เรื่องขี้ขี้ เปลี่ยนเสียง “อี๋” ให้เป็น “อ๋อ”

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องขี้ขี้ เปลี่ยนเสียง “อี๋” ให้เป็น “อ๋อ”  (อ่าน 74 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ittipan1989
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25925


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2017, 08:07:10 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

“ขี้” แค่ชื่อ คงไม่มีใครอยากเข้าใกล้ พอนึกถึงก็รู้สึก (ไปเอง) ว่ากลิ่นโชยมาแต่ไกล

            แต่อย่าเพิ่งไปรังเกียจขี้กันเลย เพราะขี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเรา ขี้จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวและในตัว ที่น่าจะรู้กันไว้สักนิด

            เพราะขี้ ไม่ใช่เรื่องขี้ขี้ อุทยานการเรียนรู้ TK park จึงได้ร่วมมือกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ผู้ใหญ่ใจดีเจ้าประจำ และเจ้าของเพจ interpoobangkok ในเฟชบุ๊ค เจ้าของผลงานการ์ตูนก้อนขี้มีชีวิตที่ชื่อ “คุณสุภาพ” มาร่วมกันถ่ายทอดเรื่องขี้กันที่ลานสานฝัน อุทยานการเรียนรู้ TK park เมื่อวันเสาร์ ในรูปแบบนิทรรศการที่ชื่อว่า “เรื่องขี้ขี้” นิทรรศการสุดแรงแห่งปีที่มีทั้งความสนุกสนาน เรื่องให้ชวนคิด ชวนทึ่ง กับความอัศจรรย์ของขี้ที่ไม่ธรรมดา

            นิทรรศการครั้งนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้มาก ทั้งชื่อนิทรรศการและตัวการ์ตูนคุณสุภาพ ที่วันนี้คนที่สร้างคุณสุภาพขึ้นมาจนเป็นที่รู้จักและโด่งดังในโลกออนไลน์ ได้มาร่วมเป็นวิทยากรพูดคุยเรื่องขี้ขี้ และยังได้พูดคุยกับผู้เข้าร่วมนิทรรศการตลอดทั้งวัน

            โดย “พี่ขวัญ” “พี่หนู” “พี่เมย์” เจ้าของเพจ interpoobangkok ได้เล่าถึงความเป็นมาของคุณสุภาพว่า เกิดจากความคิดต่างที่จะทำเพจที่ยังไม่มีคนทำ แต่เป็นเรื่องที่น่ารู้ จนสุดท้ายมาตกลงกันที่เรื่องที่เกี่ยวกับขี้ โดยพี่ขวัญรับหน้าที่วาดคุณสุภาพ ส่วนพี่หนูและพี่เมย์รับหน้าที่ในส่วนของข้อมูล ซึ่งพี่หนูเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการตั้งเพจนี้ว่า

            “ตอนแรกเราคิดกันว่าจะทำเพจอะไรดีที่มันแตกต่าง แบบที่คนเห็นแล้วคิดนิดนึงก่อนจะเข้าไปคลิกไลค์ มาสรุปกันที่เรื่องขี้ เพราะพอพูดถึงขี้ใครๆ ก็ต้องร้องอี๋ไม่อยากเข้าไปรู้ไปเห็น ตรงนี้ที่น่าสนใจว่าทำยังไงให้เรื่องที่ไม่น่าสนใจ กลายเป็นเรื่องที่มีอะไรขึ้นมา จากเดิมเราจะพูดถึงเรื่องขี้อย่างเดียว ต่อมาเราก็เริ่มไปเรื่องที่เกี่ยวกับขี้อย่างส้วมของประเทศต่างๆ และข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ สังคม ที่เกี่ยวกับขี้ ทำให้มีคนสนใจมากขึ้น”

            โดยพี่ขวัญ ได้เสริมเกี่ยวกับตัวการ์ตูนคุณสุภาพว่า ต้องการให้เป็นผู้เล่าเรื่องเพื่อให้เพจเรื่องขี้มีมุมที่น่ารัก

            “เรื่องขี้อย่างเดียวมันจะดูไม่น่าติดตาม และดูไม่น่ามองไปนะสำหรับบางคน เราก็เลยคิดตัวคุณสุภาพขึ้นมา ให้เขาเป็นคนเล่าเรื่อง เป็นตัวการ์ตูนที่มีชีวิต พูดได้ ทำให้คนจำเพจได้จากคุณสุภาพ และกลายเป็นมีแฟนคลับไปแล้ว”

            ถ้าเรื่องขี้มีเพจได้ แสดงว่าขี้ก็ไม่ใช่แค่เรื่องขี้ขี้แล้ว เพราะข้อมูลจากทาง interpoobangkok และกองทุนสนับสนุนการวิจัย
(สกว.) นำมาจัดเป็นนิทรรศการ ก็เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาก ที่บางเรื่องเราอาจจะคิดไม่ถึง!

เรื่องขี้ที่เราอาจไม่เคยรู้

            ก่อนจะเข้าสู่เรื่องที่อาจไม่เคยรู้ เรามาทบทวนเรื่องขี้ที่ทุกคนน่าจะรู้กันสักนิด

            “อุจจาระ” หรือ “ขี้” คือของเสียในรูปแบบหนึ่ง เกิดขึ้นได้ต่อเมื่อร่างกายได้รับอาหารและน้ำเข้าไป ซึ่งสิ่งเหล่านั้นจะผ่านกระบวนการย่อย และกากอาหารที่หลงเหลือจะถูกขับเคลื่อนลงไปในลำไส้ พร้อมที่จะขับถ่ายออกมาเป็นขี้ แต่เรื่องของขี้ยังมีอะไรอีกมากมายที่น่ารู้

            ถาม: ขี้หนักเท่าไหร่?
            ตอบ: 0.9 กิโลกรัม คือน้ำหนักของขี้เราในแต่ละวัน
            ถาม: ในขี้มีอะไร?
            ตอบ: ขี้ประกอบด้วย น้ำ 75% กากใย 8% แบคทีเรีย 8% ไขมัน 4% เกลือ 4% โปรตีน 1%
            ถาม: ขี้ของคนสุขภาพดีมีลักษณะอย่างไร
            ตอบ: สีน้ำตาลอมเหลือง ผิวเรียบ เป็นก้อนนุ่ม ขับถ่ายสะดวก
            ถาม: ขี้แล้วไปไหน?
            ตอบ: ถ้าเป็นคนที่ขี้ ขี้แล้วไปไหนก็ได้เลย (ฮ่าๆ) โล่งสบายแล้วนี่ แต่ถ้าเป็นก้อนขี้นี่สิ จะออกเดินทางไปไหนได้ล่ะ คำตอบก็คือ รถดูดส้วมจะพาขี้ไปที่โรงงานกำจัดสิ่งปฏิกูลเพื่อแยกขยะ อย่าง ผ้าอนามัย ถุงยางอนามัย ให้ออกไปจากขี้ จากนั้นเขาจะใส่ปูนขาวเพื่อลดความเป็นกรด และใส่สารส้มเพื่อให้ตกตะกอน ต่อด้วยสารโพลิเมอร์เพื่อให้ตะกอนจับตัวกันเป็นก้อนเหนียว จากนั้นขี้จะถูกนำมาคลุกเคล้ากับกิ่งไม้และใบไม้ที่ถูกบดละเอียดแล้ว แล้วนำไปหมักต่อเพื่อทำเป็นปุ๋ยคอกคุณภาพเยี่ยม!

ขี้สารพัดประโยชน์

            ถึงขี้จะถูกเรียกว่า “ของเสีย” แต่ความจริงแล้ว ขี้มีประโยชน์อีกสารพัด กลายเป็นของดีที่ทำรายได้

            ปุ๋ยจากขี้ ปุ๋ยคอก เป็นปุ๋ยจากขี้สัตว์ที่มีธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตของพืช และเป็นแหล่งอาหารของจุลินทรีย์ในดินอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีปุ๋ยอีกชนิดหนึ่งที่ทำจากขี้เช่นกัน แต่เปลี่ยนจากขี้สัตว์ ไปเป็น “ขี้แดดนาเกลือ” หรืออีกชื่อหนึ่ง คือ “ดินหนังหมา” เป็นตะไคร่น้ำและเชื้ออินทรีย์ต่างๆ บนผิวหน้าของนาเกลือ ที่จับตัวเป็นแผ่นบางๆ แห้งกรอบ แต่เพราะมีแร่ธาตุอาหารและช่วยอุ้มน้ำได้ดี ขี้ชนิดนี้จึงกลายเป็นปุ๋ยชั้นดีสำหรับเกษตรกร

            กระดาษจากขี้ เพราะขี้ของสัตว์กินพืชมีปริมาณกากใยจำนวนมาก จึงกลายมาเป็นวัตถุดิบทางเลือกที่สำคัญ ทดแทนการใช้เยื่อจากต้นไม้ เช่น กระดาษขี้ช้าง กระดาษขี้วัว ซึ่งรับรองแล้วว่าไม่มีกลิ่นขี้อย่างแน่นอน

            เชื้อเพลิงจากขี้ ใครจะคิดว่าขี้จะมีประโยชน์ขนาดเป็นพลังงานได้ แต่เป็นไปแล้ว เพราะทั่วโลกมีการนำเอาขี้มาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงกันอย่างหลากหลาย ทั้งในรูปแบบของถ่านและก๊าซชีวภาพ เช่น ขี้วัวตากแห้งที่ถูกนำมาทำเป็นเชื้อเพลิง

ขี้กินได้!??

            เชื่อไหมว่าขี้กินได้ นิทรรศการนี้เขาพิสูจน์แล้วว่าจริง! 

            พอเข้ามาในฐาน “ขี้กินได้” ก็เชื่อแล้วว่า ขี้กินได้ เคยกิน และอร่อยเสียด้วยสิ ถ้าใครเคยกิน “แกงไตปลา” หมายความว่าเคยกินขี้มาแล้วนั่นแหละ เพราะไตปลามาจากพุงปลานำมาหมัก ซึ่งก็ต้องมีขี้ตกค้างอยู่ เช่นเดียวกับอาหารเหนือที่เรียกว่า “ขี้ปลาขม” ซึ่งทำจากไส้ปลาและขี้ปลากระดี่หรือปลาสลิดตัวเล็กๆ นำมาหมักด้วยเกลือ ปรุงเครื่อง ทานด้วยผักสด อร่อยเลยทีเดียว

            ถ้าเมนูด้านบนรุนแรงเกินไป ลองเปลี่ยนมาเป็นเมนูขี้แบบที่สอง คือกลุ่มที่มีคำว่า “ขี้” อยู่ในชื่ออาหาร เช่น “แกงขี้เหล็ก” ที่นำเอาใบขี้เหล็กมาเป็นส่วนผสมของแกง หรือ “ผัดขี้เมา” ที่มีการสันนิษฐานว่า ชื่อของอาหารชนิดนี้มากจากกลิ่นและรสเฉพาะตัวของสมุนไพรแต่ละชนิดที่นำมาผัด มีกลิ่นผสมกันจนแยกไม่ออกเหมือนกันอาการของคนเมา

            ส่วนอาหารอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้มีส่วนประกอบของขี้ แต่รูปลักษณ์ชวนให้นึกถึงขี้ จุดเด่นคือลักษณะของอาหารที่ข้นและมีสีเหลือง เช่น แกงกะหรี่ ผัดฟักทอง ถึงหน้าตาจะไม่น่าทานแต่รสชาติและคุณค่าสารอาหารไม่แพ้เมนูไหนเลยนะ

            ปิดท้ายกันด้วยเครื่องดื่ม ที่เกี่ยวข้องกับขี้แบบผ่านๆ นั่นคือ กาแฟขี้ชะมด หรือ “โกปิ ลูวัค (Kopi Luwak)” ซึ่งเป็นกาแฟที่ราคาแพงที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ที่ชื่อว่ากาแฟขี้ชะมด เพราะกระบวนการกว่าจะมาเป็นกาแฟหอมกรุ่นนั้น จะต้องนำผลกาแฟสุกให้เจ้าชะมดพันธุ์ Paradoxurus hermaphroditus กินเข้าไป และเกิดการย่อยเปลือกนอกและเนื้อของผลกาแฟ แล้วขับถ่ายเมล็ดกาแฟออกมา ว่ากันว่ากาแฟชนิดนี้มีรสชาติกลมกล่อม เจือด้วยกลิ่นของช็อกโกแลตและดิน ลองหามาดื่มสักแก้วดูไหมล่ะ?

            ไหนๆ ก็ชื่อว่าขี้กินได้แล้ว ฐานนี้เขาก็มีขี้มาให้ลองกิน เป็นเมนูที่อยู่ในกลุ่มรูปลักษณ์เหมือน คือ มูสฟักทองบนแครกเกอร์ ที่เหมือนมากจริงๆ มีผู้เข้าร่วมนิทรรศการที่เป็นผู้ใหญ่หลายคนไม่กล้ากิน เพราะเหมือนเกินไป แต่ถ้าเป็นเด็กๆ ละก็ สนุกสนานกับการกินขี้กันใหญ่

ขี้สัตว์สารพัดคำทำนาย

            อีกหนึ่งฐานที่เรียกความสนใจได้ไม่แพ้ฐานอื่นๆ คือ ฐาน “ขี้สัตว์” ที่ได้นำขี้สัตว์จริงๆ จากสวนสัตว์มาให้ได้ดูกัน ว่ามีความต่างกันอย่างไร และขี้สัตว์บอกอะไรได้บ้าง ซึ่งขี้สัตว์ที่ได้เห็นกันในครั้งนี้ ได้แก่ ยีราฟ ม้าลาย ฮิปโปโปเตมัส สิงโต หมีหมา ฯลฯ โดยขี้ของสัตว์แต่ละชนิดจะมีความแตกต่างกันไป ทั้งก้อนใหญ่ ก้อนเรียว ก้อนกลม

            ซึ่ง “พี่แก่น” นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่เชี่ยวชาญด้านการเข้าป่าตามหาสัตว์ เล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่ขี้สัตว์แต่ละชนิดแตกต่างกัน เพราะรูปร่างของสัตว์และการใช้ชีวิตของสัตว์แต่ละพันธุ์ไม่เหมือนกัน เช่น สัตว์กินเนื้อ อย่างสิงโต เสือ หรือสัตว์ที่มีลักษณะคล้ายคนอย่างลิง ขี้ของพวกมันจะมีลักษณะคล้ายของคน แต่หากเป็นสัตว์ประเภทกวาง ลักษณะของขี้จะเป็นก้อนกลมๆ และเล็ก เนื่องจากเป็นสัตว์ที่ต้องคอยระวังตัวจากการถูกล่า ทำให้พฤติกรรมการขับถ่ายต้องเร่งรีบไปด้วย

            พี่แก่น ยังได้เสริมเรื่องขี้สัตว์ด้วยว่า หากนักสำรวจเข้าป่าแล้วพบขี้สัตว์เหมือนได้ทอง เพราะเป็นคำทำนายที่ดีกว่ารอยเท้าสัตว์เสียอีก เพราะขี้ก้อนหนึ่งนอกจากจะบอกได้ว่าสัตว์ชนิดนั้นคืออะไร ยังบอกได้ว่าสัตว์ตัวนั้นเจ็บป่วยหรือไม่ อยู่ในช่วงผสมพันธุ์หรือเปล่า อาศัยอยู่แถวไหนของป่า จากรูปทรงและสิ่งที่มันกินเข้าไป รวมไปถึงคราบเลือดที่อาจติดมาจากการขับถ่าย ..โอ้โห ขี้ก้อนเดียวนี่ทำนายได้สารพัดจริงๆ

“ส้วม” คู่ซี้ขี้

            เมื่อพูดถึงขี้แล้ว จะไม่พูดถึงส้วมก็คงไม่ได้ นิทรรศการครั้งนี้ได้จำลองส้วมหลุม ซึ่งเป็นส้วมรูปแบบแรกที่คนไทยใช้ ในช่วงปลายรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ซึ่งมีพระราชกำหนดสุขาภิบาลกรุงเทพฯ พ.ศ.2440 มีผลบังคับให้คนต้องขับถ่ายในส้วม ก่อนที่ส้วมจะค่อยๆ พัฒนารูปแบบเป็นส้วมซึมและส้วมชักโครกในที่สุด

            จบการท่องนิทรรศการครั้งนี้ หากใครอยากรู้เรื่องขี้ ที่ไม่ใช้ขี้ขี้ ลองเข้าไปติดตามต่อได้ที่www.facebook.com/interpoobangkok หรือเข้ามาหาหนังสืออ่านกันที่อุทยานการเรียนรู้ TK park แล้วจะรู้ว่า เรื่องขี้นั้นใกล้ตัว และเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่น่ารังเกียจเลย

แนะนำให้อ่านโดย [url=http://diva-group.org/]ได้ความรู้วันละนิด-ดีกว่ามีมิตรที่ไม่ด



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ