Advertisement
รวีวิริยะบริการหลังงานพิมพ์
ปั๊มไดคัท ปั๊มเคทอง หลังการพิมพ์เสร็จ ทำบล็อคออกแบบ
ให้บริการงาน
ปั๊มไดคัCalendar [url=https://rvydiecut.com/]เข้าหัวปฏิทิน“ปฏิทิน” อีกหนึ่งสื่อสิ่งพิมพ์ยอดนิยมมากมาย เนื่องจากว่าแก่การใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งปี และก็ช่วยสร้างการจดจำในตัวสินค้าได้อยู่เสมอ สามารถออกแบบพิเศษให้เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ทั้งยังปฏิทินตั้งโต๊ะ ปฏิทินพก ปฏิทินห้อย และอื่นๆตามแบบอย่างที่คุณอยาก สามารถสั่งพิมพ์ปฏิทินปี 2560/2017 กับเราได้ไม่จำกัดจำนวน (Print On Demand)
จำพวกของปฏิทิน
ปฏิทินตั้งโต๊ะ ขนาดมาตรฐาน 8 x 6 นิ้ว 6 x 8 นิ้ว 7 x 5 นิ้ว 5 x 7 นิ้ว มีทั้งยังแบบ 13, 16 แผ่น
ปฏิทินห้อย โดยทั่วไปจะมีรูปภาพรูปใหญ่หนึ่งรูป หรือ เป็นรูปภาพอีกทั้งสิบสองเดือนก็ได้
ปฏิทินแบบพกพา มีขนาดเท่านามบัตร มีสิบสองเดือนเป็นช่องเล็กๆอยู่ในนั้น
ปฏิทินส่วนตัว ลูกค้าสามารถใส่ชื่อ รูปภาพ วันเกิดหรือวันสำคัญต่างๆลูกเล่นอื่นๆได้
ชนิดกระดาษ
กระดาษอาร์ตการ์ด 210-310 เอ็งรม
กระดาษการ์ดขาว 210-250 มึงรม
หรือกระดาษพิเศษจำพวกต่างๆ
ต้นแบบการพิมพ์
พิมพ์ 4 สี
เทคนิคพิเศษ
ฉาบ PVC ด้าน
เคลือบ PVC เงา
เคลือบ UV
ฉาบ SPOT UV
ปั๊มนูน หรือ ปั๊มจม
ปั๊มฟอยล์
การเข้าเล่มปฏิทิน
เจาะรูร้อยห่วง อย่างเช่น ห่วงกระดูกงู , ห่วงพลาสติก
ชนิดของการพิมพ์ การพิมพ์แบ่งออกได้หลายประเภทตามลักษณะต่าง ดังนี้แบ่งตามเป้าหมายสำหรับการ พิมพ์ ได้ 2 ชนิด คือ
1 ศิลปภาพพิมพ์ (GRAPHIC ART) เป็นงานพิมพ์ภาพเพื่อให้เกิดความสวยสดงดงามเป็น งานวิจิตรศิลป์
2 วางแบบภาพพิมพ์ (GRAPHIC DESIGN) เป็นงานพิมพ์ภาพคุณประโยชน์ใช้สอยนอก เหนือไปจากความสวยงาม เป็นต้นว่า หนังสือต่างๆบัตรต่างๆภาพประชาสัมพันธ์ ปฏิทิน ฯลฯ จัดเป็นงาน ปรับใช้ศิลป
แบ่งตามวิธีการในการพิมพ์ ได้ 2 ประเภทหมายถึง
1 ภาพพิมพ์ต้นแบบ (ORIGINAL PRINT) เป็นผลงานพิมพ์ที่ผลิตขึ้นจากแม่พิมพ์แล้วก็วิธี การพิมพ์ที่ถูก สร้างสรรค์และก็ระบุขึ้นโดยนักแสดงผู้ครอบครองผลงาน และก็เจ้าของผลงาน ต้องลงนามยืนยันผลงานทุกชิ้น บอกลำดับที่สำหรับในการพิมพ์ แนวทางการพิมพ์ แล้วก็ วัน เดือน ปี ที่พิมพ์ด้วย
2 ภาพพิมพ์จำลองแบบ (REPRODUCTIVE PRINT) ได้ผลงานพิมพ์ที่ผลิตจากแม่พิมพ์ หรือวิธี การพิมพ์แนวทางอื่น ซึ่งไม่ใช่วิธีการเดิมแม้กระนั้นได้รูปแบบดังเดิม บางครั้งอาจเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์คนอื่น
แบ่งตามปริมาณครั้งที่พิมพ์ ได้ 2 จำพวกเป็น
1 ภาพพิมพ์ถาวร เป็นภาพพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาจากแม่พิมพ์ใดๆก็ตามที่เห็นผลงานออกมามีลักษณะ แบบเดียวกันทุกอย่าง ตั้งแต่ 2 ชิ้นขึ้นไป
2 ภาพพิมพ์ครั้งเดียว เป็นภาพพิมพ์ที่พิมพ์ออกมาสำเร็จงานเพียงแค่ภาพเดียว ถ้าพิมพ์อีกจะ ได้ผลงานที่ไม่อย่างเดิม
แบ่งตามจำพวกของแม่พิมพ์ ได้ 4 จำพวก คือ
1 แม่พิมพ์นูน (RELIEF PROCESS) เป็นการพิมพ์โดยให้สีติดอยู่บนผิวหน้าที่ทำให้นูน ขึ้นมาของแม่พิมพ์ ภาพที่ได้เป็นผลมาจากสีที่ติดอยู่ในส่วนบนนั้น แม่พิมพ์นูนเป็นแม่พิมพ์ ที่ทำขึ้นมาเป็นประเภทแรก ภาพพิมพ์จำพวกนี้ดังเช่นว่า ภาพพิมพ์แกะไม้ (WOOD-CUT) ภาพพิมพ์แกะยาง (LINO-CUT) ตรา (RUBBER STAMP) ภาพพิมพ์จากเศษอุปกรณ์ต่างๆ
2 แม่พิมพ์ร่องลึก (INTAGLIO PROCESS) เป็นการพิมพ์โดยให้สีอยู่ในร่องที่ทำให้ลึกลง ไปของแม่พิมพ์โดยใช้แผ่นโลหะทำเป็นแม่พิมพ์ (แผ่นโลหะที่นิยมใช้เป็นแผ่นทองแดง) รวมทั้งทำให้ลึกลงไปโดยใช้น้ำกรดกัด ซึ่งเรียกว่า ETCHING แม่พิมพ์ร่องลึกนี้ปรับปรุงขึ้นโดย คนตะวันตก สามารถพิมพ์งานที่มีความ ละเอียด ชัดเจนสูง สมัยเก่าใช้สำหรับในการพิมพ์ หนังสือ พระคัมภีร์ แผนที่ เอกสารต่างๆตราไปรษณียากร แบงค์ เดี๋ยวนี้ใช้สำหรับในการพิมพ์รายงานที่เป็นศิลป์ และแบงค์
3 แม่พิมพ์พื้นที่ราบ (PLANER PROCESS) เป็นการพิมพ์โดยให้สีติดอยู่บนผิวหน้า ที่ราบเรียบของแม่พิมพ์ โดยไม่ต้องขุดหรือแกะผิวลงไป แต่ใช้สารเคมีเข้าช่วย ภาพพิมพ์ ประเภทนี้เป็นต้นว่า ภาพพิมพ์หิน (LITHOGRAPH) การพิมพ์ออฟเซท (OFFSET) ภาพพิมพ์กระดาษ (PAPER-CUT) ภาพพิมพ์ครั้งเดียว (MONOPRINT)
4 แม่พิมพ์ปรุ (STENCIL PROCESS) เป็นการพิมพ์โดยให้สีผ่านทะลุช่องของแม่พิมพ์ลงไป สู่ผลงานที่อยู่ข้างหลัง เป็นการพิมพ์ประเภทเดียวที่ได้รูปที่มีด้านเดียวกันกับแม่พิมพ์ ไม่กลับซ้าย เป็นขวา ภาพพิมพ์ประเภทนี้เช่น ภาพพิมพ์ปรุ (STENCIL) ภาพพิมพ์ตะแกรงไหม (SILK SCREEN) การพิมพ์อัดสำเนา (RONEO) ฯลฯ
สำหรับผู้ที่พึงพอใจสั่งทำการ์ดแต่งงาน พิมพ์การ์ดสมรส การ์ดชวน บัตรเชิญ โปสการ์ดต่างๆสามารถติดต่อเพื่อขอราคางานรวมทั้งสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการทำการ์ดได้ สั่งทำได้ตามจำนวนที่อยากได้ใช้งาน ไม่มีจำนวนขั้นต่ำสำหรับเพื่อการสั่งทำ
กริ๊ปเปอร์ (Gripper) หรือฟันจับ เป็นส่วนประกอบในเครื่องพิมพ์ระบบออฟเซ็ทที่มีหน้าที่จับกระดาษแล้วพากระดาษวิ่งไปตามส่วนต่างๆของเครื่องพิมพ์ ฟันจับกระดาษมีหลายชุดส่งผ่านจากชุดหนึ่งไปยังอีกชุดหนึ่งตั้งแต่ต้นจนพิมพ์เสร็จบริบูรณ์
กลับตีลังกา เป็นคำที่ใช้ในสถานที่พิมพ์สำหรับเรียก การพิมพ์ลงบนแผ่นพิมพ์ที่ใช้เพลท 1 ชุด พิมพ์ด้านหน้าแล้วกลับกระดาษกลับด้านฟันจับมาเป็นๆคนละข้างกับหน้าแรก แนวทางลักษณะนี้ทำให้แผ่นพิมพ์ 1 แผ่น ได้งาน 2 ชุดเช่นเดียวกัน
กลับนอก เป็นคำที่ใช้ในสำนักพิมพ์สำหรับเรียก การพิมพ์ลงบนแผ่นพิมพ์ที่ใช้เพลท 2 ชุด พิมพ์ด้านหน้า 1 ชุด พิมพ์ด้านหลังอีกหนึ่งชุด
กลับในตัว เป็นคำที่ใช้ในโรงพิมพ์สำหรับเรียก การพิมพ์ลงบนแผ่นพิมพ์ที่ใช้เพลท 1 ชุด พิมพ์ด้านหน้าแล้วกลับกระดาษสลับข้างพิมพ์โดยด้านฟันจับกระดาษยังคงเป็นฝ่ายเดียวกันกับด้านแรก วิธีแบบนี้ทำให้แผ่นพิมพ์ 1 แผ่น ได้งาน 2 ชุดเช่นกัน
การพิมพ์ระบบออฟเซ็ท เป็นระบบการพิมพ์ที่ไม่ได้ถ่ายทอดภาพพิมพ์จากแม่พิมพ์ลงบนผลงานโดยตรง แต่ว่าจะผ่านตัวกลางขั้นหนึ่งก่อน กล่าวอีกนัยหนึ่ง ภาพพิมพ์ของน้ำหมึกจะถูกถ่ายจากเพลทลงผ้ายางแล้วจึงส่งผ่านไปยังกระดาษ โรงพิมพ์จำนวนมากจะใช้เครื่องพิมพ์ออฟเซ็ทสำหรับการพิมพ์รายงาน
การแยกสี (Color Separation) เป็นการแยกสีจากงานอาร์ตเวิร์คสีออกมาเป็นภาพ 4 ภาพสำหรับแม่สีแต่ละสี เมื่อนำไปทำเป็นเพลทแม่พิมพ์ 4 แผ่น ทางสำนักพิมพ์ก็สามารถใช้พิมพ์ด้วยแม่สีแต่ละสีซ้อนทับกันได้ภาพใส่สีเหมือนต้นฉบับขัดมัน การทำให้ผิวกระดาษเรียบเงาวาวขึ้นโดยกระบวนการขัดผิว
ขึ้นเส้น (Score) เป็นวิธีการที่ดินสำนักพิมพ์ทำเส้นลึกบนกระดาษ เพื่อสะดวกต่อการพับในแนวที่อยากได้และก็ช่วยไม่ให้ผิวกระดาษ หมึกเกิดการแตกตามรอยพับ
เข้ารูปเล่ม (Binding) ขั้นตอนในสถานที่พิมพ์ เป็นการรวมแผ่นพิมพ์ให้เป็นเล่ม เริ่มจากการตัดเจียนแผ่นพิมพ์หลังจากพิมพ์เสร็จ พับ เก็บรวมเล่ม ยึดติดเป็นเล่ม ซึ่งอาจใช้การเย็บมุงหลังคา หรือไสสันทากาว หรือเย็บกี่ทากาว หรือเย็บกี่หุ้มปกแข็ง เสร็จแล้วตัดเจียนให้เท่ากัน (ยกเว้นวช้แนวทางหุ้มห่อปกแข็ง)
เข้าห่วงเหล็ก/พลาสติก เป็นวิธีการเย็บเล่มโดยใช้ห่วงเหล็ก/พลาสติกร้อยเข้าไปในรูด้านข้างด้านหนึ่งของหนังสือ/ปฏิทินที่เจาะจัดเตรียมไว้ ทำให้แผ่นพิมพ์ไม่หลุดจากกัน
การเข้ารูปเล่ม ประกอบด้วยการเย็บเล่มแบบเย็บอก หรือเย็บมุงหลังคา
เป็นการเข้ารูปเล่มอีกวิธีที่ง่ายสุดๆๆและก็บางครั้งก็อาจจะง่ายกว่าแนวทางการเข้าเล่มแบบกาวหงุดหงิดอีก แนวทางการเข้าเล่มแบบนี้จะใช้เย็บสมุดจดบันทึกของผู้เรียนนิสิต สมุดโน้ตย่อทั่วไป แคตตาล็อกสินค้า หรือหนังสือทำมือ กรรมวิธีการเย็บเล่มแบบงี้เป็นสามารถกางได้ออกสุดกำลังแม้กระนั้นไม่เหมาะสมกับหนังสือที่มีจำนวนหน้ามาก กรรมวิธีเย็บเล่มก็คือเอาแผ่นกระดาษทั้งสิ้นมาเรียงกัน (ไม่เกิน 80 แผ่น) แล้วพับครึ่งตามแนวดิ่ง ต่อจากนั้นใช้ลวดเย็บกระดาษเย็บเป็นอันว่าเสร็จแล้ว เป็นไงครับผมง่ายกว่านี้มีอีกไหม
เป็นการเข้ารูปเล่มที่ง่ายที่สุด เป็นพับครึ่งแล้วเย็บแม็กซ์ (Staple) เข้าที่เข้าทางกลางกระดาษ 2-3 อัน เหมาะสมกับหนังสือดกไม่เกิน 25 แผ่น
จุดเด่น ของการเย็บแบบนี้ คือรวดเร็วทันใจ ทุนต่ำ และก็กางหนังสือออกได้มากที่สุด เหมาะกับการทำสมุด ที่อยากได้เขียนได้ทั่วหน้ากระดาษ
จุดบกพร่อง ไม่สวย กระดาษแผ่นกลางมีโอกาสยื่น เลยกระดาษแผ่นอื่นออกมา Staple ที่พับไม่ดีบางทีอาจเกิดอันตรายเวลาเขียนได้
เข้ารูปเล่มกาวหัว
การเข้ารูปเล่มแบบงี้เหมาะสมใช้สำหรับพวกใบเสร็จรับเงิน สมุดบิลเล่มเล็ก สมุดฉีก หรือกระดาษโน้ต ซึ่งเป็นการเข้าเล่มเพื่อใช้สำหรับฉีกออกโดยยิ่งไปกว่านั้น การทำก็ง่ายอย่างยิ่งสามารถทำใช้ได้เองเลย เพียงเอากระดาษที่อยากใช้มาเรียงกันเป็นตั้งให้พอดีไม่ดกจนเกินความจำเป็น ต่อจากนั้นเอากาวลาเท็กซ์ทาที่ขอบด้านบนบริเวณสันกระดาษ หลังจากนั้นก็คอยให้กาวแห้งแล้วติดกระดาษห่อตรงหัวเพื่อสวยก็เพียงเท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย
เหมาะกับวิธีการทำกระดาษโน้ต memo บิล หรือกระดาษสมุดรายงาน ใบ order ห้องอาหาร ก็ใช้แนวทางแบบนี้ ที่ไม่ต้องการให้่มีรอยฉีกน่าเกลียด เพราะว่าหลุดง่ายอย่างยิ่ง แะเนื่องจากมีกาวที่สันด้านบนก็เลยถูกเรียกว่า "เข้ารูปเล่มกาวหัว"
เข้ารูปเล่มแบบไสกาว(ไสสันทากาว)
เป็นแนวทางเข้าเล่มที่เป็นที่ชื่นชอบมาก และพบได้มาก เพราะนิตยาสารส่วนใหญ่จะเข้าเล่มแบบนี้ วิธีการแบบนี้เย็บเล่มแบบไสกาวจะเก็บงานได้เป็นระเบียบแล้วก็แพงไม่แพงเลยเมื่อเทียบกับการเย็บเล่มแนวทางอื่นๆจึงเหมาะสำหรับหนังสือเล่มที่มีความดกระดับหนึ่งโดยประมาณ 100 หน้าขึ้นไปแต่ว่าไม่เกิน 200 หน้า การเย็บเล่มอย่างนี้มีข้อเสียคือทำให้กางหนังสือออกได้ไม่เต็มที่ ถ้าเกิดใช้งานไปนานๆก็จะหลุดออกมาเป็นแผ่นๆได้ง่าย การเย็บเล่มแบบไสกาวก็เลยเหมาะกับการสร้างหนังสือที่มีปริมาณหน้าไม่มากมายในระดับโรงพิมพ์ขนาดเล็กถึงกลา
หนังสือเรียน นิตยสาร พ็อคเก็ตบุคส์ นิยมเข้าแบบเข้าแผนนี้ เพราะการสร้างหนังสือหลายชิ้น ในระดับสำนักพิมพ์ ราคาจะไม่แพง เพราะเหตุว่ามีเครื่องเข้ารูปเล่มสันกาว ร้อนที่เข้าได้นาทีละหลายเล่ม
ข้อดี สวยสดงดงาม จัดเก็บง่าย เงินลงทุนต่ำเข้าได้ไม่ว่าเล่มครึ้มหรือบาง เหมาะกับการสร้างจำนวนหลายชิ้น
ข้อด้อย ไม่ค่อยทนทาน โดยยิ่งไปกว่านั้น แม้กระดาษมึงรมสูง หนามากๆอาทิเช่นนิตยสารที่มีหน้าสีมาก จะยิ่งหลุดง่าย
แนวทางเข้ารูปเล่มแบบไสกาว นี้จะทำได้จำเป็นต้องใช้เครื่องเย็บเล่มราคาสูง ซึ่งสามารถไสกาวตรงสันให้เป็นสะเก็ด ก่อนลงกาวที่ละลาย เพื่อกาวซึมได้ทั่วสัน เพิ่มคงทนถาวร
เข้าเล่มแบบสันกาว (เหมือนหนังสือ)
เป็นการเข้าเล่มที่มีลักษณะดังการเย็บเล่มแบบไสสันทากาว แต่จะได้งานที่ออกมาสวยสดงดงามรวมทั้งทนกว่า เพราะเหตุว่าการเย็บเล่มแบบไสกาวร้อน จะใช้เครื่องจักรเข้ามาช่วยสำหรับเพื่อการเข่าเล่ม นั้นคือ เครื่องเข้ารูปเล่มไสกาวร้อน ซึ่งมีทั้งยังระบบอัตโนมัติไปจนกระทั่งระบบใช้มือโยก (Manual) ซึ่งข้อดีของการใช่เครื่องเข้าเล่มไสกาวร้อนนั้นหมายถึงการเข้าเล่มนั้นแข็งแรงรวมทั้งทนกว่าแบบทากาว ด้วยเหตุว่าใช้ความร้อนสำหรับการละลายกาว แล้วก็ใช้แรงกดทับของเครื่องในการพับสันปก อีกทั้งงานที่ออกมาก็มีความเรียบร้อยมากกว่า เย็บเล่มได้หนากว่า บางเครื่องได้ดกถึง 500 แผ่น หรือโดยประมาณ 6 เซนติเมตร และดำเนินการได้เร็วกว่า เครื่องบ้างรุ่นสามารถเข้าเล่มได้ถึง 200 เล่มต่อชั่วโมง ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการสามารถปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว
ลักษณะซึ่งคล้ายไสกาว เพียงแต่ไม่มีการไส ยังเหลือแต่ว่าใส่กาวที่สัน ร้านถ่ายเอกสารที่มีระดับขึ้นอีกนิด หรือมั่นใจในความสามารถหน่อย มักเข้าเล่มด้วยแนวทางนี้ เนื่องจากใช้ฝีมือ มากกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องไสกาวราคาแพง
ข้อดี จัดเก็บบนชั้นหนังสือง่าย สวย(สุดแท้แต่ร้านค้า) ทนกว่าไสกาว เพราะเหตุว่ามีการเย็บลวดเสร็มที่สันด้วย ก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลว่าเนื้อหาจะหลุดกล้วยๆ
ข้อด้อย มีการเย็บที่สัน ถ้าหากตัวอักษรที่อยู่ใกล้สันภายใน บางทีอาจอ่านยาก รวมทั้งเนื่องจากเป็นงานฝีมือมีหลายขั้นตอนกว่า ราคาก็เลยสูงตาม ยิ่งเล่มดกๆราคายิ่งสูง บางร้านค้าไม่สามารถที่จะเข้ารูปเล่มที่ครึ้มเกิน 200 หน้าได้ เพราะไม่มีวัสดุอุปกรณ์และประสิทธิภาพงานบางทีอาจไม่นิ่ง ราวกับเข้ารูปเล่มด้วยเครื่องไสกาว
กระดูกงู
เป็นการเข้ารูปเล่มที่ไม่ต้องใช้ฝีมือมากเหมือนสันกาว เพียงมีเครื่องเจาะกระดาษสำหรับใส่กระดูกงู พบได้ทั่วไปเห็นในร้านค้าเอกสารที่เปิดใหม่ หรือสำนักงานที่ไม่มีพนักงาน ที่เชี่ยวชาญในการเย็บเล่มแบบอื่นๆ
จุดเด่น เปิดกางไดถึง 360 ํ เหมาะกับโต๊ะแล็คเชอร์แคบๆไม่ต้องกังวลเรื่องตัวหนังสือตรงสันอ่านไม่เห็น เหมาะกับเข้าเล่มเพื่อเก็บสะสมแล็คเชอร์ Sheet เก่าๆหรือรายงานที่มีการเขียนชิดขอบกระดาษมากมาย ที่สำคัญปรับปรุงแก้ไขสอดแทรกรายละเอียดได้ง่าย
จุดด้วย บางคนอาจมองว่าไม่เรียบร้อย พกใส่กระเป๋ายาก นานไปกระดูกงูที่เป็นพลาสติกได้โอกาสแตกสูง การใส่กระดูกงูมักคู่ก้ับแผ่นใสปกหน้าแล้วก็ข้างหลัง
เข้ารูปเล่มแบบเย็บกี่
ถือได้ว่าเป็นการเย็บเล่มที่ดีที่สุด เพราะความคงทนพอๆกับเล่มสันกาวเย็บลวด แต่ว่าเหนือกว่าตรงที่สมารถยนต์กางหน้า หนังสืออกได้สุด นิยมใชในหนังสือเล่มครึ้ม ราคาสูง ได้แก่ Dictionary พจนานุกรม สารานุกรม ขั้นตอนการค่อนข้างจะยุ่งยากหน่อย โดยจะนำเอาหลายๆหน้ามาแยกเป็นส่วนๆเย็บด้วยดาย แล้วจึงร้อยเย็บรวมกันอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเกาะติดเป็นเล่ม การเย็บกี่ยังแบ่งย่อยเป็นอีก 3 แบบ ดังในรูป
นอกจากนี้ยังมีการเข้าเล่มแบบสันรูด, เทปกาว หรือแล็คซีน ซึ่งมีชื่อเสียงกันดีอยู่แล้ว เพราะว่ามีมานาน ร้านทำสำเนาร้านเล็กร้านค้าน้อยเกือบทุกร้านค้าทำกันเป็นอยู่แล้ว เนื่องจากไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือเครื่องใช้ หรือความชำนาญอะไรจำนวนมาก
แล้วว่า งานทำสำเนา เป็นธุรกิจที่ไม่แน่นอน คือบางวันมีลูกค้าเข้ามาบริการน้อย แต่ว่าบางครั้งบางคราวก็มาก ฉะนั้น อุปกรณ์สิ้นเปลือง ไม่ว่าจะเป็นหมึก หรือกระดาษ จำต้องซื้อมาเก็บไว้ในปริมาณอย่างพอเพียง ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้ลูกค้ารอนาน และไม่จำต้องเสียเวลาเดินทางไปซื้อหลายครั้งมากเกินความจำเป็น
ข้อเสนอแนะสำหรับในการทำอาร์ตเวิร์ค- เลือกใช้สีสำหรับในการออกแบบงานเอกสารควรเลือกเป็น CMYK Color Mode เท่านั้น เนื่องจากระบบสีที่ใช้ในงานพิมพ์นั้นจะเป็นแบบ CMYK
- กำหนดพื้นที่รอบขอบของงาน ถ้าหากพวกเราดีไซน์งานเอกสารให้บริเวณภาพแล้วก็สีไปหมดที่แนวของงาน งานที่พิมพ์ออกมาจะปรากฎขอบขาวได้ ดังนั้นสำหรับเพื่อการจัดหน้างานพิมพ์จึงจำเป็นต้องเผื่อพื้นที่ของภาพแล้วก็สีให้เกินออกมาน อกขอบที่เป็นแนวของงานไม่ต่ำกว่า 3 มม. รวมทั้งน่าจะวางเนื้อหาให้ห่างจากแนวตัดเจียนเข้ามา 3 มม. ข้อความต่างๆก็จะไม่ถูกตัดหายไป
- การจัดการเรื่องฟอนต์ ก่อนที่จะส่งไฟล์งานที่ทำในโปรแกรม Illustrator พวกเราควรจะ Create Outline เพื่อปกป้องปัญหาการไม่รองรับการใช้ฟอนต์ของสำนักพิมพ์
- การใช้ตัวหนังสือขาว เป็นการทำให้ตัวหนังสือที่อยู่บนพื้นสีเข้มมองสะดุดตาขึ้น ถ้าเกิดใช้ตัวอักษรขนาดที่เล็กแล้วก็บางมากมายจะก่อให้ตัวหนังสือหายแล้วก็อ่านไม่ออก เมื่อทำการพิมพ์ออกมา เนื่องจากว่าอาจมีการซ้อนกันของสีแต่ละสี หรือมีการจ่ายสีมากเหลือเกิน แนวทางแก้ปัญหาที่เยี่ยมที่สุดเป็น ไม่ควรใช้ตัวเขียนที่เล็กแล้วก็บางเกินความจำเป็น
- ตัวอักษรขนาดใหญ่ ค่าสีที่ใช้ควรจะมีค่าสีรวมกันจะต้องไม่เกิน 250% สี ยกตัวอย่างเช่นสีดำ c40 k100 = 140% หรือ k100 เท่านั้น รวมทั้งตักษรขนาดเล็ก ไม่ควรใส่ค่าสีเกิน 2 เม็ดสี เพราะเหตุว่าจะได้โอกาสพิมพ์แล้วสีล้ำ
- ภาพที่ใช้ควรจะมีความเข้มข้นของสีรวมกันไม่เกิน 250%
- ห้ามใช้ Effect lens เพราะเหตุว่าเวลาพิมพ์ออกมาสีจะเปลี่ยนไปคนละสี
- กรณีใช้ Effect Transparency ให้ convert ภาพ Background แล้วก็ Effect รวมกันเป็นรูปภาพ
ระยะเวลาการผลิต
- งานพิมพ์ระบบ Inkjet 2-5 วัน ถ้ามีการไดคัทช่วงเวลาผลิต 5-7 วัน
- งานพิมพ์ระบบ Digital Offset 1-3 วัน ถ้าหากมีการเพิ่มงานข้างหลังพิมพ์ช่วงเวลาการผลิต 3-7 วัน
- งานพิมพ์ระบบ Offset ช่วงเวลาการสร้าง 7-10 วัน
** ช่วงเวลาการสร้างกลางแจ้งตรงเวลาภายหลังลูกค้าตรวจปรูฟแบบเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งเป็นเวลาคร่าวๆการอาจมีความเคลื่อนไหว ขึ้นอยู่กับช่วงงานมากมาย งานน้อย โดยทางสถานที่พิมพ์จะแจ้งให้รู้ล่วงหน้าก่อนสั่งผลิตงาน
เนื้อหาสำหรับในการขอราคางานแต่ละประเภท
- นามบัตร ขนาดเท่าไหร่ พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่เอ็งรม ฉาบด้วยไหม (มัน/ด้าน) มีเทคนิคอย่างอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าวประกาศ ได้แก่ ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV ฯลฯ แล้วก็จำนวนกี่ชื่อๆละกี่ใบ (ขั้นต่ำ 100 ใบ/ชื่อ)
- ใบปลิว ขนาดเท่าไร พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่มึงรม ฉาบด้วยหรือเปล่า (มัน/ด้าน) มีเทคนิคอันอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าวร้อง ดังเช่น ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV เป็นต้น จำนวนกี่แบบๆละกี่ใบ
- แผ่นพับ ขนาดกางออกเท่าใด เมื่อพับแล้วขนาดสำเร็จเท่าไหร่ พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่มึงรม ฉาบด้วยหรือไม่ (มัน/ด้าน) มีแนวทางอันอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าวร้อง ตัวอย่างเช่น ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV ฯลฯ ปริมาณกี่แบบๆละกี่ใบ
- โปสเตอร์ ขนาดเยอะแค่ไหน พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่มึงรม ฉาบด้วยหรือเปล่า (มัน/ด้าน) มีแนวทางอย่างอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าว เป็นต้นว่า ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV เป็นต้น จำนวนกี่แบบๆละกี่ใบ
- การ์ด ขนาดเท่าใด พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่เอ็งรม ฉาบด้วยหรือเปล่า (มัน/ด้าน) มีเทคนิคอันอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าว ดังเช่นว่า ไดคัท พับ ปั๊มฟอยล์
ปั๊มนูน Spot UV เป็นต้น ปริมาณกี่แบบๆละกี่ใบ
- หนังสือ นิตยสาร แคตตาล็อก ขนาดเท่าใด ปก ใช้กระดาษอะไร พิมพ์กี่สีกี่ด้าน ฉาบด้วยหรือไม่ (มัน/ด้าน) มีเทคนิคอย่างอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าวร้อง อย่างเช่น ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV เป็นต้น เนื้อใน พิมพ์กี่สี กี่หน้า กระดาษอะไร และก็เข้ารูปเล่มแบบไหน ปริมาณกี่แบบๆละกี่เล่ม
- รายการอาหาร ขนาดเท่าไหร่ ปก ใช้กระดาษอะไร พิมพ์กี่สีกี่ด้าน ด้าน ฉาบด้วยไหม (มัน/ด้าน) มีแนวทางอันอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าว เช่น ไดคัท ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV เป็นต้น เนื้อใน พิมพ์กี่สี กี่หน้า กระดาษอะไร แล้วก็เข้ารูปเล่มแบบไหน จำนวนกี่แบบๆละกี่เล่ม
- กล่องบรรจุภัณฑ์ ขนาดกางออกมากแค่ไหน พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่มึงรม เคลือบด้วยหรือเปล่า (มัน/ด้าน) มีเทคนิคอันอื่นเพิ่มด้วยหรือป่าวประกาศ ตัวอย่างเช่น ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV เป็นต้น ปะกาวกี่จุด จำนวนกี่แบบๆละกี่กล่อง
- สติ๊กเกอร์ ขนาดเท่าไหร่ พิมพ์กี่สี สิ่งของเป็นสติ๊กเกอร์ PVC หรือสติ๊กเกอร์กระดาษ ฉาบด้วยหรือไม่ (มัน/ด้าน) แบบอย่างการไดคัท จำนวนกี่แบบๆละกี่ดวง
- แฟ้มกระดาษ ขนาดกางออกเยอะแค่ไหน (ขนาดสำเร็จเท่าไร) พิมพ์กี่สี กี่ด้าน กระดาษอะไร กี่มึงรม ฉาบด้วยไหม (มัน/ด้าน) มีวิธีการอันอื่นเพิ่มด้วยหรือประกาศ เป็นต้นว่า ปั๊มฟอยล์ ปั๊มนูน Spot UV ฯลฯ ติดกระเป๋า 1 หรือ 2 ด้าน ปริมาณกี่แบบๆละกี่แฟ้ม
ประเภทของกระดาษ- กระดาษปรู๊ฟ เป็นกระดาษที่มีส่วนผสมของเยื่อกระดาษที่ใช้แล้วผสมกับเยื่อที่มีเส้นใยสั้น ซึ่งมีน้ำหนักเพียงแต่ 40-52 กรัมต่อตารางเมตร จะมีสีอมเหลือง ราคาไม่แพงและความแข็งแรงน้อย ก็เลยเหมาะสมกับงานที่ไม่ได้อยากต้องการคุณภาพมากมาย หรืองานพิมพ์หนังสือพิมพ์
- กระดาษแบงค์ เป็นกระดาษที่น้ำหนักไม่เกิน 50 กรัมต่อตารางเมตร ลักษณะบางไม่ฉาบผิว มีสีให้เลือกหลายสี เหมาะสำหรับงานพิมพ์แบบฟอร์มที่มีสำหลายชั้น
- กระดาษปอนด์ เป็นกระดาษที่มีสีขาว ผิวไม่เรียบ ทำมาจากเยื่อเคมีที่ผ่นการขัด ซึ่งอาจมีส่วนประกอบของเยื่อที่มาจากเศษผ้า น้ำหนักของกระดาษชนิดนี้อยู่ระหว่าง 60-120 กรัมต่อตารางเมตร ใช้สำหรับพิมพ์รายงานที่อยากได้ความสวยงามปานกลาง สามารถพิมพ์สีเดียวหรือหลายสีได้
- กระดาษอาร์ต เป็นกระดาษที่ผลิตโดยใช้สารเคมีแล้วนำมาขัดให้ขาว เหมาะกับงานพิมพ์หนังสือ หรือกระดาษพิมพ์เขียน เพราะว่ามีความหนาแน่นสูงรวมทั้งคุณภาพดี
- กระดาษคราฟ เป็นกระดาษที่มีความเหนียวเป็นพิเศษ สีน้ำตาล ทำมาจากเยื่อซัลเฟต น้ำหนักอยู่ระหว่าง 80-180 กรัมต่อตารางเมตร เหมาะกับทำงานเอกสารบรรจุภัณฑ์ ถุงที่ทำจากกระดาษ และกระดาษห่อของ เป็นต้น
ขนาดของกระดาษ
- ขนาดกระดาษ A0หมายถึง84.1 ซม. x 118.9 ซม. หรือ 33.11 นิ้ว x 46.81 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A1เป็น59.4 ซม. x 84.1 ซม. หรือ 23.38 นิ้ว x 33.11 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A2หมายถึง42 ซม. x 59.4 ซม. หรือ 16.53 นิ้ว x 23.38 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A3เป็น29.7 เซนติเมตร x 42 เซนติเมตร หรือ 11.69 นิ้ว x 16.53 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A4 คือ 21 ซม. x 29.7 เซนติเมตร หรือ 8.26 นิ้ว x 11.69 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A5เป็น14.8 ซม. x 21 ซม. หรือ 5.82 นิ้ว x 8.26 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A6 คือ 10.5 เซนติเมตร x 14.85 เซนติเมตร หรือ 4.13 นิ้ว x 8.26 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A7เป็น7.4 เซนติเมตร x 10.5 เซนติเมตร หรือ 2.91 นิ้ว x 4.13 นิ้ว
- ขนาดกระดาษ A8 คือ 5.2 เซนติเมตร x 7.4 เซนติเมตร หรือ 2.04 นิ้ว x 2.91 นิ้ว
#ปั๊มมกร์, #ปั๊มนูน, #
ปั๊มจม#ปรุฉีก, #เส้นพับ, #บริการหลังการพิมพ์ #รวีวิริยะ บริการราคาประหยัดถูก
สามารถติดต่อที่ คุณวิลาวรรณ มือถือ 089-088-2848
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :
[url]https://rvydiecut.com/[/url]
Tags : ปั๊มจม