เรียนทำเบเกอรี่ เค้กอร่อย หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ อาหารญี่ปุ่น

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนทำเบเกอรี่ เค้กอร่อย หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ อาหารญี่ปุ่น  (อ่าน 102 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
suChompunuch
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 23655


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2017, 04:22:19 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

เรียนทำเบเกอรี่ ทำหน้าเค้ก หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ สอนทำอาหาร เรียนทำขนมปัเรียนทำขนมไทย, เบเกอรี่, เรียนทำเบเกอรี่ เบเกอรี่ฝรั่งเศส
ตะโก้แห้ว
ส่วนผสมของตัวขนม
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งถั่วเขียว 1 ช้อนชา
แห้วจีนหั่นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย
น้ำตาลทรายขาว 1 1/2 ถ้วย
น้ำปูนใส 1/2 ถ้วย
น้ำใบเตยหอม 1/2 ถ้วย
น้ำกลิ่นมะลิ 1 1/2 ถ้วย
กระทงใบเตย
ส่วนผสมหน้าขนม
แป้งข้าวเจ้า 1/4 ถ้วย
แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
กะทิ 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ทำตัวตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียว น้ำตาล น้ำปูนใส น้ำใบเตย น้ำกลิ่นมะลิ เข้าด้วยกัน กวนไฟกลาง
2. พอข้นใส่แห้วจีน กวนต่ออีกสักครู่ให้พออยู่ตัวเมื่อเย็นแล้ว (ทดลองโดยการตักใส่ถ้วยเล็กลอยน้ำ)
3. ตักตัวตะโก้หยอดในกระทงใบเตยครึ่งกระทง
4. ทำหน้าตะโก้ โดยผสมแป้งข้าวเจ้ากับแป้งถั่วเขียว กะทิ และเกลือป่น เข้าด้วยกัน กวนจนข้นพอดี ระวังอย่าให้ข้นมาก เพราะจะทำให้หยอดหน้าไม่เรียบ
5. ตักหยอดบนตัวตะโก้ให้เต็มกระทง
ขนมหวานชื่อก้องโลก
ข้าวเหนียวมะม่วง
ขนมหวานแบบไทยๆ ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่งโดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่าง ชาติ ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป
 

ความเป็นมาของเค้กแต่งงาน
ในสมัยโบราณ เจ้าสาวจะไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสขนมเค้กแต่งงานเลย เนื่องจากเค้กแต่งงานในยุคเริ่มแรกนั้น ทำขึ้นเพื่อ “ปา” ใส่เจ้าสาว เค้กแต่งงานมีพัฒนาการในฐานะที่เป็นหนึ่งในบรรดาสัญลักษณ์แห่งความอุดม สมบูรณ์ที่จะขาดเสียมิได้ในพิธีแต่งงาน ในยุคที่ผ่าน ๆ มา ผู้คนจะคาดหวังว่า บุตรสืบสกุลจะติดตามมาทันทีภายหลังการแต่งงาน ซึ่งเป็นสิ่งที่แน่นอนพอ ๆ กับมีกลางวันแล้วต้องมีกลางคืน
ช่างทำขนมชาว โรมันซึ่งมีฝีมือการอบขนมเป็นที่ยกย่องเลื่องลือ เป็นผู้เปลี่ยนแปลงประเพณีปฏิบัติดังกล่าว โดยเมื่อราว 100 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกช่างทำขนมได้ริเริ่มอบขนมเค้กชิ้นเล็กๆ มีรสหวาน ทำจากข้าวสาลีเพื่อใช้รับประทานในงานแต่งงานแทนที่จะใช้ “ปา” อย่างไรก็ดี แขกที่มาร่วมงานไม่ค่อยชอบใจนักที่อดสนุกกับการโปรยเมล็ดข้าวสาลีใส่เจ้าสาว จึงมักจะโยนเค้กชิ้นเล็ก ๆ นี้แทน

ประเพณีปฏิบัตินี้ แพร่หลายไปทั่วยุโรปตะวันตก ในประเทศอังกฤษเมื่อคู่บ่าวสาวรับประทานขนมแล้ว ต้องจิบเหล้าชนิดพิเศษซึ่งเรียกกันว่า “เหล้าเจ้าสาว” ตามด้วยพิธีโยนเค้กแต่งงานเพื่อเป็นเครื่องหมายให้คู่บ่าวสาว “มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง” นั้นเปลี่ยนแปลงไปอีกในสมัยกลางตอนต้น เมื่อเกิดภาวะข้าวยากหมากแพง เมล็ดข้าวสาลีดิบถูกนำกลับมาใช้โปรยใส่เจ้าสาวอีกครั้งหนึ่ง ขนมเค้กซึ่งเคยอบอย่างพิธีพิถันก็เปลี่ยนเป็นเพียงขนมปังกรอบ หรือขนมปังก้อนเล็ก ๆ ชนิดนุ่มรสหวานที่เรียกว่า “สคอน” (scone) เพื่อรับประทานร่วมกันในงานแต่งงาน แขกที่มาร่วมงานก็จะอบขนมกันมาเอง ส่วนที่เหลือจะนำไปแจกจ่ายให้คนยากจน ประเพณีปฏิบัติที่ประหยัดเรียบง่ายนี้เอง เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยความช่างประดิษฐ์ประกอบกับการดูแคลนทุกสิ่งที่เป็นอังกฤษของชาวฝรั่งเศส กลับเป็นที่มาของเค้กแต่งงานเป็นชั้น ๆ ซึ่งหรูที่สุด

หลังจากวันแต่งงานของ คู่บ่าวสาวในยุโรปนิยมเก็บเค้กชั้นบนสุดไว้แล้วนำออกมารับประทานใหม่ในวัน ครบรอบแต่งงานหนึ่งปีและการฉลองอีกครั้งก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องการให้กำเนิด เจ้าตัวน้อย เพราะเหตุนี้เค้กบางส่วนในพิธีแต่งงานอาจจะถูกเก็บไว้กินเพื่อฉลองในวันครบ รอบแต่งงานของบ่าวสาวในปีถัดๆ ไปใช้ฉลองในวันที่คลอดลูกคนแรกแต่โดยส่วนใหญ่จะใช้ในพิธีตั้งชื่อบุตรตาม หลักศริสต์ศาสนา ซึ่งจะเก็บรักษาเค้กด้วยการนำเข้าช่องแช่แข็งเอาไว้ ส่วนใหญ่จะเก็บชั้นบนสุดของเค้กที่มักจะตกแต่งด้วยผลไม้ซึ่งสามารถเก็บรักษา เอาไว้ได้เป็นระยะเวลานานด้วยการแช่แข็ง (ในสมัยก่อนวิธีการรักษาเค้กให้เก็บไว้ได้เป็นระยะเวลานานๆ ก็คือการใช้น้ำตาลในปริมาณมากๆ เป็นส่วนผสมในการทำและแต่งหน้าเค้ก เพื่อเพิ่มความหนาแน่นและลดช่องว่างไม่ให้อากาศเข้าไปในเนื้อเค้ก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เค้กหมดอายุหรือเสียเร็วขึ้น)
การทำครีมแต่งหน้าเค้ก
สูตรวิปปิ้งครีมแต่งหน้าเค้ก ของคุณ luMos
ส่วนผสม
เจลาตินผง 1 ช้อนชา
น้ำเย็น 1/4 ถ้วย
วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย
น้ำตาลทรายป่น 2 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวนิลา 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ผสม gelatin กับน้ำเย็นจนนิ่ม แล้วนำไปอังในถ้วยใส่น้ำร้อน คนจน gelatin ละลาย
- แล้วทิ้งให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง จากนั้นตีวิปปิ้งครีมกับน้ำตาลจนตั้งยอดอ่อน
- ค่อย ๆ เติม gelatin ลงทีละ 1 ช้อนชาในขณะที่ตีครีม จนหมด ใส่วนิลาลงไป แล้วตีจนตั้งยอดแข็ง
 
 
สูตรคัพเค้ก
คัพเค้กมะพร้าว
เพื่อน ๆ ที่ชอบกินมะพร้าวต้องปลื้มกับคัพเค้กมะพร้าวแน่นอน เนื้อเค้กใส่มะพร้าวทุกอณู โปะด้วยครีมมะพร้าวฟรอสติ้งละมุนลิ้น และยังโรยด้วยมะพร้าวขูดอีกด้วย ยิ่งกินตอนอบสุกใหม่ ๆ ยิ่งอร่อยเลยล่ะ
ส่วนผสม คัพเค้กมะพร้าว
- น้ำมันมะพร้าว 1/4 ถ้วย
 - น้ำตาลทราย 2/3 ถ้วย
 - กะทิ 1 ถ้วย
 - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
 - แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
 - ผงฟู 1/2 ช้อนชา
 - เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
 - เกลือป่น
 - มะพร้าวขูด 1 ถ้วย
ส่วนผสม ครีมมะพร้าวฟรอสติ้ง
- เนยจืด 1/3 ถ้วย
 - กะทิ 1/4 ถ้วย
 - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
 - น้ำตาลไอซิ่ง 2+1/2 ถ้วย ถึง 3 ถ้วย
 - มะพร้าวขูด (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำคัพเค้กมะพร้าว
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
 2. ทำคัพเค้กโดยตีผสมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำตาลทรายจนเข้ากัน ใส่กะทิและกลิ่นวานิลลาลงไปตีผสมจนเข้ากัน เตรียมไว้
 3. ตีผสมแป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงฟู เบกกิ้งโซดา เกลือป่น และมะพร้าวขูดให้เข้ากัน
 4. วางพิมพ์มัฟฟิน 10 ถ้วยบนถาดอบ หยอดส่วนผสมคัพเค้กลงไปประมาณ 1/3 ของถ้วย นำเข้าไปอบประมาณ 18 นาที หรือจนสุก นำออกมาพักไว้ให้เย็น
 5. ทำครีมมะพร้าวฟรอสติ้งโดยตีเนยจืดจนเนื้อเนียน ใส่กะทิและกลิ่นวานิลลาลงไปตีผสมจนเข้ากัน ใส่น้ำตาลไอซิ่งลงไป 2 ถ้วย ตีผสมจนเข้ากัน ใส่น้ำตาลไอซิ่งที่เหลือลงไปตีให้เข้ากัน นำไปบีบตกแต่งบนหน้าคัพเค้ก ตกแต่งด้วยมะพร้าวขูด พร้อมเสิร์ฟ

เคล็ดลับขนมไทย ทำอย่างไรให้อร่อย
ขนมไทย... หัตถกรรมความอร่อยที่แสดงออกถึงความอ่อนช้อยของความเป็นไทย ขนมไทยหลายชนิดผ่านขั้นตอนการปรุงแต่งและลงมือทำอย่างประณีต จนเกิดเป็นขนมไทยที่อร่อย น่ารับประทาน ด้วยเทคนิคอันเป็นเอกลักษณ์ของไทย วันนี้ไม่พลาดที่จะนำ เทคนิคการทำ ขนมไทยแต่ละประเภทมาฝากกันครับ
ขนมประเภทกวน
ถ้าพูดถึงขนมไทยที่ใช้วิธีการกวนในการทำ หลายคนคงเคยลิ้มรสชาติขนมเหล่านี้มาบ้างแล้วไม่ว่าจะเป็นขนมตะโก้ ขนมเปียกปูน ลอดช่องไทย ซ่าหริ่ม เผือกกวน กระยาสารท กะละแม เป็นต้น กว่าจะได้มาเป็นขนมที่อร่อยเชื่อว่าต้องผ่านกรรมวิธีเทคนิคต่าง ๆ และไม่พลาดที่จะคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี
เตรียมแป้งก่อนกวนทุกครั้ง แป้งที่ใช้ในการกวนจะต้องเป็นแป้งที่เก็บไว้ไม่นานจนเกินไป ทุกครั้งที่นำแป้งมาใส่ภาชนะเพื่อกวนกับส่วนผสมอื่น ๆ แนะนำให้ค่อย ๆ เทส่วนผสมอื่นลงไปทีละน้อยพร้อมกับนวดแป้งให้เหนียวอย่างเบามือประมาณ 10 นาที จึงใส่ของเหลวที่เหลือทั้งหมดลงไป แล้วนวดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
การใช้ไฟในขณะกวน การกวนขนมควรใช้ไฟกลางหรือไฟอ่อน ไม่ควรใช้ไฟแรงเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ขนมจับตัวเร็วขึ้น เนื้อขนมไม่เหนียวหรืออาจไหม้ได้ง่าย แนะนำให้ใช้ไฟอ่อน ๆ เพื่อให้ขนมสุกทั่วและป้องกันการไหม้ของขนมระหว่างกวน
เทคนิคการกวน พายที่ใช้กวนส่วนมากเป็นพายไม้ เพราะมีความแข็งแรงและไม่มีส่วนใดละลายลงไปปนเปื้อนขนมวิธีกวนที่จะทำให้ได้ขนมมีความเหนียวดีจะต้องกวนไปทางเดียวกันตลอดจนขนมได้ที่

|
ขมป้งบ้านครูแอน อร่อย การันตี เรียนแล้วทำเป็น ชัวร์
|
อยากทำขนมเค้กเป็น อยากทำขนมอร่อยๆ เรียนกับครูแอนเลย
|
ทำขนมเค้กกินเอง ขนมปัง เบเกอรี่ บ้านครูแอน สอนเป็นกันเอง เรียนจบต้องทำเป็นให้จงได้
}
คอร์สแต่งหน้าเค้ก ไส้ขนมปัง เปิดร้านเบเกอรี่ (สอนส่วนตัว)

เครดิต : [url=http://www.annann201.com/][url]http://www.annann201.com/
[/url]

Tags :  สอนทำเบเกอรี่,เรียนทำอาหารญี่ปุ่น,สอนทำอาหารญี่ปุ่น



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ