Advertisement
นมผึ้ง สำเร็จผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวเหมือนนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวบางส่วน เป็นของกินหลักของผึ้งราชินีและก็ตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นสำหรับในการเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และยังรวมไปถึงเป็นส่วนผสมของครีมบำรุงและก็เครื่องสำอาง
นมผึ้ง
นมผึ้งมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักประมาณ 60-70% และก็อุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆเป็นต้นว่า โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ และกรดอะมิโน นอกเหนือจากนั้น ยังเจอสารอื่นในนมผึ้ง ตัวอย่างเช่น กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่สำหรับเพื่อการเติบโตของผึ้ง สารแอซิว่ากล่าวลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความรู้สึกแล้วก็กลไกแนวทางการทำงานของร่างกาย รวมทั้งฮอร์โมนเพศ ตัวอย่างเช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน เป็นต้น ดังนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ รวมทั้งสภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของ
นมผึ้งแตกต่างออกไป หลายคนเชื่อว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาเบาหวาน รวมทั้งแผลเบาหวาน เป็นต้น อีกทั้งยังเชื่อกันอีกว่าถ้านำนมผึ้งทาที่หนังหัวบางทีอาจช่วยกระตุ้นการเจริญเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างพวกนี้จะเป็นจริงหรือไม่ รวมทั้งมีหลักฐานทางการแพทย์มาดน้อยเท่าใดที่จะช่วยยืนยันคุณประโยชน์ คุณประโยชน์ แล้วก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยในการรักษาโรคเหล่านี้
คุณประโยช์จากนมผึ้งที่อาจมีต่อร่างกาย
ทุเลาอาการวัยทอง อาการวัยทองคือปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นอยู่กับผู้หญิงวัยกลางคน นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการหลายชนิด ดังเช่นว่า ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น อาการดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แต่สารหล่อลื่นส่วนใหญ่จะออกฤทธิ์ได้เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณลักษณะต่อต้านจุลชีวัน (Antimicrobial Activity) และก็มีคุณลักษณะเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน จากการศึกษาเล่าเรียนโดยให้สตรีวัยทองที่สมรสแล้วอายุ 50-65 ปี ปริมาณ 90 คน กลุ่มหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กลุ่มหนึ่งใช้ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมยี่ห้อหนึ่ง และอีกกรุ๊ปใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้หญิงวัยทองได้มากกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนจำพวกครีมและก็สารหล่อลื่น ซึ่งจากผลการทดลองอาจจะกล่าวว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและบรรเทาอาการวัยทองที่เกี่ยวข้องกับช่องคลอดของผู้หญิงวัยทอง และก็ทางผู้ทำการวิจัยยังได้กำหนดอีกว่าหากเพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางทีอาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้นเรื่อยๆได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลากหลายประเภท หนึ่งในนั้นเป็นกรดไขมันทางสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) และสารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาวิจัยที่ให้สตรีวัยทองสุขภาพดีจำนวน 36 คนรับประทานนมผึ้งขนาด 150 มิลลิกรัม ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อาจก่อให้กำเนิดโรคเส้นโลหิตและหัวใจ รวมทั้งระดับไขมันในเลือดอีกทั้งก่อนและหลังการทดลอง พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในเลือดอย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ไม่ดี (LDL) ลดน้อยลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) ลดน้อยลง 3.09% แล้วก็ระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (HDL) เพิ่มขึ้น 7.7% จากผลการทดลองอาจจะบอกได้ว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือดรวมทั้งบางทีอาจเป็นช่องทางหนึ่งสำหรับการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวเนื่องกับภาวะไขมันในเลือดสูง
นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกการเรียนหนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีภาวะไขมันในเลือดสูงประเภทไม่ร้ายแรงปริมาณ 40 คน กินนมผึ้งขนาด 350 มิลลิกรัมวันละ 9 แคปซูล ตรงเวลา 3 เดือนก็บอกให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่ลดลงเช่นกัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) รวมทั้งลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดรวมทั้งหัวใจได้อีกด้วย
บรรเทาอาการก่อนมีประจำเดือน อาการก่อนมีเมนส์มักส่งผลในทางลบกับสุขภาพของผู้หญิง บางโอกาสการดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาก็บางทีอาจช่วยทุเลาให้อาการต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตแพทย์จำนวน 110 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีระดู และรับประทานต่อเนื่องจนกระทั่งหมดระดูในรอบต่อไป พบว่าอาการก่อนมีประจำเดือนน้อยลง จากผลของการทดสอบอาจจะกล่าวว่าการรับประทานนมผึ้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือน อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีเมนส์ได้
รักษาแผลเบาหวาน แผลเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในคนไข้โรคเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี จำนวนมากจะพบแผลโรคเบาหวานที่บริเวณเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิ้วโป้งเท้ารวมทั้งปลายอุ้งเท้า ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคปฏิบัติภารกิจต้านทานอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต้านเชื้อแบคทีเรีย แล้วก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์ ก็เลยคาดว่าบางทีอาจจะช่วยรักษาแผลเบาหวานได้ จากการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งให้คนไข้ที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการดูแลและรักษาหลักตามเดิม ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลและปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลจำพวกปลอดเชื้อโรคตรงเวลา 3 เดือนหรือจนกว่าแผลจะหาย แล้วก็มีการประเมินผลอาทิตย์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 41 วันจึงทำให้แผลหายดี แล้วก็ค่าถัวเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง และความลึกของแผลน้อยลงวันละ 0.35 มม. 0.28 มิลลิเมตร และก็ 0.11 มม.ตามลำดับ จากผลวิจัยอาจพูดได้ว่านมผึ้งอาจมีประสิทธิภาพเป็นลู่ทางหนึ่งในการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการดูแลรักษาหลัก อย่างไรก็แล้วแต่ผลการศึกษาวิจัยข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดสอบเพียง 8 คนซึ่งบางครั้งอาจจะเล็กเหลือเกินที่จะสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลเบาหวาน
แต่การเล่าเรียนชิ้นหนึ่งได้ชี้ให้เห็นผลของนมผึ้งที่แตกต่างกันออกไป โดยให้คนที่มีแผลโรคเบาหวานทายาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลตรงเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเหมือนกัน แม้กระนั้นยังไม่สามารถสรุปได้ว่านมผึ้งมีประสิทธิภาพในการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก
เนื่องด้วยการเรียนทั้ง 2 ชิ้นข้างต้นบ่งบอกถึงผลลัพธ์ของนมผึ้งที่ตรงกันข้ามกัน ก็เลยอาจยังไม่สามารถที่จะสรุปคุณภาพขอ
นมผึ้ง[/url]สำหรับการรักษาแผลโรคเบาหวานได้อย่างชัดเจน จึงต้องเล่าเรียนเพิ่มเติมอีก
บรรเทาอาการอ่อนกำลังจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนกำลังที่มีต้นเหตุจากโรคมะเร็งมีเหตุมาจากการรักษาทั้งการฉายรังสีหรือการทำเคมีบำบัดรักษา มักส่งผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย และคุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วย ซึ่งการรับประทานยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายอาจช่วยทุเลาอาการลงได้ รวมถึงการรับประทานอาหารเสริม อย่างเช่น นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการเหมือนกัน ก็เลยสอดคล้องกับการศึกษาหนึ่งที่ให้คนไข้โรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 52 คน พบว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำผึ้งดัดแปลงรวมทั้งนมผึ้งขนาด 5 มก. วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีลักษณะเมื่อยล้าจากโรคมะเร็งดีขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกรุ๊ปที่ัรับประทานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ แม้กระนั้นยังต้องเรียนเพิ่มถึงบทบาทที่จริงจริงของนมผึ้งสำหรับในการทุเลาอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ประเภทหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างหนักกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้คนไข้มีลักษณะคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ เป็นต้น ซึ่งจากการเรียนทดลองโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่ไม่สบายละอองฟาง ปริมาณ 80 คน กรุ๊ปหนึ่งรักษาโดยใช้การกินสินค้าที่มีส่วนผสมของนมผึ้งรวมทั้งอีกกรุ๊ปกินยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน และจวบจนกระทั่งจะหมดฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่า 2 กลุ่มยังคงพบลักษณะของไข้ละอองฟาง และก็มีระดับความร้ายแรงของอาการที่ไม่ต่างอะไรกันมากนัก จากผลวิจัยอาจจะบอกได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถทุเลาอาการต่างๆให้ดียิ่งขึ้นได้ ก็เลยยังจำต้องเล่าเรียนเพิ่มเกี่ยวกับความสามารถของนมผึ้งในการรักษาไข้ละอองฟางที่ชัดแจ้งยิ่งขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินนมผึ้ง
การรับประทานนมผึ้งค่อนข้างไม่มีอันตรายหากกินในจำนวนที่สมควร แต่ก็มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างๆได้ ได้แก่ เลือดออกในลำไส้ เจ็บท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด เป็นต้น บางรายถ้าหากมีลักษณะแพ้อย่างรุนแรงอาจจะส่งผลให้มีอาการอาการหอบหืด คอบวม หรือถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังค่อนข้างไม่เป็นอันตราย แม้กระนั้นไม่สมควรทาบริเวณหนังศีรษะด้วยเหตุว่าอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีอาการอักเสบ
Tags : royal jelly,นมผึ้งสรรพคุณ