Advertisement
สมุนไพรว่านธรณีสา[/size][/b]
ว่านธรณีสารPhyllanthus pulcher Wall. Ex Muell. Arg.บางถิ่นเรียกว่า ว่านธรณีสาร(จังหวัดกรุงเทพ) กระทืบยอบ (จังหวัดชุมพร) ก้าง (จังหวัดนราธิวาส) ก้างดิน ดอกใต้ใบ (นครศรีธรรมราช) ก้างปลาแดง ครีบยอด (จังหวัดสุราษฎร์ธานี) คดทราย (สงขลา) เคอก้อเนาะ (มลายู-จังหวัดนราธิวาส) ตรึงบาดาล (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์) รูรี (สตูล).
ไม้พุ่ม สูงไม่เกิน 1 มัธยม ลำต้นกลม สั้น มีขนปกคลุมเป็นสีน้ำตาล ขนหักง่าย แม้กระนั้นกิ่งยาวเรียว ใบ เดี่ยว เรียงสลับกันซ้ายขวาถี่ๆรูปขอบขนานเบี้ยวๆหรือ รูปไข่แกมขอบขนาน กว้าง 0.8-1.3 เซนติเมตร ยาว 1.5-3.0 เซนติเมตร ปลายใบกลม มน ปลายสุดมีติ่งแหลมเล็กๆขอบของใบเรียบ โคนใบแหลมหรือมน เบี้ยว เนื้อใบบาง สะอาดทั้งสองด้าน ด้านล่างมีสีอ่อนกว่างด้านบน ก้านใบสั้นมากมาย ประมาณ 1 มม. มีหูใบเล็กๆแหลมๆหนึ่งคู่ ยาว 2.5 มิลลิเมตร ติดอยู่กับโคนก้านใบ. ดอก ออกโดดเดี่ยวๆตามง่ามใบและก็ปลายๆกิ่ง ซึ่งใบได้ลดรูปลงไปกระทั่งมองเหมือนช่อดอก. ดอกเพศผู้ ออกเป็นกลุ่มตามง่ามใบใกล้โคนกิ่ง ก้านดอกยาว 0.5-1 ซม. ดอกมี 4 กลีบ สามเหลี่ยม รูปไข่ปนสามเหลี่ยม หรือ รูปไข่แกมรูปขอบขนาน เรียงเป็นชั้นเดียว สีเขียวอ่อน โคนกลีบสีแดงเข้ม ขอบกลีบสีอ่อน และก็เป็นแฉกแหลมๆมากไม่น้อยเลยทีเดียว ยาว 3.5-4.5 มม. เกสรผู้มี 2 อัน ก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นแท่งสั้นๆอับเรณูแตกตามยาว ฐานดอกมีต่อมรูปไต 4 ต่อม.
[url=http://www.disthai.com/][url=http://www.disthai.com/]สมุนไพร[/i][/url] ดอกเพศเมีย มักจะออกตามง่ามใบที่อยู่ตอนบนของกิ่ง ก้านดอกยาว 1.5-2.0 เซนติเมตร มีกลีบดอก 6 กลีบ รูปไข่ หรือ รูปไข่ปนขอบขนาน ยาวราวๆ 8 มิลลิเมตร เรียงเป็นชั้นเดียว รังไข่รูปกลมแป้น มี 3 พู สีแดงเข้ม ไม่มีขน ด้านในมี 3 ช่อง ท่อรังไข่ 3 อัน แยกจากกันเกือบจะถึงโคนท่อ แต่ละอันแยกเป็น 2 แฉก ฐานดอกเป็นรูปถ้วย สูง 2 ใน 3 ของรังไข่. ผล ออกจะกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 3 มม. ผิวเนียน สีน้ำตาลอ่อน ก้านผลยาว 2.5 ซม.
นิเวศน์วิทยา : ขึ้นกลาดเกลื่อนในป่าดงดิบ เหนือระดับน้ำทะเลไม่เกิน 420 ม. ปลูกเป็นสมุนไพร รวมทั้งเป็นวัชพืชตามสวนผลไม้.
สรรพคุณ : ต้น น้ำสุกทั้งต้นกินแก้เจ็บท้อง ใช้ข้างนอกเป็นยาล้างตา ทาผิวหนัง แก้ฝีอักเสบ แก้คัน ทาท้องแก้ไข้ และก็ทาท้องเด็กช่วยให้ไตดำเนินการเป็นปกติ ใบ ตำเป็นยาพอกเหงือกแก้ปวดฟัน พอกฝี แก้อาการบวม แล้วก็คันตามร่างกาย