Advertisement
วิธีสังเกตอาการไข้หวัดใหญ่ในเด็ก การตรวจ และวิธีรักษาที่ถูกต้อง สิ่งไหนควรทำ ไม่ควรที่จะทำ อ่านเลย!
ไข้หวัดใหญ่ เกิดขึ้นจากการรับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเกิดเรื่องยากที่จะแยกระหว่างอาการของโรคไข้หวัดใหญ่กับไข้หวัดปกติ หรือการรับเชื้อเชื้อไวรัสอื่นๆที่ร้ายแรง เพราะว่ามีการติดโรคไวรัสหลายอย่างที่สามารถกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการที่คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ได้ รวมทั้งชอบรุนแรงกว่าลักษณะของไข้หวัดทั่วๆไป
อาการที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เช่น
ไข้สูง
ปวดกล้ามเนื้อ
ซึมลง
ปวดหัว
ไอแห้ง
เจ็บคอ
น้ำมูกไหล
บางทีอาจเจออาการคลื่นไส้อาเจียน และก็ท้องร่วงได้ แต่ว่าไม่บ่อยนัก
อาการเหล่านี้จะดำรงอยู่ได้หลายวันถึงนับเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แม้ยังคลุมเคลือว่าป่วยหวัดใหญ่หรือเปล่า ควรจะพาเด็กไปตรวจกับกุมารแพทย์
โรคอื่นๆที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่
โรคอาจารย์ป (Croup) หรือเรียกอีกอย่างว่า กล่องเสียงรวมทั้งหลอดลมอักเสบ (laryngotracheobronchitis)
หลอดลมฝอยอักเสบ
การรับเชื้อในหู
ปอดอักเสบ
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อได้ง่าย แล้วก็ผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มมีลักษณะอาการราวๆ 1 วันจนถึงช่วง 5-7 วัน หลังจากเริ่มเจ็บป่วย เด็กๆจะสามารถกลับไปสถานศึกษา หรือศูนย์ดูแลเด็กได้ เมื่อไม่มีไข้มากยิ่งกว่า 1 วัน
ครั้งคราวกรรมวิธีเดียวที่จะแยกความไม่เหมือนระหว่างหวัดแล้วก็ไข้หวัดใหญ่ก็คือการทดลองไข้หวัดใหญ่ ซึ่งบางทีอาจจึงควรตรวจ เพราะว่าถ้าเกิดไม่สบายหวัดใหญ่จะมียาที่สามารถช่วยลดความร้ายแรงของอาการ แล้วก็ช่วยทำให้หายเร็วขึ้น
การทดลองไข้หวัดใหญ่ในเด็ก
กุมารแพทย์ จะทดสอบไข้หวัดใหญ่โดยการใส่ไม้พันสำลีเข้าไปในโพรงจมูกเพื่อเก็บตัวอย่างไปตรวจ และรอคอยผลอีกโดยประมาณ 15 นาที เพื่อดูว่าไม่สบายหวัดใหญ่หรือเปล่า แม้กระนั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นการทดสอบที่ใช้บ่อย แต่ว่าการทดลองนี้ก็มีข้อเสีย เป็นสามารถให้ผลลบลวงได้ในตอนที่มีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ แล้วก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีผลจากการบวกลวงในช่วงที่การระบาดของไข้หวัดใหญ่น้อย
ศูนย์คุ้มครองป้องกันและก็ควบคุมโรค บอกว่า การทดสอบนี้มิได้จำเป็นสำหรับทุกคนที่สงสัยว่าป่วยหวัดใหญ่ เนื่องจากแม้พบว่ามีการระบาดอยู่ด้านในพื้นที่ บางทีอาจสามารถวินิจฉัยโรคได้เลยจากอาการ
การทดสอบนี้ อาจมีผลดีถ้าหากเด็กเป็นไข้หวัดใหญ่แบบรุนแรง แล้วก็จะต้องนอนโรงพยาบาล หรือมีปัญหาสุขภาวะอื่นๆที่เป็นความเสี่ยงสำหรับในการติดเชื้อ หรือหากกระทำทดลองแล้วจะมีผลต่อการจัดการด้านการป้องกันการกระจายเชื้อในเด็กบุคคลอื่น
นอกจากการทดลองไข้หวัดใหญ่แบบเร็วแล้ว บางทีอาจใช้การทดลองแบบอย่างอื่นได้ ยกตัวอย่างเช่น การเพาะเชื้อไวรัส การตรวจ Direct fluorescent antibody แล้วก็การตรวจ PCR ซึ่งได้ผลได้ถูกต้องกว่า แต่ว่าจำต้องใช้เวลานานกว่าโดยประมาณหลายชั่วโมง หรือนับเป็นเวลาหลายวัน
การดูแลรักษาไข้หวัดใหญ่
การรับเชื้อไข้หวัดใหญ่มียาซึ่งสามารถใช้รักษาได้ อาทิเช่น Tamiflu (oseltamivir) รวมทั้ง Relenza (zanamivir) ซึ่งไม่เหมือนกับการได้รับเชื้อเชื้อไวรัสจำพวกอื่น
ยา Tamiflu มีในรูปแบบแคปซูลและยาน้ำ ส่วน Relenza เป็นลักษณะผงที่ใช้สูดดม ถ้าหากให้ยาเหล่านี้ด้านใน 48 ชั่วโมง ข้างหลังเริ่มมีลักษณะจะสามารถช่วยปกป้องภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงของไข้หวัดใหญ่ ลดช่วงเวลาการเจ็บป่วยได้ราวๆ 1 หรือ 2 วัน แล้วก็ลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาลได้
เด็กที่เพิ่งได้รับการฉีควัคซีนไข้หวัดใหญ่แบบสเปรย์ (Flumist) อาจตรวจไข้หวัดใหญ่เป็นบวกได้อย่างต่ำ 7 วัน และเพราะในขณะนี้มีอัตราการดื้อยาของเชื้อ ปัญหาด้านยาราคาสูง รสชาติของยาที่ไม่อร่อย รวมทั้งผลข้างเคียงจากการใช้ยา Tamiflu ก็เลยชี้แนะให้ให้ยารักษาไข้หวัดใหญ่เมื่อจำเป็นจะต้องแค่นั้น
ในความเป็นจริงแล้วคนส่วนใหญ่ไม่จำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลและรักษาไข้หวัดใหญ่ เพราะศูนย์ป้องกันรวมทั้งควบคุมโรคชี้แนะให้ใช้ยาต้านไข้หวัดใหญ่ ในกลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัดใหญ่ร้ายแรง ดังเช่นว่า เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้ใหญ่แก่กว่า 65 ปี หญิงท้อง ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (อาทิเช่นโรคหอบหืดหรือโรคหัวใจ) หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอเพียงแค่นั้น
เด็กและก็วัยรุ่นที่กำลังได้รับยาแอสไพรินระยะยาวควรจะเลี่ยงการใช้ยารักษาไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งแม้คุณจะไม่เคยให้ยาแอสไพรินกับเด็ก ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินในเด็กที่ป่วยหวัดใหญ่ด้วยเหมือนกัน ด้วยเหตุว่าอาจกำเนิดกลุ่มอาการราย (Reye syndrome) เป็นกลุ่มอาการที่ทำให้เกิดความเสื่อมโทรมต่อสมองแล้วก็ตับได้
อีกสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งที่มีความสำคัญก็คือ ถ้าลูกของคุณไม่สบายหวัดใหญ่ และไม่ได้รับวัคซีนในปีนี้ ควรไตร่ตรองฉีดวัคซีนในปีหน้า เนื่องจากการฉีดยาจะช่วยลดโอกาสที่จะป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ในครั้งต่อไป
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
[url]http://kk199.net[/url]
Tags : kk199
