กระทู้ล่าสุดของ: wildestdream

คนยุคเก่าหรือคนที่อยู่ในยุคกึ่งกลางระหว่างช่วงเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ได้เห็นสิ่งต่างๆเปลี่ยนผันไปมากมายในยามที่เรายังไม่ประสีประสา เป็นเพียงแค่เด็กตัวเล็กๆ แต่ก็ยังมีความทรงจำในช่วงนั้น การติดต่อสื่อสารที่หลายๆบ้านมีก็คือโทรศัพท์บ้าน และโทรศัพท์ตู้หยอดเหรียญที่เราใช้ติดต่อกับเพื่อน ญาติพี่น้องที่อยู่ทางไกล จนกระทั่งได้เปลี่ยนมาใช้โทรศัพท์ไร้สาย ที่ตอนนั้นยังมีประโยชน์แค่เพียงจำกัด แต่ในระยะเวลาเพียงไม่กี่ปี ใครจะเชื่อว่า โทรศัพท์ได้กลายมาเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกาย ที่เราแทบจะต้องติดตัวไว้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งฟังก์ชั่นต่างๆก็เพียบพร้อม ใช้ได้กับทุกอย่างที่เราต้องการ

แต่ถ้าเปรียบกับมนุษย์ที่กำลังจะเติบโต อยู่ในวัยเด็กเล็ก ผู้เป็นพ่อแม่จะต้องวางแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเกี่ยวกับกิจกรรมและการศึกษา เพราะโลกหมุนไวมาก หลายวิชาที่เราเคยเรียนสมัยสิบปีที่แล้ว อาจจะไม่จำเป็นแล้ว และมีวิชาหลักสูตรใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย เช่น ถ้าเราอยากให้ลูกมีทักษะในด้านภาษา และเราอยู่ในจังหวัดใกล้กรุงเทพหรือแม้แต่ในเขตกรุงเทพ ตัวเลือกที่น่าสนใจก็คงไม่พ้นโรงเรียนที่มีมาตรฐานมากมายแถวนั้นที่ผู้ปกครองได้เลือกสรรอย่างแย้มสอาดรังสิต ที่เป็น โรงเรียน ประถม แถว รังสิต [URL=https://bys.ac.th/bilingual/bysrangsit/index.php/th/]โรงเรียนอนุบาลรังสิ�

การเตรียมตัวไปโรงเรียนที่เช้ามากขึ้น รวมไปถึงหารายละเอียดสถานที่ศึกษาที่มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะจากบทความที่เกี่ยวกับ top international schools in Thailand เพื่อช่วยในการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น

เมื่อมีเพื่อนที่ดี ครอบครัวที่ดี คนรอบข้างที่ดี ย่อมส่งผลดีให้แก่เราทั้งทางตรงและทางอ้อม และถ้าเรามีงานหรือทำธุรกิจ สิ่งที่เราควรมีไว้ข้างกาย นั่นก็คือ [url=https://idgthailand.com/%E0%B8%81%E0%B8%8F%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%94%E0%B8%B5/]ที่ปรึกษาด้านกฎหมา�

เราต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การพักผ่อนนั้นมีประโยชน์อย่างมากและสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกายและระบบต่างจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าวัยไหน การพักผ่อนนอนหลับอย่างเต็มที่จะช่วยให้เรานั้นมีความกระปรี้กระเปร่า พร้อมจะลุยงานหรือทำกิจกรรมต่างๆต่อได้ หากเราสังเกตดูว่าวันไหนที่เรานั้นพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะไม่พร้อมที่จะทำสิ่งใดๆก็ตาม และในการทำงานหรือเรียนนั้น อาจนำมาซึ่งความผิดพลาดเกิดขึ้นได้มากมาย

การพักผ่อนนั้นจึงจำเป็นสำหรับทุกคนและทุกวัย ซึ่งในวัยเด็กเล็กนั้น ยิ่งจะต้องใส่ใจอย่างมาก เพราะจะมีการหลั่งของโกรธฮอร์โมนที่ช่วยในการเจริญเติบโตทางด้านสมอง และช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นระบบ พ่อแม่จึงเอาใจใส่และให้ความสำคัญในการพักผ่อนของลูกอย่างเคร่งครัด สังเกตได้ว่า พ่อแม่จะจำกัดเวลาเข้านอนของลูก เมื่อถึงเวลานอน จะต้องเตรียมตัวเข้านอนทันที จะได้นอนหลับเต็มที่ 8 ชั่วโมงขึ้นไป เวลาตื่นนอนในตอนเช้าจะได้ไม่งัวเงีย โดยเฉพาะหากต้องตื่นไปโรงเรียน และอยู่ห่างไกลจากบ้านมากๆ แต่ก็มีพ่อแม่ที่วางแผนให้ลูกได้เข้าเรียนในสถานที่ใกล้บ้าน หรือเดินทางได้อย่างสะดวกสบายอย่าง international school near bts ซึ่งการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นั้นจะทำให้การไปโรงเรียนง่ายดายมากขึ้น อีกทั้งยังปลอดภัยและสามารถปลูกฝังให้เด็กๆรู้จักรับผิดชอบอีกด้วย การสอนและปลูกฝังเด็กให้มีวินัยนั้นสามารถทำได้โดย สำหรับคุณลักษณะที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้เด็กเกิดความมีวินัยนั้น ประกอบด้วย รู้จักหน้าที่ การสอนให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตัวเองควรเริ่มจากเรื่องพื้นฐานที่จะทำให้เด็กสามารถฝึกฝนการช่วยเหลือตัวเอง ตั้งแต่การอาบน้ำ แต่งตัว ทานอาหารและเข้านอนตามเวลาได้โดยไม่จำเป็นต้องให้มีคนคอยบอก ไปจนถึงการทำหน้าที่ด้านการเรียนที่จะต้องตั้งใจเรียน ทำการบ้านและทบทวนบทเรียนอย่างสม่ำเสมอ มีความรับผิดชอบ เป็นการปลูกฝังให้เด็กเรียนรู้และเข้าใจถึงผลของการกระทำที่จะเกิดกับตัวเองและผู้อื่น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเสริมสร้างลักษณะนิสัยในการรู้จักป้องกันปัญหา ยอมรับและพร้อมที่จะแก้ไขในสิ่งที่ทำผิดพลาด อาทิ ทำความสะอาดเมื่อทำห้องเรียนสกปรก หรือเก็บสิ่งของเข้าที่ให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เคารพกติกาสังคม ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเห็นแก่ตัวและไม่เคารพสิทธิของผู้อื่น ยกตัวอย่างเช่น การเล่นส่งเสียงดังในที่สาธารณะรบกวนเพื่อนบ้าน ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังให้เด็กมีความเกรงใจและเห็นใจผู้อื่น รู้จักยอมรับและปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆอย่างเคร่งครัด โดยเริ่มต้นจากระเบียบง่ายๆและหน้าที่ความรับผิดชอบเล็กน้อยภายในบ้าน รู้จักอดทนรอคอย การควบคุมอารมณ์และจิตใจของตนเองแล้วแสดงออกได้อย่างเหมาะสมนั้นนับเป็นหัวใจสำคัญของความมีวินัย แม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กแต่คุณพ่อคุณแม่สามารถให้การฝึกฝนเรียนรู้ได้ด้วยการสื่อสารที่ชัดเจนผ่านการอธิบายด้วยคำพูดและการทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ[/size]

พ่อแม่หลายๆคนในยุคนี้ ต้องตระหนักในเรื่องการบังคับให้ลูกหลานทำในสิ่งที่เราอยากทำ บังคับให้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็น และไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นใดๆจากลูกว่า สิ่งเหล่านั้น เขาต้องการมันจริงๆหรือไม่ และสิ่งเหล่านั้นทำร้ายเขาอย่างไรบ้าง เพราะหากหัวใจและความรู้สึกถูกทำร้ายซ้ำๆ เด็กๆจะเกิดความรักตัวเองน้อยลงขึ้นทุกวันๆ และนั่นอาจจะนำมาซึ่งปัญหาใหญ่ในอนาคต อย่างปัญหาสุขภาพทางจิต เช่น โรคซึมเศร้าในวัยเด็ก เมื่อเราวางแผนที่จะมีบุตร สิ่งที่เราต้องเริ่มคือ การฝึกใจให้ปล่อยวาง ไม่กำหนดและจำกัดชีวิตของลูก ให้เขาได้ลอง ได้เล่น ได้ทำในสิ่งที่ใจเขาเรียกร้องต้องการ นั่นคือรักจากพ่อแม่ที่บริสุทธิ์และพร้อมเป็นผู้ให้

การให้ลูกได้เลือกในสิ่งที่เขาอยากเรียน แม้บางครั้งพ่อแม่อาจตั้งคำถามในใจว่า ลูกเรียนไปแล้วจะได้อะไร จะนำมาใช้ในการประกอบอาชีพในอนาคตอย่างไร ซึ่งในยุคสมัยที่พ่อแม่เป็นเด็ก ก็โดนตั้งคำถามเช่นนี้เช่นกัน และเราเองก็ผ่านพ้นมาได้ หลักสูตรการศึกษาหลากหลายที่ให้พ่อแม่ได้ทำความเข้าใจเพื่อเตรียมความพร้อมให้ลูกอย่าง Canadian international schools หรือจะเป็น International school in Bangkok ซึ่งถือว่าเป็น Bangkok international school ที่ดีและมีมาตรฐานทัดเทียมต่างประเทศและประเทศที่การศึกษาพัฒนาถึงขีดสุด และพ่อแม่ควรศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องสุขภาพจิตในวัยเด็ก ซึ่งเว็บไซต์ rama mahidol ได้แชร์บทความไว้อย่างน่าสนใจว่า สภาพชีวิตในปัจจุบัน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของภาวะสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจและสังคมเป็นยุคของวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่มีทั้งผลดีและผลเสีย ทำให้เราทุกคนต้องพยายามปรับตัวต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะได้อยู่กับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้ แต่เนื่องจากความสามารถของแต่ละคนมีขอบขีดจำกัด บางครั้งเมื่อประสบปัญหา จึงทำให้เกิดความวิตกกังวล ท้อแท้ สิ้นหวัง เบื่อหน่าย นักสังคมวิทยาบางคนให้สมญายุคนี้ว่า “ยุคแห่งความวิตกกังวล” การมีสุขภาพที่ดีนั้น ย่อมหมายถึง ภาวะที่สมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจ ไม่มีความเจ็บไข้ได้ป่วย และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างดี ไม่มีความหวาดหวั่นพรั่นพรึง1 ศาสตราจารย์นายแพทย์ฝน แสงสิงแก้ว ได้กล่าวว่า “สุขภาพจิต คือ สภาพชีวิตที่เป็นสุขมีอารมณ์มั่นคง สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงมากๆได้ มีสมรรถภาพในการทำงาน และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ด้วยความพอใจ” การเรียนรู้เรื่องของจิตใจ ก็จะช่วยให้เข้าใจชีวิต เข้าใจตนเอง และผู้อื่นมากขึ้น สภาพจิตใจของแต่ละคนจะเป็นอย่างไร ปกติหรือไม่ พอที่จะประเมินได้ โดยการพิจารณาองค์ประกอบต่อไปนี้ ความต้องการ ความต้องการนี้แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แล้วแต่สภาพแวดล้อม ถ้าความต้องการได้รับการตอบสนอง ก็จะทำให้เกิดความพึงพอใจ ถ้าไม่ได้ก็เกิดความคับข้องใจ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาทั้งด้านร่างกายและจิตใจได้ เป้าหมายของชีวิต ทุกคนมีความคาดหวัง ตั้งเป้าหมายชีวิตของตนไว้ทำให้มีกำลังใจทำกิจกรรมการงานต่างๆ ถ้าเป้าหมายนี้เป็นจริง ก็จะทำให้รู้สึกพอใจ เป็นสุข ถ้าไม่เป็นไปตามนั้นก็จะผิดหวังและเป็นทุกข์ เป้าหมายนี้อาจจะมากจนทำให้เกิดความยากลำบากในการปรับตัวได้ การรู้จักตัวเองและยอมรับตัวเอง รู้ความสามารถ ความต้องการความสนใจ บุคลิกภาพ ปมเด่นปมด้อยของตน ยอมรับตัวเอง มีความเชื่อมั่น มีความหวังและรู้จักหาวิธีแก้ไขปรับปรุงตนเอง อดทนต่อปัญหา อุปสรรคต่างๆ

[url=http://null][/url]