Advertisement
ถ้าหากมีบางคู่ มีลูกยาก พบปัญหาการตั้งครรภ์การมีบุตร(Pregnancy) คือภาวะที่เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่และอสุจิจากนั้นได้ตัวอ่อนขึ้นมาในการตั้งครรภ์โดยทั่วไปตัวอ่อนจะไปฝังอยู่ที่เยื่อบุโพรงมดลูกและตัวอ่อนที่มีเพียงเซลล์เดียว จะแบ่งตัวและพัฒนาเป็นอวัยวะต่างๆจนเติบใหญ่เป็นทารกซึ่งหญิงโดยทั่วไปที่มีประจำเดือนปกติและมาเสมอทุกทุก 28-30 วันจะมีอายุครรภ์ประมาณ 70 สัปดาห์หรือประมาณ 280 วันนับจากวันแรกของการมีเมนส์ครั้งล่าสุด
อาการ ของการตั้งครรภ์
เมื่อเข้าสู่ภาวการณ์ตั้งครรภ์ในช่วง 1-3 สัปดาห์แรกนั้น อาการจะยังไม่แสดงออกมาชัดเจนแต่จะเริ่มมีอาการให้เห็นในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ดังนี้
1 รอบเดือนหรือระดูขาด สำหรับผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์คืออายุจาก 15 ถึง 49 ปีโดยปกติแล้วจะมีประจำเดือนมาโดยปกติและมาใกล้เคียงกันทุกเดือนแต่หากประจำเดือนขาดหายไปนานเกิน 10 วันก็อาจคาดเดาเบื้องต้นได้ว่าอาจเกิดการตั้งครรภ์ สาเหตุที่ประจำเดือนขาดในช่วงการตั้งครรภ์นั้นเป็นเพราะว่าเมื่อเข้าสู่สภาวะการตั้งครรภ์แล้วนั้นร่างกายของเราจะผลิตฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการตั้งครรภ์ที่เรียกว่าฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนเป็นจำนวนมากและฮอร์โมนเหล่านี้ก็จะไปทำหน้าที่ในการยับยั้งการมีประจำเดือนและช่วยให้มีครรภ์ที่สุขภาพแข็งแรงแต่ไม่ใช่ว่าภาวะขาดประจำเดือนจะมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์เพียงอย่างเดียวบางครั้งอาจจะเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนหรือการเปลี่ยนแปลงอื่นๆในร่างกายเช่นผู้หญิงที่พึ่งมีประจำเดือน,หญิงวัยกำลังหมดประจำเดือน,หรือความตึงเครียดมากเกินไปจนทำให้ไข่ไม่ตกหรือโรคบางชนิดจะมีผลต่อการขาดประจำเดือนด้วยเช่นกันเช่นโรคของระบบต่อมไร้ท่อ เช่นเบาหวาน โรคเกี่ยวกับรังไข่
2 ฉี่บ่อย ระดับฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุที่เลือดไหลเวียนไปที่มดลูกและทำให้เยื่อบุผนังมดลูกหนาขึ้นเพื่อปกป้องและเอื้อต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์นอกจากนี้ฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนยังทำให้ไตขยายตัวขึ้นประมาณ 1.5 cm และทำให้มดลูกและกระเพาะปัสสาวะขยายตัวออกเป็นเหตุทำให้เกิดความรู้สึกแน่นและทำให้อยากปัสสาวะถี่ขึ้นนั่นเอง
3ความต้องการทางเพศมีการเปลี่ยนแปลง การตั้งครรภ์ในเดือนแรกจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนรวมถึงสภาวะอารมณ์ คุณแม่บางท่านจะเกิดความต้องการทางเพศเยอะขึ้นหรือบางคนอาจจะลดน้อยลงซึ่งอาการเหล่านี้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 2
4 เจ็บเต้านม ผู้หญิงโดยมากเวลาใกล้จะมีประจำเดือนจะมีอาการคัดตึงเต้านมนิดหน่อยแต่ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์จะมีอาการคัดตึงเยอะกว่าและนานกว่า เพราะว่าร่างกาย กำลังเตรียมสร้างน้ำนมให้ลูก(บางรายอาจเจ็บเต้านมและหัวนมด้วยทว่าอาการดังกล่าวจะหายไปเองภายหลังจากตั้งครรภ์แล้วประมาณ 3 เดือน)เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์เพิ่มมากขึ้น เต้านมก็จะยิ่งตึงมากขึ้นหัวนมจะมีสีคล้ำและใหญ่ขึ้นบริเวณลานหัวนมจะกว้างขึ้น
5 คลื่นไส้อาเจียน ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ส่วนมากจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนวิงเวียนศีรษะบางรายก็หน้ามืดเป็นลมอาการเหล่านี้เองที่เรียกว่า"อาการแพ้ท้อง"จะเป็นในระยะการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6-12 สัปดาห์แต่บางท่านก็อาจจะเป็นไปถึงสัปดาห์ที่ 16 ถึง 20 (สัปดาห์เดือนที่ 4-5) และจะมีน้อยมากที่จะแพ้ท้องไปจวบจนตอนคลอด สาเหตุเป็นเพราะว่าฮอร์โมนที่ผลิตขึ้นจากการตั้งครรภ์นั้นไปรบกวนระบบทางเดินอาหารก่อให้เกิดการคลื่นไส้หรือพะอืดพะอมและอาเจียนออกมาสำหรับบางคนที่เป็นมากนั้นแพทย์อาจจะต้องให้น้ำเกลือเพื่อเป็นการทดแทน
ส่วนลักษณะอาการแพ้ท้องอื่นๆเช่น
- วิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมเป็นแล้งเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงหรือความดันโลหิตลดลงก็ทำให้เกิดอาการหน้ามืดวิงเวียนศีรษะได้ คุณแม่ควรทานอาหาร และดื่มน้ำอย่างเพียงพอก็จะช่วยป้องกันอาการเหล่านี้ได้
-จมูกไวต่อกลิ่นหรือที่เรียกว่าSuper Smell เป็นอาการที่จมูกจะไวต่อกลิ่นทุกชนิดมากเพิ่มขึ้น
-ความอยากอาหารเปลี่ยนไปเพราะระดับฮอร์โมนที่เพิ่มปริมาณจะทำให้การรับรู้รสชาติของคุณแม่เปลี่ยนแปลงไปจนทำให้รู้สึกว่ากินอะไรก็ไม่อร่อยและอาจจะอยากรับประทานของแปลกๆเช่นของเปรี้ยวๆ
6 ความเมื่อยล้าและมีอาการอ่อนเพลียคุณแม่จะมีแรงน้อยลงและรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นและอยากนอนตลอดเวลาเพราะว่าฮอร์โมนโพรเจสเทอโรนที่เพิ่มขึ้นมีผลทำให้กล้ามเนื้อในร่างกายคลายตัวเปรียบเสมือนยากล่อมประสาท และพลังงานเหล่านี้ยังช่วยพัฒนาทารกในครรภ์อีกด้วย
7อารมณ์แปรปรวนเป็นผลมาจากฮอร์โมนในร่างกายที่เกิดการเปลี่ยนแปลงส่งผลให้คุณแม่มีอารมณ์อ่อนไหวแปรปรวน อารมณ์เสียง่าย
8 ปวดเกร็งภายในช่องท้อง ถ้าคุณแม่รู้สึกปวดแบบหน่วงๆก็อาจจะเป็นเพราะการยืดขยายของมดลูกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีบุตรนั้นเอง
แต่ถ้าหากว่าเราอยากรู้ว่าตั้งครรภ์หรือเปล่าก็อาจจะใช้วิธีใช้ที่ตรวจปัสสาวะหรือวิธีการเจาะเลือดหรือไปพบคุณหมอจะชัดเจนที่สุดค่ะ ถ้ารู้สาเหตุแล้วเราก็จะสามารถแก้ไขปัญหาหรือ ตอบคำถามที่ว่า
[url=http://www.babyinorder.com/]มีลูกยากทำไงดี[/b][/url] ได้อย่างถูกต้องและตรงจุดที่สุดค่ะ
เครดิตบทความจาก :
[url]http://www.babyinorder.com/[/url]
Tags : มีลูกยาก