โรคมะเร็ง-อาการ-สาเหตุ-การรักษา-การรักษา-วิธีการป้องกัน-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคมะเร็ง-อาการ-สาเหตุ-การรักษา-การรักษา-วิธีการป้องกัน-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 22 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: มีนาคม 23, 2018, 12:47:24 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคมะเร็ง (Canaer)[/size]

  • โรคมะเร็งเป็นอย่างไร โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกาย โดยมีการเปลี่ยนทางพันธุกรรมของเซลล์ ก่อเกิดเป็นเซลล์ของมะเร็งที่มีการเจริญวัยอย่างเร็วโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมที่สมควร ผลคือ การเกิดเป็นก้อนเนื้อโรคมะเร็งที่เติบโตก่อกวนแนวทางการทำงานของเซลล์ปกติในอวัยวะ นอกนั้นยังสามารถขยายแพร่ไปยังอวัยวะอื่นได้โดยผ่านระบบกระแสเลือดหรือน้ำเหลืองของเราเป็นตัวน้ำกาม โรคมะเร็งอาจมีความต่างได้มากมาย ตามตำแหน่งของอวัยวะที่เป็นจุดกำเนิดของมะเร็ง แล้วก็จำพวกของเยื่อที่อยู่ข้างในอวัยวะนั้นๆโดยอวัยวะที่มีการตรวจเจอเซลล์ของโรคมะเร็ง ยกตัวอย่างเช่น มะเร็งตับ โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมะเร็งสมอง โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ โรคมะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งกระเพาะ มะเร็งกระดูก โรคมะเร็งหลอดของกิน โรคมะเร็งลิ้น มะเร็งช่องปากและลำคอ โรคมะเร็งท่อน้ำดีรวมทั้งถุงน้ำดี มะเร็งหลอดลม มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งไต มะเร็งต่อมไทรอยด์ โรคมะเร็งโพรงมดลูก และก็โรคมะเร็งพบบ่อยในเด็กไทย เรียงจากขั้นแรก 4 ลำดับ อย่างเช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งสมอง แล้วก็โรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมา
  • ที่มาของโรคมะเร็ง มีสาเหตุจากสิ่งแวดล้อมหรือ ด้านนอกร่างกาย ซึ่งทุกวันนี้เช้าใจกันว่ามะเร็ง ส่วนใหญ่ เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากมูลเหตุเป็นต้นว่า
  • สารก่อโรคมะเร็งที่ปนเปื้อนในของกินและก็เครื่องดื่ม ยกตัวอย่างเช่น สารพิษจาก เชื้อราที่มีชื่อ อัลฟาทอกสิน (Alfatoxin) สารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นมาจากการปิ้ง ย่าง พวกไฮโดคาร์บอน (Hydrocarbon) สารเคมีที่ใช้ในวิธีการรักษาอาหาร ชื่อไนโตรซามิน (Nitosamine) สีผสมอาหารที่มาจากสีย้อมผ้า
  • บุหรี่ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง การสูบยาสูบหรือการอยู่ในรอบๆที่มีควันบุหรี่ ทำให้เป็นมะเร็ง แล้วก็โรคระบบฟุตบาทหายใจต่างๆและถึงแก่ความตายได้
  • แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งในโพรงปาก คอ หลอดอาหาร แล้วก็กล่องเสียงได้ นอกเหนือจากนี้แอลกอฮอล์ยังไปทำลายตับ และมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งตับได้
  • ฮอร์โมน ผู้หญิงที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนควบคุมอาการร้อนวูบวาบ หรืออาการเสื่อมของกระดูก ซึ่งมักจะกำเนิดในวัยหมดประจำเดือน จากการเล่าเรียนพบว่า การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งมดลูก และก็มะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
  • รังสี รังสีเอกซเรย์ที่ใช้สำหรับในการวินิจฉัยโรค เพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้ แม้จะมีปริมาณเพียงเล็กน้อย แต่แม้ได้รับรังสีซ้ำๆกันหลายๆครั้ง อาจส่งผลให้เป็นอันตรายได้
  • แสงสว่างอุลตร้าไวโอเล็ต แสงสว่างจากพระอาทิตย์ หรือจากแหล่งอื่นๆอาจทำลายผิวหนังแล้วก็นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ ด้วยเหตุนั้นจะต้องเลี่ยงการเช็ดกแดดในขณะ 11.00-15.00 น. เพราะเหตุว่าเป็นตอนๆที่แสงอาทิตย์แรงจัด
  • เกิดจากความไม่ดีเหมือนปกติภายในร่างกาย ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย ได้แก่ เด็กที่มีความพิการ มาแม้กระนั้น กำเนิดได้โอกาสเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ฯลฯ การมีภูมิต้านทานที่บกพร่องและภาวะ ทุพโภชนาการ ได้แก่ การขาดไวตามินบางชนิด เช่น ไวตามินเอ ซี

รวมทั้งมูลเหตุด้านกรรมพันธุ์ โรคมะเร็งบางชนิด ดังเช่นว่า มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งรังไข่ แล้วก็โรคมะเร็งลำไส้ มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้กับบุคคลภายในครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งดังที่กล่าวถึงแล้วต้นเหตุของโรคมะเร็งที่หลักๆในปัจจุบัน ได้แก่

  • โรคมะเร็งที่ผิวหนัง สาเหตุมีเหตุที่เกิดจากถูกแสงอาทิตย์หรือแสงสว่างอุลตราไวโอเลตและเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากพวกสารหนู หรือการรักษาโดยใช้ยาที่เข้าน้ำมันดิน ยาไทย-จีน ซึ่งน้ำมันดินเป็นองค์ประกอบ สำหรับเล็บและขน ไม่เป็นมะเร็ง
  • โรคมะเร็งที่ปอด มูลเหตุมีเหตุมาจากหายใจในอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นที่มีสารพวกไฮโดรคาร์บอน อาทิเช่น ควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือเขม่าจากโรงงาน สำหรับบุหรี่ ส่งผลกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดมะเร็งปอดได้
  • มะเร็งที่ช่องปาก มักจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการระคายเคืองเรื้อรัง ยกตัวอย่างเช่น ดื่มเหล้าเพียวๆกินหมาก แล้วรักษาสุขภาพไม่สะอาดด้วย แล้วก็ที่สำคัญเป็นยาฉุน การเคี้ยวอาหารแล้วมีการเคือง ตัวอย่างเช่น ฟันเก หรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ทำให้เป็นแผลเล็กๆจนตราบเท่าเป็นมะเร็งได้
  • โรคมะเร็งที่หลอดอาหาร จำนวนมากมีต้นเหตุมาจากการระคายเคืองเรื้อรัง การกินของร้อน ดังเช่น จิบชา กาแฟร้อนๆ
  • โรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มีต้นเหตุที่เกิดจากสารไนโตรซามีนส์ ตัวอย่างเช่น ทานอาหารพวกโปรตีนหมัก สารที่เข้าดินประสิวที่ใช้สำหรับทำให้เนื้อมีสีแดง เนื้อเปื่อย รวมทั้ง ดี.ดี.หน.ซึ่งเมื่อเข้าไปภายในร่างกายแล้ว มันจะกลายเป็นไดเมธิลไนโตรซามีนส์ พวกที่รับประทานผักที่มี ดี.ดี.ที. นอกเหนือจากที่จะตายจาก ดี.ดี.ครั้ง. แล้ว ยังบางทีอาจตายจากมะเร็งได้อีกด้วย
  • มะเร็งที่ลำไส้เล็ก-ใหญ่ ต้นเหตุคล้ายกันกับโรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร
  • โรคมะเร็งที่เต้านม ต้นเหตุมีต้นเหตุจากเชื้อไวรัส แต่ก่อนเชื่อว่ามีต้นเหตุมาจากด้านเชื้อชาติรวมทั้งการกระทบกระแทกที่เต้านม
  • มะเร็งที่ตับ ต้นสายปลายเหตุเกิดจากไนโตรซามีนต์ อะฟล่าท็อกซิน รวมทั้งจากพยาธิใบไม้ในตับ แล้วก็จากโรคตับแข็ง
  • มะเร็งปากมดลูก เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส และก็จากการระคายเคืองเรื้อรัง อาทิเช่น ออกลูกเสมอๆร่วมเพศบ่อยๆหรือคนที่เป็นหญิงงามเมือง และผู้ที่ไม่รักษาความสะอาดรอบๆอวัยวะเพศ
  • มะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ จำนวนมากมีเหตุมาจากบุหรี่ สีย้อมผ้าที่ใช้ผสมอาหาร นอกเหนือจากนี้พวกมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีภรรยา), โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ลิมโฟม่า) ก็เป็นผลมาจากไวรัสเหมือนกัน
  • อาการโรคโรคมะเร็ง สำหรับในขั้นแรกของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นในร่างกายนั้นกล่าวได้ว่าแทบไม่มีอาการอะไรส่อเค้า หรือบอกให้คนป่วยทราบได้เลยว่ากำลังเผชิญกับโรคมะเร็งนี้อยู่ ทำให้กว่าที่จะรู้ตัวก็สายเกินแก้ เมื่อเป็นประสักระยะหนึ่ง ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักจะเริ่มรู้สึกเหน็ดเหนื่อยง่าย ไม่อยากอาหาร รับประทานอาหารได้น้อยลง อิ่มเร็ว ผอมซูบ น้ำหนักลด ร่างกายเริ่มดูเสื่อมโทรมลง ไม่สดชื่นขมีขมันเหมือนเดิม แล้วก็เมื่ออยู่ในระยะที่โรคมะเร็งเริ่มขยายมากยิ่งขึ้นก็จะเริ่มปรากฏอาการอย่างแจ่มแจ้งในตอนนี้ จะรู้สึกเจ็บปวดแล้วก็ทรมานมหาศาลตามจุดต่างๆที่เกิดมะเร็งขึ้น ดังนี้จะมีลักษณะอาการมากน้อยเช่นไรก็ขึ้นกับโรคมะเร็งที่เป็นว่าเป็นโรคมะเร็งประเภทใด ชนิดไหน รวมทั้งผู้กระทำระจายของเซลล์ของโรคมะเร็งข้างในนั้นไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง


  • ไอมีเสมหะผสมเลือด เป็นลักษณะโรคโรคมะเร็งปอด
  • ไอเรื้อรังและก็มีเสียงแหบ เป็นอาการของโรคโรคมะเร็งกล่องเสียงหรือโรคมะเร็งปอดโดยไม่มีอาการของไข้หวัด คือ มีไข้ มีน้ำมูก และมีเสลดมาก่อนหน้า
  • คลำก้อนถึงที่กะไว้เต้านมหรือที่อื่นๆของร่างกายที่ไม่เคยคลำได้มาก่อนเป็นลักษณะของมะเร็งเต้านมและเร็งอื่น
  • ขี้ทุกข์ยากลำบาก ท้องผูกสลับกับท้องร่วง เป็นอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการสม่ำเสมอมากกว่า 2 สัปดาห์ ร่วมกับน้ำหนักลด
  • มูกหรือเลือดออกทางทวารหนักหรือช่องคลอด เป็นอาการของมะเร็งทางนรีเวช อาทิเช่น โรคมะเร็งปากมดลูก หรือ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนไส้ตรง
  • เยี่ยวมีเลือดปน อาจเป็นอาการโรคโรคมะเร็งทางเท้าปัสสาวะ อย่างเช่น กระเพาะปัสสาวะต่อมลูกหมาก
  • น้ำหนักต่ำลงโดยไม่มีมูลเหตุ
  • ไข้เรื้อรัง ไข้ที่เป็นมายาวนานกว่า 1 สัปดาห์ เป็นลักษณะของมะเร็งเม็ดเลือดหรือต่อมน้ำเหลือง
  • ปวดเรียกตัวหรือที่กระดูก โดยยิ่งไปกว่านั้นอาการปวดที่สม่ำเสมอ และมีลักษณะอาการปวดช่วงกลางคืนเป็นอาการของมะเร็งแพร่กระจายเข้ากระดูกได้
  • เหน็ดเหนื่อย ไม่อยากกินอาหาร เป็นลักษณะของมะเร็งระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ กระเพาะลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน หรือเป็นเพียงแค่อาการที่เกิดขึ้นจากมะเร็งชนิดอื่นๆ

โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ อย่างเช่น ระยะที่ 1-4 ซึ่งอีกทั้ง 4 ระยะ ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เพราะเหตุว่าเซลล์เพียงแต่มีลักษณะเป็นโรคมะเร็ง แต่ว่ายังไม่มีการรุกราน (Invasive) ขาดทุนเยื่อใกล้กัน

  • ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อหรือแผลมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่แผ่ขยาย
  • ระยะที่ 2: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มลุกลามภายในเยื่อหรืออวัยวะ
  • ระยะที่ 3: ก้อนหรือแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มแพร่กระจายเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างๆ และแผ่ขยายเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เยื่อหรืออวัยวะที่เป็นโรคมะเร็ง
  • ระยะที่ 4: ก้อนหรือแผลมะเร็งขนาดโตมากมาย ซึ่งแผ่ขยายเข้าเนื้อเยื่อหรืออวัยวะข้างเคียง จนทะ ลุ และก็เข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยเจอต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้ รวมทั้ง/หรือ แพร่เข้ากระแสเลือด หรือสายน้ำเหลือง ไปยังเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เป็นต้นว่า ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในท้อง ในช่องอก ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
  • ปัจจัยเสี่ยงที่กระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง ที่ สำคัญ มี 2 ข้อ

ข้อ แรกเป็นต้นเหตุจากสิ่งแวดล้อมด้านนอกร่างกาย เป็นต้นว่า สารก่อมะเร็งที่แปดเปื้อน ในของกิน อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ฯลฯ รวมทั้งการได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และพยาธิบางชนิด
ข้อที่สอง คือ อย่างเช่นปัจจัยภายในร่างกาย ตัวอย่างเช่น ความเปลี่ยนไปจากปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน และสภาวะทุพโภชนา เป็นต้น   
 
เพราะฉะนั้นคนที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการ เป็นโรคมะเร็งเป็นคนที่มีการกระทำดังต่อไปนี้
ผู้ที่สูบบุหรี่  ทั้งยังยาสูบมวนเอง ซิการ์ กล้องยาสูบ หรือการเคี้ยวยาสูบ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดเป็นโรคโรคมะเร็งปอด มะเร็งในช่องปาก กล่องเสียง โรคมะเร็ง หลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ และก็มะเร็งของตับอ่อน
คนที่ดื่มสุราเป็นประจำ สามารถทำให้มีการเกิดตับอักเสบและโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งตับตามมา ยิ่งกว่านั้น เหล้ายังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในโพรงปากและคอ
ผู้ที่ติดเชื้อโรค เชื้อไวรัสบางจำพวก เช่น   ไวรัสตับอักเสบจำพวกบีแล้วก็ซี มีความเกี่ยวข้องต่อการเกิดโรคตับแข็งแล้วก็โรคมะเร็งตับ เชื้อไวรัสเอปสไตน์บารร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งข้างหลังโพรงจมูกหรือโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Burkitt ไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกในหญิง หรือ โรคมะเร็งโพรงปากและก็คอ  หรือผู้ที่ถูกใจกินอาหารที่มี พิษ ชื่อ อัลฟาทอกซิล ที่พบจากเชื้อราที่ปนเปื้อนในของกินได้แก่ ถั่วดินป่น เป็นต้น ถ้ากินประจำจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับ และหากได้รับทั้งยัง 2 อย่าง จังหวะ จะเป็นโรคมะเร็งตับเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก และต่อมลูกหมาก
ผู้ที่ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ และรับประทานอาหารที่ใส่ดิน ประสิวบ่อยๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
คนที่มีภูมิคุ้มกันผิดพลาดอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากความเปลี่ยนไปจากปกติจากกรรมพันธุ์หรือติดโรคเชื้อไวรัส เอดส์ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งปากมดลูก มะเร็งของเส้นเลือด ฯลฯ
คนที่ทานอาหารเค็ม จัด ของกินที่มีส่วนผสมดินประสิวและก็ส่วนไหม้เกรียม ของของกินบ่อยๆจะเสี่ยง ต่อการเป็นมะเร็งกระเพาะ อาหารและลำไส้ใหญ่
ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว เช่น มะเร็งของเรตินา มะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ประเภทที่ เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น
ผู้ที่ตากแดดจัดเป็นประจำจะ เกิดอันตรายจากแดดที่ มีปริมาณของแสงสว่างอุลยี่ห้อ ไวโอเลต มากมาย ส่งผลทำให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้
สัญญาณเตือน 7 ประการ ที่อาจแสดงว่าเป็นลักษณะของโรคโรคมะเร็ง มีดังนี้

  • มีการเปลี่ยนแปลงในการอึ ปัสสาวะ ที่แตกต่างจากปกติ ดังเช่น มีเลือดออก ท้องร่วงหรือท้องผูกแตกต่างจากปกติ
  • มีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย โดยเป็นเป็นเวลายาวนานมากกว่า 3 อาทิตย์
  • มีเลือดออก หรือมีสารคัดเลือกหลั่งออกมาจากรอบๆช่องต่างๆของร่างกายผิดปกติ เป็นต้นว่า จุกนม, จมูก, ช่องคลอด ทวารหนัก ฯลฯ
  • ลูบคลำพบก้อนที่เต้านม หรือที่อื่นๆของร่างกาย
  • ท้องขึ้น อาหารไม่ย่อย มีลักษณะเจ็บท้อง กลืนอาหารทุกข์ยากลำบาก เป็นต้น
  • ไฝหรือจุดเล็กๆตามร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ดังเช่น โตขึ้น มีสีไม่ปกติหรือมีเลือดออก
  • มีลักษณะอาการไอที่ไม่ดีเหมือนปกติ อย่างเช่น ไอคละเคล้าเลือด ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบ
  • กรรมวิธีรักษาโรคมะเร็ง หมอวินิจฉัยโรคมะเร็งได้จาก ประวัติอาการต่างๆของคนเจ็บ การตรวจร่างกาย การตรวจภาพเยื่อรวมทั้งอวัยวะที่มีลักษณะอาการด้วยเอกซเรย์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เอมอาร์ไอ แต่ว่าที่ได้ผลแน่ๆเป็นการตรวจเซลล์จากก้อนเนื้อเพื่อ การตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ ตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

แนวทางรักษาโรคโรคมะเร็ง สำหรับเพื่อการรักษาโรคมะเร็งนี้หลังจากแพทย์วินิจฉัยอาการของโรคเสร็จแล้ว จะมีการตรวจอย่างระมัดระวังอีกทีว่าเซลล์ของโรคมะเร็งร้ายกระจัดกระจายไปอยู่ในรอบๆใดของร่างกายบ้าง เมื่อรู้และเข้าใจดีแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยโรคมะเร็งแต่ละจำพวกการรักษาก็บางครั้งก็อาจจะแตกต่างออกไปบ้าง แต่ว่าทั้งนี้ก็มีวิธีที่หมอนิยมรักษากันอยู่ คือ
การผ่าตัด มะเร็งระยะต้นโดยมากมักจะใช้การผ่าตัดเป็นส่วนมาก ดังเช่น โรคมะเร็งศรีษะรวมทั้งคอ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยแพทย์จะกระทำการผ่าตัดก่อนเป็นขั้นแรก เพื่อกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายพวกเราออกไป แม้กระนั้นวิธีนี้ไม่ได้สามารถทำรักษาได้กับมะเร็งทุกจำพวก รวมทั้งการผ่าตัดก็ยังไม่แน่ว่าจะหายสนิท ไหม ด้วยเหตุว่าเซลล์มะเร็งอาจยังหลงเหลือหรือซ่อนอยู่ภายในร่างกาย โดยอาจเป็นเซลล์ของมะเร็งที่กำลังเริ่มจะเกิด ทำให้แพทย์ไม่อาจจะรู้หรือมองเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับไปสู่วังวนเดิม คือเริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็ต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แต่ว่าโดยมากกับขั้นตอนการผ่าตัดนี้หมอมักเสนอแนะให้ทำคีโมหรือเคมีบำบัดรักษาร่วมด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางที่จะช่วยให้หายขาดจากโรคมะเร็งนี้ได้
การใช้รังสีรักษา เป็นการเปล่งแสงไปยังเซลล์มะเร็งในร่างกาย เพื่อทำลายกลุ่มก้อนเซลล์ของมะเร็งนั้น สำหรับการส่องแสงนี้เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยต้นสายปลายเหตุจากจำพวกของมะเร็งที่เป็น ระยะเวลาที่เกิดมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของคนป่วยเพราะแข็งแรงเพียงพอหรือเปล่า ซึ่งถ้าคนป่วยพร้อมก็จะทำการเปล่งแสงราว 2 – 10 นาที โดยต้องกระทำการส่องแสงสัปดาห์ละ 5 วัน รวมราว 5 – 8 อาทิตย์ ขึ้นกับการวิเคราะห์ของแพทย์ แม้กระนั้นการดูแลและรักษาด้วยรังสีรักษานี้จะก่อให้เป็นผลข้างเคียงขึ้น ได้
เคมีบำบัดรักษา (คีโม) สำหรับวิธีนี้ถือว่าเป็นการรักษาอย่างตรงจุด แก้ที่สาเหตุโดยตรงของปัญหา เพราะว่าเป็นการให้ยาเข้าไปทำลายเซลล์ของโรคมะเร็งทั้งผองที่อยู่ในร่างกาย และที่กระจัดกระจายเข้าไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดด้วย โดยหมอจะนัดหมายมาทำการตรวจร่างกายวัดความดันแล้วก็ทำเจาะเลือด ซึ่งถ้าหากผลของการตรวจร่างกายผ่าน แพทย์ก็จะให้ไปกระทำการให้คีโมซึ่งก็เหมือนกับการให้น้ำเกลือทั่วไป เพียงแต่จำเป็นต้องนอนรอหลายชั่วโมงกระทั่งตัวยาจะหมด และในระหว่างการให้คีโมนี้คนไข้บางคนอาจกำเนิดอาการแพ้ได้ ซึ่งอาจรู้สึกเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หรืออาเจียน รวมทั้งผลข้างเคียงที่ตามมาภายหลังจากการให้คีโมโดยประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ผมจะเริ่มตก รู้สึกอ้วก อ้วก เป็นแผลในปาก และก็ปริมาณเม็ดเลือดลดน้อยลงทำให้เกิดความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ตลอดจนบางทีอาจรู้สึกหายใจไม่สะดวก มีผื่นขึ้น ท้องผูกถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ เป็นต้น แต่ว่าการดูแลรักษาด้วยวิธีการแบบนี้ก็มีค่ารักษาที่ออกจะแพงเลยและยังต้องทำหลายหน ขึ้นกับหมอเป็นผู้วินิจฉัยว่าจำเป็นต้องทำทั้งผองกี่ครั้งก็เลยจะหายปกติ

  • การติดต่อของโรคมะเร็ง โรคมะเร็งเป็นโรคที่ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งหรือติดต่อจากสัตว์สู่คน แม้กระนั้นโรคมะเร็งบางจำพวกอาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ดังเช่น มะเร็งเต้านม ถ้าหากมีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ สมาชิกด้านในครอบครัวนั้นก็อาจจะมีโอกาสเป็นโรคนี้สูงยิ่งกว่าคนทั่วๆไปนิดหน่อย
  • การกระทำตนเมื่อเป็นโรคมะเร็ง

การดูแลตัวเองในเรื่องทั่วๆไป รักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด เพราะว่าเป็นตอนๆติดโรคได้ง่าย พักให้เต็มที่ ถ้าเกิดหมดแรง ควรจะลาหยุดงาน แต่ว่าถ้าไม่หมดแรง ก็สามารถดำเนินงานได้ แต่ว่าควรจะเป็นงานเบาๆไม่ใช้แรงงาน แล้วก็สมองมาก ทำงานบ้านได้ตามกำลัง งด/เลิก บุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จำกัดเครื่องดื่มกาเฟอีนดังได้กล่าวแล้ว หลบหลีกการอยู่ในที่คับแคบเนื่องจากว่าจะติดเชื้อโรคได้ง่าย ยังคงต้อง ดูแล รักษา ควบคุมโรคร่วมอื่นๆอย่างสม่ำเสมอร่วมไปด้วยเสมอกับการดูแลรักษาโรคมะเร็ง
รักษาสุขภาพจิต ให้กำลังใจตนเอง แล้วก็คนรอบข้าง มองโลกในด้านบวกเสมอ เจอแพทย์ตามนัดหมายเสมอ พบแพทย์ก่อนนัดหมาย เมื่ออาการต่างๆสารเลวลง หรือกำเนิดความไม่ปกติไม่ถูกไปจากเดิม หรือเมื่อไม่ค่อยสบายใจในอาการ
การดูแลตนเองในเรื่องอาหาร เมื่อทานอาหารได้น้อย ให้มานะกินในจำนวนมื้อที่หลายครั้งขึ้น กินครั้งน้อยๆแม้กระนั้นบ่อยๆแม้กระนั้นยังจะต้องจำกัดอาหารหวาน รวมทั้งของกินเค็ม เพราะว่ามีผลต่อน้ำตาลในเลือด แล้วก็ลักษณะการทำงานของไต ให้กำลังใจตนเอง รู้เรื่องว่า อาหารเป็นตัวยาสำคัญยิ่งตัวยาหนึ่ง ของการดูแลรักษาโรคมะเร็ง ลองปรับเปลี่ยน ประเภทของกินให้กินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ได้แก่ ของกินอ่อน ของกินเหลว แม้กระนั้นควรเลี่ยงของกินทอด หรือผัด หรือมีกลิ่นรุนแรง เพราะเหตุว่ามักทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อ้วก เตรียมอาหารครั้งละน้อยๆอย่าให้กินเหลือ เนื่องจากจะได้เกิดพลังใจว่ารับประทานหมดทุกมื้อ ควรแจ้งแพทย์ พยาบาลเมื่อรับประทานไม่ได้ หรือกินได้น้อย และควรสารภาพ เมื่อหมอชี้แนะการให้อาหารทางสายให้อาหาร การกินของกินที่มีประโยชน์ครบ 5 กลุ่มเป็นสิ่งจำเป็นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอาหารโปรตีน (เป็นต้นว่า เนื้อ นม ไข่ ปลา ตับ) เนื่องจากสำหรับในการรักษาโรคมะเร็ง ความแข็งแรงของไขกระดูก (เม็ดเลือดต่างๆ) เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นตัวช่วยให้ร่างกายตอบสนองที่ดีต่อรังสีรักษา รวมทั้งยาเคมีบำบัด และก็ช่วยลดช่องทางติดโรค ซึ่งการติดเชื้อในขณะกำลังรักษาโรคมะเร็งมักเป็นการติดโรคที่ร้ายแรง

  • การคุ้มครองตนเองจากโรคมะเร็ง แนวทางคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็งที่ดีที่สุดเป็นเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง ที่หลีกเลี่ยงได้ ดังเช่นว่า กินอาหารมีประโยชน์ครบทั้ง 5 กลุ่มทุกเมื่อเชื่อวัน ในปริมาณที่เหมาะสม คือ ไม่ให้อ้วนหรือ ผอมบาง เกินความจำเป็น โดยจำกัดเนื้อแดง แป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ แต่ว่าเพิ่มผัก ผลไม้ให้มากๆและก็หลบหลีกอาหารประเภทปิ้งย่างที่มีลักษณะไหม้เกรียม ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสุขภาพ เป็นประจำ รับการตรวจคัดเลือกกรองโรคมะเร็งเป็นปัจจุบัน
  • สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็ง สมุนไพรตั้งแต่นี้ต่อไปล้วนมีผลการทดลองที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลและรักษามะเร็ง

ฟ้าทะลายโจร(Andrographis paniculata) ในอินเดียใช้กันมานานรักษาไทฟอยด์ แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย กระตุ้นภูมิต้านทาน สารสำคัญคือ andrographolide สามารถยั้งเซลล์ของมะเร็งได้หลายชนิด
บัวบก (Centella asiatica) มีสาร asiaticoside ที่ช่วยทำให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิต้านทาน รวมทั้งในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษามะเร็งมดลูก
ขมิ้น (Curcuma longa) สารสำคัญคือ curcumin มีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และต้านการอักเสบที่แรง สามารถนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเสียชีวิตของเซลมะเร็งหลายชนิดดังเช่น โรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งลำไส้เล็ก โรคมะเร็งรังไข่ และยังมีฤทธิ์ต้านไวรัส แบคทีเรียและราอีกด้วย
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodin ที่กระตุ้น macrophage ให้กำจัดเซล์ลมะเร็ง แล้วก็ยังมี acemannan ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการก้าวหน้าของเซลล์ปกติรวมทั้งยับยั้งการก้าวหน้าของเซลล์ของโรคมะเร็ง
ทุเรียนเทศ (Anona muricata) สาร acetogenin จากผลทำให้เซลล์ของโรคมะเร็งตายได้
ดีปล[/b] (Piper longum) มี piperine ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์ทั้งยัง in vitro รวมทั้ง in vivo จึงเป็นองค์ประกอบของตำรับยารักษาโรคมะเร็งของอายุรเวท
บอระเพ็ด (Tinospora cordifolia) สารสำคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิคุ้มกันโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว และสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เสมอกัน cyclophosphamide
เอกสารอ้างอิง




GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ