สัตววัตถุ เม่น

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เม่น  (อ่าน 14 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2017, 08:31:43 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


เม่[/size][/b]
เม่นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
จัดอยู่ในสกุล Hystricidae
เม่นที่พบในประเทศไทยมี ๒  ประเภท  อาทิเช่น
๑.เม่นใหญ่แผงคอยาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hystrix  brachyuran  Linnaeus
ชื่อสามัญว่า  Malayan  porcupine
เม่นชนิดนี้มีขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๖๓ – ๗๐  เซนติเมตร หางยาว ๖ – ๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว  ๓-๗ กิโลกรัม ขนบนลำตัวเป็นขนแข็งใช้ป้องกันตัว  หัวเล็ก จมูกป้าน มีหนวดยาวสีดำ รอบๆลำตัว คอ และก็ไหล่  มีขนแข็ง  สั้น  สีดำ  ขนใต้คอสีขาว ตาเล็ก ใบหูเล็ก ขนตั้งแต่ข้างหลังไหล่ไล่ลงไปแข็งยาว ด้านโคนและก็ปลายสีขาว ตรงกลางสีดำ ปลายแหลม หางมีขนเหมือนหลอดสั้นๆขาสีดำเม่นประเภทนี้ชอบออกหากินเพียงลำพังในช่วงกลางคืน รักสงบ เวลาพบศัตรูจะวิ่งหนี พอจวนตัวจะหยุดนิ่งแล้วพองขนขึ้น ศัตรูที่ไล่หลังมาอย่างรวดเร็วแม้หยุดไม่ทันก็จะโดนขนเม่นตำ แล้วก็ถ้าหากศัตรูใช้ตีนตะครุบก็จะโดนขนเม่นตำเช่นเดียวกัน  ได้รับความเจ็บปวดเจ็บมาก เมื่อศัตรูผละหนีไปแล้ว  เม่นก็จะหลบเข้าโพรงไม้หรือโพรงดิน ขนเม่นที่หลุดออกไปจะมีขนใหม่ผลิออกขึ้นมาแทนที่ เม่นชนิดนี้กินผัก หญ้าสด หน่อไม้ กาบไม้ ผลไม้ แล้วก็กระดูกสัตว์  เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุราว ๒ ปี มีท้องนาน  ๔  เดือน  ตกลุกทีละ  ๑ -๓  ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย ลูกเม่นทารกมีขนที่อ่อน  แต่เมื่อถูกอากาศภายนอกขนจะเบาๆแข็งขึ้น  อายุราว ๒๐ ปีพบทางภาคใต้ของประเทศไทย ในเมืองนอกเจอที่มาเลเชียแล้วก็อินโดนีเซีย
๒. เม่นหางพวง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Atherurus  macroura (Linnaeus)
ชื่อสามัญว่า  bush-tailed  porcupine
เม่นชนิดนี้มีความยาวลำตัววัดจากปลายจมูกถึงโคนหาง  ๔๐ – ๕๐  เซนติเมตร หางยาว ๑๕ – ๒๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๒.๕ – ๕  กิโลกรัม จมูกเล็ก มีหนวดยาว ใบหูเล็ก ลำตัวยาว ขาสัน มีขนแข็งปกคลุมทั่วตัว ขนบางส่วนแข็งรวมทั้งปลายแหลมมาก  คล้ายหนาม  ขนส่วนที่ยาวที่สุดอยู่บริเวณกลางหลังขนแบน  มีร่องยาวอยู่ข้างบน ตอนกลางหางไม่ค่อยมีขน แม้กระนั้นเป็นเกล็ด โคนหางมีขนสั้นๆปลายหางมีขนขึ้นดกดกเป็นกลุ่ม ดูเป็นพวง ขนดัขี้งกล่าวแข็งและก็คม ส่วนขนที่หัวรอบๆขา ๔ รวมทั้งบริเวณใต้ท้อง แหลม แต่ว่าไม่แข็ง ขาค่อนข้างจะสั้น ใบหูกลมและก็เล็กมาก เล็บเท้าดูถูกตรง ทู่ และแข็งแรงมาก  เหมาะกับขุดดิน เม่นประเภทนี้ออกหากินในช่วงเวลากลางคืน  ช่วงเวลากลางวันมักแอบอยู่ในโพรงดิน  ตามโคนรากของต้นไม้ใหญ่ หรือตามซอกหิน มักออกหากินเป็นฝูง  ใช้ขนเป็นอาวุธปกป้อง รับประทานหัวพืช หน่อไม้  กาบไม้  รากไม้  ผลไม้  แมลง เขาและกระดูกสัตว์  คลอดลูกครั้งละ ๓- ๕  ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย  ลูกเม่นทารกมีขนอ่อนนุ่ม แม้กระนั้นจะต่อยๆแข็งขึ้นอายุราว ๑๔ ปี พบในทุกภาคของเมืองไทย ในต่างชาติพบทางภาคใต้ของจีน รวมทั้งที่ลาว เวียดนาม  เขมร มาเลเซีย  และก็อินโดนีเซีย

[url=http://www.disthai.com/]ผลดีทางย[/size][/b]
หมอแผนไทยใช้ขนเม่นที่สุมไฟให้ไหม้แล้วปรุงเป็นยาแก้ตานซาง  แก้พิษกาฬ  พิษไข้ เชื่อมซึม กระเพาะของเม่นใช้ปรุงเป็นยารับประทานบำรุงน้ำดี ช่วยให้ไส้มีกำลังบีบย่อยอาหาร พระคู่มือปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่ง เข้า“ขนเม่น” เป็นยาทาตัวเด็ก ดังต่อไปนี้ ภาคหนึ่งยาทาตัวกุมารกันสรรพโรคทั้งปวง และจะเป็นไข้อภิฆาฏดีแล้ว  โอปักกะไม่กาพาธก็ดี ท่านให้เอาใบมะขวิด คราบงูเห่า หอมแดง สาบแร้งสาบกา ขนเม่น ไพลดำ ไพลเหลือง  บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำนมโค ทาตัวกุมาร ชำระมลทินโทษทั้งสิ้นดีนัก



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ