ความหมายของสมุนไพรโกษฐ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความหมายของสมุนไพรโกษฐ  (อ่าน 9 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
plawan1608
Full Member
***

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 158


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2017, 03:49:58 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


สมุนไพรพิกัดโกษฐ[/size][/b]
โกรธเป็นพิกัดเครื่องยาหมู่หนึ่งที่ใช้มากมายในไทย ตำราโบราณเขียนชื่อพิกัดยาพวกนี้ต่างกันออกไปหลายแบบ ในแผ่นจารึกแบบเรียนที่วัดราชลูกชายสาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (แต่ครั้งท่านยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์) ขอความปรานีเกล้าให้จารึกไว้เป็นวิทยาทาน เมื่อทรงซ่อมวัดนี้ใน พ.ศ. ๒๓๖๔ มอบให้เป็นพระราชกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปรากฏชื่อพิกัดเครื่องยาไทยพักนี้เป็น โกด ทั้งปวง อาทิเช่น (พิมพ์ตาอักขระที่ปรากฏในแผ่นจารึก) ถ้าบุทคลใครกันแน่เจ็บป่วยเพื่อเสมหะ ปิตะ วาตะ สมุถานก็ดี ทำให้หิวโหยหาแรงมิได้ ให้ระหวยไป ให้ใจขุ่นหมองไม่ได้ชื่น ให้สวิงสวายหากำลังมิได้  ถ้าหากจะเอายานี้แก้ ยาชื่อมหาสมมิตร เอาโกดทั้งยังห้า เทียรทั้งห้า [url=http://www.disthai.com/16653544/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2]ตรีผลา
จันทังสอง ลูกจั[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/]ดอกจั[/b] มือวาน [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9/]กานพู[/b] ขิงแห้ง [url=http://www.disthai.com/16488287/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5]ดีปลี แห้วหมู ไคร้เครือ เกษรบัวหลวง เกษรสารภี เกษรบัวเผื่อน เกษรบัวขม ดอกคำ ดอกผักตบ ดอกพิกุน เกสรบุนนาค ดอกสลิด สักขีพยาน ชลูด อบเช[/b] [url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/]ชะเอ[/b] ปริศนา ชะมดเช็ด พิมเสน เอาเสมอภาคทำเป็นจุณ เอาดีงูเหลือม เช่น้ำดอกไม้ประสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำตาลก็ได้ น้ำค้างคืนก็ได้ รับประทานแก้รส่ำรสายแลดับพิษไข้ทั้งสิ้น ทำให้คลุ้มคลั่งให้เพ้อให้เชื่อมให้มัว แก้ลิ้นหยาบคางแข็ง แลชูกำลังยิ่งนักฯ
ส่วนศิลาจารึกตำราเรียนที่วัดพระเชเหม็นตุพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จารึกไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน คราวที่ทรงบูรณะซ่อมแซมใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๕ และก็คณะอาจารย์สถานศึกษาหมอแผนโบราณได้เก็บรวบรวมจัดพิมพ์เป็นเล่มเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕  ในตำราเรียนยาฯนี้บันทึกชื่อเครื่องยาในหมู่นี้เป็น โกฐ ทั้งปวง เช่นแผ่นจารึกที่ศาลา ๗ เสา ๖  แผ่น ๔ ดังต่อไปนี้
ปุนะจะปะรัง ลำดับนี้จะกล่าวด้วยนัยหนึ่งใหม่ เกี่ยวกับลักษณะสันนิบาตอันเกิดขึ้นเพื่อดีรั่วนั้นเป็นคำรบ ๔  เมื่อจะบังเกิดขึ้นแก่บุคคลใดดีแล้ว ก็ทำให้ลงดุจกินยารุ มูลนั้นเหลืองดังน้ำขมิ้นสด ให้เคลิ้มไปหาสติไม่ได้ แลให้หิวโหยนัก บริโภคของกินไม่อยู่ท้อง ให้สวิงสวาย ให้แน่นหน้าอกเป็นกำลัง ให้อุทธรลั่นอยู่เป็นนิจมิได้ขาด หากเเลลักษณะเป็นดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นมานี้ ฯ ถ้าเกิดจะแก้เอาสมอทั้งยัง ๓ [url=http://www.disthai.com/16488243/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1]มะขามป้อ[/b] ผลจู๋ม จันทน์ทั้ง ๒ โกญสอ โกฐเฉมา โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลา [url=http://www.disthai.com/16488286/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2]โกฐน้ำเต้[/b] กฤษณา กระลำพัก แก่นสน กรักขี แก่นประดู่ รากขี้กาทั้ง ๒ ใบสันพร้ามอน [url=http://www.disthai.com/16536669/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD]ใบคนทีส[/b] รากกระทแขนก รากทิ้งถ่อน รากผักหวาน ว่านน้ำ ไคร้หอม เท่าเทียมต้มตามวิธีให้รับประทาน แก้สันนิบาตอันมีขึ้นเพื่อปิตตะสมุฏฐานโรค กล่าวคือดีรั่วนั้นหายวิเศษนักฯสำหรับ ตำราแพทย์แผนไทยแผนโบราณ ซึ่งรวบรวมโดยขุนโสภิตบรรณรักษา (อำพัน กิตติฟุ้งกระจาย) เขียนชื่อหมู่นี้เป็น โกฏ ทั้งปวง ตัวอย่างเช่นยาแก้คอแห้งผากในคัมภีร์เล่ม ๓ ในเวลาที่กล่าวถึงเสลดพิการและก็ยาแก้ ดังนี้ ยาแก้คอแห้งผาก แก้เสลดเหนียว แก้อาเจียน เอาโกฏ ๕ เทียน ๕ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู [url=http://www.disthai.com/16488304/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3]ว่านน้[/b] ประพรมมิ ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง ลูกราชดัด [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิ[/b] [url=http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2]พริกไท[/b] บดละลายน้ำท่าแทรกเกลือกิน แก้คลื่นไส้ละลายน้ำลูกยอต้มรับประทาน
                     
ส่วนในหนังสือศาสตร์วัณ์ณที่นา – ตำราเรียนแพทย์แบบเก่า
ซึ่งเรียบเรียงโดยนายสุ่ม วรกิจกว้างขวาง ตามตำราของพระยาดีเลิศศาสตร์ดำรง(หนู) ผู้เป็นพ่อ บันทึกชื่อเครื่องยาหมู่นี้เป็น โกฏฐ์ ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น ยาเทพนิมิตรในเล่ม ๔ ดังนี้ หากจะเอายาชื่อเทพนิมิตต์ขนานนี้ ท่านให้เอาโกฏฐ์สอ ๑ โกฏฐ์เชียง ๑ โกฏฐ์เขมา ๑ โกฏฐ์น้ำเต้า ๑ สมุลแว้ง ๑ อบเชย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ สักขี ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกลำดวน ๑ กระดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์ทั้งยัง ๒ กฤษณา ๑ กระลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ แก่นประพรม ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ [url=http://www.disthai.com/16488279/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9D%E0%B8%AD%E0%B8%A2]ดอกคำฝอย
๑ เลือดแรด ๑ สารส้ม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน การบูร ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน แก่นแสมทะเล ๑๖ ส่วน เบ็ญจเราล ตามพิกัด ทำเป็นผงแล้วเอาหญ้าแห้วหมูเป็นน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำแก่นไม้ต้มแทรกพิมเสนให้กิน แก้เลือดปกติโทษอันมีขึ้นแม้กระนั้นกระดูกนั้นหายวิเศษนักแล
จึงเห็นได้ว่าตำราเรียนยาโบราณของไทยใช้ชื่อเครื่องในหมูนี้เป็น โกด โกฐ โกฏ หรือ โกฏฐ์ ไม่เหมือนกันไปตามแต่จะเขียน เรื่องยาพิกัดนี้ทุกประเภทเป็นของที่มีเกิดในต่างประเทศ แล้วก็มีพ่อค้าต่างชาตินำเข้ามาขายในประเทศไทยนานแล้ว อย่างต่ำก็ก่อนสมัยสมเด็จพระที่นารายณ์มหาราช (พุทธศักราช ๒๑๗๕ – ๒๒๓๑) เนื่องจากว่าในแบบเรียนแพทย์แผนไทยซึ่ง ตำราเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์ได้อ้างถึง ๒ เล่ม คือตำราโรคนิทาน แล้วก็คัมภีร์มหาโชตรัต มียาที่เข้าเข้าพิกัดนี้มากมายก่ายกองหลายขนาน รวมถึงใหหลายขนานในตำราเรียนพระยาพระนารายณ์เอง แต่ชื่อเครื่องยาหมู่นี้ควรเขียนเป็นยังไง มีที่มาและก็ความหมายเช่นไร นอกจากนั้นเครื่องยาหมู่นี้บางชนิดเป็นยังไง มีที่มาที่ไปยังไงอย่างเป็นข้อโต้แย้งที่ยังหาบทสรุปมิได้
สาเหตุของคำ โกษฐ์
โกษฐ์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ . ๒๕๔๒ เลือกเก็บคำ โกฐ ไว้โดยนิยามดังต่อไปนี้ โกฐ (โกด) น. ชื่อยสมุนไพร[/url]ชนิดหนึ่ง ได้จากส่วนต่างๆของพืช มีหลายแบบ ตำราเรียนยาแผนโบราณเขียนเป็น โกฎ โกฏ โกฏฐ์ โกด หรือ โกษฐ์ ก็มี (เปรียญโกฏฐ) คำ โกฐ ที่ราชบัณฑิตยสถาน (โดยพหูสูตรทางบาลี-สันสกฤต) เลือกเก็บไว้นั้น มีในภาษาสันสกฤตจริง แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกสมุนไพรประเภทหนึ่งซึ่งหมอแผนไทยเรียกโกฐกระดูก (kut หรือ kuth ) ก็เลยน่าจะเป็นที่มาของการเลือกเก็บคำ โกฐ ของราชบัณฑิตยสถาน แม้กระนั้น คำ โกฐ นี้มีความหมายว่าโรคเรื้อน ส่วนคำ โกฏฐ ในภาษาบาลีหมายความว่า ลำไส้ พุง คำ ๒ คำนี้ ไม่น่าจะเป็นชื่อพิกัดเครื่องยาสมุนไพร นอกนั้น คำที่อ่านออกเสียงว่า โกด เขียนได้อีกหลายแบบ แม้กระนั้นก็ให้ความหมายที่แตกต่าง เช่น
โกส แสดงว่า ผอบ; แปลว่าผอมบางมาตราวัดความยาวเท่ากับ ๕๐๐ ชั่ว
โกฏิ แสดงว่า ๑๐ ล้าน
โกษ แปลว่า อัณฑะ
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ[/b] โกศมีความหมายว่า ที่ใส่ศพนั่ง , ที่ใส่กระดูกผี ฝัก , กระพุ้ง, คลัง คำที่ออกเสียง โกด ที่ใช้เรียกชื่อรวมทั้งพิกัดเครื่องยาสมุนไพรควรจะเขียนเช่นไรนั้น คงสืบสวนหาที่มาของคำนี้ แล้วเขียนให้ถูก ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับคำในภาษาเดิมให้เยอะที่สุด เพื่ออาจจะความหมายเดิมให้เยอะที่สุด น่าสังเกตว่า เรื่องยาสมุนไพรพิกัดมีทั้งหมดทั้งปวงเป็นเครื่องยาเทศหรือเครื่องยาจีน เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันว่าเป็นของดีแล้วก็ใช้กันมาในประเทศถิ่นเกิดรวมทั้งประเทศใกล้เคียง รวมทั้งคำที่ออกเสียงแบบนี้ในภาษาไทยไม่มีคำไหนที่มีความหมายเกี่ยวกับยาหรือการบำบัดรักษาเลย คำนี้จึงน่าจะเป็นคำในภาษาอื่น อาจเป็นภาษาจีนหรือภาษาแขก ด้วยเหตุว่าอายุรเวทซึ่งพัฒนาขึ้นในประเทศอินเดียรวมทั้งการแพทย์แผนจีนมีอิทธิพลอย่างสูงต่อการพัฒนาการแพทย์ทางการแพทย์รวมทั้งการปรุงยาแผนหมอแผนไทยมาแต่ว่าโบราณ แม้กระนั้นคำที่ออกเสียงตัวสะกดแม่กดนั้นไม่มีใช้ในภาษาจีน ด้วยเหตุดังกล่าว คำที่ออกเสียง โกด ก็เลยน่าจะมีที่มาจากภาษาพื้นเมืองใดในประเทศอินเดียหรือเปอร์เซียในตำราอายุรเวทของอินเดีย มีคำ kuth หรือ kuth root เป็นชื่อเครื่องยาชนิดหนึ่งในภาษาท้องถิ่นของดินแดนกัษไม่ระ รวมทั้งตำราเรียนฯว่ามีรากศัพท์มาจากคำ kusta ในภาษาอิหร่านหรืออิหร่าน ส่วนภาษาสันสกฤตเป็น kushta ภาษาฮินดีและเบงกาลีเป็น kut ภาษาดุร้ายเป็น kostum หรือ goshtam หนังสือเรียนยาไทยเรียกเครื่องยาประเภทนี้ว่า โกษฐ์กระดูก (costus) ก็เลยได้บทสรุปในในขั้นต้นว่าคำ โกษฐ์ นี้คงจะมาจากภาษาเปอร์เซีย รวมทั้งคำนี้สื่อความหมายยังไง
ความหมายของคำ โกษฐ์
เมื่อคำ โกษฐ์ เป็นคำในภาษาอิหร่าน จึงจำเป็นต้องค้นหาความหมายของคำในภาษาอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำในภาษาดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วที่ใช้กับยาบำบัดโรคในคู่มืออูนานิ (Unani) แพทย์โอนามิภายหลังที่ได้พยายามค้นหาความหมายของคำนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปี เร็วๆนี้เองก็เลยได้เจอคำนี้ในหนังสือเก่าชื่อ แบบเรียนยาที่การแพทย์ตะวันออกของหมูแฮมดาร์ด (Hamdard Pharmacopoeia of Eastern Medicine) เรียบเรียงคำเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาทางเภสัชศาสตร์ที่หมูแฮมดาร์ด (The Pharmaceutical Advisory Council of Hamdard) มีนาย ฮะกิม อับดุล ฮาเมด (Hakim Abdul Hamed) เป็นประธาน และนายฮากิม โมฮัมเมด ซาเหนื่อย (Hakim Mohammed Said) เป็นบรรณาธิการ (หนังสือไม่ได้ระบุปีที่พิมพ์รวมทั้งสำนักพิมพ์) ในแบบเรียนดังกล่าวข้างต้น ๒๒๒ มียาหมวดหนึ่งเรียก kushta เขียนไว้ดังนี้
kushta is the past participle of kushtan (Persian for to kill) kushta therefore means killed or conquered In the Tibbi terminology kushta is employed for a medicine that used in small quantities and one that is immediately effective A kushta is a blend of metallic oxides , non-metals and their compounds, or minerals The ingredients are oxidized through the action of heat-a process that is rather specialized.The preparation of kushta results in the efficacy of a medicine and, after effecting its entry into the body the kushta discharges its curative role promptly and effectively.
จึงสรุปได้ว่า คำนี้เป็นคำในภาษาอิหร่าน หมายความว่า ฆ่า ปราบ กำจัด ทําให้หายไป เทียบเคียงเสียงเป็น kushta รวมทั้งควรจะเปรียบเทียบเป็นภาษาไทยว่า โกษฐ์ จึงจะตรงกับคำในภาษาเดิมมากที่สุด และให้คำจำกัดความที่ไม่อาจเป็นอันอื่นได้ คำ โกษฐ์ นี้คงเข้ามาสู่ราชอาณาจักรสยามพร้อมๆกับวัฒนธรรมอื่นๆของเปอร์เซีย และการแพทย์โบราณแห่งประเทศสยามคงจะยืมคำนี้มาใช้เรียกเครื่องยาหลากหลายประเภท ซึ่งแม้จะใช้เพลงปริมาณน้อย แต่ว่าก็ทรงประสิทธิภาพสำหรับในการบำบัดโรคในช่วงระยะเวลาสั้นๆ
โกษฐ์ที่ใช้ในยาไทย
หมอแผนไทยรู้จักในเครื่องยาจีนและเครื่องยาเทศหลายแบบในยาไทย การแสดงให้มองเห็นความคิดอันฉลาดมากจริงๆชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทยที่รู้จักใช้ของดีๆของต่างประเทศในยาไทย เครื่องยากลุ่มนี้หลากหลายประเภทเรียก โกษฐ์ โดยจัดเป็นพิกัดตัวยาเป็น โกษฐ์อีกทั้ง ๕ โกษฐ์  ๗ โกษฐ์  ๙ และก็โกษฐ์พิเศษ ยิ่งกว่านั้นยังมีกดอีกหลายแบบที่มิได้จะเข้าเอาไว้ภายในพิกัดตัวยาเรียกโกษฐ์นอกพิกัด
ตารางที่๒ เครื่องยาในพิกัดโกษฐ์
เครื่องยา                ชื่อพฤษศาสตร์ของแหล่งที่มา วงศ์             ส่วนของพืช
โกษฐ์เชียง              Angelica sinensis (Oliv.) Diels      Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์สอ Angelica dahurica (Fisch. Ex Hoffm.)
Benth. Hook.f. ex France&Sav.  Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์หัวบัว            Ligusticum sinense Oliv. cv. Chuanxiong                Umbelliferae     เหง้าแห้ง
โกษฐ์เฉมา    Atractylodes lancea (Thunb.) DC.              Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์จุฬาลัมพา    Artemisia annua L.           Compositae        ใบและก็เรือนยอดที่-มีดอก
โกษฐ์ก้านพร้าว     Picrorhiza kurrooa Royle ex Benh.            Scrophulariaceae             เหง้าแห้ง
โกษฐ์กระดูก          Saussurea lappa Clarke  Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์พุงปลา         Terminalia chebula Retz.               Combretaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อนแล้วก็ใบ
โกษฐ์ชฎามังษี       Nardistachys grandiflora DC.       Valerianaceae   รากและก็เหง้าแห้ง
โกษฐ์กะกลิ้ง        Strychnos nux-vomica L.               Loganiaceae       เมล็ดแก่จัดเหง้าแห้ง
โกษฐ์กรักกรา        Pistacia chinensis Bunge spp. Integerrima (Stew. Ex Brandis) Rech.f.        Anacardiaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อน
โกษฐ์น้ำเต้า           Rheum officinale Baill. หรือ R.palmatum L. หรือ R. tanguticum (Maxim.) Maxim. Ex Regel  Polyganaceae    รากและก็เหง้าแห้ง
โกฐ  ๕ (ห้าโกษฐ์)  เป็นพิกัดเครื่องยาไทยอาทิเช่น โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา และโกษฐ์จุฬาลัมพา หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาเดี๋ยวนี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้โรคหืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก ชูกำลัง บำรุงเลือด รวมทั้งแก้ลมในกองธาตุ โกษฐ์อีกทั้ง ๕ นี้เป็นเครื่องยาจีนที่มีขายในประเทศไทยมาแต่ว่าโบราณ นอกเหนือจากนี้ยังเป็นเครื่องยาที่ใช้มากในอดีตกาลแล้วก็ยาไทย
โกษฐ์ อีกทั้ง  ๗ (สัตตโกษฐ์)  เป็นพิกัดตัวยา มีเรื่องยา ๗ ประเภท คือโกษฐ์ทั้ง (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา รวมทั้งโกษฐ์จุฬาลัมพา ) โกษฐ์ก้านพร้าว และ โกษฐ์กระดูกอีก ๒ จำพวก ตำราเรียนโมสรรพคุณยาโบราณว่ายาเดี๋ยวนี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสมหะ แก้หืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก ชูกำลัง บำรุงโลหิต แก้ลมในกองธาตุ แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบสะอึก และก็บำรุงกระดูก
โกษฐ์ทั้งยัง  ๙ (เนาวโกษฐ์)
เป็นพิกัดตัวยา ประกอบด้วยโกษฐ์อีกทั้ง๗ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา แล้วก็โกษฐ์จุฬาลัมพา โกษฐ์ก้านพร้าว โกษฐ์กระดูก) กับ โกษฐ์ชฎามังษีรวมทั้งโกษฐ์พุง
โกษฐ์พิเศษ
มีเครื่องยา ๓ ชนิด เช่น โกษฐ์กะเกลือก โกษฐ์กักกรา และก็โกษฐ์น้ำเต้า พิกัดโกษฐ์นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้โรคในปากในคอ ขับพยาธิ แก้พิษสัตว์กัดต่อย แก้ในกองอติเตียนสาร แก้ริดสีดวงทวาร ขับลมในไส้ แก้หนองใน ขับระดูร้าย เพื่อช่วยทำให้เด็กนักเรียนวิชาการปรุงยาแผนไทยจำชื่อโกษฐ์ทั้งปวงได้ มหากัน สิกขรชาติ ได้เขียนกลอนช่วยกันจำเกี่ยวกับโกษฐ์ประเภทต่างๆในพิกัดยาไทยเรียงเป็นลำดับดังต่อไปนี้
เชียงสอขอหัวบัว เขมาเลวทรามลักจุฬา
ก้านพร้าวเผากระดูก พุงปลาปลูกภายในชฎา
กะกลิ้งแล้วก็กรักกรา โกษฐ์น้ําเต้าตามที่มา
โกษฐ์เชียง
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Angelica sinensis (Oliv.) Diels ตระกูล Umbelliferae คำว่า เชียง แปลได้หลายอย่าง ดังเช่นว่า แปลว่าผู้ที่มาจากเมือง หรือเมือง (ที่อยู่ชายน้ำ) ก็ได้ แต่ว่าในที่นี้หมายความว่า (มาจาก) ที่สูง มีชื่อพ้อง Angelica polymorpha Maxim. var. sinensis Oliv.จีนเรียกเครื่องยานี้ว่า ตังกุย มีชื่อสามัญว่า Chinese angelica พืชที่ให้โกษฐ์เชียงเป็นไม้ล้มลุกอายุนับเป็นเวลาหลายปีสูง ๔๐-๑๐๐ เซนติเมตร ร่างอ้วนดก รูปทรงกระบอก แยกเป็นรากแขนงหลายราก มีกลิ่นหอมหวนแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง สีเขียวอมม่วง ใบหยักลึกแบบขนนกสามชั้น รูปไข่ (ตามแนวเส้นรอบนอก) ขนาดกว้าง ๒๕ เซนติเมตร ยาว ๓๐ เซนติเมตร แฉกใบมีก้านเห็นได้ชัดเจน
รูปไข่ถึงรูปใบหอก ปนรูปไข่ กว้าง ๐.๘-๒.๕ ซม. ยาว ๒-๒.๓ เซนติเมตร ขอบหยักฟันเลื่อยแบบไม่สม่ำเสมอ มักแยกเป็นแฉกย่อย ๒-๓ แฉก แผ่นใบเรียบ (นอกจากรอบๆเส้นใบ) ก้านใบยาว ๕-๒๐ เซนติเมตร โคนแผ่นเป็นกาบแคบๆสีอมม่วง ดอกออกเป็นช่อซี่ร่ม ออกตามปลายกิ่งหรือออกด้านข้างตามซอกใบ ก้านช่อยาว ๘-๑๐ ซม. ใบเสริมแต่งมี ๐-๒ ใบ รูปแถบ มีช่อซี่ร่มย่อยขนาดไม่เท่ากัน ๑๐-๓๐ ช่อ ใบเสริมแต่งย่อยมี ๒-๔ ใบ รูปแถบ ยาวได้ถึง ๕ มม. ช่อซี่ร่มมีดอกย่อยสีขาว (บางครั้งบางคราวสีแดงอมม่วง) ๑๓-๓๕ ดอก กลีบเลี้ยงฝ่อ รูปไข่กลับ ปลายเว้าตื้น ฐานก้านเกสรเพศเมียกลมแบน ขอบแผลปีกยื่นออก ผลสำเร็จแบบผักชี ข้างล่างแบนข้าง รูปขอบขนานแกมรูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๓-๔ มิลลิเมคร ยาว ๔-๖ มม. สันด้านล่างครึ้มแคบ ด้านข้างมีปีกบาง กว้างราวความกว้างของผล มีท่อน้ำมัน ๑ ท่อต่อ ๑ ร่อง แต่ว่ามี ๒ ท่อตรงแนวเชื่อม พืชชนิดนี้มีเขตการกระจายชนิดในป่าดิบ ตามเทือกเขาสูงทางภาคกึ่งกลางของจีน คือบริเวณเขตกานซู หูเปย์ ซานซี ซื่อเชิญชวน (เสฉวน) และหยุนครึ้มน (ยูนนาน) พบขึ้นในที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๒๕๐๐-๓๐๐๐ เมตร ออกดอกในมิถานายนถึงก.ค. ได้ผลสำเร็จในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน พืชชนิดนี้ถูกปรับปรุงสายพันธุ์เป็นพืชพืชปลูกเอาไว้ในเมืองจีนมานานนับพันปีแล้ว ปัจจุบันปลูกเป็นพืชอาสินในประเทศจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และก็เวียดนาม
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้ง แบบอย่างทรงกระบอก ปลายแยกเป็นแขนง ๓-๕ กิ้งก้าน หรือมากยิ่งกว่า ยาว ๑๕-๒๕ เซนติเมตร ผิวนอกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงสีน้ำตาล มีรอยย่นตามแนวยาว รอยช่องอากาศตามแนวขวาง ผิวไม่เรียบ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๕-๔ เซนติเมตร มีแอนนูลัส ปลายมนแล้วก็กลม มีร่องรอยส่วนโคนต้นและจากใบสีม่วงหรือสีเขียวอมเหลือง รากแขนง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด ๐.๓-๑ เซนติเมตร ตอนบนครึ้มตอนล่างเรียวเล็ก ส่วนใหญ่บิด มีแผลที่เกิดขึ้นจากรากฝอย เนื้อเหนียว รอยหักสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกรากดก มีร่องแลกจุดจำนวนมาก ส่วนเนื้อรากสีจางกว่า มีวงแคมเบียมสีน้ำตาลอมเหลือง มีกลิ่นหอมยวนใจแรง รสหวาน ฉุน และขมบางส่วน
คนจีนนิยมใช้ โกษฐ์เชียง เป็นเครื่องยาในยาขนาดต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว ด้อยกว่าก็แม้กระนั้นชะเอม (licorice) เท่านั้น จีนใช้ขวดเชียงต่างกันเป็น รากหลักที่จีนเรียก (ตัง) กุยเท้า (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากแขนงน้ำจีนเรียก (ตัง) กุยบ๊วย (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาขับระดู แพทย์แผนจีนใช้เครื่องยาชนิดนี้ในยาเกี่ยวกับโรคเฉพาะสตรี ดังเช่น ยาขับระดู ยาโรคตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ เกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกชนิด แก้หวัด แก้ท้องขึ้น ท้องอืดท้องเฟ้อ ตกมูกเลือด ขนาดที่ใช้เป็น ๓-๙ กรัม สตรีจีนนิยมใช้โกษฐ์เชียงเป็นยากระตุ้น อวัยวะเพศ เพื่อให้ปฏิบัติผัวได้ดีและก็เมื่อมีให้มีลูกดก โกษฐ์เชียงที่ขายตามร้านขายยาเครื่องยาสมุนไพรมักเป็น(ตัง) กุยบ๊วย หนังสือเรียนสมบูรณ์ยาโบราณว่าโกษฐ์เชียงมีกลิ่นหอมสดชื่น รสหวานขม แก้ไข้ แก้สะอึก แก้ทิ่มแทงสองราวข้าง โกษฐ์นี้เป็นโกษฐ์ชนิดหนึ่งในพิกัดโกษฐ์ทั้ง ๕ โกษฐ์ ๗ และก็โกษฐ์ทั้ง ๙ โกษฐ์เชียงน้ำมันระเหยง่ายอยู่ราวจำนวนร้อยละ ๐.๑-๐.๓ ในน้ำมันระเหยง่ายมีสารเชฟโรล (safrole) สารไอโซเซฟโรล (isosafrole) สารคาร์วาครอคอยล (carvacrol) เป็นต้น เว้นเสียแต่น้ำมันระเหยง่ายแล้วยังมีสารอื่นๆอีกหลายชนิด ได้แก่ สาร ไลกัสติไลค์ (ligustilide) กรดเฟรูลิก (ferulic acid) กรด เอ็น-วาเลอโรฟีโนน-โอ-คาร์บอกสิลิก(n-valerophenone-O-carboxylic acid)
โกษฐ์สอ
เป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Angelica dahurica (Fisch ex Hoffm.) Benth & Hook.f. ex Franch , Sav. ในสกุล Umbelliferaeมีชื่อพ้องหลายชื่อ ดังเช่น Callisace dahurica Franch & Sav., Angelica macrocarpa H.Wolff, Angelica porphyrocaulis Nakai &Kitag.,Angelica tschiliensis H.Wolff คำ สอ เป็นภาษาเขมรแสดงว่าขาว ตำราเรียนโบราณลางเล่มเรียกเครื่องยานี้ว่า โกษฐ์สอจีน จีนเรียก ป๋ายจื่อ (สำเนียงแมนดาริน) เปะจี๋ (สำเนียงแต้จิ๋ว) มีชื่อสามัญว่า Dahurain angelica พืชที่ให้โกษฐ์สอเป็นไม้ล้มลุกอายุยาวนานหลายปี สูง ๑.-๒.๕๐ เมตร รากอวบใหญ่ เนื้อแข็ง รูปกรวยยาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓-๕ ซม. อาจยาวได้ถึง ๓๐ ซม. หรือมากยิ่งกว่า บางทีอาจแยกกิ้งก้านตรงปลาย มีกลิ่นหอมสดชื่นแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งชัน เจ้าเนื้อสั้น โคนต้นมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒-๕ ซม. (หรือมากยิ่งกว่า) มีสีม่วงแต้มน้อย ใบเป็นใบประกอบแบบขน หรือหยักลึกแบบขนนก ๓ ชั้น แผ่นใบรูปไข่แกมสามเหลี่ยม (ตามแนวเส้นรอบนอก) กว้างถึง ๔๐ เซนติเมตร ยาวถึง ๕๐ ซม. แฉกใบไม่มีก้าน รูปรีแคบถึงรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๑-๔ เซนติเมตร ยาว ๔-๑๐ ซม. ปลายแหลม โคนเป็นครีบน้อย ขอบหยักฟันเลื่อยห่างๆก้านใบยาว โคนแผ่เป็นปีก ใบด้านบนรถรูปเหลือเพียงกาบที่เกือบไม่มีแผ่นใบ ดอกเป็นดอกช่อซี่ร่มย่อยขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐-๓๐ ซม. สีขาว ใบประดับมี ๐-๒ ใบ เหมือนกาบ ป่องออกหุ้มห่อช



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ