วิวัฒนาการอันน่าทึ่งของใช้หลอดไฟ

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิวัฒนาการอันน่าทึ่งของใช้หลอดไฟ  (อ่าน 18 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teeratum123
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 20032


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2017, 08:17:09 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


 
ตั้งแต่อดีตสมัยจนถึงสมัยนี้เจ้าหลอดใสๆ ก็ให้ภาสแก่มนุษย์ในยามราตรีได้ทุก เริ่มดำเนินเมื่อร้อยกว่าปีเก่าที่หลอดไฟเริ่มมีบทบาทในการมีชีวิตของเรา กับใช้ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ มีการความเจริญรุ่งเรืองต่อยอดกันมาเรื่อย ๆ ตราบเท่ามาถึงหลอดไฟ LED ในปัจจุบัน พร้อมด้วยมีแนวโน้มในการพัฒนาไปอีกในภายภาคหน้า วันนี้เราจึงมีถนนการพันาของเจ้าหลอดไฟนี้มาเล่าสู่กันเชื่อฟังค่ะ มาเริ่มห้ามในยุคแต่แรกเลยค่ะ คือ
 
 ยุคหลอดไส้ ไม่ใช่หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า หลอด Incandescent
ร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่พงศ์พันธุ์นักวิทยาศาสตร์พบหลอดไส้ แต่น่าเสียดายว่ามันเป็นเพียงแค่แนวคิดทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ยังไม่ทำเป็นทำได้จริง เมื่อ โทมัส เอวา เอดิสัน ก็ได้นำมุมมองที่ว่านี้ มางอกงามต่อจนประสบการบรรลุ และในระยะต่อมา เขาก็เก่งค้นพบวิธีการสร้าง หลอดไฟ หลอดแรก ของโลก โดยเป็นหลอดไส้ ที่ทำจากคาร์บอน ซึ่งต่อมาก็ได้รับคอไปทั่วโลก แต่ก็ยังมีข้อด้อยตรงที่ว่า หลอดไส้ของโทมัสสามารใช้งานได้ยาวนานที่สุดแค่ 13 ชม. เท่านั้น นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อมาจึงคิดค้นวิธีที่จะเป็นเหตุให้มีระยะการใช้งานที่นานขึ้น พร้อมกับในที่สุดก็ได้พัฒนาเป็นหลอดไส้แบบทังสเตนที่สมรรถทนความร้อนได้สูงถึง 3,000 องศาเซลเซียส ทำเอาใช้งานได้นมนานกาเลขึ้นจาก 13 ชม. เป็น 1,000 - 3,000 ชม.

ยุคหลอดก๊าซปรอท หลอดไฟยุคกลางๆ (ประมาณ 80 ปี โดยประมาณ)
 หลอดก๊าซปรอทหรือเรียกง่าย ๆ ว่า หลอดนีออน หรือไม่ก็หลอด ฟลูออเรสเซนต์ และที่เรียกว่าหลอดก๊าซเพราะบรรจุก๊าซไว้ข้างใน นโยบายง่าย ๆ ของหลอดเหล่านี้คือ การใช้กระแสไฟไหลผ่าน บัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ (คุ้น ๆ ใช่มั้ยหล่ะ) เพื่อกระตุ้นให้ก๊าซในปรอท เกิดการไหลและปลดเปลื้องพลังงานออกมา 2 อย่าง ด้วยกัน นั่นคือ ความร้อนด้วยกันแสงสว่าง แต่เนื่องแต่แสงที่ได้ยังเป็นร้ายแรงต่อการเห็นของมนุช จึงจำเป็นต้องมาสารเคลือบฟอสฟอรัส ที่มาเคลือบที่ผิวหลอดข้างใน ด้วยให้เกิดเป็นปรากฎการณ์เรืองแสง และหลอดฟลูออเรสเซนต์ ก็เป็นที่นิยมใช้กันทั่วโลกจนถึงปัจจุบันนี้ จะมีนักขนาด ตั้งแต่รุ่น T10 จนพัฒนามาเป็น T8 พร้อมกับปัจจุบันก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้ T5 กันบ้างแล้ว
** คำว่า T10 หมายถึงขนาด 10 หุ้น หมายเหตุ 1 นิ้ว มี 8 หุ้น T8 คือขนาด 8 หุ้น หรือคือขนาด 1 นิ้วพอดี T5 หรือขนาด 5 หุ้น ประมาณ 1/2 นิ้วกว่าๆ หลอดฟลูออเรสเซนต์ได้เริ่มใช้กัน ปี 1940 จนมาถึงช่วงปัจจุบัน อำนาจการให้แสงสว่างอยู่ในระดับปานกลาง รกินไฟ พอสมควร แต่ติดตรงที่ ต้องใช้ปัลลาสต์ ด้วยกันบัลลาสต์ ใช้ไฟสูงถึง 10-12 W

ยุคประจุบัน ยุค LED ชื่อเต็มคือ Light Emitting Diode
หลอดไฟ LED ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ ข้าวของเครื่องใช้กระบิลแสงสว่าง ที่ตอนนี้กำลังเข้ามาปฏิวัติระบบแสงสว่างใหม่ ของคนทั้งโลก เป็นการเพิ่มพูนจากแนวคิดของสารกึ่งตัวนำ ไดโอด กับหลอดไฟ LED มีการความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันนี้เปลี่ยนแปลงหลอดไฟที่ออมอดไฟ และอัจฉริยะ ทำได้ทำงานได้มากมายฟังก์ชั่น ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นหลอดไฟอย่างเดียว แต่ยังสามารถเข้าไปอยู่ในหน้าจอทีวี ป้ายไฟต่าง ๆ และอีกมายมาย และยังหนักแน่น ขัดสนการปล่อยความร้อน และแสง UV ให้กำเนิดมาอีกด้วย
 
ในสมัยนี้หลอดไฟก็ได้ถูกจัดเป็น 1 ณ 5 เทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่มัตถกของโลก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และกำลังจะก้าวมากลับกลายกบิลไฟฟ้าของแผ่นดิน ข้างในไม่กี่ปีที่จะถึงนี้และสามารถทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างตายตัว รอจับตาดูกันนะคะ ว่าจะเพิ่มปริมาณไปได้ห่างแค่ไหน ^^
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : ไฟ led

เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง : [url]http://www.bondstreettour.com/forums2/index.php?topic=193150.new#new[/url]

Tags : ไฟ led



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ