Advertisement
เที่ยวจิ่วไจ้โกวตั้งอยู่ภายในอำเภอหนานผิงเขตอาป้าลุ่มแม่น้ำหมินเจียงมาทางตอนใต้ของเฉิงตู 450 กิโลเมตรเนื่องจากที่นี่มีทั้งหมด 9 หมู่บ้านคือผานซิ่นเผิงปู้กู้วาผานย่าเจ๋อฉาวาเฮยเจี่ยวไจ้ซู่เจิ้งเหอเย่จาหยูจึงมีชื่อว่าจิ่วไจ้โกว (9 หมู่บ้าน) จากเขียนไว้หนานผิงเซี่ยนจื้อ (บันทึกประวัติศาสตร์เมืองหนานผิง) รับสั่งว่า “ข้างในเมืองหยางต้งมีน้ำสองสามสายที่ยาวมากฉายแสงประกายวิบวับเขียวมรกตสะท้อนเงาพรรณไม้ละอองน้ำลอยคลุ้ง” เพราะเหตุนี้จึงมีชื่อว่าหยางต้งและชุ่ยห่าย (น้ำมรกต)
จิ่วไจ้โกวมีพื้นที่ทั้งหมด 620 ตารางกิโลเมตร 52%ของพื้นที่ทั้งหมดเป็นพื้นป่าที่อุดมสมบูรณ์มีทั้งวิวทางธรรมชาติทะเลสาบน้ำตกภูเขาหิมะป่าไม้จนถูกกำหนดชื่อว่าเป็น “โลกแห่งเทพนิยาย”
จิ่วไจ้โกวเป็นธารน้ำสองสายที่มาบรรจบกันเป็นรูปตัวYมีระยะทางรวมกัน 50 กิโลเมตรผืนป่าสองแสนกว่าเอเคอร์ที่ปกคลุมเขาสูง 2,000-4,000 เมตรอย่างหนาทึบไม้ที่สำคัญได้แก่สนแดงหยวินชันหลิงชันชื่อฮว่าหลิ่งชุนมู่ต้นเหลียงเซียนเป็นต้นผื่นป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้เป็นที่พักอาศัยของบรรดาสัตว์อนุรักษ์เช่นหมีแพนด้ากวางปากขาวละมั่งซูเหมินละมั่งหนิวเจี่ยวกวางเหมากวนแมวทองเป็นต้นในทะเลสาบก็ลอยล่ะองด้วยเป็ดฝูงใหญ่รวมทั้งหงส์เป็ดแมนดารินด้วยซึ่งที่นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่งที่จัดเป็นแหล่งอนุรักษ์ธรรมชาติของจีน
ชื่อเสียงของจิ่วไจ้โกวนี้มาจากความเป็นที่สุดในโลกในเรื่องของธรรมชาติตั้งแต่ปี1984 ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและกลายเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ชื่นชอบการทัศนาจรเป็นชีวิตจิตใจหรือผู้ที่ต้องการเอาแรงจิตใจไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุเด็กๆจิ่วไจ้โกวจัดได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์ของท่านเลยทีเดียว
เที่ยวเส้นทางสายไหมเมื่อกล่าวถึงเส้นทางที่มีความสำคัญต่ออารยธรรมของโลกเส้นทางของคาราวานค้าไหมที่รู้จักกันในนามSilk Roadหรือเส้นทาสายไหมถือได้ว่าเป็นเส้นทางอันดับต้นๆที่เชื่อมต่อและผสมผสานอารยธรรมจากดินแดนต่างๆเข้าด้วยกันคาราวานพ่อค้าที่เดินทางเข้าออกประเทศจีนไปยังดินแดนตะวันตกไม่เพียงนำไหมไปค้าขายแต่ยังนำศิลปวัฒนธรรมไปเผยแพร่เช่นเคล็ดลับการทำกระดาษเครื่องโลหะขณะเดียวกันจีนก็ได้ค้าขายรับอารยธรรมระหว่างจีนกับภายนอกตลอดเส้นทางสายไหมจึงจะปรากฏหลักพยานสำคัญทางเหตุการณ์ในอดีตมากมายอาทิเมืองโบราณวัดกำแพงเมืองเก่าซึ่งเมื่อเส้นทางสายไหมเริ่มมีบทบาทด้านการท่องเที่ยวเช่นในปัจจุบันสถานที่เหล่านี้จึงกลายมาเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปสืบสาว
เนื่องจากทางสายไหมมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเส้นทางและเมืองที่ผ่านในแต่ละยุคสมัยอาจแตกต่างกันบ้างยาวตั้งแต่จากจีนผ่านคาซักสถานทาจิกิสถานอุซเบกิสถานสู่อาณาจักรเปอร์เซียอิรักอิหร่านต่อไปยังอิสตันบูลในตุรกีบ้างเดินทางจากจีนลงไปทางคาราโครัมไฮเวย์ปากีสถานสู่อินเดียหรือบางยุคก็ยาวไปถึงกรุงโรมเช่นในสมัยของมาร์คโคโปโลพ่อค้าชาวเวนิสที่เดินทางมาค้าขายกับจีนในสมัยมองโกลเรืองอำนาจประมาณแล้วเป็นเส้นทางสายไหมที่มีระยะทางถึงกว่า 7,000 กิโลเมตร
เที่ยวทิเบตบนเส้นทางสายรถไฟ (Qinghai-Tibet)
ในโลกนี้มีเส้นทางท่องเที่ยวมากมายที่นักเดินทางใฝ่ฝันหาทั้งเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเส้นทางสู่วิถีชีวิตอันบริสุทธิ์หรือเส้นทางอารายธรรมที่ผู้คนกล่าวขวัญถึง
แล้ววันหนึ่งการออกเสาะแสวงหาเส้นทางนี้ก็ได้นำผู้คนมาพบกับดินแดนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นแชงกรีล่าแห่งเอเชีย “ทิเบต” ที่ซึ่งกลิ่นอายแห่งความศรัทธาศาสนาและจิตวิญญาณไหลวนรวมกันอยู่ในวงล้อมของธรรมชาติอันพิสุทธิ์อย่างไรก็ตามโอกาสในการเยือนดินแดนอันพิสุทธิ์ของทิเบตอาจเป็นเพียงความหวังเนื่องมาจากภูมิประเทศอันสลับซับซ้อนจนกระทั่งเมือความมุ่งมั่นผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีและเม็ดจากจีนทางรถไฟสายQinghai-Tibetทางรถไฟสายที่สูงที่สุดในโลกก็ถือกำเนิดขึ้นพร้อมทำหน้าที่ในการนำผู้คนไปสัมผัสกับสิ่งที่นักเดินทางเคยฝันหาในดินแดนหลังคาโลกแห่งนี้
เส้นทางรถไฟสายหลังคาโลก
ในปี 2527 รัฐบาลจีนได้เริ่มก่อสร้างทางรถไฟสายชิงไห่-ทิเบต (Qinghai-Tibet) เพื่อเชื่อมทิเบตกับส่วนอื่นๆของประเทศแต่โครงการดังกล่าวต้องหยุดชะงักเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่มีความซับซ้อนและในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเมื่อเทคโนโลยีด้านการก่อสร้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นทางรัฐบาลจีนจึงได้ดำเนินการก่อสร้างทางรถไฟส่วนที่เหลือจนแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2549 อย่างเป็นทางการ
มีต้นทางอยู่ที่เมืองซีหนิงเมืองหลวงของมณฑลชิงไห่และสุดทางที่ลาซาเมืองหลวงของทิเบตระยะทางรวม 1,957 กิโลเมตรนับเป็นเส้นทางรถไฟสายที่สูงที่สุดในโลกและผ่านสถานที่สำคัญที่มีความสวยงามมากมายโดยวิ่งผ่าน 3 ที่ราบสูงคือซานเจียงหยวนพื้นที่อนุรักษ์สัตวป่าในเขตอบอุ่นที่ติดต่อกับที่ราบสูงเข่อเข่อซีหลี่และทุ่งหญ้าเจียงถังตลอดจนที่ราบสูงชิงจ้างที่ราบสูงขนาดใหญ่และสูงที่สุดในโลกพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีแต่ด้วยการเดินทางด้วยรถไฟสู่ดินแดนหลังคาโลกที่มีความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูงทำให้พื้นที่ที่เคยทุรกันดารและยากต่อการเข้าถึงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่ทำให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกเบนเข็มมายังจุดหมายแห่งนี้
เที่ยวง๊อไบ๊ภูเขาอันดับหนึ่งของจีนภูเขาง๊อไบ๊เป็นมรดกประเพณีนิยมและธรรมชาติแห่งโลกเป็นแห่งท่องเที่ยวเชิงระบบนิเวศอันดีงามทั่วโลกเป็นขุนเขาหนึ่งในสิบลูกอันลือชื่อที่สวยงามทีสุดของจีนและเป็นยี่ห้องการไปเที่ยวหนึ่งในสิบยี่ห้อที่มีบารมีมากที่สุดของจีนซึ่งมีชื่องามตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมาว่า “ผู้นำภูเขา” “ภูเขาอันดับหนึ่งของจีน” เป็นอาทิ
ภูเขาง๊อไบ๊ไม่เพียงแต่มีวิวทิวทัศน์อันสวยสดงดงามความเป็นใหญ่มโหฬารและพระธรรมอันลึกซึ้งและยาวนานเท่านั้นยังเป็นที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาของพระโพธิสัตว์ผู่เสียนเป็นปูชนียสถานพระพุทธศาสนาที่ขึ้นชื่อของโลกซึ่งก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบผสมเอนกประสงค์ที่ได้รวบรวมการทัศนาจรน้ำพุร้อนพักผ่อนหย่อนใจการออกกำลังกายมหรสพอาหารที่อร่อยและการจัดประชุมในที่เดียว
ตามเส้นทางท่องเที่ยวภูเขาง๊อไบ๊มีพระพุทธรูปหลวงพ่อโตเล่อซานซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางนั่งของพระสังขจายรูปใหญ่ที่สุดในโลกที่แกะสลักตามหน้าผามีพระโพธิสัตว์ผู่เสียนรูปทองคำสิบหน้าที่สูงที่สุดในโลกมีเขตที่อาศัยของลิงเชิงระบบนิเวศธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของจีนและมีนำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดชนิดครบมากที่สุดของจีนเมื่อย่างก้าวเข้าไปในเขตภูเขาง๊อไบ๊
เที่ยวจิ่วหัวซานภูเขาอันดับ 1 ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนมีเนื้อที่ประมาณ 122 ตารางกิโลเมตรตั้งอยู่ที่เมืองฉือโจวมณฑลอันฮุยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 1 ใน 4 แห่งของศาสนาพุทธเดิมชื่อจิ่วจือซาน (ภูเขา 9 ลูก) กวีเอกสมัยราชวงศ์ถังนาม “หลี่ไป่” ได้เดินทางมาถึงจิ่วหัวซานและพรรณนารุจีของจิ่วหัวซานว่างามเหมือนดอกบัวโดยเขียนเป็นกลอน 1 บทและเรียกเขานี้เป็นจิ่วหัวซานนับแต่นั้นเป็นต้นมาคนจีนที่ได้อ่านกลอนบนที่จึงพากันเรียกภูเขาลูกนี้ว่า “จิ่วหัวซาน”
ภูเขาจิ่วหัวซานมีความเป็นมาความเป็นมาเจ็ดชั่วโคตรเดิมเป็นสถานที่เผยแพร่ศาสนาของลัทธิเต๋าจนกระทั่งในปีค.ศ. 397 ศาสนาพุทธได้แพร่เข้ามาถึงจิ่วหัวซานและต่อมาราวค.ศ. 719 ได้มีเชื้อพระวงศ์ของกษัตริย์เกาหลีชื่อจิงเฉียวจี๋ (Jing Qiao Gue) เดินทางมาถึงภูเขานี้และอุบัติความเลื่อมใสศรัทธาในพุทธศาสนาจึงขอบวชเป็นพระสงฆ์เพื่อปฏิบัติธรรมโฆษณาชวนเชื่อคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ที่นี้ถึง 75 ปีและมรณภาพเมื่อายุได้ 99 ปีหลังจากมรณภาพแล้วปรากฏว่าร่างกายของท่านไม่เน่าเปื่อย (เหมือนมัมมี่) พระสงฆ์และแม่ชีตลอดจนผู้เลื่อมใสศรัทธาต่างเห็นพ้องกันว่าร่างกายของท่านที่แห้งลงนั้นมีหน้าคล้ายกับพระโพธิสัตย์ตี่จ้างหวางนับแต่นั้นมาจิ่วหัวซานจึงเป็นสถานที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตย์ตี่จ้างหวางผูซ่าและเชื่อกันว่าทรงเป็นเลิศด้านการโปรดสัตว์ในยมโลกให้พ้นทุกข์
เที่ยวผู่โถวซานผู่โถวซานเป็นเกาะเล็กๆเกาะหนึ่งในจำนวนหลายพันเกาะของมณฑลเจ๋อเจียงตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกของจีนมีพื้นที่ 12.5 ตารางกิโลเมตรชาวจีนถือได้ว่าเป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์นับเป็นดินแดนพุทธคีรี 1 ใน 4 แห่งของจีนเนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) หรือกวนอิมชื่ออิมผู่ซ่าที่เชื่อกันว่าทรงเป็นเลิศทางเมตตาคุณ
ดินแดนแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นถิ่นกำเนินของเจ้าแม่กวนอิมดังนั้นทุกสิ่งทุกอย่างบนเกาะนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับองค์พระโพธิสัตย์อวโลกิเตศวร (เจ้าแม่กวนอิม) ทั้งสิ้นในอดีตเกาะเล็กๆแห่งนี้เลยมีวัดถึง 82 วัดมีพระสงฆ์และแม่ชีรวมกันมากกว่า 4,000 รูปปัจจุบันมีประมาณ 12 วันเท่านั้นที่มีพระสงฆ์หรือแม่ชีจำพรรษาอยู่วัดที่สำคัญบนเกาะนี้ได้แก่วัดผู่จี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างในสมัยราชวงศ์ซ่งและเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของเกาะผู่โถวซานวัดฝ่าหยีเป็นวัดที่สร้างติดกับภูเขาจึงได้ชื่อว่าเป็นวัดแห่งความเงียบสงบวัดฮุ้ยจี้เป็นวัดที่สร้างอยุ่บนภูเขาฝอติ่งซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของผู่โถวซาน
เที่ยวภูฏานภูฏานตั้งอยู่ในเขตตะวันออกของเทือกเขาหิมาลัยเป็นประเทศเล็กๆที่มีขนาดใกล้เคียงกับประเทศสวิสเซอร์แลนด์และเรียกขานดินแดนนี้ว่าดินแดนมังกรสายฟ้าหนึ่งในสถานที่ในโลกที่นักท่องเที่ยวเลือกที่จะมาเยี่ยมชมเป็นอันดับต้นๆและได้รับการเลือกให้เป็นภูมิประเทศที่น่าทัศนาจรที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแต่น้อยคนนักที่จะได้มาสัมผัสที่นี่
ดินแดนแห่งความสุขที่คุณไม่สามารถหาสถานที่ท่องเที่ยวที่ทำให้คุณได้ดื่มดำกับความสุขอย่างจริงๆมากนักได้ในปัจจุบันราชอาณาจักรภูฏานตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาหิมาลัยและปฏิเสธยุคโลกาภิวัติแต่เลือกที่จะอยู่ในสรวงสวรรค์ที่ซ่อนตัวอยู่
ภูฏานเป็นปราการด่านสุดท้ายของศาสนาพุทธแบบวัชระยานการฝึกจิตใจได้รับการยอมรับว่าลึกซึ้งที่สุดแห่งหนึ่งของชาวพุทธสำนักสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ตั้งอยู่ริมหน้าผาธงมนต์ปลิวไสวเป็นทางยาวลามะในชุดสีแดงสวดมนต์ทั้งกลางและกลางคืนเหมือนเป็นการเติมพลังออราเข้าสู่ราชอาณาจักรในอีกวาระหนึ่งความร่ำรวยทางประเพณีนิยมที่เป็นมรดกตกทอดประชาชนชาวภูฏานที่ได้กลั่นออกมาเป็นลักษณะเฉพาะตัวเขาคิดว่ามนุษย์สามารถอยู่ได้โดยมีกรรมจากอดีตเป็นตัวกำหนดการจู่โจมของยุคโลกาภิวัตน์ถูกทำให้สมดุลโดยการเพิ่มคุณค่าของการอยู่ร่วมกันและมีส่วนร่วมกันในวงการ
ราชอาณาจักรภูฏานทุกวันนี้ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ปลอดภัยนั่นคือสิ่งที่ชาวภูฏานพยายามรักษาไว้ดังนั้นรัฐบาลภูฏานได้ออกกฎเรื่องการท่องเที่ยวอย่างระมัดระวังโดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพแต่มีผลกระทบแต่น้อยเช่นไม่นำอะไรกลับไปยกเว้นรูปภาพไม่ทิ้งอะไรไว้ยกเว้นรอยเท้า
เที่ยวจางเจียเจี้ยท้องถิ่นจางเจียเจี้ยประกอบด้วยยอดเขาหินเขี้ยวหนุมานและเหวึกและหุบเขาใหญ่หายากในโลกซึ่งตั้งชื่อว่าลักษณะที่ตั้งของจางเจียเจี้ยดินแดนยอดเยี่ยมของโลกทิวทัศน์ปาฏิหาริย์แห่งใต้หล้ามีความหลากหลายทางชีวภาพของโลกเป็นระบบนิเวศน์ทั่วไปและเป็นสวนธรณีวิทยาแห่งแรกของโลกข้างในนมีมรดกโลกธรรมชาติอู่หลิงหยวนดึงดูดใจนักท่องเที่ยวมากซึ่งเด่นไม่แพ้กำแพงเมืองจีนวัฒนธรรมจางเจียเจี้ยมีความเป็นเอกลักษณ์ที่งดงามและเป็นตัวของตัวเอง
จางเจียเจี้ยห้อมล้อมด้วยธรรมชาติชนเผ่าถูเจียไบ๋เมี๊ยวอุดมไปด้วยประเพณีพื้นบ้านของชนกลุ่มน้อยที่มีสืบทอดกันมายาวนานเป็นระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมาเมืองจางเจียเจี้ยได้พัฒนาการเดินทางสำรวจให้ดีขึ้นและมุ่งสู่มาตรฐานที่สูงสุดพัฒนาทรัพยากรแหล่งท่องเที่ยวและมีสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานสำหรับการท่องเที่ยวมีความพร้อมพอสมควรเช่นทางอากาศทางรถไฟทางหลวงและทางด่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือลิฟท์แก้วไป่หลงเขาเทียนจื่อซานกระเช้าไฟฟ้าชมทัศนียภาพที่เขาเทียนจื่อซานถนนอำนวยความสะดวกบนเขา
เที่ยวคุนหมิงนครคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน ตั้งอยู่ตอนกลางของที่ราบติดกับทะเลสาบเตียนฉือ ทะเลสาบที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เมืองประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ที่มีร่องรอยทางตำนานของมนุษย์โบราณกาลอยู่รอบทะเลสาบเตียนฉือ
วัดที่ลือชื่อในเมืองคุนหมิง คือ วัดหยวนทง ในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน มีประวัติยาวนานกว่า 1200 ปี เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองคุนหมิงและมีวิหารพุทธนิกายหินยาน ซึ่งเห็นน้อยมากในทั่วประเทศจีน
วัดนี้แตกต่างไปจากวัดอื่นคือ วิหารสมเด็จพระบรมมหาวีระอยู่กลางสระน้ำซึ่งเป็นสถานี่ต่ำที่สุดในบริเวณวัด ในวิหารมีรูปพระพุทธเจ้า รูปพระอมิตาภะและรูปพระเภสัชคุรุ ซึ่งปั้นขึ้นเมื่อราชวงศ์หยวน บนผนังสี่ด้าน มีรูปพระอรหันต์ 500 รูป ข้างหลังวิหารใหญ่มีหอทองแดงหลังหนึ่ง ข้างในมีรูปพระพุทธเจ้าทองแดงในท่านั่ง สูง 3.5 เมตร หนัก 6 ตัน ซึ่งวงการพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยมอบให้ รูปลักษณะและเครื่องแต่งกายล้วนแหวกแนวจากพระพุทธรูปในวิหารใหญ่ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างสองนิกายของพุทธศาสนาได้
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
ทัวร์จีนเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :
[url]https://www.facebook.com/BraveFrontierMods[/url]
Tags : ทัวร์จีน,ทัวร์ต่างประเทศ,ทัวร์ยุโรป