้หลากหลายประเภท ดังเช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบประเภทร้ายแรงได้
ช่วยคุ้มครองการเกิดโรคไต
ช่วยทำลายเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆรวมทั้งเชื้อราตามหนังหัวและบริเวณเล็บ
ช่วยยับยั้งเชื้อต่างๆเป็นต้นว่า เชื้อที่ก่อให้เกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดอักเสบ เชื้อวัณโรค เป็นต้น
ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่วกระเทียมสรรพคุณ
ช่วยรักษากลาก โรคเกลื้อน
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อรวมทั้งกระดูกภายในร่างกาย
บรรเทาอาการปวดข้อแล้วก็เมื่อยตามร่างกาย
ช่วยแก้อาการเคล็ดลับปวดเมื่อยแล้วก็เท้าแพลง เพราะเหตุว่ามีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบประมาณริเวณที่นวดยาก้าวหน้ามากขึ้นนั่นเอง
มีสารต้านทานอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาว่ากล่าวสซั่ม
กระเทียมมีกลิ่นฉุนก็เลยสามารถช่วยไล่ยุงได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร
ประโยช์จากกระเทียม
ผลดีหลักๆของกระเทียมคงหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยปรุงรสชาติของของกิน ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่างๆอีกสารพัด
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1][url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
[/url]เป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่หลายประเภท รวมทั้งยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงยิ่งกว่าพืชประเภทอื่นๆทั้งยังยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์ภายในร่างกาย
นอกเหนือจากนั้นยังมีการนำกระเทียมไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างหลากหลาย อาทิเช่น กระเทียมเสริมอาหาร กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง เป็นต้น
[/b]
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของกระเทียมดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 149 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม
น้ำตาล 1 กรัม
ใยอาหาร 2.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 6.36 กรัม
วิตามินบี 1 0.2 มก. 17%
วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม 9%
วิตามินบี 3 0.7 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 5 0.596 มิลลิกรัม 12%
วิตามินบี 6 1.235 มิลลิกรัม 95%
วิตามินบี 9 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 31.2 มิลลิกรัม 38%
ธาตุแคลเซียม 181 มก. 18%
ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม 13%
ธาตุแมกนีเซียม 25 มิลลิกรัม 7%
ธาตุแมงกานีส 1.672 มิลลิกรัม 80%
ธาตุฟอสฟอรัส 153 มิลลิกรัม 22%
ธาตุโพแทสเซียม 401 มก. 9%
ธาตุสังกะสี 1.16 มก. 12%
ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม
% ปริมาณร้อยละของจำนวนเสนอแนะที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (แหล่งที่มา : USDA Nutrient database)
คำเสนอแนะและข้อควรระวังสำหรับการใช้กระเทียม
กระเทีย[/b]ยิ่งสดเท่าไรก็ยิ่งมีคุณประโยชน์ที่ดีมากขึ้นแค่นั้น แต่สำหรับกระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยแนวทางต่างๆหรือผ่านการหมักดอง จะมีผลให้วิตามินและสารอัลลิซินที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นย่อยสลายไป
วิตามินแล้วก็แร่ที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับดินและสภาพอากาศที่ใช้สำหรับในการเพาะปลูกอีกด้วย
สำหรับหญิงที่กำลังท้องหรือให้นมบุตร คนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ มีระดับความดันโลหิตปกติ ผู้ที่มีลักษณะอาการของเลือดหยุดไหลช้า รวมไปถึงผู้ที่ใช้ยาอื่นๆเสมอๆ เป็นต้นว่า ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านทานไวรัส คุณไม่สมควรรับประทานกระเทียมหรือผลิตภัณฑ์กระเทียมเสริมในจำนวนที่มากกระทั่งเหลือเกิน เนื่องจากอาจจะส่งผลให้เป็นโทษต่อสุขภาพได้
สำหรับผู้ที่ได้รับกลิ่นของกระเทียมบ่อยๆ อาจจะส่งผลให้เกิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อรับประทานได้ โดยอาจจะมีอาการอ้วก และก็มีของกินหัวใจที่เต้นแรงไม่ปกติ แต่อาการดังที่กล่าวมาแล้วจะเบาๆหายไปเองภายในช่วงระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งกระเทียมที่ประยุกต์ใช้สำหรับในการเตรียมอาหารมักจะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมแบบสดๆ
สำหรับคนที่อยู่ในครัวหรือผู้ต้องใช้มือสัมผัสกับกระเทียมเสมอๆและก็เป็นระยะเวลานาน อาจจะก่อให้ผิวหนังมีการอักเสบ มีตุ่มน้ำได้ ดังนั้นคุณควรเลี่ยงการสัมผัส[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
โดยตรงเสมอๆด้วยการใส่ถึงมือทุกครั้งในตอนที่จะใช้กระเทียม
หากว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่มากไม่น้อยเลยทีเดียว แม้กระนั้นคุณก็ไม่สมควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลสำหรับการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง ทั้งยังคำตอบที่ได้ในแต่ละบุคคลก็บางทีก็อาจจะไม่เหมือนกันออกไป ฉะนั้นคุณควรที่จะทำการเลือกกินให้นานัปการรวมทั้งครบ 5 กลุ่ม จะเป็นช่องทางที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุว่าผักสมุนไพรปกติ ถ้าศึกษาเล่าเรียนกันที่จริงแล้ว มันก็มีประโยชน์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย
ตอนนี้ในบ้านเรายังไม่มีการยืนยันว่ากระเทียมนั้นจะสามารถรักษาโรคได้จริง อาจเป็นได้เพียงสมุนไพรลู่ทางสำหรับการรักษารวมทั้งสมุนไพรเสริมสุขภาพเท่านั้นhttp://www.disthai.com/[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / บุก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณประโยนช์ที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2018, 06:35:48 pm
[/b]
บุก
บุ [/color]มีสรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีประจำเดือนมาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้แล้วก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้บวมช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับเมนส์ของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก ดังเช่นว่า บุกลุกงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว แพทย์ยื่อ เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้บุก
ถือเป็น ไม้ล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นอวบแล้วก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบลำพัง ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดและใบแผ่ขึ้นเสมือนร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในตอนค่ำ มีกลิ่นฉุน ลักษณะเสมือนดอกหน้าวัว
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นประมาณ 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างจะกลมแบนเล็กน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 25 ซม. ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นแล้วก็กิ่งไม้มีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดยาวประมาณ 15-20 ซม.
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกลำพัง ลักษณะของดอกเป็นรูปทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราว 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก รูปแบบของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
สรรพคุณของบุก
สำหรับสรรพคุณของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากแล้วก็เนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังนี้
หัวบุก มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีระดูมาไม่ดีเหมือนปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผาและก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำดำเขียว
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับระดูของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
[/b]
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังในการบริโภคบุก
สำหรับสิ่งที่ห้ามในการกินบุกเป็นหัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน เป็นพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุดังกล่าว ในกลุ่มของผู้คนที่ ม้าม ตับ แล้วก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะเลี่ยงกิน และไม่กินมากเกินไป ซึงข้อควรไตร่ตรองในการบริโภคบุก มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) จำนวนไม่ใช่น้อย ที่กระตุ้นให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้าแล้วก็ก้านใบหากปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะทำให้ลิ้นพองรวมทั้งคันปากได้
ก่อนนำมากินต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่กินกากยาหรือยาสด
ขั้นตอนการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำเพียงพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นมัวแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นหนแรก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังกล่าวสำหรับในการประกอบอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าเกิดอาการเป็นพิษจากการกินบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบหมอ
เหตุเพราะวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกวันหลังการกิน แต่ให้กินก่อนอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคอาหารที่ผลิตจากวุ้น อย่างเช่น วุ้นก้อนและก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังรับประทานอาหารได้ เนื่องจากวุ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นได้ผ่านขั้นตอนการและได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือขยายตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องมาจากไม่มีการเสื่อมสภาพเป็นน้ำตาลในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเลยกลูโคแมนแนนมีผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันลดลง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่ว่าจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจจะทำให้มีอาการท้องเสียหรือท้องขึ้น มีอาการกระหายน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการหมดแรงเนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงได้http://www.disthai.com/[/b]
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย