โรคของทางเดินฉี่ส่วนล่างในแมว

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคของทางเดินฉี่ส่วนล่างในแมว  (อ่าน 13 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ManUThai2017
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 16265


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มกราคม 16, 2020, 06:22:50 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

โรคของทางเดินปัสสาวะข้างล่างในแมว (feline lower urinary tract disease; FLUTD) หรือกลุ่มอาการความเปลี่ยนไปจากปกติของระบบขับถ่ายปัสสาวะ (feline urologic syndrome; FUS) เป็นโรคที่ยังไม่เคยทราบต้นเหตุหลักจนกระทั่งปัจจุบันนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการที่ เยี่ยวไม่ออก มีปัสสาวะเป็นเลือดหรือติดโรค รวมถึงการมีนิ่วไปตัน กลุ่มนี้ยังไม่รู้ปัจจัยจนกระทั่งปัจจุบัน ในแมวเพศผู้พบได้บ่อยได้บ่อยมาก ซึ่งชอบเรียกโรคนี้ว่า feline idiopathic cystitis คือเกิดการอักเสบของทางเท้าฉี่แบบไม่เคยรู้มูลเหตุ ซึ่งปัจจุบันนี้มีความเชื่อว่าเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจาก “ต้นเหตุร่วม” นานัปการแบบอย่าง โดย1 ในต้นเหตุหลักเป็นเรื่องของ “ความตึงเครียด” ซึ่งพบว่าเป็นต้นเหตุหลักที่ทำให้แมวเกิดอาการกลั้นปัสสาวะและก็กล้ามเนื้อหูรูดของระบบฟุตบาทปัสสาวะไม่ทำงาน สาเหตุอื่นๆที่มีรายงานเช่นการทำหมันให้แมวตั้งแต่เด็ก แต่ว่าไม่ควบคุมเรื่องการกินอาหารทำให้แมวอ้วนแล้วก็มีไขมันบางส่วนไปเบียดท่อฉี่ ก็เลยเกิดเป็นอาการฉี่ไม่ออกตามมา
 
 ลักษณะของโรค
 
 อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว บางโอกาสเราอาจเรียกกันว่าโรคฉี่ไม่ออก แมวจะออกอาการไม่ชิ้งฉ่อง หรือมานะเบ่งถ่ายแม้กระนั้นไม่ออก หรือบางทีอาจถ่ายออกมากระปิดกระปอย และอาจมีเลือดปนได้ จะสังเกตว่าท้องของแมวจะใหญ่ขึ้นเพราะเหตุว่าประเพาะฉี่ขยายใหญ่ บางเวลาถ้าเกิดเป็นนานๆอาจพบว่ามีลักษณะอาการไตวายร่วมด้วยเหตุเพราะการสะสมของฉี่ลามขึ้นมาจนกระทั่งไตแล้วก็ไตไม่สามารถขับของเสียออกต่อไปได้แล้ว อาการของโรคไตวายรุนแรงอาทิเช่น อาการอาเจียน มีการสะสมของธาตุโพแทสเซียมในเลือดสูงซึ่งได้ผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
 
 การวินิจฉัย
 
 สัตวแพทย์จะตรวจวินิจฉัยเบื้องต้นโดยการตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ ทั้งยังในทางของชีวเคมี คือดูสารประเภทฮีโมโกลบิน โปรตีน เดกซ์โทรส ไนไทร์ท (nitrite) และก็บิลิรูบินในปัสสาวะ รวมทั้งตรวจตราผ่านกล้องส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อมองจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวที่หลุดมาในเยี่ยว รวมถึงการเจอของเชื้อแบคทีเรียและก็การตรวจหาผลึกของนิ่ว และก็โปรตีนเฉพาะเจาะจงบางประเภท ฉี่จะถูกนำไปตรวจเพาะเชื้อแล้วก็กล่าวโทษไวรับต่อยายาปฏิชีวนะถัดไป การตรวจเลือดเพื่อมองจำนวนของแร่ธาตุโพแทสเซียมร่วมกับความเป็นกรดเป็นด่างของเลือด การถ่ายรูปรังสีวินิจฉัย (X-ray) เพื่อมองลักษณะของก้อนนิ่วหรือบางทีอาจใช้กระบวนการทำอัลตร้าซาวด์เพื่อมองการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะและก็ประเมินรูปแบบของนิ่วในทางเดินฉี่ ทั้งสิ้นนี้จำต้องทำ เพื่อประเมินอาการก่อนเริ่มทำรักษาต่อไป
 
 การรักษา
 
 เมื่อมีลักษณะอาการฉี่ไม่ออก สัตวแพทย์จะกระทำการสวนท่อเยี่ยวค้างไว้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะกระทำการสวนคาไว้เพื่อกระทำการสวนล้างท่อเยี่ยว เพราะเมื่อมีการอุดตันจะเกิดการสะสมของตะกอนนิ่ว โดยเฉพาะนิ่วทรายในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งอาจมาอุดตันท่อเยี่ยวได้ รวมทั้งมูกที่หลั่งเป็นปกติก็ไม่อาจจะขับทิ้งได้ การสวนล้างนอกเหนือจากที่จะช่วยระบายของเสียแล้ว ยังช่วยกำจัดเชื้อโรคที่ค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะได้ เหมือนกัน ส่วนมากการสวนจะใช้เพียงน้ำเกลือฉีดเข้าไปเพื่อเจือจาง ด้วยเหตุว่าการให้สารเคมีอื่นๆเข้าไปจะมีผลให้กำเนิดความเสื่อมโทรมต่อเยื่อบุกระเพาะปัสสาวะได้ โดยเหตุนั้นก็เลยจำเป็นต้องทำต่อเนื่องตราบจนกระทั่งปัสสาวะจะกลับมาปกติ ระหว่างนี้ แพทย์จะให้ยาเปลืองที่ช่วยขยายท่อเยี่ยวร่วมกับยาปฏิชีวนะ เพื่อทำให้อาการดียิ่งขึ้น นอกจากนี้การได้รับน้ำเกลือจะก่อให้มีปริมาณปัสสาวะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และก็จะไปเจือจางของเสียในกระเพาะปัสสาวะได้อีกเช่นกัน ทั้งนี้ หากทำสวนเยี่ยวมิได้ พื้นฐานบางทีอาจใช้แนวทางการเจาะเอาปัสสาวะออกผ่านทางพุง (cystocentesis) โดยใช้เข็มเจาะดูดระบายออก และก็สามารถนำไปเพาะเชื้อได้ในทันที ซึ่งเมื่อถึงกับขนาดที่ไม่สามารถที่จะสวนท่อฉี่เพื่อช่วยระบาย สุดท้ายแมวบางทีอาจจะจำเป็นต้องจบที่การผ่าตัดแปลงเพศ (urethrostomy) เพื่อระบายฉี่ออกทางพุง โดยนำท่อเยี่ยวหรือกระเพาะปัสสาวะเย็บเข้ากับผนังท้อง เพื่อแมวสามารถระบายของเสียออกจากร่างกายผ่านปัสสาวะได้
 
 การดูแลรวมทั้งจัดการสัตว์
 
 แมวที่มีประวัติเคยฉี่ไม่ออก มักจะพบว่ามีอุบัติการณ์ของการกลับมาเป็นซ้ำออกจะสูง โดยส่วนมากแล้วมักจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยที่ยังผิดกำจัดออกไป ดังเช่นว่า ความตึงเครียด หรือการกินของกินที่ไม่เหมาะสมภายหลังจากการทำหมัน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจำเป็นต้องหาต้นสายปลายเหตุโดยด่วน เรื่องของความเคร่งเครียดบางทีอาจจะต้องหารือสัตวแพทย์ ว่ามีจุดไหนบ้างในการเลี้ยงที่เราทำให้แมวกำเนิดความเครียดได้บ้าง รวมถึงจะต้องป้อนยารวมทั้งพาน้องแมวไปตรวจสุขภาพเป็นประจำสม่ำเสมอ ในเรื่องที่ถูกผ่าตักเปลี่ยนเพศแล้ว แผลที่เป็นรอยเปิดใหม่ของทางออกเยี่ยวจะมีการเลอะเทอะรวมทั้งมีโอกาสติดเชื้อหรือลีบได้บ่อยมาก ควรดูแลทำความสะอาดเป็นประจำแต่ละวัน รวมทั้งสังเกตลักษณะของน้องแมวอย่างใกล้ชิด
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : [url]http://hollyzell.com[/url]

Tags : hollyzell,hollyzell.com,http://hollyzell.com



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ