จุดสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าครับ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จุดสำคัญของ เรือกู้ภัย ครั้นเมื่อเกิดเหตุน้ำท่วม ที่เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าครับ  (อ่าน 26 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Chaiworn998
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21212


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2016, 09:33:00 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

ถ้าพูดกันถึงเรื่องราวของสถานการณ์ภัยพิบัติธรรมชาติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ภัยแล้ง อุทกภัย วาตะภัย ในไทยนั้น ล้วนเกิดจากฝีมือของคนอย่างเราทั้งนั้น แต่สภาวการณ์ที่จะมีขึ้นได้บ่อยครั้งที่สุด และสร้างความทุกข์ได้บ่อยครั้งมากก็คงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ของน้ำท่วม หรือ อุทกภัยที่มีขึ้นตามนอกเมือง หรือแม้แต่ในกรุงเทพมหานคร ก็เคยมีขึ้นมาแล้ว และขณะมีเหตุการณ์เกี่ยวกับอุทกภัยสิ่งที่จะช่วยเหลือเอื้ออำนวยความสบาย และช่วยเหลือทุกท่านได้ นั้นก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นเรือกู้ภัย ที่ปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอันตรายรวมไปถึงช่วยเหลือในเรื่องของการส่งข้าวสารอาหารแห้ง ให้กับทางผู้พบภัยอันตรายด้วย หากสำหรับตัวผมเอง จะมาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับเหตุน้ำท่วม ที่เคยพบเจอมากับตนเอง และได้รับการช่วยเหลือต่าง ๆ รวมไปถึง การแสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทยด้วยกันเองด้วยครับ เพราะว่าผมต้องบอกก่อนเลยว่า ถ้าหากวันนั้น ผมไม่ได้เพื่อน ๆ และทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือป่านนี้ครอบครัวผมคงแย่ไปแล้วครับ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่ กรุงเทพฯ น้ำท่วม มิตรสหายๆ คงจะกันได้นะครับ เมื่อราวปี 2554 ได้ คือ ณ ตอนแรกที่น้ำจะท่วมเนี่ย เราก็ได้ยินประกาศมาบ้างแล้ว ว่ามีน้ำท่วมจากทางตอนเหนือ ไหลลงมาสู่ กทม โดยก่อนจะมาถึงที่พักอาศัยผมนั้น ทางตอนเหนือก็ได้มีอุทกภัยมาก่อนแล้ว ผมดูจากโทรทัศน์ ก็เห็นพี่น้องช่วยเหลือกันมาก ทั้งเอาเรือกู้ภัย ไปคอยช่วยเหลือขนส่งให้กับผู้คนที่ประสบเหตุโดยในข่าว ก็มีบอกอยู่แล้ว ว่าน้ำจะไหลลงมา จนถึง กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนตัวผม ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่า มันออกจะไกลตัว และอีกอย่าง กรุงเทพฯแทบไม่เคยมีเหตุการณ์น้ำท่วมหนักหนาอะไร เต็มที่ก็น้ำท่วมขังจากฝนตกปรกติเราก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยและไม่คิดว่าจะมีวันท่วมมาถึงที่พักอาศัยเราด้วย สักพักก็มีประกาศว่าน้ำมาถึงอยุธยา ทีนี้ผู้คนก็เริ่มวุ่นวาย โดยผมบอกก่อนว่า บ้านผมอยู่แถว ๆ ดอนเมืองนะครับผมณ ตอนนั้น ผมก็ศึกษาเล่าเรียนอยู่ ม.รังสิต ก็เห็นมีข่าวคราวมี ให้ระดมคนไปช่วยกันทำฝายกั้นน้ำ บรรจุกระสอบทรายกัน เพื่อคุ้มกันไม่ให้น้ำไหลผ่าน โดยตัวข้าพเจ้าเอง ก็ได้ไปช่วยและเริ่มเห็นน้ำว่า มีน้ำซึมออกมาตามท่อ ซึ่งในแรกเริ่ม ก็ไม่ได้ขึ้นเร็วอะไรเลย แต่มันขึ้นเรื่อย ๆ ไม่มีลด ตัวผมเองก็เริ่มจิตใจไม่ดีละ มาคุยกับที่บ้าน พวกคนในครอบครัว ก็ปรึกษากันว่า จะซื้อหาเรือกันดีไหม แบบที่มันเป็นละม้ายๆ เรือกู้ภัย เผื่อมันท่วมมาถึงที่อยู่เราจริง จะได้มีไว้เคลื่อนย้ายคนในบ้าน และต้องบอกก่อนว่า บ้านผม มีตา ยาย ซึ่งแก่และแกเป็นคนที่หวงบ้านมาก แต่ในขณะนั้น น้ำยังมาไม่ถึงครับ เราได้แต่ปรึกษากัน ว่าถ้าหากมันมาถึงบ้านเราจริง เราจะเอาไงกัน แต่ทางพ่อของผมเอง ก็ไม่ฟังและบอกว่า ถึงมันมา เดี๋ยวมันก็ลด ผมก็เลยไม่อยากโต้เถียงกับเขาครับ ก็รอดูต่อไป สักพักมีข่าวว่า ฝายกั้นตรงจุดแถวม.รังสิต พัง น้ำทะลักเข้ามา ท่วมแถวบริเวณนั้นแล้ว ซึ่งบ้านของผม ก็อยู่ไม่ได้ห่างจาก ม.รังสิตมากนัก ก็เลยเริ่มตื่นเต้นขึ้นมา ณ ตอนนั้น ยังคุยเล่น ๆ กับเพื่อนฝูงอยู่เลยครับ ว่าเห้ย บ้านน้ำท่วมยัง เพื่อนบอกว่า เริ่มมีซึม ๆ ขึ้นมาจากท่อบ้างแล้ว ไอบ้านข้าพเจ้าก็เริ่มมีมาบ้าง แต่ไม่ได้มากมายอะไรมาก ตอนต้น ก็เลยบอกพ่อว่ามันเริ่มมาแล้วนะพ่อจะไปหาเรือกู้ภัยมาไว้ก่อนไหม เผื่อเอาไว้พาคุณตาคุณยายออกไป ถ้ามันท่วมหนัก พ่อก็บอกว่า เดี๋ยวมันก็ลด คุณพ่อท่านบอกว่า อยู่ที่ดอนเมืองมา 20 กว่าปี ไม่เคยเจอท่วมสูงเกินหัวเข่าเลย เต็มทีก็เกินเข่า และอีกอย่าง ดอนเมืองเป็นพื้นที่สูง น้ำมาไม่ถึงหรอก ถ้าไม่งั้น สนามบิน คงเจ๊งด้วยแล้ว ส่วนตัวผมก็ยังคงออกไปซื้อของตามปรกติแต่ก็เริ่มเห็นบางบ้านมีการจัดเตรียมเรือกู้ภัยเอาไว้บ้างแล้ว ที่นี้ก็เริ่มใจคอไม่ดีแล้วครับผมเพราะในใจผมเองเนี่ย เห็นว่า มันน่าจะมีโอกาสท่วม และพอสักพัก น้ำมันเริ่มท่วมจริง ๆ โดยมาจากท่อต่าง ๆ แทรกซึมขึ้นมาเรื่อย ๆ จนคนเริ่มอพยพหนีไปหมดแล้ว หมู่บ้านที่ผมอยู่นี้ เงียบเหงากันเลยทีเดียว ผมกับทางครอบครัว ก็ยังมีหวังว่ามันจะลด ก็หาเครื่องปั๊มน้ำ มาดูดน้ำออกจากบ้าน และก็ทำกระสอบทรายเอามาขวางน้ำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าบ้าน แต่ท้ายที่สุด มันก็เข้าบ้านจนได้ และเราก็ดูดน้ำจากภายในออกข้างนอก เรื่อย ๆ ตลอดวันทั้งคืน โดยการสลับเวรกัน ช่วยกันสังเกตเพื่อไม่ให้น้ำเข้าบ้านเรามากครับ แต่ในที่สุด ก็ไม่ไหวครับ น้ำขึ้นไปจนถึงต้นขาบนแล้ว และบ้านผมเป็นบ้านชั้นเดียว ก็เลยมาหารือกันใหม่ ว่าเราจะเอาไงกันดี เนื่องจากมันเริ่มท่วมขึ้น ๆ ไม่มีทีท่าว่าจะน้อยลงเลยแม้แต่น้อย และอีกอย่าง การขับถ่ายอะไรก็เริ่มลำบากมากขึ้น คุณพ่อเลยปลงใจ ทิ้งบ้านไว้ และให้พวกเราออกไป และหนีไปอยู่ นอกเมืองกันครับ แต่ปัญหาก็คือ น้ำมันท่วมสูงพอใช้ได้ สำหรับคนแก่ ที่ขาแข้งไม่ค่อยมีแรง เป็นอะไรที่ยากลำบากมากครับ และการเคลื่อนย้ายก็ลำบาก เพราะบ้านเราเป็นคนตัวใหญ่ จะให้แบกพวกท่านก็ไม่น่าจะไหวกันครับ ก็เลยตัดสินใจ ไปหาพวกให้บริการเรือกู้ภัย เพื่อมารับเราไปส่งในที่ ๆ น้ำยังท่วมไม่ถึงครับ แต่อุปสรรคก็คือ หาไม่ได้เลยครับ เพราะส่วนใหญ่ก็จะมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และค่อนข้างมีราคาสูง อีกอย่างคือคนใช้บริการมากมาย พวกที่ทำมาหากินทางนี้ ก็เลยชาร์จสนนราคากันเต็มที่เลย ประเด็นก็คือ เราไม่ได้มีการเตรียมพร้อมอย่างไรสักอย่าง เงินสดก็ไม่ได้กดไว้เลย คือไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเช่าเรือราคาแพงเพียงนี้ ตู้ ATM ก็ใช้งานไม่ได้ครับ ทีนี้เราก็ค่อนข้างจะเครียดกันมากและ เพราะว่าหาเรือให้เราอาศัยไม่ได้เลย และน้ำก็เริ่มขึ้นสูงขึ้นบ่อยๆ เลย แต่สุดท้าย พบพวกจิตอาสาครับ คอยขับขี่เรือกู้ภัย รับส่งผู้ที่ประสบภัย แล่นผ่านเข้ามาในหมู่บ้านพอดี เพื่อน้ำข้างของมาให้ให้สำหรับคนที่มีบ้าน 2 ชั้น และไม่อยากจะออกไปไหน ผมก็เลยออกไปคุย และขอความกรุณาพี่เขา ว่าช่วยไปส่งพวกผมหน่อย ประเดี๋ยวถ้าถึงที่ ที่น้ำท่วมไม่ถึงแล้ว จะรีบกดเงินมาให้ เขาก็บอกได้ ๆ ให้พวกผมขึ้นเรือไปครับ ผมนี้คือแบบดีใจมาก เพราะเราหมดช่องทางแล้วจริง ๆ ณ ตอนนี้ ดีที่ได้เจอะเจอพวกพี่จิตอาสาพวกนี้ผ่านเข้ามาพอดี และพอเขานำพวกเราไปส่งเสร็จ พ่อผมกำลังจะไปรีบไปหาตู้ สำหรับกดเงิน มาเป็นการขอบคุณพี่เขา เขาบอกกลับมาว่า " ไม่เป็นไรครับ ผมไม่รับ มีอะไรที่ช่วยเหลือกันได้ ก็ช่วยเหลือครับ คนไทยด้วยกันครับ " (แล้วก็ยิ้ม) ประโยคนี้ ทำให้ผมซึ้งใจมาก ๆ ในน้ำใจพี่ ๆ อาสาครับ แบบถ้าไม่ได้เรือกู้ภัยของพวกพี่เขา เราคงลำบากมาก ๆ แน่ ๆ และทำให้รู้ว่า คนไทยรักกัน และมีน้ำใจจริง ๆ แถมอีกทั้งช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยไม่หวังผลประโยชน์อะไรเลย
อย่างน้อยในเหตุที่เลวร้าย ก็แฝงไปด้วยมิตรสัมพันธ์ดี ๆ ที่ทำให้เราได้รู้ว่า พวกเราคอยช่วยเหลือกันและกันในยามลำบากครับ ผมซาบซึ้งใจกับเหตุการณ์นี้เป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่า มันจะไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร สำหรับบุคคลอื่น ที่ไม่ได้ประสบกับภัยน้ำท่วมนั้น อาจมองว่า ผมโอเว่อร์หรือเปล่าแต่สำหรับผม มันคือมิตรจิตมิตรใจที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ ครับ และทำให้ญาติของผมผ่านพ้นวิกฤตนั้นมาได้ ยังไงก็ขอบพระคุณพวกพี่ ๆ จิตอาสากลุ่มนั้นมาก ๆ ครับ ถึงเขาอาจไม่ได้รับรู้ก็ตาม และเรื่องนี้ทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า หากมีใครที่ยากลำบากกว่าเรา และเราพอที่จะช่วยเหลือเขาได้ เราก็ควรจะช่วยเหลือเขานะครับผมเพราะอย่างน้อย ก็เป็นน้ำใจสำหรับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และจะทำให้โลกน่าอาศัยยิ่งขึ้นครับ
 

Tags : ตกปลาช่อน,ตกปลาทะเล, เรือกู้ภัย



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ