โรคเบาหวาน-อาการ-สาเหตุ-วิธีรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคเบาหวาน-อาการ-สาเหตุ-วิธีรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 65 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 20, 2018, 02:59:33 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคเบาหวาน(Diabetes Mellitus)

  • เบาหวานเป็นยังไง คำจำกัดความของโรคเบาหวาน ชมรมโรคเบาหวานที่สหรัฐอเมริกาให้คำจำกัดความเบาหวานไว้ คือ โรคเบาหวานเป็นกรุ๊ปโรคทางเมตะบอลิซึมที่ออกอาการ โดยหรูหราน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นผสมมาจาก ความผิดปกติของการหลั่งอินซูลิน หรือการออกฤทธิ์ของอินซูลิน หรือทั้งคู่อย่าง ภาวการณ์ที่น้ำตาลในเลือดสูงอย่างเรื้อรัง จะได้ผลให้เกิดการเสื่อมของอวัยวะในร่างกาย ในระยะยาวกำเนิดโรคแทรกแล้วก็ทำให้การอับอายขายหน้าที่ ของอวัยวะที่สำคัญหลายอวัยวะที่ทำงานล้มเหลวโดยเฉพาะ ตา ไต ระบบประสาท หัวใจแล้วก็เส้นเลือด

    ประวัติความเป็นมาโรคเบาหวาน เบาหวาน มีหลักฐานปรากฏในกระดาษขว้างปิรุสของอียิปต์ ซึ่งเป็นหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่เก่าแก่เยอะที่สุดชิ้นหนึ่ง จากการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางโบราณคดีพบว่ากระดาษที่บันทึกเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นแก่ราว 1500 ปีกลาย คริสตกาล จึงหมายความว่า “เบาหวาน” เป็นโรคที่โบราณมาก รวมทั้งเมื่อโดยประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 1 มีการเจอบันทึกของแพทย์ชาวกรีก ชื่อ “อารีอุส” ซึ่งได้บันทึกอาการโรคที่มีลักษณะของการกัดกินเนื้อหนังแล้วก็มีการชิ้งฉ่องเป็นจำนวนมากในแต่ละครั้ง โดย “อารีอุส” ได้ตั้งชื่อโรคนี้ว่า diabetes insipidus ซึ่งปัจจุบันชื่อเรียกนี้จะหมายถึงโรค “เบาจืด”
    ผ่านไปอีกแทบ 1700 ปี ได้มีคำว่า mellitus เกิดขึ้น mellitus เป็นภาษาลาติน แสดงว่า น้ำผึ้ง ซึ่งนำมาใช้เรียกโรคที่มีอาการลักษณะเดียวกันกับ diabetes โดยคือ “โรคเบาหวาน”
    ในตอนนี้เบาหวานเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่ทวีความร้ายแรงขึ้นทั้งโลก อุบัติการณ์ของโรคเบาหวานมีลักษณะท่าทางเพิ่มขึ้นทุกปี จากข้อมูลของสหพันธ์ โรคเบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) พบว่าผู้ป่วย เบาหวานทั้งโลก ว่ามีปริมาณ 285 ล้านคน และ ในปี 2553 คาดว่าจะเพิ่มเป็น 438 ล้านคน ที่สำคัญในปริมาณนี้ 4 ใน 5 เป็นชาวเอเชีย สำหรับในการคาดราวๆปริมาณประชากรที่เป็น เบาหวานในอนาคตของประเทศไทยโดยสำนักควบคุมโรคไม่ติดต่อ พบว่า ระหว่างปี พุทธศักราช 2554-2563 จะมีจำนวนสามัญชนที่เป็นเบาหวานมากขึ้นอยู่ในช่วง 501,299 -553,941 คน/ปี แล้วก็ในปี พุทธศักราช 2563 จะมีจำนวนคนเจ็บโรคเบาหวานราย ใหม่มากถึง 8,200,000 คน ประเทศไทยได้ระบุเบาหวานเป็นโรควิถีชีวิตที่สำคัญหนึ่งในห้าโรคที่กำหนดไว้ในแผนที่มีความสำคัญในการรบสุขภาพแข็งแรงวิถีชีวิตไทย พ.ศ. 2554 -2563 จากการสำรวจสุขภาพชาวไทยครั้งล่าสุดในปี พุทธศักราช 2554 พบว่าอัตราป่วยด้วย โรคเรื้อรัง พุทธศักราช 2544 - 2552 มีผู้เจ็บป่วยเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้นจาก 288 คน เป็น 736 คน ต่อมวลชนแสนคน
    โดยธรรมดา โรคเบาหวานสามารถ แบ่งได้ 2 ประเภทหลัก คือ โรคเบาหวานจำพวก 1 (Diabetes mellitus type 1), โรคเบาหวานชนิด 2 (Diabetes mellitus type 2)
    โรคเบาหวานจำพวก 1 โรคเบาหวานประเภทจะต้องพึ่งอินซูลิน (Insulin-dependent diabetes mellitus) และเพราะว่าโรคเบาหวานชนิดนี้พบได้ทั่วไปในเด็กแล้วก็วัยรุ่น จึงเรียกได้อีกชื่อว่า เบาหวานในเด็กแล้วก็วัยรุ่น หรือ Juvenile diabetes mellitus
    โรคเบาหวานชนิด 2 เบาหวานในคนแก่ (Adult onset diabetes mellitus) และเป็นเบาหวานที่ไม่มีความจำเป็นต้องพึ่งอินซูลิน (Non- insulin-dependent diabetes mellitus)
    ตารางเปรียบเบาหวานจำพวกที่ 1 แล้วก็จำพวกที่ 2
         โรคเบาหวานจำพวกที่1   เบาหวานประเภทที่
    กลุ่มอายุมักกำเนิดกับผู้สูงวัยน้อยกว่า 40ปี     มักกำเนิดกับผู้สูงอายุ 40 ปี ขึ้นไป
    น้ำหนักตัวผอมบางอ้วน
    การทำงานของตับอ่อน ไม่สามารถที่จะผลิตอินซูลินได้           
    1.สามารถผลิตอินซูลินได้บ้าง
    2.ผลิตได้ปกติแต่อินซูลินไม่มีความสามารถ
    3.เซลล์ร่างกายต่อต้านอินซูลิน
    การแสดงออกของอาการ    เกิดอาการร้ายแรง             
    1.ไม่มีอาการเลย
    2.มีอาการน้อย
    3.อาการรุนแรง จนกระทั่งช็อกสลบได้
    การรักษา              เพิ่มปริมาณอินซูลินในร่างกาย            บางทีอาจใช้การควบคุมเรื่องของการรับประทานอาหารได้

  • สาเหตุของเบาหวาน ในคนธรรมดาในระยะที่มิได้กินอาหารตับจะมีการสร้างน้ำตาลออกมาตลอดเวลาเพื่อให้เป็นของกินของสมองแล้วก็อวัยวะอื่นๆในช่วงหลังรับประทานอาหารพวกแป้งจะมีการย่อยเป็นน้ำตาลเดกซ์โทรสเข้าสู่กระแสโลหิต ระดับน้ำตาลที่สูงขึ้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนเพื่อเพิ่มการนำน้ำตาลไปใช้ทำให้ระดับน้ำตาลลดลงมาเป็นปกติ ในผู้ป่วยเบาหวานที่อาจเป็นเพราะเนื่องจากการขาดอินซูลินหรือดื้อรั้นต่อฤทธิ์ของอินซูลินทำให้ไม่สามารถที่จะใช้น้ำตาลได้ ขณะเดียวกันมีการเผาผลาญไขมันแล้วก็โปรตีนในเนื้อเยื่อมาสร้างเป็นน้ำตาลเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีน้ำตาลในเลือดสูง กระทั่งล้นออกมาทางไตแล้วก็มีน้ำตาลในฉี่ เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดคำว่า”เบาหวาน”

ระดับน้ำตาลในเลือดคนธรรมดาเป็นเท่าใด
ตาราง ค่าน้ำตาลในเลือด (มิลลิกรัมดล.)
                น้ำตาลในเลือดเมื่องดเว้นของกิน            น้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร
คนธรรมดา               60 – น้อยกว่า 100               น้อยกว่า 140
สภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน       100 – น้อยกว่า 126             140 – น้อยกว่า 200
เบาหวาน   126 ขึ้นไป              200 ขึ้นไป
โดยเหตุนั้นโรคเบาหวาน ก็เลยเกิดขึ้นจากความแปลกของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินน้อยเกินไป ที่ส่งผลทำให้ระดับ น้ำตาลในกระแสโลหิตสูงเกิน เบาหวานจะมีลักษณะอาการเกิดขึ้นเพราะว่าการที่ร่างกายไม่สามารถที่จะใช้น้ำตาลได้อย่าง เหมาะสม ซึ่งปกติน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคโรคเบาหวานร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีคุณภาพ ผลที่เกิดขึ้นทำให้ระดับน้ำตาลในเลือด สูงขึ้น ในระยะยาวจะมีผลสำหรับเพื่อการทำลายหลอดเลือด ถ้าเกิดไม่ได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม บางทีอาจก่อให้เกิดสภาวะแทรก ซ้อนที่รุนแรงได้

  • ลักษณะโรคเบาหวาน ระดับน้ำตาลคนปกติจะอยู่ในตอน 60-99 มก./ดล. ก่อนที่จะกินอาหารเช้าตรู่ ผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานที่มีน้ำตาลสูงจากค่าปกติไม่มากมายอาจไม่มีอาการแจ่มชัด ต้องกระทำการตรวจเลือดเพื่อการวินิจฉัย ถ้าไม่ทราบว่าเป็นโรคเบาหวานมาเป็นระยะเวลานานคนป่วยอาจมาตรวจเจอด้วยภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานได้
กรุ๊ปอาการเด่นของเบาหวานมีดังนี้

  • เยี่ยวมากยิ่งกว่าธรรมดา ปัสสาวะบ่อยมากช่วงเวลาค่ำคืน เนื่องจากว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นเมื่อเลือดไหลผ่านไตก็ไม่อาจจะเก็บกักน้ำตาลไว้ได้ ก็ถูกขับออกทางปัสสาวะ ทำให้เสียน้ำออกไปทางเยี่ยว
  • ดื่มน้ำบ่อยและมากยิ่งกว่าผู้ที่ไม่มีอาการ เนื่องด้วยปัสสาวะมากและบ่อย ทำให้ร่างกายขาดน้ำก็เลยเกิดความต้องการน้ำ
  • หิวบ่อยครั้งกินจุแต่ว่าผอมลง ด้วยเหตุว่าอินซูลินไม่พอ ไหมสามารถออกฤทธิ์ได้พอเพียง จึงนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานไม่ได้ ทำให้มีความรู้สึกหิว รับประทานได้มาก
  • เป็นแผลหรือฝีง่าย รวมทั้งหายยากเหตุเพราะน้ำตาลสูง เยื่อรอบๆที่เป็นแผลมีความชุ่มชื้นสูงทำให้ความต้านทานต่อเชื้อโรคลดลง
  • คันตามตัว ผิวหนังรวมทั้งรอบๆอวัยวะสืบพันธุ์ สิ่งที่ทำให้เกิดอาการคันเกิดได้หลายประเภท อาทิเช่น ผิวหนังแห้งเกินไป หรือการอักเสบของผิวหนังซึ่งพบบ่อยในผู้เจ็บป่วยเบาหวาน ส่วนการคันบริเวณของลับมักเกิดจากาความรักดเชื้อรา
  • ตาพร่ามัวจำต้องแปลงแว่นสายตาหลายครั้ง การที่ตามัวมัวในเบาหวานมูลเหตุบางทีอาจกำเนิดได้หลายประการเป็นอาจเป็นเพราะเนื่องจากสายตาเปลี่ยน (ตาสั้นลง) เมื่อน้ำตาลในเลือดสูงแล้วก็น้ำตาลไปคั่งอยู่ในตาหรือตามัว อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะต้อกระจก หรือเส้นเลือดในตาอุดตันก็ได้
  • มือชา เท้าชา หมดความรู้สึกทางเพศ เหตุเพราะน้ำตาลในเลือดที่สูงนานๆทำให้เส้นประสาทเสื่อม บางคนบางทีอาจไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ พบได้บ่อยๆว่าผู้ป่วยที่ไม่เอาใจใส่ไม่รับการวิเคราะห์และก็รับการดูแลและรักษาโรคเบาหวานตั้งแต่ต้นจะรู้ว่าเป็นโรคโรคเบาหวานก็เมื่อมีโรคแทรกซ้อนขึ้นแล้ว
  • ไม่อยากกินอาหารเหน็ดเหนื่อย เหน็ดเหนื่อยง่ายไม่มีเรี่ยวแรง
  • น้ำหนักตัวลดโดยไม่ทราบมูลเหตุ โดยเฉพาะถ้าหากว่าน้ำหนักเคยมากมาก่อน สาเหตุจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลไปสร้างพลังงานได้เต็มที่ จึงจะต้องนำไขมันรวมทั้งโปรตีนจากกล้ามเนื้อมาใช้ชดเชย

โรคแทรกซ้อนเรื้อรังที่พบได้มากในคนไข้โรคเบาหวาน  ไตเสื่อม ไตวาย จากเบาหวาน                   ไตเป็นอวัยวะที่ปฏิบัติภารกิจกรองสารต่างๆที่อยู่ในกระแสโลหิต  มีเส้นโลหิตขนาดเล็กจำนวนมากรอบๆไต  เมื่อฝาผนังเส้นโลหิตถูกทำลายโดยน้ำตาลในเลือดที่สูงอยู่เป็นระยะเวลานาน  แนวทางการทำหน้าที่สำหรับการกรองของไตจะเริ่มเสื่อมลง  ทำให้โปรตีนรั่วออกมาในเยี่ยว คนป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมานานกว่า  10  ปี มักกำเนิดปัญหาไตเสื่อม  แม้กระนั้นความร้ายแรงแล้วก็ระยะการเกิดจะมากหรือน้อยขึ้นกับการควบคุมน้ำตาลในเลือด
หน้าจอประสาทตาเสื่อแล้วก็ต้อกระจกจากเบาหวาน เป็นผลมาจากการสะสมรวมตัวกันของน้ำตาลรอบๆเลนส์ตา  ทำให้เลนส์ตาบวมแล้วก็มัวลงไม่เกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดภายในดวงตา  ซึ่งสามารถคุ้มครองป้องกันได้โดยการควบคุมน้ำตาลในเลือด บริเวณจอตา  เป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมากมาย  เมื่อเส้นเลือดฝอยถูกทำลายทำให้ฝาผนังเส้นเลือดฝอยโป่งพองกระทั่งแตก มีเลือดไหลออกมาในรอบๆวุ้นตา  เมื่อรอยรั่วหายก็ดีกำเนิดแผลซึ่งจะกัดกันการไหลของเลือดด้านในตา  ก็เลยเกิดการงอกใหม่ของเส้นเลือดฝอย เพื่อช่วยสำหรับเพื่อการไหลเวียนของเลือด  แม้กระนั้นเส้นเลือดฝอยที่ผลิออกใหม่จะเปราะบาง  แตกง่าย  ทำให้มีเลือดออกมาอยู่ในวุ้นตาและจอตา  ระยะนี้จะพบว่าผู้ป่วยมีลักษณะอาการตามัว  เมื่อแผลเกิดมากขึ้นจะสร้างเส้นใยเป็นร่างแหในดวงตา  เมื่อรอยแผลเป็นหดรัดตัว  เกิดการดึงรังรวมทั้งฉีกจนขาดของเยื่อรอบๆส่วนหลังของลูกตา  จะมีอาการราวกับมีม่านดำขึงผ่านขวางตาหรือราวกับมีแสงสีดำพิงผ่านตา  ซึ่งเมื่อมีลักษณะแบบนี้ให้พบหมอรักษาตาในทันทีเพราะเหตุว่าอาจทำให้ตาบอดได้
ปลายประสาทเสื่อมจากโรคเบาหวาน เป็นโรคสอดแทรกที่พบบ่อยในคนป่วยเบาหวาน  โดยไม่ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต แม้กระนั้นทำให้รู้สึกหงุดหงิดแล้วก็ทุกข์ทรมาน  เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงเส้นประสาทถูกทำลาย   ไม่สามารถส่งออกซิเจนมาตามกระแสโลหิตเพื่อไปเลี้ยงเส้นประสาทได้  รวมทั้งการมีน้ำตาลสะสมรวมตัวกันอยู่บริเวณเส้นประสาทเองด้วย ก็เลยทำให้การทำงานของเส้นประสาทเสื่อมลง   การรับทราบความรู้สึกต่างๆลดลง  โดยยิ่งไปกว่านั้นรอบๆปลายมือปลายเท้า จะกำเนิดอาการชา  เมื่อกระทบถูกความร้อนหรือเจ็บปวดจะไม่ค่อยรู้สึก  จึงมีอันตรายกับผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน  เนื่องจากว่าอาจจะก่อให้เกิดแผลได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว  เมื่อเป็นมากอาจทำให้กล้ามลีบเล็กลง  ทำกิจวัตรที่ทำเป็นประจำได้ลดลง
 นับเป็นโรคแทรกซ้อนที่รุกรามต่อชีวิตได้  ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการเจ็บแน่นหน้าอก จากเส้นเลือดหัวใจตีบ  กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนกว่ากล้ามเนื้อหัวใจตายสุดท้าย โรคเส้นโลหิตหัวใจ มักเป็นผลมาจากควบคุมเบาหวานไม่ดี  ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไม่บริหารร่างกาย อ้วน ดูดบุหรี่ประวัติความเป็นมาโรคหัวใจในครอบครัว  และก็เป็นผู้ที่เครียดเป็นประจำ
โรคเส้นโลหิตสมองตีบตัน เป็นโรคเข้าแทรกที่เกิดขึ้นจากเส้นเลือดที่มาเลี้ยงบริเวณสมองแคบ  นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการพิการหรืออาการรุนแรงถึงเสียชีวิตได้  จังหวะเกิดหลอดเลือดสมองตีบตันจะสูงมากขึ้น ในคนไข้โรคเบาหวานที่มีความดันโลหิตสูงร่วมด้วย  ทำให้อวัยวะที่สมองส่วนนั้นควบคุมอยู่ อ่อนเพลียลงไปเกิดอัมพฤกษ์  หรืออัมพาต

  • ปัจจัยเสี่ยง/กรุ๊ปเสี่ยงที่นำมาซึ่งเบาหวาน โรคเบาซาบซ่านมีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงหลายประการ ดังเช่น
  • จำพวกกรรม ต้นเหตุหลักของผู้ป่วยเบาหวานเป็น ชนิดบาป พบว่าราวหนึ่งในสามของผู้เจ็บป่วยเบาหวานมีประวัติญาติเป็นเบาหวาน ลักษณะยีนของการเป็นโรคเบาหวานเป็นลักษณะทางจำพวกกรรมที่ตกทอดกันผ่านโครโมโซมในนิวเครียสของเซลล์เหมือนกันกับการสืบทองคำของจำพวกกรรมอื่นๆ
  • ความอ้วน ความอ้วนเป็นอีกต้นเหตุหนึ่งของการเกิดเบาหวานเพราะจะทำให้เซลล์ของร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินต่ำลง อินซูลินจึงไม่สามารถพาน้ำตาลไปสู่เซลล์ได้ดีดังเดิม จนกระทั่งเปลี่ยนมาเป็นภาวการณ์ขาดน้ำตาลในเลือดสูง
  • อายุ เมื่ออายุมากขึ้นอวัยวะต่างๆย่อมต้องเสื่อมลง และก็ตับอ่อนที่มีบทบาทสังเคราะห์แล้วก็ผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ก็จะปฏิบัติหน้าที่ได้ลดน้อยลงก็เลยเป็นสาเหตุหนึ่งของเบาหวาน
  • ตับอ่อนไม่สมบูรณ์ อีกปัจจัยหนึ่งของเบาหวานอาจเกิดขึ้นเนื่องจากการที่ตับอ่อนได้รับการกระทบสะเทือนหรือเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลกระทบต่อตับอ่อน รวมถึงอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะโรค ยกตัวอย่างเช่น ตับอ่อนอักเสบเรื้อรังจากการดื่มสุรามากจนเกินไป ซึ่งมีความจำเป็นจำต้องผ่าตัดเอานิดหน่อยของตับอ่อนออก หกบุคคลนั้นมีแนวโน้มว่าจะเป็นเบาหวานอยู่แล้ว เมื่อตกอยู่ในภาวะนี้ก็จะแสดงอาการของเบาหวานได้เร็วขึ้น
  • การต่อว่าดเชื้อไวรัสบางประเภท เชื้อไวรัสบางประเภท เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วส่งผลใกล้กันในการกำเนิดเบาหวาน ดังเช่น คางทูม หัดเยอรมัน
  • ยาบางประเภท ยาบางจำพวกก็มีผลต่อการเกิดโรคเบาหวานเช่นเดียวกัน เช่น ยาขับเยี่ยว ยาคุมกำเนิด เนื่องจากทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากขึ้นได้ จึงควรหารือหมอก่อนใช้ยา โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อจะต้องใช้ยาติดต่อกันนานๆ
  • ภาวการณ์ตั้งท้อง เพราะฮอร์โมนหลายแบบที่เกลื่อนกลาดสังเคราะห์ขึ้นมานั้น มีผลยังยั้งการทำงานของฮอร์โมนอินซูลิน คนที่มีครรภ์จึงมีโอกาสเสี่ยงสำหรับการเกิดเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มียีนเบาหวานอนยู่ภายในร่างกาย และภาวะเบาหวานเข้าแทรกในระหว่างท้องเกิดอันตรายเป็นอย่างมาก ก็เลยจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด

กรุ๊ปเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวาน

  • ผู้ที่มีอาการต่างๆของโรคเบาหวานตามที่กล่าวมา
  • แก่กว่า 40 ปี
  • มีญาติสายตรงเป็นโรคเบาหวาน
  • เคยหรูหราน้ำตาลอยู่ในระยะก่อนเบาหวาน
  • เคยเป็นโรคเบาหวานขณะท้อง
  • คลอดบุตรหนักมากยิ่งกว่า 4 กก.
  • ความดันเลือดสูง
  • มีไขมันในเลือดไม่ดีเหมือนปกติ
  • มีโรคเส้นโลหิตตีบแข็ง
  • มีโรคที่บ่งบอกว่ามีภาวะซุกซนต่ออินซูลินเป็นต้นว่าโรครังไข่มีถุงน้ำหลายถุง

คนที่มีภาวะดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นแม้ไม่มีลักษณะโรคโรคเบาหวานควรตรวจทาน ถ้าหากระดับน้ำตาลอยู่ในข่ายสงสัยควรตรวจซ้ำในระยะ 1 ปี

  • กรรมวิธีรักษาโรคโรคเบาหวาน เพราะว่าประมาณครึ่งหนึ่งของคนป่วยโรคเบาหวานไม่มีอาการ คนที่มีการเสี่ยงที่จะกำเนิดโรค โรคเบาหวานจะต้องตรวจคัดกรองเบาหวานทุกปี แพทย์วินิจฉัยโรคโรคเบาหวานได้จาก ความเป็นมาอาการ เรื่องราวเจ็บป่วยต่างๆเรื่องราวเจ็บ เจ็บป่วยของคนในครอบครัว การตรวจร่างกาย รวมทั้งที่สำคัญคือ การวิเคราะห์เลือดเพื่อดูจำนวนน้ำตาลในเลือด และก็/หรือ ดูสารที่เรียกว่า ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1C: Glycated hemoglobin)

ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดนั้นเป็นแนวทางที่จะทำให้เราทราบได้อย่างเห็นได้ชัดว่าหรูหราน้ำตาลสูงเท่าใด ซึ่งทำให้รู้ว่าเป็นโรคเบาหวานไหมค่อนข้างที่จะแน่นอน ในคนปกติระดับน้ำตาลในเลือดจะคงที่ คือโดยประมาณ 80-110 มิลลิกรัม/ดล. โดยระดับน้ำตาลก่อนที่จะกินอาหารยามเช้าจะมีค่าราวๆ 70-115 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เมื่อรับประทานอาหาร อาหารจะถูกย่อยสลายเป็นน้ำตาลกลูโคสและก็ถูกซับไปสู่กระแสโลหิต ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแต่จะไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/ดล. หลังรับประทานอาหารตอนเช้าแล้ว 2 ชั่วโมง แต่ถ้าเกิดตรวจพบระดับน้ำตาลที่สูงเกิน 140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร อย่างต่ำ 2 ครั้งขึ้นไปก็จะนับว่าผู้นั้นเป็น “โรคเบาหวาน”
ตรวจหา ฮีโมโกบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) คือการตรวจปริมาณน้ำตาลที่จับอยู่กับฮีโมโกบินซึ่งเป็นสารโปรตีนชนิดหนึ่งในเม็ดเลือดแดงมีหน้าที่นำออกซิเจนไปสู่เซลล์ การตรวจด้วยวิธีนี้จะใช้ข้างหลังการดูแลรักษาแล้วเพื่อตรวจผลของการควบคุมโรคมากกว่าตรวจเพื่อหาโรค  ในกรณีที่มีอาการป่วยด้วยโรคเบาหวานในภาวะที่ควบคุมได้ยากหรือมีโรคแทรกควรจะได้รับการตรวจทุกๆ2 สัปดาห์ถ้าอยู่ระหว่างตอนตั้งท้องและเป็นเบาหวานควรตรวจปริมาณฮีโมโกลบิน เอ วัน ซี (Hb A1 C) ทุกๆ1 – 2 เดือนเพื่อบอกปริมาณน้ำตาลในเลือดว่าอยู่ในภาวะที่เป็นอันตรายไหม ยิ่งกว่านั้นอาจมีการตรวจอื่นๆมี อย่างเช่น  ตรวจระดับน้ำตาลในฉี่ ในกรณีที่ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเยี่ยวและก็พบว่ามีน้ำตาลปนออกด้วยนั้น ย่อยแสดงว่าผู้นั้นป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยดูประกอบกับการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นมากยิ่งกว่า 180-200 มิลลิกรัม/ดล. เหตุที่เป็นแบบนี้เนื่องมาจากไตของมนุษย์มีความรู้และความเข้าใจกรองน้ำตาลได้ประมาณ 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร  ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้าหากร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูงยิ่งกว่าระดับนี้ ไตก็จะไม่สามารถที่จะกรองน้ำตาลเอาไว้ได้น้ำตาลส่วนที่เกินออกมาพวกนั้นก็จะถูกขับออกมากับเยี่ยว
Glucose tolerance test (GTT) การตรวจด้วย GTT มักทำในเด็กที่ยังไม่มีลักษณะของโรคโรคเบาหวานแจ่มชัด ตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลข้างหลังงดของกินกับการตรวจปัสสาวะยังไม่เจอความไม่ดีเหมือนปกติ GTT มักทำในเด็กที่แต่งงานที่มีบิดาหรือแม่เป็นโรคเบาหวานหรือตรวจฝาแฝดเหมือน (identical twins) ที่คนหนึ่งเป็นโรคโรคเบาหวานแล้ว
การดูแลและรักษาโรคเบาหวน เดี๋ยวนี้โรคเบาหวานมีแนวทางการดูแลและรักษา 4 หนทางประกอบกันเป็น  การฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายโดยตรง  การใช้ยาเม็ดควบคุมน้ำตาลในกระแสเลือด การควบคุมอาหาร การบริหารร่างกาย
การรักษาโดยการฉีดอินซูลิน การใช้อินซูลินในผู้เจ็บป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 โรคเบาหวานชนิดที่ 1 มีเหตุมาจากการที่ร่างกายไม่อาจจะสร้างอินซูลินได้อย่างพอเพียง โดยธรรมดาแพทย์มักกำหนดให้ฉีดอินซูลินไปสู่ร่างกายวันละ 2 ครั้ง การใช้อินซูลินในผู้เจ็บป่วยเบาหวานชนิดที่ 2  ในคนป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 นั้น ตับอ่อนยังคงปฏิบัติหน้าที่ผลิตอินซูลินได้ แต่ร่างกายกลับต้านอินซูลินหรืออินซูลินที่ได้ไม่มีประสิทธิภาพพอเพียงทำให้ไม่อาจจะควบคุมน้ำตาลในเลือดได้ จุดมุ่งหมายของการรักษาโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 ในขณะนี้ จึงเน้นไปที่การลดระดับน้ำตาบในกระแสเลือดในตอนก่อนและก็หลังรับประทานอาหารเพื่อคุ้มครองการเกิดภาวะแทรกซ้อนของเส้นเลือดแดง
การรักษาโดยการใช้ยา ยารักษาเบาหวาน ยาที่ใช้ในการรักษาเบาหวานนั้น แบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มเป็น ยาที่มีผลสำหรับในการกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งจำนวนอินซูลินเยอะขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น Sulfonylureas (Chlorpropamide, Acetazolamide, Tolazamide, Glyburide หรือ Glipizide) โดยการทำหน้าที่ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด ด้วยการกระตุ้นให้ตับอ่อนผลิตอินซูลินในจำนวนมากขึ้น ยาที่มีผลสำหรับในการยับยั้งการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตในลำไส้ อย่างเช่น Alpha-Glycosides inhibitors (Acarbose และ Meglitol) ชวยชะลอกรรมวิธียอยแล้วก็ดูดซมน้ำตาลรวมทั้ง แปงในลําไสซึ่งจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำข้างหลังมื้ออาหาร ยาที่ส่งผลสำหรับการลดการสร้างกลูโคสในตับแล้วก็เพิ่มการใช้น้ำตาลเดกซ์โทรส ดังเช่น Biguanide (Metformin) เป็นยาที่ช่วยลดจำนวนการผลิตเดกซ์โทรสจากตับรวมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแนวทางการทำงานของอินซูลินซึ่งผลิตโดยตับอ่อน ยาที่ปฏิบัติหน้าที่ลดภาวะการต้านอินซูลินในร่างกาย ดังเช่นว่า ยาในกลุ่ม Thiazolidine diones  Thiazolidinediones (Rosiglitazone แล้วก็ Pioglitazone) ยาจำพวกนี้ไม่มีฤทธิ์ต่อตับอ่อน แม้กระนั้นปฏิบัติหน้าที่เพิ่มประสิทธิภาพลักษณะการทำงานของอินซูลินที่ตับอ่อนผลิตออกมา การควบคุมอาหาร การควบคุมของกินประเภทแป้ง แล้วก็น้ำตาล เป็นการช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้อย่างดีเยี่ยม และถ้าเกิดทำพร้อมกันไปกับการใช้ยาด้วยและก็จะมีผลให้กำเนิดคุณภาพ/ประสิทธิผลสำหรับเพื่อการรักษโรคเบาหวาน[/url]เจริญยิ่งขึ้น
การรักษาโดยการออกกำลังกาย เมื่อออกกำลังกายจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเกิดขึ้น 3 ประการ ได้แก่  มีการใช้พลังงานเยอะขึ้น มีการดำเนินงานของปอดรวมทั้งหัวใจเพิ่มขึ้น มีการปรับระดับฮอร์โมนหลายแบบ ความเคลื่อนไหวกลุ่มนี้จะเกิดขึ้นมากน้อยขึ้นอยู่กับสาเหตุหลายประเภท ดังเช่นว่า ระยะเวลาของการบริหารร่างกาย ความหนักเบาของการออกกำลังกาย สภาวะโภชนาการและก็ภาวะความสมบูรณ์ของปอดรวมทั้งหัวใจ

  • การติดต่อของโรคเบาหวาน โรคเบาหวานเป็นโรคในระบบเมตาบอลิซึมภายในร่างกายจึงไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือสัตว์สู่คน
  • การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคเบาหวาน พฤติกรรมด้านการบริโภค เลือกบริโภคของกินให้ครบ 5หมู่ โดยคำนึงถึงพลังงานที่ได้จากอาหารโดยประมาณจากคาร์โบไฮเดรต(แป้ง)ประมาณ 55 - 60%โปรตีน (เนื้อสัตว์) ราว 15-20%ไขมัน ราวๆ 25% ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากควรจะจะต้องลดจำนวนการรับประทานลง โดยบางทีก็อาจจะเบาๆลดลงให้เหลือเพียงกึ่งหนึ่งของปริมาณที่เคยกินปกติ แล้วก็อุตสาหะงด อาหารมันและทอด กินอาหารที่มีกากใยมากมายเพื่อช่วยในการขับถ่าย. หลบหลีกการกินกระจุกกระจิกรวมทั้งรับประทานอาหารไม่ตามกำหนด เพียรพยายามกินอาหารในปริมาณที่เป็นประจำกันในทุกมื้อ หากมีลักษณะเกี่ยวกับโรคไตหรือความดันโลหิตสูง ควรหลบหลีกของกินรสเค็ม ควบคุมเรื่องของการรับประทานอาหารแม้ระดับน้ำตาลในเลือดจะปกติรวมทั้งตาม งดบริโภคของกินต่างๆเหล่านี้ น้ำตาลทุกประเภท รวมถึงน้ำผึ้ง ผลไม้กวนประเภทต่างๆขนมเชื่อม อาหารหวานต่างๆผลไม้ที่มีรสหวานมากมายๆน้ำหวานประเภทต่างๆของหวานทอดกรอบหรือชุบแป้งทอด ทำตามหมอ พยาบาลเสนอแนะ กินยาให้ถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ขาดยา รู้จักผลข้างเคียงจากยาโรคเบาหวาน และการดูแลตนเองที่สำคัญหมายถึงภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ รักษาสุขลักษณะเสมอ เพราะเหตุว่าคนไข้จะติดเชื้อต่างๆได้ง่าย จากโรคเบาหวานเป็นสาเหตุที่ทำให้มีภูมิคุ้มกันยับยั้งโรคลดน้อยลง รักษาสุขภาพเท้าเสมอ เลิกดูดบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากว่ายาสูบเพิ่มจังหวะเกิดผลใกล้กันของเบาหวาน เลิกสุรา หรือจำกัดสุราให้เหลือต่ำที่สุด เพราะเหตุว่าเหล้าอาจมีผลต่อยาที่ควบคุมโรคเบาหวานแล้วก็โรคต่างๆทำให้ควบคุมโรคต่างๆได้ยาก ไม่ซื้อยารับประทานเอง และไม่ใช้สมุนไพรเมื่อรับประทานยาโรคเบาหวาน เพราะว่าบางทีอาจต้านทานหรือเพิ่มฤทธิ์ของยาโรคเบาหวาน จนถึงอาจส่งผลให้เป็นผลใกล้กันจากยาโรคเบาหวานที่ร้ายแรงได้ ได้แก่ ผลต่อไต หรือภาวการณ์น้ำตาลในเลือดต่ำ ฉีดยาคุ้มครองปกป้องโรคต่างๆตามแพทย์เสนอแนะ ยกตัวอย่างเช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่เจอจักษุแพทย์เป็นประจำตามแพทย์โรคเบาหวานรวมทั้งจักษุแพทย์ชี้แนะ เพื่อการวินิจฉัย และการดูแลรักษาภาวะเบาหวานขึ้นตาแม้กระนั้นเนิ่นๆคุ้มครองป้องกันตาบอดจากเบาหวาน พบหมอตามนัดเสมอ หรือรีบพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อมีอาการต่างๆไม่ดีเหมือนปกติไปจากเดิม

วัตถุประสงค์การควบคุมของคนเจ็บโรคเบาหวาน ตามคำแนะนำของชมรมโรคเบาหวานที่อเมริกา
                จุดมุ่งหมาย
น้ำตา



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ