สัตววัตถุ อีเเร้ง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ อีเเร้ง  (อ่าน 24 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
powad1208
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 64


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: ธันวาคม 02, 2017, 03:38:36 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[b]สมุนไพร[/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87.jpg" alt="" border="0" />
[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%87/]อีแร้[/b]
อีแร้งเป็นนกที่จัดอยู่ในสกุล Gyps มีชื่อสามัญว่า vulture ที่เจอได้ในประเทศไทยมี ๓ จำพวก ทุกประเภทจัดอยู่ในวงศ์ Accipitridae  อีแร้งไทยอีก ๓ ประเภทนั้น ปัจจุบันหายากและก็มีจำนวนน้อย ลางชนิดอาจสูญพันธ์ไปแล้ว
๑. อีแร้งเทาข้างหลังขาว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gyps  bengalensis (Gmelin) มีชื่อสามัญว่า white – rumped  vulture เป็นนกท้องนาดใหญ่ ความยาวของสัตว์วัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๙0 เซนติเมตร ลำตัวสีดำปนน้ำตาล หัวรวมทั้งคอไม่มีขนปกคลุม เป็นเพียงแค่แผ่นหนังสีคล้ำ ตอนล่างของคอมีขนเป็นวงรอบข้างหลัง สีขาว ตอนล่างแล้วก็โคนหางสีขาวกระจ่างแจ้ง ข้างในต้นขามีทาสีขาว เห็นได้ชัดขณะเกาะยืน   เมื่ออายุน้อยลำตัวมีสีน้ำตาลออกแดงหรือน้ำตาลเข้ม ไม่มีแถบขาวเลย รับประทานซากสัตว์เป็นอาหาร   ทำรังบนยอดไม้สูง ในพฤศจิกายนรวมทั้งเดือนธันวาคมจนกระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ วางไข่ครั้งละ ๑ ฟอง ทั้ง ๒ เพศช่วยเหลือกันสร้างรังและก็กกไข่ ชนิดนี้มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์กว้าง ตั้งแต่อินเดีย ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และทั่วภูมิภาคเอเซียอาคเนย์  ในประเทศไทยเคยเจอมากมายรอบๆที่ราบ แม้กระนั้นปัจจุบันหาดูได้ยากมาก   เข้าใจว่าเกือบสิ้นพันธุ์ไปแล้ว

๒.อีแร้งปากเรียว มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Gyps  indicus  (Scopoli)   มีชื่อสามัญว่า   long – billed  vulture   อีแร้งสีน้ำตาลอินเดีย  ก็เรียก  เป็นอีแร้งขนาดใหญ่  ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางยาวราว  ๙0  ซม. ตัวสีน้ำตาลอ่อนถึงสีน้ำตาลแก่ขนทุกเส้นมีขอบสีจางกว่าสีพื้น   หัวและลำคอมีขนอุยสีน้ำตาลออกขาวปกคลุม   ท้องสีน้ำตาลอ่อน มีจะงอยปากที่เรียวกว่าแร้งชนิดอื่นๆตัวที่อายังน้อยมีสีเข้มกว่าตัวโตเต็มวัย แล้วก็มักพบที่ขนอุยหลงเหลืออยู่บนขนหัว เหมือนเคยอยู่เป็นฝูงเล็กๆ ร่วมกับอีแร้งชนิดอื่นๆและร่วมลงรับประทานซากสัตว์ด้วยกัน   พบได้มากจิกและแย่งซากสัตว์กันตลอดระยะเวลา  แนวทางการทำรังรวมทั้งวางไข่คล้ายกับอีแร้งประเภทอื่นๆสร้างรังตอนเดือนพฤศจิกาถึงก.พ.   ชอบอยู่ดังที่โล่ง นอกเมือง หากินตามลำห้วยใหญ่ๆ ในป่าเต็งรังแล้วก็ขว้างเบญจพรรณ มีเขตการกระจายจำพวกจากประเทศอินเดียถึงภูมิภาคอินโดจีน   ในประเทศไทยเคยพบได้บ่อย แต่ปัจจุบันนี้เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากบ้านพวกเราแล้ว [url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ[/b]
๓.อีแร้งเทาหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Gyps   himalaiensis  Hume   มีชื่อสามัญว่า Himalayan  griffon  vulture อีแร้งสีน้ำตาลหิมาลัย  ก็เรียก เป็นอีแร้งขนาดใหญ่มาก ขนาดวัดจากปลายปากถึงปลายหางราว ๑๒๒ ซม. มีลักษณะคล้ายอีแร้งปากเรียว แม้กระนั้นตัวใหญ่กว่ามากมาย เพศผู้รวมทั้งตัวเมียมีสีแบบเดียวกัน ลำตัวข้างบนมีสีน้ำตาลอ่อนหรือน้ำตาลปนขาว ข้างล่างสีเนื้อปนสีน้ำตาลอ่อน มีลายขีดขนาดใหญ่สีขาว ขนรอบคอยาว  สีน้ำตาล มีลายขีดสีขาว พบได้ทั่วไปอยู่กระโดดๆหรืออยู่เป็นคู่ หรือ  ๒-๓  ตัว   ตามทุ่งโล่งหรือป่าบนเทือกเขา มักร่อนเป็นวงกลมตามหุบเขาหรอภูเขาเพื่อหาอาหาร  เป็นนกที่หลงเข้ามา หรืออพยพมาในประเทศไทยช่วงนอกฤดูผสมพันธุ์   หายากและก็จำนวนน้อย เคยมีกล่าวว่าพบในกรุงเทพฯ รวมทั้งที่อุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคิรีหมู่

Tags : สมุนไพร



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ