หน่วยงานไหนประจักษ์แจ้งข้อความสำคัญการเรียน IELTS หรือเปล่าว่าจะจัดทำการทางเลือกในการศึกษ

[iampropostweb]

Advertisement

มีหลายคนที่พึงปรารถนามาเรียน IELTS ช่วงนี้ก็กำลังซ้อมภาษาอังกฤษครับ พยายามจะฝึกอย่างจริงจังเท่าที่ครั้งอำนวยวิริยะจะฝึกโดยให้ถ้วนทั่วทุกทักษะ IELTS ทั้งฟังพูดอ่านเขียน เรานึกดูว่ามันจะช่วยผลักดันซึ่งกันนะคะถ้าพูดถึงการฟัง เราก็เลือกสรรดูหนังเช่นกันค่ะ ฟังเพราะไม่ชอบฟังเพลงสากล ไม่รู้จักมักคุ้นนักร้องอะไรพวกนี้เลย เวลาเลือกดูหนัง ผมก็อ่านซับไทยหรือซับอังกฤษเอาให้รู้เหตุการณ์ก่อนค่ะ จากนั้นเราก็ลงหนังใส่ที่เกาะค่ะ ใส่ไว้ซัก 4-5 เรื่อง ไว้ดูเวลาอยู่นอกบ้าน และตอนรัตก็จะเปิดกรอกหูฟังเอา ฟังซ้ำๆ ทั้งคืนเลยอีกอย่างที่ประธานนะคะ คือ เรื่องการออกเสียงคำให้ชำนาญปกติเราเล่าเรียนกับครูไทย ยุยงออกเสียงแบบไทยๆ เราฟังคนไทยพูดอังกฤษรู้เรื่อง เรียน IELTS แต่กลับฟังเจ้าของภาษาไม่รู้เรื่องพอเรารู้ปมปัญหาของเราตรงนี้ เราเลยมาฝึกปรือการออกเสียงให้แน่นอนตามหลักกรรมสิทธิ์ภาษาให้มากขึ้นเพราะถ้าเราไม่รู้ว่าแต่ละคำมันออกเสียงอย่างเผงยังไง เราก็ยอมรับฟังเค้าพูดไม่ออกค่ะ อันนี้มันกรุณาได้เยอะเลยนะ อันนี้เราเก็บเกี่ยวเอาตาม youtube เอาค่ะ มีคลิปสอนเยอะมากๆ ielts pantip เริ่มตั้งแต่ออกเสียง a-z เลย ให้ดูรูปปากเวลาเค้าพูด แล้วฝึกปรือตาม อย่างกับ อักษรหรือคำศัพท์ต่างๆที่คนไทยมักออกเสียงไม่ถูกต้องต่างๆ ก็หาดูเอาได้ใน youtube เช่นกัน เช่นคลิปของอ.อดัมก็ดีค่ะการพูดภาษาอังกฤษให้คล่องเป็นสิ่งที่คนไทยหลายๆคนหมั่นเพียรซ้อมซักมาโดยตลอด แต่การที่เราจะพูดภาษาอังกฤษได้นั้นต้องอาศัยการฝึกออกเสียงภาษาอังกฤษให้ได้เสียก่อน ปัญหาคือ คำศัพท์ภาษาอังกฤษมีทั้งหมดประมาณ 1 ล้านกว่าคำ แล้วจะจำอย่างออกเสียงให้หมดได้ยังไงล่ะ? ง่ายมากเลยครับ ในส่วนแบ่งนี้ มีไม่น้อยเลยที่ในที่สุดด้วย prefix และ suffix ต่างๆ ถ้าเราออกเสียงคำขึ้นต้น/ จบเหล่านี้ได้ถูกต้อง ก็จะเป็นเหมือนต้นแบบที่เอาไปใช้ได้กับคำศัพท์คับคั่งเลยทีเดียว ผมเอายอดแบบที่เรามักจะอ่านออกเสียงผิดบ่อยๆ มาฝากกันครับ
 
ภายหลังได้เรียนรู้และพร่ำสอนภาษาอังกฤษมาหลายปี เรียน IELTS พบว่ามีหลายๆ สิ่งของที่ทำให้เรียนภาษาอังกฤษกันทุ เรื่องหลักๆ ก็คือข้อคิดเห็นในการเรียนภาษาอังกฤษที่เรามีกันที่ยันการเรียนของเราเอง โดยอย่างเดียวเนื่องด้วยคนที่เรียนภาษาอังกฤษในไทย ลงความเห็นได้มาให้ 5 ข้อดังนี้

1) กระแดะ ว้าย เธอ IELTS ดูคนนั้นพูดคุยสิ กระแดะจริงๆ / หมอนี่เลือกชัดไปป่าววะ ชาวไทยฟังไม่รู้ความหมาย 555 นึกว่ามันออกปากกับฝรั่งอยู่หรือไง คำเหน็บแนมต่างๆ กลุ่มนี้ อาจจะศรุตกันเรื่อยๆ หากมีคนมาบอกอังกฤษแบบดูสำเนียงเยอะๆ หน่อยติดๆ คำว่า กระแดะนี่เป็นคำที่เราใช้กันผิดที่ผิดทางพอ มีคุณค่า คือต้องแยกว่ามีคนกระแดะใช้ภาษาอังกฤษแบบใช้เพื่ออวดรู้ เพื่อบอกว่าตัวเองนั้นเก่ง ใช้ไม่ถูกกาลเทศะ ไม่ถูกภาวะเรียน IELTS กลับกันในห้องเรียนหรือสถานการณ์ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษจริงๆคนที่เค้าพูดถูก หรือมานะพูดให้ถูก น่าสรรเสริญมากกว่า คือ ที่ตรงนี้มันประธานเพราะว่ามันทำร้ายทั้งคน ที่กำลังเรียนภาษา คือโดนเพื่อนว่าว่ากระแดะก็พาลอยากหยุดเรียน ท้อใจ กลับกัน คนที่ไปล้อเค้านี่ก็จะไม่กล้าพูดเหมือนกันสำหรับก็เคยไปล้อเค้า ถ้าถึงเวลาต้องพูดจริงๆ ก็คงยิ่งอับอายใจที่จะพูด
 
 [/url]

 2) กลัวผิดขี้ขลาดพูดอะค่ะ กลัวพูดผิด / พูดผิดแล้วมันดูไม่ค่อยคมคายอะครับ / ถ้าพูดผิดแล้วเพื่อนฝูงจะล้อ ภาษิตไทยที่ใช้ได้ดีกับสถานการณ์นี้คือ "ผิดเป็นครู" ในการกราบเรียนภาษาเราเรียนได้บ้างจากการท่องหนังสือ ielts writing แต่เราเรียนรู้ได้อักโขกว่ามาก จากการใช้จริง หากเราไม่กล้าพูดว่าเรียน IELTS ไม่กล้าเขียน คนสอนเค้าก็ไม่รู้จะไปช่วยแก้ไขอะไรให้ยังไง เพราะไม่รู้ผิดตรงไหน สิ่งที่ต้องทำในการเรียนภาษาอังกฤษที่ผมชักนำมากกว่าคือ ผิดได้ แต่พยายามหลีกเลี่ยงความผิดพลาดเดิมๆ
 
เคยศึกษาเล่าเรียนภาษาที่ออสเตรเลียสอบ ielts (เรียนแบบ Academic เลยเขียน essay เยอะ) เขียนหนังสือแรกๆ ก็ตัวแดงเต็ม อ.ให้แก้ไปให้ ก็ยังผิดอีกโข ผิดบ่อยแค่ไหนยังไง อ.ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเราผิดบ่อยๆขึ้นสิ่งที่เราจะเลิกกลัวคือการทำผิด (เพราะผิดจนชิน) และสิ่งที่เราจะไม่อยากทำคือการทำผิดซ้ำๆ พอติดเป็นลักษณะพิเศษ เราก็จะผิดน้อยลงและหาทางเปลี่ยนแปลงให้ตัวเอง มันก็ค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ
ปล. ในส่วนนี้โทษผู้เรียนอย่างเดียวก็ไม่ถูก ผมเองก็เจอน้องๆ หลายๆ คนที่บอกว่าไม่ต้องประสงค์พูดภาษาอังกฤษก็เพราะศาสกบางคนที่ เอาแต่ทำให้เด็กเป็นตัวตลกเวลาทำผิด ซึ่งติดตัวผมว่าไม่ใช่แบบที่ช่วยให้เด็กมีการรุดหน้าสักเท่าไหร่ กลับกันยังไปทำให้เค้าหมดขวัญในการศึกษาไปเสียด้วยซ้ำไปเพราะกลัวโดน หาว่าโง่ หาว่าไม่รู้ IELTS ก็เพื่อไม่รู้นั่นแหละเลยต้องฝึก แต่ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปทำให้ใครรู้สึกว่าตัวเองตัวเล็กลง รู้สึกน่าละอายในการสอน

3) แกรมมาไม่เข้าที / ศัพท์ไม่รู้เรื่อง
เราปฎิเสธไม่ได้ว่าเราต้องใช้ทั้งแกรมมาและคำยากภาษาอังกฤษในการสื่อสารไม่ว่าจะฟัง พูด อ่าน เขียน ครับเรื่องของเรื่องคือเราไม่ได้จำเป็นต้องมีแกรมมาและคำศัพท์ที่ซับซ้อนแบบคนทั่วไปไม่เข้าใจ แต่เราต้องมีความเข้าใจเกี่ยวกับทั้งสองเรื่องนี้บ้างพอดี โดยเจาะจงในส่วนที่เป็นรากฐาน เพื่อทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปได้อย่างราบรื่น เข้าใจง่ายครับดังนั้นที่ต้องเริ่มทำกันคือเรียนรู้ทั้งศัพท์และแกรมมาเรียน IELTS ถ้าคนที่ศัพท์น้อยจริงๆ ผมชี้แนะว่าเริ่มจากการอ่านก่อนน่าจะดีที่สุด ด้วยถ้าศัพท์ไม่รู้เลย เราได้ยินอะไรก็ใช่ว่าเราจะเข้าใจหรือนำไปใช้ได้ และเมื่อศัพท์อื้อซ่าขึ้น อ่านแยะขึ้น แกรมมาที่ได้จากการอ่านก็จะช่วยได้ไปโดยอัตโนมัติเช่นกัน
4) อยากคืบหน้าเร็วๆ มากๆจริงๆ เป็นเรื่องดี ที่มีการตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย จับต้องได้ และมีเวลาคะเนเป็นเรื่องดี แต่ทั้งนี้ต้องสมเหตุสมผลด้วยครับเคยเจอข้อสงสัยว่า พี่ครับ สอนแบบนี้ผมว่ายากไป พี่มีอะไรที่จะทำให้ผมเพิ่มขึ้นเร็วๆ มั้ยครับ คือเหมือนสูตรลัดน่ะครับ?เอาจริงๆ ไม่มี คือถ้าจะนึกออกก็คงยังกับ IELTS วุ้นแปลภาษา ภายในโดราเอมอน กินแล้วพูดจาได้เลย

อะไรแบบนั้น ประจำตัวเคยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้มาเป็น 20 ปี ทั้งที่กราบเรียนกันมาตราบเท่าตั้งแต่อนุบาล แต่ก็ไม่ทำเป็นใช้ได้แบบมีศักยภาพ พูดง่ายๆ คือไม่กล้าใช้ ด้วยเหตุผลบางข้อที่กราบทูลมาข้างต้นด้วยครับ ในเมื่อเราพูดกันไม่ได้ มาตั้งหลายปี อย่าไปคิดหวังว่าเราจะความเจริญรุ่งเรืองเร็วมาก เดือนเดียวเอ่ยปากได้คล่องเป็นฝรั่งเลย อันนี้ทำได้ยากสุด ๆ ดังนั้นควรตั้งเป้าให้มีเหตุผลเรียน IELTS และกำหนดแผนการว่าจะทำยังไงให้ไปถึงแนวทางนั้นให้ได้ หาวิธีที่ทำให้เราฝึกซ้อมได้ตลอด และไม่เบื่อวิถีทาง ส่วนฟังข่าว CNN ทุกวัน แบบนี้ดีแท้จริง แต่ลองดูว่าตัวเองทำได้ยาวนานแค่ไหนยังไง ถ้าทำได้ทุกวันภารดีขยายหนักแน่น แต่ถ้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้ แนะนำตัวว่าหาวิธีที่เราจะพึงพอใจและทำได้บ่อย ดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมต่างๆ แล้วแต่เราชอบ และค่อยๆ จัดทำไป อย่าไปบีบบังคับอย่าไปเร่งตัวเอง เล่าเรียนและปรับปรุงและให้ตัวเองมีความสนุกสนานด้วยครับ

 5) ไม่มีสมัยเคยกล่าวอ้างแบบนี้เสมอ ไม่มีเวลาไปเรียนเลยปฏิบัติงานมาทั้งวันเมื่อยล้านะ พอหาเวลาร่ำเรียนได้บ้างก็ไม่ทบทวน (คือเอาจริงๆ ถ้าเล่าเรียนและไม่ทวน มันก็ไม่ไปไหนเท่าใด ยิ่งถ้าเราศึกษาเล่าเรียนแบบ MLM ลูกโซ่ โง่ไถนา สัปดาห์นึงสัก 2 วันอะไรแบบนี้) ผมก็อ้างต่อไปอีกว่า กระปลกกระเปลี้ย งานเยอะ รถติด งานเครียด นุ่นนี่นั่นโน่น บ๊วยผลก็ออกมาว่าภาษาเราไม่ไปไหนทั้งนี้ตอนนั้นผมก็ยังมีเวลาไปท่องเที่ยว กับเสี่ยว ไปทานข้าว ไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ ณ ตอนนั้นเราก็ได้แต่คิดว่า โอ้ ภาษาอังกฤษนี่ยากจัง เวลาเราน้อยจัง สารพัดจะอ้าง (ยกเว้นโทษตัวเอง 555) สมัคร สอบ ielts ย้อนนึกไปมองตัวเองก็พบว่าเรามีความคิดที่สกัดในการเรียนภาษาหลายๆ อย่าง เหมือนกันนะ (เลยเอาประสบการณ์ของคนที่เคยตรึกตรองแบบนี้มาแชร์ให้ฟัง จะได้ไม่ทำซ้ำ )
เวลาเรามีเท่ากันใครๆในแต่ละวัน แค่อยู่ที่ว่าเราจะกั้นให้อะไรแค่ไหน เราจริงจังกับการก้าวหน้าภาษาแค่ไหน
สมมตเราตั้งจุดมุ่งหมายว่า ในปีนึงเราต้องพูดภาษาอังกฤษได้ และไม่มีปมปัญหาเรื่องการติดต่อสื่อสารในเค้าความทั่วๆ ไป เป็น priority แรกของจุดหมายในปีนั้น เราก็มาดูว่าเราจะจัดโอกาสให้ประมาณกี่ % IELTS ของเวลาที่เรามีครับ
 

เครดิต : [url]http://xn--73cfba3bxds.exteen.com/20150811/ielts[/url]

Tags : เรียน IELTS,สอน IELTS,IELTS