Advertisement
[url=http://www.disthai.com/]สมุนไพรขันทอขันทองอาฆาตแค้น Suregada multiflorum (A. Juss.) Baill.ชื่อพ้อง Gelonium multiflorum A. Juss.บางถิ่นเรียกว่า ขันทองคำเคียดแค้น มะดู หมากมองก (กึ่งกลาง) กระดูก ยายปลวก (ใต้) ขนุนแดง (จังหวัดเพชรบูรณ์) ขอบนางนั่ง(ตรัง) ขัณฑสกร ช้องรำพัน สลอดน้ำ (เมืองจันท์) ขันทองคำ (พิจิตร) ข้าวตาก (จังหวัดกาญจนบุรี) นกขุนทอง คุณทอง (ประจวบคีรีขันธ์) โจ่ง (ส่วย-จังหวัดสุรินทร์) ดูกไทร ดูกไม้ เหมือดโรค (เลย) มองกหิน (จังหวัดสระบุรี) มองกไหล(จังหวัดนครราชสีมา) ทุเรียนป่า ไฟ (ลำปาง) ป่าช้าหมอง ยางปลอก ฮ่อสะพานควาย (แพร่) มะดูกดง (ปราจีนบุรี) มะมองกเลื่อม (เหนือ) มองปอ (กะเหรี่ยง-แพร่).
ไม้พุ่ม หรือ ต้นไม้ ขนาดเล็ก สูง 4-15 ม. เปลือกออกจะเกลี้ยง. ใบ โดดเดี่ยว เรียงสลับกัน รูปขอบขนาน หรือขอบขนานปนรูปหอก กว้าง 3-6 เซนติเมตร ยาว 9-14 ซม. ปลายใบแหลม หรือ มน ขอบของใบเรียบ หรือ เป็นคลื่นบางส่วน โคนใบแหลมเป็นครีบ เส้นกิ่งก้านสาขาใบมี 5-9 คู่ ใบหมดจดทั้งคู่ด้าน มีต่อมน้ำมันกระจัดกระจายทั่วใบ ก้านใบสั้น ราว 3-8 มม. หูใบยาวราวๆ 2 มิลลิเมตร หลุดตกง่าย. ดอก ออกเป็นช่อสั้นๆตรงข้ามกับใบ ดอกเพศผู้ รวมทั้งดอกเพศเมียอยู่ต่างต้นกัน ไม่มีกลีบดอก. ดอกเพศผู้ ก้านช่อดอกยาว 10-15 มม. แต่ละช่อมีดอก 5-10 ดอก
สมุนไพร ก้านดอกยาวประมาณ 5 มม. มีขนละเอียด ดอกตูมรูปกลม มีขน มีกลีบรองกลีบดอกไม้กลมๆ5 กลีบ เส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 2.5 มม. ขอบกลีบและก็ภายนอกมีขน เกสรผู้มี 35-50 อัน ติดอยู่บนฐานดอกนูนๆและมีต่อม. ดอกเพศเมีย มีกลีบรองกลีบ 5-6 กลีบ ลักษณะเหมือนดอกเพศผู้, รังไข่มี 3 ช่อง ท่อรังไข่สั้น, ปลายแยกเป็น 2 แฉก. ผล กลม มีเส้นผ่านศูนย์กลางราวๆ 2 ซม. มีเนื้อ ผลอ่อนสีเขียว สุกสีเหลือง. เม็ด ค่อนข้างจะกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 7-8 มิลลิเมตร, เปลือกมีรอยยุบใหญ่แต่ตื้นๆ.
นิเวศน์วิทยา: ขึ้นในป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรณ หรือ ป่าผลัดใบ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 600 ม. เจอในทุกภาคของประเทศ.
คุณประโยชน์ : ต้น เปลือก ทำให้ฟันทน รวมทั้งเป็นยาถ่าย, แก้โรคตับทุพพลภาพ แก้ประป่าดง แก้พิษในกระดูก โรคผิวหนัง ฆ่าพยาธิ แก้โรคเรื้อน โรคมะเร็ง คุดทะราด ขี้กลากรวมทั้งโรคเกลื้อน แก่นไม้มีรสเมาเบื่อ แก้ผื่นคัน แก้ไข้ และแก้กามโรค