ข่าวกีฬาไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเกตุบอล ความบันเทิงถึงบ้านคุณ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ข่าวกีฬาไม่ว่าจะเป็นฟุตบอล บาสเกตุบอล ความบันเทิงถึงบ้านคุณ  (อ่าน 102 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
raraymondas
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37247


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2017, 08:03:10 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

"บอลออนไลน์" title="ข่าวสารกีฬาฟุตบอล"
เว็บวาไรตี้ความบันเทิงกึฬ่า ให้คุณได้ติดตามข่าวสารกีฬ่าฟุตบอลได้ก่อนใคร กับ https://sportkk99.blogspot.com/



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
jeerapunsanook
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 13495


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 15, 2017, 11:11:09 pm »

ในกีฬาฟุตบอลมีข้อตกลงสากลทั้งสิ้น 17 ข้อหลักที่มีการใช้ในฟุตบอลทั่วทั้งโลก โดยกติกาอาจมีการดัดแปลงบ้างสำหรับบอลเด็กและฟุตบอลหญิง ยาว 90-120 เมตร แล้วก็ความกว้างระหว่าง 70-90 เมตร โดยเส้นขอบสนามของด้านยาวจะเรียกว่า "เส้นข้าง" ในตอนที่ขอบสนามของด้านกว้างจะเรียกว่า "เส้นประตู" โดยคานประตูจะตั้งอยู่ตรงกลางบนเส้นประตู โดยมีความสูง 2.44 เมตร (8 ฟุต) เหนือจากพื้นดิน แล้วก็เสาประตูจะห่างกัน 7.4 เมตร (8 หลา) เสารวมทั้งคานประตูควรจะมีสีขาว ตาข่ายจะมีการกางข้างหลังประตู แต่อย่างไรก็ตามตาข่ายประตูไม่ได้มีกำหนดไว้ในกติกาสากล
ด้านหน้าประตูจะเป็นบริเวณเขตโทษ ซึ่งแสดงถึงรอบๆที่ผู้รักษาประตูสามารถถือบอลได้ และก็ยังคงใช้สำหรับเพื่อการเตะลูกโทษ
ช่วงเวลาการแข่งขันชิงชัยแก้
การแข่งขันจะแบ่งได้เป็นสองครึ่ง โดยครึ่งละ 45 นาที โดยเวลาการแข่งขันจะมีการนับตลอดเวลา ถึงแม้ฟุตบอลจะถูกเตะออกนอกสนามแล้วก็กรรมการสั่งให้หยุดเล่นก็ตาม ระหว่างครึ่งจะมีเวลาพักให้ 15 นาที ผู้ตัดสินจะเป็นคนควบคุมเวลา รวมทั้งจะกระทำทดเวลาบาดเจ็บในช่วงท้ายของแต่ละครึ่งเพื่อชดเชยในตอนที่เสียไป ระหว่างการเล่น โดยเมื่อจบการประลองผู้ตัดสินจะกระทำการเป่านกหวีดเพื่อหยุดการประลอง
ในการชิงชัยแบบลีก จะมีการจบการแข่งขันชิงชัยสำหรับผลเสมอ แม้กระนั้นสำหรับเพื่อการแข่งที่จะต้องทราบผลแพ้ชนะจะมีการขยายเวลาพิเศษ ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 ครึ่ง ครึ่งละ 15 นาที โดยถ้าหากคะแนนยังคงเสมอกันจะมีการให้เตะลูกโทษ (ด้านการเตะลูกโทษมีคนวิจัยมาว่ากลุ่มไหนเตะก่อนจะมีเปอร์เซนต์การชนะมากยิ่งกว่าทีมที่เตะทีหลัง)
ไอเอฟเอบีได้ทดลองการกำหนดแบบแนวทางการทำคะแนนในช่วงต่อขณะที่เรียกว่า โกลเดนโกล โดยกลุ่มที่ทำแต้มได้ก่อนในช่วงต่อเวลาจะเป็นผู้ชนะการประลอง แล้วก็ ซิลเวอร์โกล โดยกลุ่มที่ทำคะแนนนำเมื่อจบครึ่งเวลาแรกจะเป็นผู้ชนะการประลอง โดยโกลเดนโกลได้ถูกประยุกต์ใช้ใน ฟุตบอลโลก 1998 และ ฟุตบอลโลก 2002 โดยมีการใช้ทีแรกสำหรับการแข่งกลุ่มชาติฝรั่งเศส ชนะ ปารากวัย ในปี 1998 ระหว่างที่ซิลเวอร์โกลได้มีการใช้ครั้งแรกในฟุตบอลยูโร 2004 ซึ่งตอนนี้โกลเดนโกล แล้วก็ซิลเวอร์โกลไม่มีการใช้แล้ว หากสงสัยข้อใดใด ดูวิธีเล่นฟุตบอลได้ที่ [url=https://medium.com/@sportkk/แทงบอลออนไลน์-283d91175303]ฟุตบอ

บันทึกการเข้า
Kittipong99010
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 15531


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 17, 2017, 01:49:21 am »

ชาติในเอเชียที่ได้เคยไปเล่นบอลโลกตั้งแต่อดีตถึงตอนนี้ว่าส่งผลงานอย่างไรบ้าง

เริ่มจากเพื่อนบ้านพวกเราก่อนเลย ทีมชาติ อินโดนิเซีย (ในชื่อ ชาวฮอลันดาอีสต์อินดีส) ในปี 1938 คราวนั้นมี 18 ทีม เตะรอบแรกแบบแพ้คัดออก ชาวดัตช์ อีสต์ อินดีส์ ถูกฮังการียิงไป 6-0 ไม่เข้ารอบแรกไป รวมทั้งนั่นเป็น ฟุตบอลโลก รอบท้ายที่สุดนัดหมายเดียวในประวัติศาสตร์ ของอินโดนีเซีย

กลุ่มชาติ ประเทศคูเวต ที่ตอนๆข้างหลังเป็นช่วงที่ผลงานค่อนข้างตกลงไปพอเหมาะพอควร โดยผ่านเข้ารอบ ฟุตบอลโลก ปี1982 โดยหยุดอยู่แค่รอบแรก แต่สามารถเก็บได้ 1 แต้มได้ ในการแข่งขันได้โดยเสมอ กับ กลุ่มชาติเช็กโกสโลวาเกีย แต่แพ้สองครั้งให้กับทีมชาติอังกฤษ รวมทั้งกลุ่มชาติฝรั่งเศส

กลุ่มชาติ อิรัก ทีมแชมป์เอเชียปัจจุบันในปี2007 ก็ยังเคยได้เล่นบอลโลกกับเขาเช่นเดียวกัน โดยได้เข้าร่วมในปี 1986 แต่ก็ไม่เข้ารอบแรก

กลุ่มชาติ สหรัฐอาหรับเอมิเรตหรือกลุ่มชาติ UAE ซึ่งเป็นกลุ่มคู่รักคู่แค้นของทีมชาติไทย ที่เคยได้สัมผัสกับบอลโลกมาแล้วในปี1990 ที่อิตาลี แต่ว่าก็ตกรอบแรกตามเคย

เชื่อว่าผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยยังจำกันได้ฟุตบอลโลกที่เอเชีย ปี2002 ทีมชาติ จีน ได้ผ่านรอบคัดเลือกเป็นครั้งแรกใประวัติศาสตร์โดยปีนั้นทวีปเอเชียได้โควต้าเพียงแต่ 2 กลุ่มครึ่งเนื่องจากว่าประเทศเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นได้เข้าไปยืนรอในฐานะเจ้าของงานแม้กระนั้นในผลงานฟุตบอลโลกของจีนทำเป็นแค่เพียงรอบแรกเพียงแค่นั้น

กลุ่มชาติ ประเทศอิหร่าน ที่ตอนหลังพบกับทีมชาติไทยหลายครั้งและพึ่งจะเขี่ยกลุ่มชาติไทยตกรอบเอเชี่ยนคัพรอบคัดเลือกก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นชาติที่มีนักเตะที่ความรู้ความเข้าใจส่วนตัวดี สามารถไปเล่นในกลุ่มใหญ่ๆในยุโรปได้ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย แม้กระนั้นรอบเลือกปี 2010 ก็พลาดท่าตกรอบคัดเลือกไปอย่างน่าแค้นใจซึ่งอิหร่าน สามารถผ่านเข้าไปเล่นบอลโลก 3 ครั้งเป็น ปี 1978,1998,2006 แม้กระนั้น 3 ครั้งก็ไม่เข้ารอบแรกหมด

กลุ่มชาติ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ของทวีปเอเชียที่ย้ายเข้ามาร่วมเล่นในเอเชียไม่กี่ปีนี้เอง โดยสามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบในที่สุด 3 ครั้งคือ 1974, 2006, 2010 ในปี 1974 นั้นตกรอบแรก แต่ในปี 2006 นั้นทำผลงานได้ดีโดยผ่านไปเล่นในรอบที่2 และก็ปี 2010 ก็สามารถผ่านรอบเลือกสรรได้อีกทีรวมทั้งเป็นครั้งแรกที่ผ่านการคัดสรรในโควต้าของทวีปเอเชีย

ทีมชาติ ซาอุดิอาระเบีย ที่พักหลังๆสามารถเข้าไปเล่นบอลโลกมาตลอด แต่ว่ารอบเลือกปี 2010 ตกรอบโดยแพ้บาห์เรนในรอบเพลย์ออฟเพื่อชิงโควต้าไปเพลย์ออฟกับนิวซีแลนด์เเชมป์ของโซนโอเชเนียอย่างโชคร้าย ซาอุสามารถเข้าร่วมบอลโลกถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 1994 -2006 ซึ่งในปีที่ความทรงจำก็เป็นปี1994 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้เล่นบอลโลก แล้วก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับในการผ่านเข้าไปเล่นรอบ2ได้ ผู้คนจำนวนมากน่าจะจำลูกลากไปยิงครึ่งสนามของนักเตะซาอุนัดที่พบประเทศเบลเยี่ยมได้ แม้กระนั้นผลงานที่น่าขายหน้าที่สุดของซาอุเป็นในบอลโลกปี 2002 ที่โดนกลุ่มชาติเยอรมัน สอนบอลไป 8-0 แบบสู้ไม่ได้เลย 

กลุ่มชาติ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสมัยของฟุตบอลที่เจริญก้าวหน้าที่สุดในพักหลังซึ่งสามารถไปเล่นฟุตบอลเป็นสมัยที่ 4 แล้ว ซึ่งประเทศญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1998 และก็สามารถเข้ารอบได้ต่อเนื่องจนถึงปีปัจจุบัน 2010 ซึ่งปีที่เด่นที่สุดก็คงจะไม่พ้นปี 2002 ที่เป็นเจ้าภาพร่วมเนื่องจากสามารถผ่านรอบแรกมาเป็นอันดับ 1 ของกรุ๊ปแต่รอบ 16 กลุ่มในที่สุดที่ไปแพ้ตุรกีอย่างโชคร้าย ส่วนปี 1998 และก็2006 หยุดอยู่ที่รอบแรก

กลุ่มชาติ เกาหลีใต้ เป็นกลุ่มที่เล่นฟุตบอลโลกได้มากที่สุดของเอเชีย โดยได้ผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกถึง 8 ยุคโดยร่วมในปี 1954, 1986, 1990, 1994, 1998, 2002, 2006 , 2010 ส่วนมากจะไม่เข้ารอบแรกหมดนอกจากปี 2002 ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบ 4 ทีมในที่สุดซึ่งเขี่ยทั้งอิตาลี และ สเปน แบบช็อกโลก ซึ่งเป็นความกระหยิ่มใจของชาวเอเชียครับผม

ปิดท้ายด้วยกลุ่มชาติ เกาหลีเหนือ ที่ผ่านเข้าไปเล่นบอลโลกเป็นสมัยที่ 2 ในปี 2010 ซึ่งก่อนเลือกเฟ้นคงจะไม่มีผู้ใดคาดหมายว่าจะผ่านรอบคัดได้ โดยโชว์ฟอร์มสุดยอดหักปากกาเซียนแทรกแซงอีกทั้งอิหร่านและก็ซาอุเข้ารอบเป็นที่2 ของกรุ๊ปตามประเทศเกาหลีใต้ คว้าตั๋วไปแอฟริกาใต้โดยทันทีและเป็นครั้งแรกที่ 2 ชาติประเทศเกาหลีเล่นบอลโลกร่วมกัน เมื่อย้อนในสมัยก่อนในปี 1966 ที่ประเทศเกาหลีเหนือเล่นบอลโลกทีแรกที่อังกฤษ โดย เอาชนะอิตาลี 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มแล้วก็ ผ่านเข้าถึงรอบ 8 กลุ่มสุดท้าย ทั้งๆที่ขึ้นนำประเทศโปรตุเกสถึง 3-0 แต่ยูเซบิโอ พลิกสถานการณ์ยิงผู้เดียว4 ลูกรวด ช่วยโปรตุเกสแซงกลับมาชนะ 5-3 ท้ายที่สุด ซึ่งผมได้เคยดูเทปย้อนไปคู่นี้ ยังแอบเสียดายเลยทั้งๆที่รู้ผลก่อนมองเทปแล้ว 

ยังไงก็ช่วยกันเชียร์ทีมชาติในทวีปเอเชียในบอลโลก 2010 ด้วยครับผม เพราะเหตุว่าเป็นทวีปของเราเอง ถือว่าเป็นตัวเเทนทีมชาติไทยเเล้วกัน

บันทึกการเข้า
iampropostweb
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37259


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2017, 10:03:18 pm »

ชาติในทวีปเอเชียที่ได้เคยไปเล่นบอลโลกตั้งแต่สมัยก่อนถึงตอนนี้ว่าส่งผลงานอย่างไรบ้าง

เริ่มจากเพื่อนบ้านเราก่อนเลย ทีมชาติ อินโดนิเซีย (ในชื่อ ชาวฮอลแลนด์อีสต์อินดีส) ในปี 1938 ครั้งนั้นมี 18 ทีม เตะรอบแรกแบบแพ้คัดออก ชาวฮอลแลนด์ อีสต์ อินดีส์ ถูกฮังการียิงไป 6-0 ตกรอบแรกไป รวมทั้งนั่นเป็น ฟุตบอลโลก รอบในที่สุดนัดหมายเดียวในประวัติศาสตร์ ของอินโดนีเซีย

ทีมชาติ ประเทศคูเวต ที่ช่วงๆข้างหลังเป็นช่วงที่ผลงานออกจะตกลงไปพอสมควร โดยผ่านเข้ารอบ ฟุตบอลโลก ปี1982 โดยจอดอยู่แค่รอบแรก แต่สามารถเก็บได้ 1 แต้มได้ สำหรับการแข่งได้โดยเสมอ กับ ทีมชาติเช็กโกสโลวาเกีย แม้กระนั้นแพ้สองครั้งให้กับทีมชาติอังกฤษ รวมทั้งทีมชาติฝรั่งเศส

กลุ่มชาติ อิรัก ทีมแชมป์เอเชียปัจจุบันในปี2007 ก็ยังเคยได้เล่นบอลโลกกับเขาเหมือนกัน โดยได้ร่วมในปี 1986 แต่ว่าก็ไม่เข้ารอบแรก

ทีมชาติ สหรัฐอาหรับเอมิเรตหรือกลุ่มชาติ UAE ซึ่งเป็นกลุ่มคู่รักคู่แค้นของกลุ่มชาติไทย ที่เคยได้สัมผัสกับบอลโลกมาแล้วในปี1990 ที่อิตาลี แม้กระนั้นก็ไม่เข้ารอบแรกอย่างเคย

มั่นใจว่าผู้คนจำนวนมากยังจำกันได้ฟุตบอลโลกที่ทวีปเอเชีย ปี2002 ทีมชาติ จีน ได้ผ่านรอบเลือกสรรเป็นครั้งแรกใประวัติศาสตร์โดยปีนั้นเอเชียได้โควต้าเพียงแต่ 2 ทีมครึ่งเนื่องจากว่าประเทศเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นได้เข้าไปยืนรอในฐานะเจ้าภาพแม้กระนั้นในผลงานฟุตบอลโลกของจีนทำเป็นเพียงแต่รอบแรกเพียงแค่นั้น

กลุ่มชาติ ประเทศอิหร่าน ที่พักหลังพบกับทีมชาติไทยหลายครั้งรวมทั้งเพิ่งจะเขี่ยทีมชาติไทยไม่เข้ารอบเอเชี่ยนคัพรอบคัดเลือกก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นชาติที่มีนักเตะที่ความรู้ความเข้าใจเฉพาะตัวดี สามารถไปเล่นในกลุ่มใหญ่ๆในยุโรปได้คนไม่ใช่น้อย แต่รอบเลือกปี 2010 ก็เสียท่าไม่เข้ารอบคัดไปอย่างน่าแค้นใจซึ่งประเทศอิหร่าน สามารถผ่านเข้าไปเล่นบอลโลก 3 ครั้งเป็น ปี 1978,1998,2006 แต่ว่าทั้ง 3 ครั้งก็ไม่เข้ารอบแรกหมด

ทีมชาติ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นน้องใหม่ของทวีปเอเชียที่ย้ายเข้ามาร่วมเล่นในเอเชียไม่กี่ปีนี้เอง โดยสามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย 3 ครั้งคือ 1974, 2006, 2010 ในปี 1974 นั้นตกรอบแรก แต่แล้วพอถึงปี 2006 นั้นทำผลงานได้ดีเลิศโดยผ่านไปเล่นในรอบที่2 รวมทั้งปี 2010 ก็สามารถผ่านรอบเลือกเฟ้นได้อีกรอบรวมทั้งเป็นครั้งแรกที่ผ่านการคัดสรรในโควต้าของทวีปเอเชีย

กลุ่มชาติ ซาอุดิอาระเบีย ที่พักหลังๆสามารถเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกมาตลอด แต่รอบเลือกสรรปี 2010 ไม่เข้ารอบโดยแพ้บาห์เรนในรอบเพลย์ออฟเพื่อชิงโควต้าไปเพลย์ออฟกับนิวซีแลนด์เเชมป์ของโซนโอเชเนียอปิ้งโชคร้าย ซาอุสามารถร่วมบอลโลกถึง 4 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี 1994 -2006 ซึ่งในปีที่ความทรงจำก็เป็นปี1994 ซึ่งเป็นปีแรกที่ได้เล่นบอลโลก แล้วก็ทำผลงานได้อย่างสุดยอดในการผ่านเข้าไปเล่นรอบ2ได้ คนไม่ใช่น้อยน่าจะจำลูกลากไปยิงครึ่งสนามของนักฟุตบอลซาอุนัดหมายที่พบเบลเยี่ยมได้ แม้กระนั้นผลงานที่น่าอัปยศอดสูที่สุดของซาอุคือในฟุตบอลโลกปี 2002 ที่โดนทีมชาติเยอรมัน สอนบอลไป 8-0 แบบสู้ไม่ได้เลย 

กลุ่มชาติ ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสมัยของฟุตบอลที่รุ่งเรืองที่สุดในตอนหลังที่สามารถไปเล่นฟุตบอลเป็นสมัยที่ 4 แล้ว ซึ่งประเทศญี่ปุ่นผ่านเข้ารอบบอลโลกเป็นครั้งแรกในปี 1998 และก็สามารถเข้ารอบได้สม่ำเสมอจนกระทั่งปีล่าสุด 2010 ซึ่งปีที่สะดุดตาที่สุดก็คงจะไม่พ้นปี 2002 ที่เป็นเจ้าภาพร่วมเนื่องจากสามารถผ่านรอบแรกมาเป็นอันดับ 1 ของกรุ๊ปแม้กระนั้นรอบ 16 ทีมท้ายที่สุดที่ไปแพ้ตุรกีอย่างโชคร้าย ส่วนปี 1998 และ2006 หยุดอยู่ที่รอบแรก

กลุ่มชาติ เกาหลีใต้ เป็นทีมที่เล่นบอลโลกได้มากที่สุดของเอเชีย โดยได้ผ่านไปเล่นฟุตบอลโลกถึง 8 ยุคโดยเข้าร่วมในปี 1954, 1986, 1990, 1994, 1998, 2002, 2006 , 2010 ส่วนใหญ่จะไม่เข้ารอบแรกหมดยกเว้นปี 2002 ที่สามารถผ่านเข้าถึงรอบ 4 กลุ่มท้ายที่สุดซึ่งเขี่ยทั้งอิตาลี และก็ สเปน แบบช็อกโลก ซึ่งเป็นความพึงใจของชาวเอเชียนะครับ

ปิดท้ายด้วยทีมชาติ ประเทศเกาหลีเหนือ ที่ผ่านเข้าไปเล่นบอลโลกเป็นยุคที่ 2 ในปี 2010 ซึ่งก่อนเลือกสรรอาจจะไม่มีผู้ใดคาดหมายว่าจะผ่านรอบเลือกสรรได้ โดยโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมหักปากกาเซียนเบียดแซงทั้งยังประเทศอิหร่านแล้วก็ซาอุเข้ารอบเป็นที่2 ของกรุ๊ปตามประเทศเกาหลีใต้ คว้าตั๋วไปแอฟริกาใต้ในทันทีแล้วก็เป็นครั้งแรกที่ 2 ชาติประเทศเกาหลีเล่นฟุตบอลโลกด้วยกัน เมื่อย้อนในอดีตกาลในปี 1966 ที่ประเทศเกาหลีเหนือเล่นฟุตบอลโลกคราวแรกที่อังกฤษ โดย เอาชนะอิตาลี 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มรวมทั้ง ผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทั้งที่ขึ้นนำประเทศโปรตุเกสถึง 3-0 แต่ว่ายูเซบิโอ พลิกเหตุการณ์ยิงคนเดียว4 ลูกรวด ช่วยโปรตุเกสแซงกลับมาชนะ 5-3 ท้ายที่สุด ซึ่งผมได้เคยมองเทปย้อนหลังคู่นี้ ยังแอบเสียดายเลยแม้ว่าทราบผลก่อนมองเทปแล้ว 

ยังไงก็ช่วยเหลือกันเชียร์ทีมชาติในเอเชียในบอลโลก 2010 ด้วยครับผม เพราะเป็นทวีปของพวกเราเอง ถือว่าเป็นตัวเเทนทีมชาติไทยเเล้วกัน

บันทึกการเข้า
Jirasak2708
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 22854


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2017, 07:03:15 pm »

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด บอล คลับ เกิดขึ้นคราวแรกในช่วงต้นทศวรรษ 1870 เมื่อพนักงานการรถไฟกลุ่มหนึ่งได้ริเริ่มตั้งขึ้นกลุ่มบอลขึ้นมา ซึ่งพวกเขาใช้ชื่อว่า เดอะ แลงติดอยู่เชียร์ แอนด์ ยอร์คเชียร์ เรียลเวย์ ฟุตบอล คลับ แล้วก็ต่อมาได้เปลี่ยนเป็น นิวตัน ฮีธ ในปี 1878 โดยพวกเขาพากเพียรร่วมบอลลีกถึงสองครั้งแต่ก็ล้มเหลว เพราะเหตุว่าไม่มีชมรมใดให้การสนับสนุน แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้รับการยอมรับเมื่อบอลลีกมีการแบ่งออกเป็นสองดิวิชั่นในเวลาถัดมาไม่นาน
บอลออนไลน์ เกมลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของ นิวตัน ฮีธ คือ ดารมพ่ายต่อ กางล็คเบิร์น โรเวอร์ส 3-4 แต่ความมีชัยครั้งแรกก็มาถึงในไม่ช้า เมื่อพวกเขาจัดแจงถล่มเอาชนะ วูล์ฟหมูแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส ไปได้ถึง 10-1 แต่ว่าหลังจากนั้นทีมกลับทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง เมื่อคว้าแชมป์ได้เพียง 6 จาก 30 นัดหมายเท่านั้น จนทำให้พวกเขาตกไปอยู่ในอับดับบ๊วยของตาราง แม้กระนั้นพวกเขาก็รอดการตกชั้นได้ ภายหลังที่เอาชนะ สมอลล์ ฮีธ ไปได้ 5-2 ที่สนาม บรามอลล์เลน
แต่แล้วเมื่อตอนปีถัดมากลุ่มยังคงเล่นห่วยเหมือนเดิมและจำต้องตกชั้นไปท้ายที่สุด โดยแม้จะมีการยุบลีก รวมทั้งตั้งขึ้นมาใหม่ แม้กระนั้นกลุ่มก็มีปัญหาสำหรับในการเข้าร่วมลีกอีกที เนื่องด้วยสถานะทางการเงินที่ไม่ดีนัก ก่อนที่พวกเขาจะล้มละลายเมื่อเข้าปี 1902 โชคดีที่มีผู้อำนวยการโรงกลั่นเบียร์ที่ชื่อ จอห์น เดวี่ส์ มาลงทุนกับสโมสร ทำให้เขาแปลงเป็นผู้อำนวยการ รวมทั้งประธานสมาพันธ์ในท้ายที่สุด จากนั้นกลุ่มก็เปลี่ยนแปลงชื่อมาเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ใช้อยู่ในทุกวันนี้
แล้วก็อีกไม่นาน เอ้อร์เนสต์ แมกนัลล์ ก็ถูกแต่งตั้งให้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนแรกของทีมในปี 1903 โดย แมกนัลล์ ได้นำพาไต่ขึ้นมาจากดิวิชั่น 2 ได้ และก็จากสไตล์การเล่นที่รวดเร็ว และก็ งาม ในช่วงฤดูกาล 1907-08 "ปีศาจร้ายแดง" ก็สามารถได้แชมป์ลีกมายังถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสมาพันธ์ แถมในปีต่อมาพวกเขายังได้แชมป์เอฟเอ คัพ ไปครอบครองได้อีกต่างหาก
The 1908 championship-winning side
The 1908 championship-winning side.
แต่ภายหลังที่หมดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เจอปัญหาจนได้ เมื่อสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เกิดใช้การไม่ได้ รวมถึงนักเตะบางบุคคลก็แก่ขึ้น ทำให้ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่โดยการเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลุ่มร่วมเมือง เพื่อขอใช้สนาม เมน โร้ด เป็นสนามเหย้า พร้อมทั้งตั้ง แม็ตต์ บัสบี้ เป็นผู้จัดการกลุ่มชุดนั้น แต่ว่าผู้ใดจะไปรู้ได้ว่าชายผู้นี้แหละที่ได้สร้าง "เร้ด เดวิลส์" ให้กลับขึ้นมาผงาดอีกรอบ เมื่อเขาพาทีมที่มีเด็กแคว้นเป็นองค์ประกอบหลักครอบครองแชมป์ลีกในช่วงฤดูกาล 1951-52 และบับหลังจากนั้นมันก็ได้แปลงเป็นจุดเริ่มของยุค บัสบี้ เบ๊บส์ อันยิ่งใหญ่
แชมป์ลีกในฤดูกาล 1955-56 ตกเป็นของพวกเขา และในฟุตบอลยุโรป บัสบี้ ก็สามารถพาทีมลุยเข้ารอบ ยูโรเปี้ยน คัพ รวมทั้งไปถึงรอบรองชนะเลิศ ได้สำเร็จก่อนที่จะตกรอบไป แม้กระนั้นยังดีที่พวกเขาได้แชมป์ดิวิชั่นหนึ่งได้อีกสมัย แล้วก็จะได้กลับมายุโรปใหม่ในปีหน้า แม้กระนั้นเรื่องราวกลับไม่เป็นเหมือนอย่างที่คิดเมื่อสมาพันธ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ เมื่อเครื่องบินขึ้นรถกลุ่มที่ลงหยุดในกรุงมิวนิค เกิดอุบัติเหตุขณะกำลังบินขึ้นฟ้า นำมาซึ่งการทำให้ผู้เล่นของทีม 8 รายเสียชีวิตทันที และนั่นก็เป็นโศกนาฏกรรมที่ช้ำใจที่สุดในวงการกีฬาทั่วทั้งโลกในเวลานั้น
หลังจากเรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น แม็ตต์ บัสบี้ ได้ทำตัดสินใจสร้างทีมขึ้นมาใหม่เพื่อสานฝันที่จะคว้าชัยชนะยูโรเปี้ยน คัพ ให้ได้ โดยแกนนำยังเป็นนักฟุตบอลที่มีชีวิตรอดมาจากเหตุเครื่องบินตก รวมกับผู้เล่นจากกลุ่มสำรอง, กลุ่มเยาวชน รวมทั้งนักเตะที่ซื้อเข้ามาใหม่ กระทั่งทีมเริ่มกลับมาหนักแน่นขึ้นเป็นลำดับ และเมื่อฝันร้านค้าร้ายได้ผ่านไปพวกเขาก็กลับมาคว้าชัยชนะได้อีกทีในถ้วย เอฟเอ คัพ ปี 1963 ซึ่งในฤดูกาลนั้นเองนักฟุตบอลอย่าง จอร์จ เบสต์ ,เดนนิส ลอว์ และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แจ้งเกิดขึ้นมาได้เสร็จ รวมทั้งดูอย่างกับว่าตอนนี้จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ตั้งสมาพันธ์ เมื่อพวกเขาได้แชมป์ลีกมาครอบครองได้ 2 สมัยในรอบ 3 ปีข้างหลัง รวมทั้งแน่นอนเป้นหมายต่อไปของพวกเขาย่อมอยู่ที่ ยูโรเปี้ยน
จนกระทั่งสุดท้ายความฝันของ แม็ตต์ บัสบี้ ก็เป็นจริง เมื่อ สมาชิกของเขา ไล่ถล่มเอาชนะ เบนฟิก้า กลุ่มโด่งดังของเมืองฝอยทองซึ่งนำกองทัพมาโดย ยูเซบิโอ นักฟุตบอลชื่อก้องโลก ไปได้ที่สนาม เวมบลีย์ ด้วยสกอร์ 4-1 และคว้าชัยชนะถ้วยสมาพันธ์ใบใหญ่สุดของยุโรปไปได้อย่างงดงาม ก่อนที่จะ บัสบี้ จะวางมือในเวลาต่อมาซึ่งนั่นดูเหมือนกับว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนแปลงของกลุ่มอีกรอบ เมื่อช่วงทศวรรษที่ 1970 วิลฟ์ แม็ครับประทานเนสส์, แฟร้งค์ โอ ฟาร์เรลล์ และก็ ทอมมี่ ด็อคเคอร์ตี้ ที่เข้ามารับงานต่อจากเซอร์บัสบี้ ต่างก็ทำผลงานได้เสื่อมโทรมจนถึงกลุ่มจำเป็นต้องตกชั้นลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 ในเวลาไม่นาน
ตอนทศวรรษ 80 หลังจากที่ ยูไนเต็ด กลับมาขึ้นมาในลีกสูงสุดอีกรอบ พวกเขาก็ยังสร้างผลงานได้ไม่เป็นที่น่าประทับใจนัก ทำให้ทางเบื้องบนได้ตกลงใจที่จะดึงตัว รอน แอ๊ตกินสัน เข้ามาคุมทีมแทนที่ของ เดฟ เซ็กซ์ตัน ในปี 1981 โดยบิ๊กรอน ได้นำนักเตะใหม่คนจำนวนไม่น้อยเข้ามาสู่กลุ่ม โดยยิ่งไปกว่านั้นในรายของ ไบรอัน ร็อบสัน กองกลางคนอังกฤษที่เขาชำระเงินกว่า 1.5 ล้านปอนด์ หรือราว 105 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนนั้นถือเป็นการซื้อที่เป็นสถิติการย้ายทีมของเกาะอังกฤษในช่วงเวลานั้นเลย แต่หลังจากนั้น ร็อบสัน ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเล่นได้คุ้มค่าตัวทุกเพนนี แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงในรั่ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็ยังไม่หยุดลงเท่านี้ เมื่อทางกระดานบริหารได้เห็นตรงกันว่า การครองแชมป์เอฟเอ คัพ 2 สมัย นั้นไม่พอต่อสมาคมระดับนี้ ทำให้ตำแหน่งผู้จัดการทีม ยูไนเต็ด เปลี่ยนมือมาจาก แอ๊ตกินสัน ไปสู่ผู้จัดการกลุ่มคนใหม่ที่ชื่อว่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
งานชิ้นใหม่ของ "เฟอร์กี้" ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขาต้องประจันหน้ากับแรงกดดันที่มากมาย และก็ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผู้จัดการทีมคนก่อนอย่าง แอ๊ตกินสัน จะต้องกระเด็นตกเก้าอี้ไป แน่ๆว่าเพียงแค่แชมป์เอฟเอ คัพ อย่างเดียวน้อยเกินไปเพื่อตอบสนองความทะยานอยากและก็ความอยากได้ของสมาพันธ์ยักษ์ใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ และก็งานนี้ของ "เฟอร์กี้"ก็ดูท่าจะจำเป็นต้องเจอกับความลำบากตรากตรำ เมื่อยุคนั้น ลิเวอร์พูล อริตัวฉจากของทีมกำลังครองความยิ่งใหญ่ในประเทศอยู่ โดยมี อาร์เซน่อล และ เอฟเวอร์ตัน เป็นอีกสองทีมที่พอฟัดพอเหวี่ยง
18 เดือนแรกของ เฟอร์กี้ นั้นก็ดูเหมือนผ่านไปได้อย่างสะดวก เมื่อ ยูไนเต็ด จบซีซั่นอันดับสองของลีกในปี 1988 ด้อยกว่าเพียงแค่ ลิเวอร์พูล กลุ่มเดียวเท่านั้น ทว่าภายหลังจากจุดสูงสุดครั้งนั้น ภูติผีปีศาจแดง จะต้องกลับมาประสบพบเจอกับปัญหาอีกครั้ง ความพ่ายแพ้เยิน 1-5 รวมทั้งการพ่ายแพ้ต่อเพื่อนพ้องร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพ.ย. 1989 ซึ่งโน่นเป็นเป็นจุดเริ่มแรกของการเกิดกระแสเรียกร้องให้ปลดเขาออกมาจากตำแหน่ง โดยปีนั้นจบปีด้วยอันดับ 11 ของตาราง
แต่หลังจากเรื่องนั้นทุกสิ่งก็มองเปลี่ยนไป รวมทั้งถ้าเกิดเรามาดูกันการบรรลุผลในปัจจุบันจะต้องถือว่าการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดของบอร์ดปีศาจแดงที่ปลดปล่อยให้ เฟอร์กูสัน ทำงานพิสูจน์ฝีมือต่อนั้นเป็นเรื่องที่ถูกที่สุด ซึ่งประตูชัยของ มาร์ค โรบินส์ ในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในมกราคม 1990 เปรียบเสมือนเป็นการปลุก "เร้ด เดวิลส์"ให้กลับสู่ยุคทองของสมาคมอีกรอบ
ซึ่งแชมป์แรกของพวกเขาภายใต้การนำทีมของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เป็นผลมาจากการคว่ำ คริสตัล พาเลซ ในรอบชิงชนะเลิศ นัดหมายรีเพลย์ ศึก เอฟเอ คัพ หลังจากนั้นในปี 1991 ถ้วยใบลำดับที่สองก็ตามมาติดๆเมื่อ ยูไนเต็ด ปราบยักษ์ใหญ่จาก ประเทศสเปน อย่าง บาร์เซโลน่า ไปได้ในนัดหมายชิงชนะเลิศศึก คัพ วินเนอร์ส คัพ ที่ร็อตเตอร์ดัม ได้สำเร็จ
แม้กระนั้น เฟอร์กี้ นั้นก็รู้ว่าตำแหน่งแชมป์ลีกที่เขายังทำไม่ได้นั้นเป็นจุดหมายสูงสุดของทีมในเวลานั้น แม้กระนั้นพวกเขาก็ต้องเจอกับความผิดหวังอีกรอบเมื่อในปี 1992 เมื่อพวกเขาถูก ลีดส์ ยูไนเต็ด แซงแย่งแชมป์ไปแบบกลับความมุ่งหวัง โดยที่ปีเดียวกันทีมก็มีถ้วยรางวัลปลอบใจติดมือมา 1ใบคือ ลีก คัพ
พฤศจิกายน 1992 การเข้ามาของ เอริก คันโตน่า ก็เปรียบเป็นตัวต่อตัวท้ายที่สุดของ เฟอร์กี้ สำหรับในการไล่ล่าแชมป์ ที่อสุรกายแดง รอมานานถึง 26 ปี โดยกลุ่มสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพในปี 1993 มาครองได้เสร็จ แล้วก็ภายหลังจากวันนั้นกลุ่มก็เปล่งรัศมีของการเป็นกลุ่มบอลที่ดีสุดในประเทศอีกที เมื่อพวกเขาคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้ในปี 1994 ได้อบบตลอด แถมยังแทบเป็นทริปเบิ้ลแชมป์ด้วย ถ้าไม่เพราะความปราชัยในนัดชิงชนะเลิศถ้วย ลีก คัพ
แต่ว่าจากการขาด เอริก คันโตน่า ในช่วงฤดูกาลต่อมา เนื่องจากติดโทษแบนจากการไปมีเรื่องกับแฟนบอลพาเลซ ซึ่งนั้นก็ดูเหมือนจะทำให้เกิดผลเสียครั้งใหญ่ต่อการพลาดดับเบิ้ลแชมป์อีกสมัยของกลุ่ม เมื่อ ยูไนเต็ด พลาดท่าในลีกต่อ กางล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในเกมสุดท้าย และต่อด้วยการพ่ายให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในเกมนัดหมายชิงแชมป์ เอฟเอ คัพ ในไม่กี่สัปดาห์ต่อมา พอเพียงถึงตอนซัมเมอร์ปี 1995 บรรดาผอง เร้ด อาร์มี่ ก็จำต้องช็อกกับเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ เฟอร์กี้ จัดการเปลี่ยนแปลงกลุ่มครั้งใหญ่ ด้วยแนวทางการขายผู้เล่นชั้นดีอย่าง พอล อินซ์, มาร์ค ฮิวจ์ส และ อังเดร แคนเชลสกี้ส์ ออกจากกลุ่มเวลาไล่เลี่ยกัน แล้วหันมาใช้งานบรรดาดาวรุ่งรุ่นใหม่ของกลุ่มอย่าง เดวิด เบ็คหมูแฮม, สองญาติพี่น้องเนวิลล์, พอล สโคลส์ แล้วก็ นิคกี้ บัตท์
เรื่องนี้ที่อังกฤษมีการกล่าวถึงกันอย่างยิ่งถึงความประพฤติปฏิบัติของ เฟอร์กี้ คราวนี้ แม้กระนั้นบรรดาดาวรุ่งทั้งหลายแหล่ก็ช่วยลบคำดูถูกรวมทั้งเสียงก่นด่าให้กับนายจ้าง ด้วยการนำปีศาจร้ายแดง ครองดับเบิ้ลแชมป์ยุคที่ 2 ได้เป็นทีมแรกของประเทศ ในปี 1997 ยูไนเต็ด ยังคงรักษาตำแหน่งทีมอันดับแรกๆของประเทศไว้ได้ถัดไป แม้กระนั้นเมื่อสิ้นสุดฤดูพวกเขาก็ต้องพบกับการสูญเสียนักฟุตบอลคุณภาพไปอีกหนึ่งรายหลังจากที่ เอริก คันโตน่า ประกาศล่ำลาสังเวียนอย่างช็อกคนอีกทั้ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
ในช่วงฤดูกาลต่อมา ถึงแม้พวกเขาจะนำลิ่วเป็นผู้นำฝูงจนไปสู่ตอนโค้งสุดท้าย แต่ว่าจากอาการเจ็บของนักเตะตัวหลักหลายราย ส่งผลให้ อาร์เซน่อล ที่เดินหน้าคว้าแชมป์ 10 เกมติด แซงหน้าเข้าป้ายได้แชมป์ไปอย่างเจ็บแสบ และนอกจากนี้ไอ้ปืนใหญ่ ยังตีเสมอสถิติดับเบิ้ลแชมป์ 2ยุคได้ด้วย ภายหลังจากเอาชนะ นิวติดอยู่สเซิ่ล ยูไนเต็ด คู่ต่อสู้ในเอฟเอ คัพไปได้สำเร็จ
1998-99 ฤดูกาลที่ได้ถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ลูกหนังอังกฤษ แล้วก็คาดว่าจะอยู่ในความทรงจำของชาวแฟน ปีศาจแดง ไปอีกนานเท่านาน เมื่อ เฟอร์กี้ ทุ่มเงินปริมาณ 27 ล้านปอนด์ หรือราวๆ 2,025 ล้านบาท ในคว้า 3 ดาวเตะตัวใหม่อย่าง ดไวท์ ยอร์ค, ยาป สตัม และก็ เยสเปอร์ บลอมควิสต์ มาเสริมกองทัพ แล้วก็เงินทุกเพนนีที่จ่าไปเมื่อต้นซีซั่นนั้นก็ถูกตอบแทนด้วยผลสรุปที่เหนือความมุ่งมาด เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประกาศความยิ่งใหญ่ให้ทุกคนรู้ดีว่าพวกเขาไม่ใช่แค่สุดยอดชมรมในระดับประเทศเพียงแค่นั้น เมื่อพวกเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่จากเยอรมัน ได้ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บในศึก ยูโรเปี้ยน คัพ พร้อมทั้งคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ได้อย่างอัศจรรย์
สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นความทรงจำที่ดีของทีมไปอีกนานเท่านาน แต่ว่าแต่จริงๆแล้วโลกลูกหนังนั้นก็ไม่อาจจะมาหยุดกับการบรรลุผลในอดีตได้เลย ซึ่ง เฟอร์กูสัน เองก็รู้เรื่องนี้ดี ทำให้เขาเริ่มที่จะถ่ายเลือดใหม่อีกที ซึ่งแม้กระทั้ง เดวิด เบ็คแฮม ที่เคยเป็นกำลังสำคัญของกลุ่มก็เป็นหนึ่งในผู้ที่จำเป็นต้องออกมาจากถิ่น โอลด์แทร็ฟฟอร์ดไป สู่ รีล มาดริด
ในเวลาเดียวกันนี้การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เกิดขึ้นอีกรอบหลังจากที่ มัลคอล์ม เกลเซอร์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐอเมริกา ผู้ครอบครองทีม แทมป้า เบย์ บัคคาเนียร์ส ในศึกอเมริกันฟุตบอลเอ็นเอฟแอล ได้เข้ามาเทคโอเวอร์ธุรกิจของสมาพันธ์ต่อจาก มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด ผู้ครอบครองทีมคนเก่า รวมทั้งเก็บหุ้นมาสู่กำมือของเชื้อสายแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งการเข้ามาคุมสมาคมของตระกูล เกลเซอร์ ครั้

บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ