ฉันควรจะขอย้ายห้องเรียนให้กับลูกหรือไม่ ?

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฉันควรจะขอย้ายห้องเรียนให้กับลูกหรือไม่ ?  (อ่าน 11 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jackbaristaa
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 14329


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 19, 2020, 12:46:38 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

จะทำเช่นไรถ้าคุณหนักใจเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในห้องเรียนชั้นก่อนวัยเรียนของลูก
ฉันน่าจะขอย้ายลูกของฉันให้ไปเรียนอีกห้องหนึ่งหรือเปล่า ?
ลูกสาวของฉันอายุ 4 ขวบรวมทั้งกำลังเรียนอยู่ในชั้นเตรียมอนุบาล 2 เมื่อปีที่แล้วมันดีเลิศ เธอมีเพื่อนผู้คนจำนวนมาก ได้ศึกษาเรื่องราวดีๆหลายเรื่องและสนุกสนานกับการไปโรงเรียน แม้กระนั้นพอมาปีนี้มันเป็นคนละเรื่องเลย มีหลายเหตุผลที่ทำให้คุณไม่อาจจะปรับนิสัยกับห้องเรียนใหม่ได้ ดังเช่นว่า มีการล้อเลียนกัน (ซึ่งเดี๋ยวนี้จัดแจงเรื่องนี้ได้แล้ว) แล้วก็ฉันเองก็คิดว่าคุณเข้ากับคุณครูของเธอไม่ค่อยได้ คุณครูดูน่ารักและใจดีแม้กระนั้นฉันรู้สึกว่าเธออาจจะไม่สามารถเข้ากับลูกของฉันได้ดิบได้ดีสักเท่าไหร่ เธอดูแข็งทื่อเกินไปสำหรับเด็กๆและฉันมีความคิดว่าลูกของฉันคงจะทำได้ดีมากยิ่งกว่านี้ถ้าได้เรียนกับผู้ที่สุภาพกับคุณ ลูกของฉันเริ่มมีลักษณะอาการระแวงเวลาต้องแยกจากฉันรวมทั้งมันทำให้ฉันทรมาทรกรรม ฉันอยากให้คุณย้ายห้องเรียนแต่ฉันก็ไม่เคยรู้ว่ามันจะเป็นการขจัดปัญหาที่ตรงจุดหรือเปล่า ? ฉันควรจะทำเช่นไร ?
 
ระยะเวลาเป็นเรื่องสำคัญ
คุณไม่ได้กล่าวถึงว่าในช่วงเวลานี้สถานศึกษาเปิดเทอมไปนานเท่าไหร่แล้วซึ่งโน่นเป็นเยี่ยมในปัจจัยที่สำคัญ การเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางปีจะมีผลให้เกิดปัญหาหลายแบบ ด้วยเหตุว่าคุณต้องรู้เพราะคุณครูไม่ใช่ผู้เดียวที่ลูกของคุณมีปฏิสัมพันธ์ด้วยเวลาไปโรงเรียน ณ ขณะนี้ลูกของคุณอาจจะมีเพื่อนฝูงมากมายแล้ว และการย้ายห้องก็บางครั้งอาจจะเกิดเรื่องที่ทำร้ายจิตใจลูกของคุณ ฉันไม่ได้บอกว่าไม่ให้คุณย้ายห้องแต่ว่าคุณแค่จำเป็นจะต้องชั่งกลางทางเลือกต่างๆที่คุณมี
 
ก่อนที่จะทำการตัดสินใจใดๆคุณได้ทดลองคุยกับคุณครูแล้วหรือยัง ?
คุณอาจจะรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจแต่ว่าการนัดพบเพื่อเสวนากับอาจารย์อย่างเอาจริงเอาจังหลังหรือก่อนเลิกเรียนคงจะช่วยลดความกลุ้มใจของคุณได้ อย่าชี้หน้าหรือใส่ร้ายป้ายสีครูโดยทันทีแต่ให้สรุปเรื่องที่คุณได้เล่ามาทั้งหมดทั้งปวง: ปีที่ผ่านมาลูกของคุณชอบมาสถานที่เรียนแต่ว่าปีนี้ไม่ คุณเข้าใจที่มีการล้อเลียนกันซึ่งบางครั้งก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของความเคร่งเครียดที่เกิดขึ้น แล้วก็คุณตื่นตระหนกว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่านี้
 
ลองฟังสิ่งที่อาจารย์บอก เธอบางครั้งก็อาจจะกล่าวว่าลูกของคุณทำได้ดีหรือบางทีก็อาจจะเห็นด้วยว่าคุณกำลังประสบปัญหา และทดลองดูว่าคุณทั้งคู่คนสามารถร่วมกันคิดแผนหาวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อช่วยให้คุณปรับพฤติกรรมก้าวหน้าขึ้นหรือไม่
 
แม้หลังจากการคุยครั้งนี้แล้วคุณยังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ลองติดต่อผู้อำนวยการหรืออาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนว่าพอเพียงจะเป็นไปได้หรือไม่ในการขอย้ายห้องหรือเปลี่ยนแปลงอาจารย์
 
คุณจำเป็นจะต้องจัดแจงในการตอบคำถามมากไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อสนับสนุนว่าทำไมการย้ายห้องเรียนก็เลยเป็นทางออกที่เยี่ยมที่สุด อย่าลืมว่าการย้ายห้องนั้นไม่ได้มีผลต่อคุณเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นยังมีผลต่อสมดุลในห้องเรียนของอีกทั้งสถานศึกษา ด้วยเหตุนั้นอาจารย์ใหญ่บางครั้งก็อาจจะยังคงลังเลไม่ว่าคุณจะชูเหตุผลใดมาบอกก็ตาม
 
หาทางออกร่วมกับครู
อย่าโทษว่าเป็นความไม่ถูกของอาจารย์หรือจัดแจงมาเฉพาะข้อคิดเห็น คุณควรเริ่มง่ายๆว่า “ฉันรู้สึกว่าลูกของฉันน่าจะทำได้ดีขึ้นแม้อยู่ข้างในห้องเรียนที่มีวิธีการสอนที่แตกต่างออกไป” ก็เพียงพอที่จะบอกแล้ว แม้อาจารย์ใหญ่บีบคั้นคุณรวมทั้งคุณมีเรื่องมีราวราวที่แจ้งชัด คุณก็สามารถแจ้งได้ แต่อย่าทำให้การพูดคุยนั้นเป็นการต่อว่าต่อขานคุณครูเพียงอย่างเดียว ถ้าอาจารย์ใหญ่พูดว่าคุณจะลองดูว่าสามารถทำอะไรให้ได้บ้าง ก็ควรจะระบุวันที่แน่นอน ยิ่งคุณสามารถย้ายห้องเรียนได้เร็วมากแค่ไหนก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เนื่องมาจากลูกของคุณจะได้มีเวลาสำหรับในการปรับตัวเข้ากับห้องเรียนใหม่ได้นานขึ้น
 
ถ้าเกิดครูใหญ่หรือผู้อำนวยการตกลงที่จะย้ายห้อง คุณก็ควรจะชี้แจงถึงเหตุการณ์ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วให้ลูกของคุณฟังอย่างระมัดระวัง แม้ว่าคุณจะแน่ใจว่าการย้ายห้องจะเป็นเรื่องดีสำหรับคุณ แต่ว่าก็ควรรู้เรื่องว่าคุณบางครั้งอาจจะรู้สึกกลุ้มใจเกี่ยวกับมัน
 
คุณควรจะรับรองว่าคุณไม่ได้ทำอะไรไม่ถูกแล้วก็เธอจะยังได้มีเพื่อนพ้องใหม่ๆที่ห้องเรียนใหม่และก็แฮปปี้กับการไปโรงเรียน
 
แม้ไม่สามารถที่จะย้ายห้องเรียนได้ ก็มีความหมายว่านี่เป็นสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องทนอยู่ต่อไปอีกหลายเดือนและก็ทำมันให้ยอดเยี่ยม อย่าต่อว่าโรงเรียนหรือคุณครูต่อหน้าต่อตาลูก เพราะเหตุว่ามันจะยิ่งทำให้เหตุการณ์ห่วยแตกลง ลองหาวิธีการเป็นอาสาสมัครในห้องเรียนหรือดำเนินงานที่เกี่ยวกับห้องเรียน และพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา ถ้าเกิดมีเหตุใหม่เกิดขึ้นหรือลูกของคุณยังคงปราศจากความสุข อย่าลังเลที่จะนำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีกครั้ง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : trenbajubatik.com

Tags : trenbajubatik,http://www.trenbajubatik.com



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ