Advertisement
[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%94.png" alt="" border="0" />[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%94/]เเร[/size][/b]
แรดเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในสกุล Rhinocerotidae เป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ทั่วทั้งโลกมีสัตว์พวกนี้คงเหลืออยู่เพียงแต่ ๕ ประเภท เป็นแรดที่เจอในทวีปเอเชีย ๓ ชนิด คือ กระซู่ แรดชวา แล้วก็แรดอินเดีย พบในทวีปแอฟริกา ๒ ประเภท คือ แรดขาวรวมทั้งแรดดำ
ชีววิทยาของแรด๑.กระซู่มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)มีชื่อสามัญว่า asian two-horned rhinoceros หรือ Sumatran rhinocerosเป็นสัตว์กีบคี่ คือ มีเล็บ ๓ เล็บ ทั้งยังเท้าหน้ารวมทั้งเท้าหลัง มี ๒ นอ เมื่อโตเมที่มีความสูงที่ไหล่ ๑-๑.ค๐ เมตร น้ำหนักราว ๑ ตัน มีหนังดกและมีขนปกคลุมทั่วตัวโดยเฉพาะในตัวที่แก่น้อย ขนนี้จะลดน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยทั่วไปลำตัวสีเทาคล้ายสีเถ้าถ่านหรือสีน้ำตาลเข้ม ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแค่พับเดียวอยู่ที่รอบๆข้างหลังของขาคู่หน้า กระซู่อีกทั้ง ๒ เพศมมีนอ ๒ นอ นอหน้ายาวราว ๒๕ เซนติเมตร ส่วนนอข้างหลังมักยาวไม่เกิน ๑๐ เซนติเมตร หรือบางทีอาจเป็นเพียงตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมียกระซู่เป็นสัตว์ที่ไต่เขาเก่ง มีประสาทรับกลิ่นดีเลิศ ทำมาหากินยามค่ำคืน กินใบไม้ กิ่งไม้ และผลไม้ป่าเป็นของกิน ตามปรกติใช้ชีวิตอย่างสันโดษ ยกเว้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์ หรือช่วงที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน ตกลูกครั้งละ ๑ ตัว ระยะมีท้อง ๗-๘ เดือน มีอายุยืน ๓๒ ปี
กระซู่มีเขตผู้กระทำระจายประเภทตั้งแต่รัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย แล้วก็ในบังกลาเทศ เมียนมาร์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย แล้วก็อินโดนีเซีย มักอาศัยตามป่าเขาสูงที่มีหนามรกทึบ แม้กระนั้นลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำตอนปลายหน้าฝน ซึ่งมักมีปลักและก็น้ำอยู่ทั่วๆไป ในตอนนี้กระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนใน ๑๕ จำพวกของไทย
๒. แรดชวา (เขมรเรียกระมาด)มีชื่อวิทยาศาสตร์ Rhioceros sondaicus Desmarestมีชื่อสามัญว่า lesser one-horned rhinoceros sinv Javan rhinocerosเป็นสัตว์กีบคี่ เป็น มีเล็บ ๓ เล็บ ทั้งยังเท้าหน้าแล้วก็เท้าหลัง มีนอเดียว เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่ ๑.๖๐-๑.๘๐ เมตร น้ำหนักตัว ๑.๕-๒ ตัน มีหนังหนารวมทั้งมีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ ด้านหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง ๓ รอย ตรงแถวๆศีรษะไหล่ ข้างหลังของขาคู่หน้า แล้วก็ข้างหน้าของขาคู่ข้างหลัง แรดเพศผู้มีนอเดียว มีความยาวไม่เกิน ๒๕ เซนติเมตร ส่วนตัวเมียนั้นมองเห็นเป็นเพียงแต่ตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่หากินอยู่รวมกันเป็นฝูง แม้กระนั้นปัจจุบันเจอหากินโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในฤดูผสมพันธุ์ กินใบไม้ ก้านไม้ และก็ผลไม้ป่าที่หล่นอยู่บนพื้นดินเป็นของกิน คลอดลูกครั้งลพ ๑ ตัว ระยะตั้งท้องนาน ๑๖ เดือน มีเขตผู้กระทำระจายประเภทตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ เมียนมาร์ ไทย เวียดนาม เขมร มาเลเซีย แล้วก็อินโดนีเซีย พบมากในป่าดงดิบชื่นที่มีน้ำสมบูรณ์บริบูรณ์ หรือป่าทึบริมฝั่งสมุทร โดยมากทำมาหากินอยู่ตามป่าที่ราบ ไม่พบอยู่ตามเทือกเขาสูง ตอนนี้แรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนชนิดหนึ่งใน ๑๕ ประเภทของไทย
๓. แรดอินเดียมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rhinoceros unicornis Linnaeusมีชื่อสามัญว่า Indian rhinocerosเป็นแรดใหญ่จำพวกนอเดียว สูงราว ๒ เมตร หนัก ๒-๓ ตัน ตามตัวมีหนังหนาคล้ายโล่ที่ไหล่ ที่สะโพก หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด ไม่มีขนมากนักนอกเหนือจากที่ขอบหูรวมทั้งปลายหาง มีหนังพับข้ามข้างหลัง ๒ แห่ง คือ ที่ด้านหลังของไหล่และที่ข้างหน้าของบั้นท้าย แต่ว่าไม่มีพับหนังข้ามคอ หางสั้นอยู่ในหลืบพักของตะโพก ตั้งครรภ์นานราว ๑๙ เดือน อายุยืนราว ๕๐ ปี แรดอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมแม่น้ำ เคยพบได้ทั่วไปในช่องเขาแม่น้ำสินธุ ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา ซอกเขาแม่น้ำพรหมบุตร และก็บริเวณตีนเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงรัฐอัสสัมประเทศอินเดีย
๔. แรดขาวมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Ceratotherium simum Burchellมีชื่อสามัญว่า white rhinoceros หรือ square-lipped rhinocerosมีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว ๑.๖๐-๒ เมตร ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง ๓.๖๐-๕ เมตร หนัก ๒.๓ – ๓ ตัน มีนอ ๒ นอ นอหน้ายาวราว ๖๐ ซม. แต่บางตัวนอยาวถึง ๑.๕๐ เมตร หัวยาว ปากกว้าง หูยาวกว่าแรดดำ และปลายหูแหลม หน้าผากลาด รวมทั้งมนกว่าแรดดำ หัวไหล่นูนเป็นก้อน ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน ยกเว้นขนที่ปลายหูรวมทั้งขนหาง ริมฝีปากบนมีรูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมจัตุรัส แรดประเภทนี้ถูกใจกินหน้ามากกว่าใบไม้ มีหัวยาวเพื่อให้ก้มลงกินต้นหญ้าได้ง่าย บนไหล่มีโหนกสูง มีจมูกดี แม้กระนั้นตาและก็หูไม่ดี ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว ๔—๕ ตัว แต่ว่าบางทีอาจพบได้ถึงฝูงละ ๑๘ ตัว ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่รอบๆภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา บริเวณซอกเขาลุ่มแม่น้ำไนล์ แต่ในขณะนี้ได้สูญพันธุ์ไปจากรอบๆนี้ พบในแอฟริกากลางรอบๆทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว รวมทั้งในแอฟริกาใต้ ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางทิศตะวัยตก จนถึงภาคตะวันออกของประเทศนามิเบีย แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ ๗-๑๐ ปี มีท้องนาน ๑๘ เดือน เหมือนปกติออกลูกเพียงแค่ตัวเดียว เมื่ออายุ ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว อายุ ๑ สัปดาห์เริ่มรับประทานต้นหญ้า แก่ยืน ๓๐-๔๐ ปี
๖.แรดดำมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Diceros bicornis Linnaeusมีชื่อสามัญว่า hook-lipped rhinoceros หรือ African black rhinocerosเป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่ เทอะทะหนังดก สีน้ำตาลอ่อนปนเทาหรือเทาแก่ ตามลำตัวไม่มีขน ยกเว้นรอบๆใบหูรวมทั้งปลายหาง ไม่มีต่อมเหงื่อ ตาเล็ก ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมบางส่วน ยืดหดได้ ใช้เหนี่ยวก้านไม้เข้าปากได้ มี ๒ นอ นออันใจกว้างแล้วก็ยาวกว่าอันหลัง หางสั้น แข็ง ใบหูกลม ไม่มีฟันตัดและก็ฟันเขี้ยว เท้ามี ๓ เล็บ ขนาดลำตัวยาวราว ๓.๓๐ เมตร ความสูงถึงไหล่ราว ๑.๗๐ เมตร น้ำหนักราว ๒ ตัน ตัวเมียมีเต้านม ๒ เต้า เหมือนปกติแรดดำชอบอยู่ตัวผู้เดียว จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในช่วงสืบพันธุ์ ออกหากินยามค่ำคืน ถูกใจหากินตามทุ่งหญ้าและรอบๆป่าเขา ไม่ชอบเข้าไปหาเลี้ยงชีพในป่าลึก นิสัยดุ หูและก็จมูกไว แรดดำโตเป็นหนุ่มสาวพร้อมผสมพันธุ์ได้เมื่อแก่ราว ๗ ปี มีท้องนาน ๑๕-๑๖ เดือน ออกลูกทีละ ๑ ตัว ลูกแรดกินนมแม่อยู่นานราว ๒ ปี แล้วก็อยู่กับแม่นาน ๓-๔ ปี แรดที่เจอในบ้านพวกเรามีเพียงแค่ ๒ ประเภทแรก หมายถึง กระซู่และก็แรดชวา
[url=http://www.disthai.com/]ผลดีทางย[/size][/b]
แพทย์แผนไทยเคยใช้นอแรดเข้ามาเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน แต่ในขณะนี้ใช้น้อยลง เนื่องจากว่าหายากและก็ราคาแพงแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งเหมือนเขาสัตว์ ตัน งอกขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด นอแรดที่ดีต้องมีเปลือกนอกดำไหม้ สีค่อยจางไปที่โคน จนกระทั่งเป็นสีเทาอมน้ำตาล เนื้อในมีสีเทาปนขาว มีจุดสีเทาดำ แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า นอแรดมีกลิ่นหอมยวนใจเย็น ไม่คาว มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น มีสรรพคุณแก้ไข้สูง แก้พิษร้อน แก้คลื่นไส้เป็นเลือด แก้ถ่ายเป็นเลือด เป็นยาระงับประสาท โดยใช้บดเป็นผงผสมกับน้ำดื่ม เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการรักษาสัตว์เหล่านี้ไว้ ก็เลยไม่ควรใช้หรือสนับสนุนให้ใช้ เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้เป็นเขาควาย (ควาย) แม้กระนั้นต้องใช้ในจำนวนมากกว่าหลายเท่า