กระทู้ล่าสุดของ: 4vvinWWW01

Advertisement


  แสดงกระทู้
หน้า: [1]
1  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / Re: ขายส่งยาระบาย เมล็ดสะตอจะมีกลิ่นเหม็นเขียวร้ายแรง เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2018, 11:59:28 am
ขายส่งยาระบาย
2  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / สมุนไพรใบบัวบกมีสรรพคุณที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อ: สิงหาคม 24, 2018, 07:13:27 am
[/b]
บัวบ[/size][/b]
ใบ[url=http://www.disthai.com/16913509/%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%81]บัวบก
เป็นพืชสมุนไพรที่เราต่างรู้จักกันดีในฐานะของผักพื้นเมือง นิยมนำมารับประทานกับน้ำพริกหรือเมนูอาหารต่างๆแบบใหม่ๆและยังนิยมเอามาทำเป็นเครื่องดื่มน้ำใบบัวบกเพื่อดับหิว แก้บอบช้ำใน และเพื่อช่วยบำรุงร่างกาย ซึ่งจัดว่าเป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในแถบเอเชียเรานี้เอง ด้วยคุณค่าที่หลากหลาย จึงทำให้มันเป็นทั้งยารักษาโรครวมทั้งตัวดูแลสุขภาพ ในปัจจุบันเริ่มมีการทำวิจัย สกัดสารสำคัญในใบบัวบกประยุกต์ใช้สำหรับการรักษาในรูปของยาแคปซูล รวมทั้งบัวบกผงสำหรับชงดื่มอีกด้วย
รูปแบบของใบบัวบก
บัวบก มีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า Centella asiatica อยู่ในวงศ์ Umbelliferae ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับผักชี ส่วนชื่อท้องถิ่นถูกเรียกในชื่อที่นานัปการ ดังเช่น ผักแว่น ผักหนอก และก็กะโต่ ฯลฯ  ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์เป็นพืชล้มลุก มีกอติดอยู่ที่พื้นดิน ลำต้นจะเลื้อยแพร่กิ่งไปตามพื้นดินในแนวขนาน มีอายุยืนยาวได้นานยาวนานหลายปี การแตกรากรวมทั้งใบจะเกิดขึ้นตามข้อ ลักษณะเป็นใบเดี่ยว มีรูปร่างราวกับไต จะออกเป็นกลุ่มตามข้อ ขอบของใบหยัก มีก้านใบยื่นยาวออกมา ดอกเป็นสีม่วงปนแดง ผลแบน ออกเป็นดอกลำพังหรือช่อขนาดเล็กประมาณ 3-4 ดอก มีเอกลักษณะเฉพาะในเรื่องของกลิ่น รวมทั้งรสชาติที่ขมผสมหวาน
ประโยช์จากใบบัวบักที่นิยมเอามารับประทาน
พวกเราบางทีอาจเคยชินว่าบัวบกเป็นพืชสมุนไพรแก้บอบช้ำในเป็นหลัก แม้กระนั้นที่จริงแล้วสมุนไพรจำพวกนี้มีคุณประโยชน์สำหรับในการรักษาอีกนานัปการ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลและรักษาโรคลมชัก โรคผิวหนัง ท้องเดิน รักษาโรคในกระเพาะอาหาร ช่วยบำรุงสมอง และช่วยเพิ่มความจำ เป็นต้น การรับประทานใบบัวบกแบบใหม่ๆจะมีผลให้ร่างกายได้สารสำคัญหลากหลายประเภท ที่มักพบคือ "สารไกลโคไซด์" (Glycosides) ซึ่งจัดว่าเป็นสารที่ผลเข้าไปกัดกันการเกิดสารอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมโทรมสภาพของเซลล์แล้วก็เยื่อต่างๆภายในร่างกาย มีส่วนช่วยรีบการสร้างคอลลาเจนที่ผิว กระดูก และเอ็น ทำให้แผลสมานตัวเข้าหากันได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
สรรพคุณของใบบัวบก ไม่ว่าจะเป็นการทานฯลฯดิบๆหรือเอามาคั้นเป็นน้ำดื่ม ล้วนมีสรรพคุณทางยาที่ไม่ต่างอะไรกัน
เนื่องมาจากมีฤทธิ์เป็นยาเย็น จะช่วยลดการเกิดอาการร้อนใน ช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคสมองเสื่อม ในกรุ๊ปสตรีที่อยู่ในวัยใกล้หมดเมนส์ คนที่จะต้องใช้สมองสำหรับในการทำงานมากๆใบบัวบกจะเป็นตัวช่วยเพิ่มความจำก้าวหน้า ช่วยลดความเคร่งเครียด ลดการอักเสบที่ผิวหนัง อาการบวมช้ำแล้วก็ร่องรอยไม่ปกติที่เกิดบนผิวหนัง นอกจากนี้คนที่บริโภคใบบัวบกข้างหลังการผ่าตัด จะช่วยทำให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น และลดการตำหนิดเชื้อได้
คุณประโยชน์ของบัวบกกับผลของการวิจัย
งานวิจัยได้พูดถึงบัวบกเอาไว้ว่า เป็นพืชที่มีคุณประโยชน์สะดุดตาในด้านการบำรุงสมองเช่นเดียวกันกับแปะก๊วย ช่วยกระตุ้นสมองสำหรับเพื่อการจำสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น แล้วก็ช่วยความเจริญทำความเข้าใจทางสมอง และด้วยลักษณะพิเศษพวกนี้ทำให้มันกลายเป็นพืชที่ถูกจดสิทธิบัตรสารสกัดจากบัวบกที่มีหน้าที่่ช่วยเพิ่มความจำ
จากการทดลองในลูกหนู พบว่ามีความจำและก็การเรียนรู้ที่ดียิ่งขึ้น ส่วนในคน มีการทดลองในเด็กพิเศษ ด้วยการกินบัวบกวันละ 500 มิลลิกรัม ติดต่อกัน 3 เดือน เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม พบว่ามีความสามารถสำหรับการเรียนรู้ที่ดียิ่งกว่า ส่วนในคนชราให้ทดสอบรับประทานสารสกัดบัวบก 750 มก. ต่อเนื่องกัน 2 เดือน พบว่า ทั้งความจำรวมทั้งการเล่าเรียนดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดอารมณ์ปรวนแปร ทำให้คนวัยแก่มีอารมณ์เบิกบานเพิ่มมากขึ้นด้วย ในรายที่เป็นวัยทำงาน ได้กระทำทดสอบกับเพศหญิงอายุประมาณ 33 ปี กินสารสกัดบัวบก 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง พบว่าช่วยลดความตึงเครียด ความไม่ค่อยสบายใจ แล้วก็สภาวะเศร้าหมองลงได้
เมื่อเจาะลึกลงไปถึงระดับเซลล์ พบแนวทางการทำงานของสารสกัดบัวบกที่ตรงเข้าออกฤทธิ์กับสมอง ช่วยให้การหายใจระดับเซลล์ข้างในสมองปฏิบัติงานได้ดิบได้ดีขึ้น มีสารต่อต้านอนุมลอิสระ ช่วยสร้างสมดุลสารสื่อประสาท แล้วก็ต่อต้านการเสื่อมสลายของเซลล์สมองได้
การนำใบบัวบกมาใช้บริโภคเพื่อเป็นยา
บัวบ[/b]สามารถนำมาใช้เป็นยาได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นส่วนของต้นสด เมล็ด หรือใบ ซึ่งเป็นที่นิยมนำมาใช้มากที่สุด การเลือกใบบัวบกที่ดี ควรจะเลือกใบที่โตเต็มที่แล้วก็สมบูรณ์ นำมาใช้ตากแห้งป่นเป็นผุยผงบรรจุลงในแคปซูลโดยประมาณ 500 มิลลิกรัม รับประทานเป็นยาบำรุงร่างกาย
นำเอาใบบัวบกสด 1 กำมือ มาคั้นให้ได้น้ำ หรือตำให้รอบคอบแล้วผสมกับน้ำ 1 แก้ว คนจะกว่าจะเข้ากันแล้วกรองให้เหลือแค่น้ำ ผสมน้ำตาลหรือเกลือก็ได้ตามชอบ ดื่มทีละ 1 แก้ว ก่อนกินอาหารอีกทั้ง 3 มื้อ โดยประมาณ 5-7 วัน จะช่วยลดอาการร้อนในและแก้ช้ำในได้
ในกรณีที่เป็นคนเจ็บโรคความดันโลหิตสูง ให้สามารถกินน้ำใบบัวบกทุกวัน ติดต่อกันราวๆ 7 วัน จะช่วยลดระดับความดันให้อยู่ในระดับปกติ
เม็ดขอบัวบก
ที่มีรสขมแล้วก็เย็น นิยมประยุกต์ใช้แก้ไข้ ลดลักษณะของการปวดหัว รวมทั้งแก้บิด
[/b]
ข้อควรพิจารณาในการใช้ใบบัวบก
ก่อนรับประทานใบบัวบกเพื่อเป็นยา จะต้องตรวจตราสุขภาพทางร่างกายของตนเองก่อนว่าฐานรากแล้วมีโรคประจำตัวอะไรที่มีความเสี่ยงหรือไม่ เนื่องจากสารบางชนิดในใบบัวบก จะเข้าไปทำให้ลักษณะของโรคกำเริบเสิบสานมากขึ้นได้
เหตุเพราะบัวบกเป็นยาที่มีฤทธิ์เย็น การกินมากเกินความจำเป็นจะทำให้สะสมในร่างกายกระทั่งรู้สึกหนาวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้
เลี่ยงการกินใบบัวบกติดต่อกันทุกๆวัน หรือกินทีละมากๆเมื่อกินติดต่อกันประมาณ 1 อาทิตย์แล้ว ก็ควรจะพักผ่อน 1 อาทิตย์ และหลังจากนั้นก็ค่อยกลับมารับประทานใหม่
สำหรับผู้ที่รับประทานใบบัวบกสดๆต่อเนื่องกันทุกวี่วัน ควรจะกินในสัดส่วนราวๆวันละ 3-6 ใบ ไม่ควรเหลือเกินกว่านี้
แม้ร่างกายมีอาการอ่อนแรง เวียนหัว ใจสั่น หรือหัวใจเต้นไม่ปกติ รู้สึกคันตามผิวหนัง ท้องเดิน หลังจากการกิน ควรหยุดรับประทานในทันทีและรีบเข้าพบแพทย์อย่างเร่งด่วน
ในกลุ่มคนที่จำต้องรับประทานยาแก้แพ้ ยานอนหลับ หรือยากันชัก ไม่สมควรกินใบบัวบก เพราะจะยิ่งไปเพิ่มฤทธิ์ให้รู้สึกง่วงซึมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ใบบัวบกคือพืชสมุนไพรไทยที่หาได้ง่ายทั่วไปตามท้องตลาด มีราคาถูก แต่ว่าล้นหลามด้วยคุณประโยชน์ทางยา ที่จะเป็นทางเลือกสำหรับในการรักษาโรคต่างๆและใช้สำหรับบำรุงร่างกายได้อย่างมีคุณภาพ http://www.disthai.com/[/b]
3  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรที่น่าอัศจรรย์ เมื่อ: สิงหาคม 22, 2018, 03:03:46 pm
[/b]
เหงือกปลาหม[/size][/b]
บ้านเกิดเมืองนอนเหงือกปลาหมอ
[url=http://www.disthai.com/16910138/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%AD]เหงือกปล[/b]หมอนับว่าเป็นสมุนไพรท้องถิ่นของไทยพวกเราเนื่องจากมีประวัติในการนำมาใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้งและมักจะพบได้ทั่วไปในรอบๆป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งลำคลอง เติบโตเจริญในที่ร่มและก็มีความชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ชอบที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นกัน เหงือกปลาหมอ เจออยู่ 2 ชนิด คือ ประเภทดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบได้มากในภาคกลางรวมทั้งภาคทิศตะวันออก จำพวกดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. เจอทางภาคใต้ ทั้งเหงือกปลาหมอยังเป็นพันธุ์ไม่ลือชื่อของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงราวๆ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบคนเดียว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบของใบและปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นเงาลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้างปลา เนื้อเรือใบแข็งแล้วก็เหนียว ใบกว้างราวๆ 4-7 ซม. และยาวโดยประมาณ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวราวๆ 4-6 นิ้ว ดังนี้สีของดอกขึ้นอยู่กับพันธุ์ของต้นเหงือกปลาหมอคือ ดอกมีอีกทั้งชนิดดอกสีม่วง หรือสีฟ้า และก็ชนิดดอกสีขาว แม้กระนั้นลักษณะอื่นๆเหมือกันเป็น  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบดอกเป็นท่อปลายบานโต ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตร รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ข้างในฝักมีเม็ด 4 เม็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มแพทย์เล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในหนังสือเรียนยาไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะลดลงลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แม้กระนั้นเมื่อใช้เหงือกปลาหมอเป็นทั้งยังยากินและก็ต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานานกว่า 3 เดือนขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับผู้ป่วยโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาแล้วก็วิธีการใช้ยาก็มีหลายวิธี เป็น
แนวทางต้มยารับประทานและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนกินอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จำเป็นต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจะต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นทีละ 3-4 ขัน แต่ถ้ามเหงือกปลาหมอ
จำนวนไม่ใช่น้อย อาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
กระบวนการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้งยัง 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผุยผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. คนแก่กินครั้งละ 2 เม็ด เด็กบางทีอาจจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุรวมทั้งน้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหาร ยามเช้า-เย็น กินไปเรื่อยๆกระทั่งจะหาย แต่ว่าหากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกันบกพร่องก็จำต้องรับประทานตลอดไป
[/b]
วิธีการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการเหินเป็นผงละเอียดเสมือนแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะรับประทานอาหาร เด็กลดลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณมากมายก่ายกอง ได้แก่
-ราก มีสรรพคุณสำหรับการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ และใช้ขับเสลด
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายประเภท โดยใช้ต้นตำผสมน้ำดื่มรักษาวัณโรค อาการผอมเกร็ง หากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาไม่เหมือนกันออกไปอีก
-ต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกชนิด
-ต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งหมด ผลกินเป็นยาขับโลหิตระดู ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน คุดทะราด เจ็บป่วยจับสั่น
- ทั้งยังต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งเหลืองทั้งตัว กินแต่ละวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือบางส่วน หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ท่อน ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยชูลง กลั้นหายใจรับประทานขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนตลอดตัว มึนหัว ตามัว เจ็บระบมตลอดตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ" อีกทั้ง 5 รวมราก กับ อาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ จำนวนเท่ากัน กะตามต้องการ ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้าตรู่ กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดีขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย แล้วก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค ปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกประเภทหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 จำพวก หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยรู้เหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงไพเราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงรับประทานกับน้ำร้อนถ้าผิวแตกทั้งตัวหายได้ ทั้งปวงที่บอกเป็นตำรายาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรลบหลู่ดูหมิ่น ทราบไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/[/b]
4  Sitemap SMB / สินค้าอื่นๆ / กระเทียม มีประโยชน์-เเละสรรพคุณ มากกว่าที่คุณคิด ?.... เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 10:56:37 am

กระเทีย[/size][/b]
กระเทียม ชื่อสามัญ Garlic
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทีย[/b] ชื่อวิทยาศาสตร์ เป็นคำว่า Allium sativum L. จัดอยู่ในวงศ์พลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) และอยู่ในวงศ์ย่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE)
สำหรับในประเทศไทยนิยมปลูกมากในทางภาคเหนือและก็ภาคอีสาน แต่สำหรับกระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นแรงอาจจะหนีไม่พ้นจังหวัดศรีสะผม
คุณประโยชน์ของกระเทียม
ช่วยบำรุงผิวหนังให้มีร่างกายแข็งแรงและก็แข็งแรง
ช่วยสร้างเสริมการเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย
ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและก็น้ำตาลในเลือด
ช่วยปรับให้สมดุลในร่างกาย
ช่วยแก้อาการตาลายหัว อาการมึน ปวดศีรษะ หูอื้อ
ช่วยในเรื่องระบบขยายพันธุ์และก็ระบบทางเดินเยี่ยว เพราะว่ามีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนอีกทั้งหญิงและก็ชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
ช่วยปกป้องการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวกระทันหัน
ช่วยต้านเนื้องอก
ช่วยจัดการกับปัญหาผมบาง ยาวช้า มีสีเทา
ช่วยป้องกันการเกิดและก็รักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยสำหรับในการขับพิษรวมทั้งสารพิษอันตรายที่ปนเปื้อนในเม็ดเลือด
ช่วยคุ้มครองปกป้องฝาผนังเส้นโลหิตดกแล้วก็แข็ง
สารสกัดน้ำมันกระเทียมมีสารที่มีส่วนช่วยในการละลายลิ่มเลือด
ช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดเส้นโลหิตตัน
มีสารต่อต้านไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
ช่วยทุเลาอาการไอ น้ำมูกไหล ป้องกันหวัด
ช่วยรักษาโรคหวัดรวมทั้งไข้หวัดใหญ่
ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบและไซนัส
ช่วยรักษาโรคไอกรน
ช่วยแก้อาการหอบ โรคหืด
ช่วยรักษาโรคหลอดลม
ช่วยระงับกลิ่นปากกระเทียม
ช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
ช่วยสำหรับการขับเสลด
ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยับยั้งไม่ให้น้ำย่อยของกินมาย่อยแผลในกระเพาะ
ช่วยสำหรับเพื่อการขับลม
ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องเฟ้อ ท้องอืด
ช่วยคุ้มครองป้องกันโรคท้องผูก
ช่วยรักษาโรคบิด
ช่วยสำหรับเพื่อการขับเยี่ยว
ช่วยสำหรับในการขับพยาธิได้หลายชนิด ดังเช่นว่า พยาธิแส้ม้า พยาธิด้าย พยาธิหมุด พยาธิไส้เดือน เป็นต้น
ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบจำพวกรุนแรงได้
ช่วยปกป้องการเกิดโรคไต
ช่วยฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆรวมถึงเชื้อราตามหนังศีรษะและบริเวณเล็บ
ช่วยยับยั้งเชื้อต่างๆดังเช่น เชื้อที่นำไปสู่ฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค ฯลฯ
ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่วกระเทียมสรรพคุณ
ช่วยรักษากลาก โรคเกลื้อน
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเยื่อ บำรุงข้อต่อและกระดูกภายในร่างกาย
บรรเทาอาการปวดข้อรวมทั้งเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามร่างกาย
ช่วยแก้อาการเคล็ดปวดเมื่อยและก็เท้าพลิก เนื่องจากมีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดมายังบริเวณที่นวดยาได้ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง
มีสารต่อต้านอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาว่ากล่าวสซั่ม
กระเทียมมีกลิ่นฉุนจึงสามารถช่วยไล่ยุงได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากอาหาร
คุณประโยช์จากกระเทียม
คุณประโยชน์สำคัญๆของกระเทียมอาจหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยแต่งรสชาติของของกิน ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่างๆอีกสารพัดสารพัน
[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
เป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็ธาตุหลากหลายประเภท แล้วก็ยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงกว่าพืชประเภทอื่นๆอีกทั้งยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA และ RNA ของเซลล์ในร่างกาย
นอกจากนี้ยังมีการนำกระเทียมไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างหลากหลาย ได้แก่ กระเทียมเสริมอาหาร กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง เป็นต้น
[/b]
คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียมดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 149 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม
น้ำตาล 1 กรัม
ใยอาหาร 2.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 6.36 กรัม
วิตามินบี 1 0.2 มก. 17%
วิตามินบี 2 0.11 มิลลิกรัม 9%
วิตามินบี 3 0.7 มิลลิกรัม 5%
วิตามินบี 5 0.596 มก. 12%
วิตามินบี 6 1.235 มิลลิกรัม 95%
วิตามินบี 9 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 31.2 มิลลิกรัม 38%
ธาตุแคลเซียม 181 มิลลิกรัม 18%
ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม 13%
ธาตุแมกนีเซียม 25 มก. 7%
ธาตุแมงกานีส 1.672 มิลลิกรัม 80%
ธาตุฟอสฟอรัส 153 มก. 22%
ธาตุโพแทสเซียม 401 มก. 9%
ธาตุสังกะสี 1.16 มิลลิกรัม 12%
ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม
% จำนวนร้อยละของปริมาณชี้แนะที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ (แหล่งที่มา : USDA Nutrient database)
ข้อเสนอรวมทั้งข้อควรปฏิบัติตามสำหรับเพื่อการใช้กระเทียม
กระเทีย[/b]ยิ่งสดเท่าใดก็ยิ่งมีสรรพคุณที่ดีเลิศขึ้นแค่นั้น แม้กระนั้นสำหรับกระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยวิธีการต่างๆหรือผ่านการดอง จะมีผลให้วิตามินและสารอัลลิซินที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นเสื่อมสภาพไป
วิตามินแล้วก็ธาตุที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากมายหรือน้อยก็ขึ้นกับดินและสภาพอากาศที่ใช้ในการเพาะปลูกอีกด้วย
สำหรับหญิงที่กำลังท้องหรือให้นมลูก คนที่มีระดับน้ำตาลในเลือดปกติ หรูหราความดันโลหิตเป็นปกติ คนที่มีลักษณะอาการของเลือดหยุดไหลช้า รวมถึงผู้ที่ใช้ยาอื่นๆเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านเชื้อไวรัส คุณไม่ควรรับประทานกระเทียมหรือผลิตภัณฑ์กระเทียมเสริมในจำนวนที่มากจนเกินความจำเป็น เพราะเหตุว่าอาจจะก่อให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายได้
สำหรับผู้ที่ได้รับกลิ่นของกระเทียมเสมอๆ อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อรับประทานได้ โดยอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการอาเจียน รวมทั้งมีอาหารหัวใจที่เต้นแรงไม่ปกติ แต่อาการดังกล่าวข้างต้นจะเบาๆหายไปเองภายในช่วงระยะเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งกระเทียมที่ประยุกต์ใช้สำหรับการเตรียมอาหารชอบก่อเกิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมแบบสดๆ
สำหรับผู้ที่อยู่ในครัวหรือผู้จำเป็นต้องใช้มือสัมผัสกับกระเทียมเสมอๆแล้วก็เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน อาจจะทำให้ผิวหนังมีการอักเสบ มีตุ่มน้ำได้ ด้วยเหตุนี้คุณควรหลีกเลี่ยงการสัมผัส[url=http://www.disthai.com/16488280/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1]กระเทียม
โดยตรงเสมอๆด้วยการสวมถึงมือทุกครั้งในเวลาที่จะใช้กระเทียม
หากว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่มากไม่น้อยเลยทีเดียว แต่คุณก็ไม่ควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลสำหรับการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง ทั้งคำตอบที่ได้ในแต่ละบุคคลก็บางทีก็อาจจะแตกต่างออกไป โดยเหตุนี้คุณควรจะเลือกรับประทานให้หลากหลายรวมทั้งครบ 5 กลุ่ม จะเป็นหนทางที่เยี่ยมที่สุด เนื่องจากว่าผักสมุนไพรทั่วๆไป ถ้าศึกษากันจริงๆแล้ว มันก็มีคุณประโยชน์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย
ปัจจุบันในบ้านพวกเรายังไม่มีการยืนยันว่ากระเทียมนั้นจะสามารถรักษาโรคได้จริง คงจะเป็นได้ก็แค่สมุนไพรลู่ทางในการรักษารวมทั้งสมุนไพรเสริมสุขภาพแค่นั้นhttp://www.disthai.com/[/b]

Tags : สมุนไพรกระเทียม
หน้า: [1]
ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย