Advertisement
[b]สมุนไพร[/b][/u][/b].com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87.jpg" alt="" border="0" />[url=http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87/]กุ้[/b]
กุ้งเป็นชื่อเรียกสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังในชั้นครัสเตเชีย อันดับเคดาโพดา (order Decapoda) มีหลายตระกูล สัตว์พวกนี้หายใจด้วยเหงือก ลำตัวยาว แบน หรือ กลม แบ่งเป็นปล้องๆเปลือกที่หุ้มห่อท่อนหัวและก็อกปกคลุมลงมาถึงอกบ้องที่ ๘ ส่วนใหญ่กรีมีลักษณะแบนข้าง ก้ามที่ขาอยู่ที่ส่วนหัวรวมทั้งอก มี ๑๐ ขา เจอได้ทั้งในน้ำจืด อาทิเช่น กุ้งหลวง กุ้งก้ามเกลี้ยง และในน้ำเค็ม ดังเช่นว่า กุ้งกุลาดำ
กุ้งในประเทศไทยกุ้งที่เจอในประเทศไทยมีมากประเภท แม้กระนั้นที่มีขนาดใหญ่แล้วก็บริโภคกันทั่วไป ได้แก่
๑.กุ้งก้ามกราม
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macrobrachium rosenbergii (de Man)จัดอยู่ในสกุลPalaemonidaeมีชื่อสามัญว่า giant freshwater prawn หรือ giant prawn กุ้งใหญ่ กุ้งหลวง กุ้งก้ามคราม ก็เรียก เพศผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมียซึ่งเรียกกันว่า กุ้งก้ามกรามกุ้งประเภทนี้เป็นกุ้งน้ำจืดขนาดใหญ่ ขนาดวัดจากโคนก้านตาถึงปลายหางยาว ๑๕-๒๕ เซนติเมตร ลำตัวสีครามอีกทั้งเข้มและจางสลับกันเป็นลายพิงขวางลำตัว ขาคู่ที่ ๒ เป็นขาก้ามขนาดใหญ่ สีน้ำเงินหรือสีฟ้าอมเหลือง ใช้ป้องกันตัว รวมทั้งกอดรัดตัวเมียในขณะสืบพันธุ์ ส่วนปลายของกรีเรียวงอน ฟันกรีด้านด้านล่างมี ๘-๑๕ ซี่ มีกระเพาะอยู่ตรงกลางทางด้านบนใต้เปลือกหัว ไส้ทอดตามสันหลังไปถึงหาง หัวใจอยู่ถัดจากตอนท้ายของกระเพาะอาหารไปถึงส่วนท้ายของเปลือกหัว มีตับทำหน้าที่สร้างน้ำย่อย เรียก มันกุ้ง อยู่ทางส่วนหน้ารอบๆข้างๆของท่อนหัว ตับมีไขมันประกอบอยู่มากมายลเป็นส่วนที่นิยมกินกันในหมู่คนไทย ตัวเมียที่พร้อมจะสืบพันธุ์ได้จะมีรังไข่สุกในรอบๆตอนกลางของเปลือกหัว มีสีส้มหรือสีเหลือง ดูได้ง่ายราษฎรเรียก แก้วกุ้ง กุ้งก้ามกรามกินทั้งยังสัตว์และพืชเป็นอาหาร โดยมากเป็นหนอนน้ำต่างๆ รากพืช ซากพืช หาอาหารโดยการสูดดมแล้วก็สัมผัส แม้ไม่ได้กินอาหารจะกินกันเอง กุ้งชนิดนี้ทำมาหากินทั้งวัน แม้กระนั้นจะว่องมากมายกลางคืน เป็นประจำอาศัยอยู่ในแม่น้ำ คลอง หนอง บ่อน้ำ ที่มีทา น้ำติดต่อกับสมุทร ผสมพันธุ์แล้วก็ออกไข่รอบๆน้ำกร่อยปากแม่น้ำเมื่อตัวอ่อนโตพอก็จะว่ายกลับไปยังรอบๆแหล่งน้ำจืดชืด
๒. กุ้งก้ามเกลี้ยง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Macrobrachium sintangensis ( de Man )จัดอยุ่ในตระกูล Palaemonidaeมีชื่อสามัญว่า Sunda river prawnกุ้งแม่น้ำขาแดง ก็เรียก กุ้งประเภทนี้เป็นกุ้งน้ำจืด ขนาดวัดจากโคนก้านตาถึงปลายหางยาวราว ๙ ซม. ลำตัวสีน้ำตาลหรือสีฟ้าแกมเขียว เปลือกหัวเรียบ กรีเรียวงอน ฟันกรีด้านบนมี ๙-๑๓ ซี่ ด้านล่างมี ๒-๖ ซี่ ขาคู่ที่ ๒ มีขนาดใหญ่กว่า โดยมีความยาวใกล้เคียงกับลำตัว แล้วก็มีปื้นสีน้ำตาลกระจายอยู่เป็นหย่อมๆขอบด้านในของโคนข้อที่ ๗ ของขาคู่นี้หนตุ่ม ๒-๓ ตุ่ม เฉพาะตัวผู้ที่โตเต็มวัยมีขนนุ่มคล้ายกำมะหยี่สีส้มแกมแดง ปกคลุมบริเวณรอยต่อระหว่างข้อต่างๆของขาคู่ที่ ๓, ๔ แล้วก็ ๕ ตามปรกติอาศัยอยู่ตามแม่น้ำ คลอง แล้วก็แหล่งน้ำจืดที่มีทางน้ำติดต่อกับทะเล ผสมพันธุ์และตกไข่บริเวณน้ำกร่อยปากแม่น้ำ
๓. กุ้งกุลาดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Penaeus monodon Fabriciusจัดอยู่ในตระกูล Penaeidaeมีชื่อสามัญว่า tiger prawn jumbo หรือ grass prawnกุ้งว่าวจุฬาหรือ กุ้งแขกดำก็เรียก กุ้งประเภทนี้เป็นกุ้งทะเลขนาดใหญ่ ขนาดวัดจากโคนก้านตาถึงปลายห่งยาวราว ๓๐ ซม. ลำตัวสีน้ำตาลปนเขียวและมีแถบสีแก่กับสีจางพาดขวางตลอดลำตัว เปลือกหัวเกลี้ยง ไม่มีขน ฟันกรีด้านบนมี๗-๘ ซี่ ข้างล่างมี ๓ ซี่ ช่องข้างกรีทั้งสองด้านแคบแล้วก็ยาวไม่ถึงฟันกรีซี่ในที่สุด เป็นกุ้งที่ตัวโต มักอยู่ภายในเขตพื้นที่ที่เป้นทรายคละเคล้าโคลน กินทั้งพืชแล้วก็สัตว์เล็กๆในน้ำเป็นอาหาร เมื่อโตสุดกำลังจะย้ายถิ่นจากริมฝั่งไปยังทะเลลึก ๒๐-๓๐ เมตร เพื่อผสมพันธุ์และก็ออกไข่ ตัวอ่อนที่โตพอก็จะย้ายถิ่นมาหากินยังชายฝั่ง
ประโยชน์ทางยา[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพ[/b] แพทย์แผนไทยใช้ “มันกุ้ง” เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในตำรับยาแผนโบราณหลายขนาน เช่น ยาขนานหนึ่งในหนังสือเรียนยาแผ่นจารึกวัดราชโอรสาราม ให้ยาแก้ฝีดาษอันกำเนิดในเดือน ๑๑ เดือน ๑๒ รวมทั้งเดือน ๑ เข้า “น้ำมันหัวกุ้ง” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ขนานหนึ่งเอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำมันรากถั่วภูเขา เอาเท่าเทียม พ่นฝีเพื่อเสลด ให้ยอดขึ้นหนองงามดีนัก