โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 23 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
watamon
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 654


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 03, 2018, 01:36:16 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร เป็นยังไง โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน เป็นคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะหมายคือ เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนมาก จนกระทั่งบางทีจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในอดีตมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งหมายถึง เนื้องอกแตกต่างจากปกติในโพรงจมูก พบได้มากในผู้ป่วย โรคภูมิแพ้ประเภทเรื้อรัง ซึ่งตอนนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แต่จะเรียกเนื้อผลิออกในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่มีต้นเหตุเนื่องมาจากการอักเสบ แล้วก็การบวมของกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด ที่อยู่ข้างในทวารหนักและก็บริเวณปากทวารหนัก โดยเนื้อเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยปกป้องเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการถ่ายอุจจาระ และช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดขี้
โดยริดสีดวงทวารจะเกิดความผิดแปลกขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ราวๆ 3-4 เซลเซียสม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ภายในมี เส้นเลือดรวมทั้งกล้าม ซึ่งจะต่อกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักแล้วก็อยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักเกิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามเนื้อรวมทั้งการ โป่งพองของกลุ่มเส้นโลหิตรวมทั้งเยื่อรอบๆส่วนปลายของลำไส้ตรง ในคนธรรมดาจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่รอบๆ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กรุ๊ปใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วอาจมีการปริแตกของฝาผนังเส้นโลหิตในขณะเบ่งขี้ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว โดยชอบมีลักษณะอาการของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือเกิดท้องเสียบ่อยครั้ง ปกติแล้วจะไม่ค่อยมีอาการร้ายแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่าเบื่อหน่าย หรือทำให้วิตกกังวลได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งได้เป็น 2 จำพวกหมายถึง

  • ริดสีดวงด้านใน (Internal Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (รอบๆ แถวๆรอยที่หยักๆ) เป็นกลุ่มเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุไส้ด้านในรูทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งจะตรวจพบได้เมื่อใช้กล้องส่องตรวจ
  • ริดสีดวงทวารนอก (External Hemorrhoids)หมายถึงริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line เป็นกลุ่มหลอดเลือดดำที่ อยู่ใต้ไม่ถูกหนังบริเวณปากทวารหนักปูดพอง (ขอด) ที่สามารถเห็นรวมทั้งลูบคลำได้ไพเราะเพราะพริ้งผิวหนังรอบๆทวารจะถูกดันจนโป่งออกมาคนเจ็บก็เลยรู้สึกปวด

โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้มาก ในสหรัฐฯเจอคนไข้มีลักษณะอาการจากโรคนี้ได้โดยประมาณ 5% ของประชาชนคนแก่ทั้งผอง โดยพบได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยสตรีและผู้ชายได้โอกาสเกิดโรคได้ใกล้เคียงกันสิ่งที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร  มีสาเหตุจากกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดดังที่กล่าวมาแล้วได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนเวียนเลือด ไม่ดีจากสาเหตุต่างๆจนนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือกำเนิดมีลิ่มเลือดในกรุ๊ปเยื่อดังกล่าวข้างต้น ซึ่งมูลเหตุ จำนวนมากมีเหตุมาจากการเบ่งอึบ่อยๆนานๆซึ่งได้ผลสำเร็จของท้องผูก การตั้งท้อง พฤติกรรมการดำรงชีพ และก็ลักษณะของการถ่ายอุจจาระ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเป็นประจำนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงดันในช่องท้อง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดโลหิตดำรอบๆทวารหนักไม่สะดวก มีการยืด ย่น คด งอ พอง รวมทั้งโตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ราวการเป่าเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความดกของฝาผนังลดน้อยลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ดังเช่นว่า อุจจาระแข็งหรือเพิ่มระดับแรงกดดันขึ้นอีก ก็จะมีผลให้มีการปริแตกหรือฉีกจนขาดของหลอดเลือดดำ กระตุ้นให้เกิดเลือดออกมาเป็นเลือดใหม่ๆได้
    นอกจากการเบ่งอึนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันเลือดในตับที่สูง (ซึ่งเกิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเดินเรื้อรังยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
อาการโรคริดสีดวงทวารภายในเป็นคนเจ็บส่วนใหญ่มักจะมีลักษณะเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่เคยรู้สึกเจ็บแต่อย่างใด ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกปนมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และก็บางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดเลอะเทอะบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกผสม รวมทั้งเลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการพวกนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้ามีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจก่อให้เกิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นเลือดจะบวมมากมาย ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในสภาวะแบบนี้จะมีผลให้เกิดอาการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจจะก่อให้เกิดอาการคันรวมทั้งอาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ โดยทั่วไปแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงข้างใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น

  • ระดับ 1 เส้นเลือดที่โป่งพอง ยังเกิดอยู่ภายในทวารหนักรวมทั้งลำไส้ตรง
  • ระดับ 2 หลอดเลือด พร้อมเนื้อเยื่อบริเวณเส้นเลือดปลิ้นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักในขณะอุจจาระ แม้กระนั้นก้อนเนื้อนี้สามารถกลับเข้าไปด้านในทวารหนักได้เองหลังสิ้นสุดอุจจาระ
  • ระดับ 3 ก้อนเนื้อไม่กลับเข้าภายในทวารหนัก หลังสุดอุจจาระแล้ว แต่ว่าสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
  • ระดับ 4 ก้อนเนื้อกลับเข้าไปข้างในทวารหนักมิได้ ค้างอยู่หน้าปากทวารหนัก ถึงแม้จะใช้นิ้วช่วยดันแล้วหลังจากนั้นก็ตาม ซึ่งระยะนี้ผู้เจ็บป่วยจะเจ็บมากมาย ที่มา : Wikipedia

และก็จะต้องรีบเจอหมอเป็นการรีบด่วน ก่อนที่จะก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
อาการโรคริดสีดวงภายนอก คือ มีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะท้องผูกหรือท้องร่วง ทำให้คนไข้มีลักษณะอาการปวด บวม เจ็บ แล้วก็ระคาย รวมทั้งหากมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือดที่โป่งพองจะมีผลให้เกิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่มักจะไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกมาจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งปกติแล้วมักจะหายเจ็บได้ข้างใน 2-3 วัน อย่างไรก็ดี กว่าจะหายบวมอาจจำต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายก็ดีแล้วอาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งหลงเหลืออยู่ และแม้หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจจะก่อให้เกิดการเคืองหรือคันรอบๆรอบปากทวารหนักได้ด้วย
แนวทางการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก ความเป็นมาอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อรอบๆทวารหนัก รวมทั้งการส่องกล้องตรวจทวารหนักรวมทั้งลำไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวิเคราะห์ในอาการสำคัญๆพวกนี้เป็นพิเศษ ตัวอย่างเช่น

  • มีเลือดแดงสดหยดออกมา หรือพุ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย หรือหลังถ่ายอุจจาระ จำนวนแต่ละครั้งไม่มากมายหนัก ไม่มีอาการปวดหรือแสบของทวาร
  • มีก้อนเนื้อปลิ้นจากข้างในขณะเบ่งอุจจาระ แล้วก็ยุบกลับเข้าเมื่อหยุดเบ่ง เมื่อเป็นมากจำเป็นต้องดันก็เลยจะกลับเข้าไป และก็ขั้นตอนสุดท้ายบางทีอาจย้อนอยู่ภายนอกตลอดระยะเวลา
  • มีก้อนแล้วก็ปวดที่ขอบทวารเกิดขึ้นเร็วใน 1 วัน รวมทั้งเจ็บมากในช่วงเวลา 5-7 วันแรก

ขั้นตอนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร เช่น ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และการใช้ยาต่างๆตัวอย่างเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาพารา ฯลฯ แม้กระนั้นเมื่อการดูแลรักษาในลักษณะประคับประคองไม่ได้ผล การดูแลรักษาขั้นถัดไปหมายถึงการดูแลและรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายรูปแบบ ได้แก่ การจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นโลหิต เพื่อให้เส้นเลือดยุบยุบ การผูกหลอดเลือด หรือการผ่าตัดหลอดเลือด ทั้งนี้ ขึ้นกับความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด และก็ดุลยพินิจของแพทย์ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

  • การดูแลรักษาแบบทะนุถนอมอาการ ดังเช่นว่า การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นเลือดที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร และการใช้ยาต่างๆซึ่งมักใช้ในกรณีที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุที่ร้ายแรง ตัวอย่างเช่น
  • กระทำตามคำเสนอแนะของหมอ ดังเช่น การใส่ยาทาบริเวณศีรษะริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่างๆตามที่หมอสั่ง
  • ระวังอย่าให้ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำผู้ป่วยควรรับประทานผักและก็รับประทานผลไม้ที่มีกากใยสูงๆให้มากมายๆและก็กินน้ำให้มากๆอย่างต่ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยทำให้อุจจาระอ่อนนุ่มและก็ถ่ายออกได้ง่าย
  • ฝึกฝนขับถ่ายอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระมากเกินความจำเป็น
  • หลีกเลี่ยงการทานอาหารรสจัด
  • การดูแลและรักษาทางศัลยกรรม (ถ้าเกิดใช้วิธีการรักษาแบบเกื้อกูลมาสุดแต่ไม่เป็นผล) ดังนี้ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ข้อบ่งชี้ แล้วก็ดุลยพินิจของหมอ เป็นต้นว่า
  • การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงทวาร ตัวยาจะก่อให้หลอดเลือดดำฝ่อและหัวริดสีดวงยุบไป มักใช้กับโรคริดสีดวงในระยะที่ 2 แนวทางนี้เป็นวิธีที่สบาย ปลอดภัย ไม่มีความเจ็บปวด หมอชอบนัดหมายมาฉีดสัปดาห์ละครั้งประมาณ 3-5 ครั้ง สามารถช่วยให้หายสนิทได้โดยประมาณ 60-70%
  • การดูแลและรักษาโดยวิธีการใช้ยางรัด (Rubber band ligation) หรือยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา ซึ่งจะก่อให้หัวของริดสีดวงนั้นฝ่อและหลุดออกไปเองข้างใน 5-7 วัน วิธีจะใช้ได้ผลในด้านที่ดีในระยะ 2 โดยเฉพาะเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ ผู้เจ็บป่วยมักไม่มีลักษณะของการเจ็บปวด แต่แม้รัดยางใกล้กับแนวเส้นประสาทมากเกินไป จะทำให้เกิดความรู้สึกเจ็บอย่างหนักโดยทันที
  • การทำลายเนื้อเยื่อด้วยการเผา เป็นขั้นตอนการรักษาที่ใช้กับโรคริดสีดวงระยะที่ 2 แต่ว่ายังไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ปกติแล้วแพทย์จะใช้เฉพาะเมื่อวิธีอื่นไม่ได้เรื่อง ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายแนวทาง ได้แก่ การเผาเนื้อเยื่อด้วยการใช้ไฟฟ้าจักจี้, การฉายรังสีอินฟราเรด, การใช้แสงเลเซอร์ผ่าตัด, การผ่าตัดด้วยการใช้ความเย็น เป็นต้น (การทำลายเยื่อด้วยแสงอินฟราเรดบางทีอาจเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับในกรณีที่เป็นโรคในระยะที่ 1-2 ส่วนระยะที่ 3-4 การกลับมาเป็นซ้ำจะมีอัตราที่สูง)
  • การผ่าตัดริดสีดวงทวาร มักทำให้ในกรณีที่เป็นมากแล้วในระยะที่ 3-4 หรือเมื่อมีลิ่มเลือด หรือมีการขาดเลือดของริดสีดวงทวาร ความเป็นจริงแล้วการผ่าตัดริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่าสะพรึงกลัว และไม่เจ็บในขณะผ่าตัด เพราะหมอจะให้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก่อนเสมอ หลังการผ่าตัดผู้เจ็บป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดบ้าง แต่ว่าก็ไม่มากมายก่ายกองแต่อย่างใด รวมทั้งสามารถหยุดได้ด้วยการกินยาแก้ปวด นอนพักฟื้นในโรงหมอประมาณ 3-4 วันก็กลับไปอยู่ที่บ้านได้

ปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งโรคริดสีดวงทวาร เหตุที่กระตุ้นให้เกิดโรคริดสีดวง

  • พันธุกรรม
  • อาชีพ อย่างเช่น คนที่ต้องยืนนานๆ
  • มีเหตุมาจากโรคแทรกของโรค อาทิเช่น โรคตับแข็ง ซึ่งจะมีลักษณะโรคท้องมานในระยะในที่สุด และก็เมื่อมีน้ำในท้องมากมายๆจะส่งผลไปกดการไหลเวียนของโลหิตในท้อง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าช่องท้องได้ไม่ดีนัก
  • ท้องผูก จะต้องเบ่งถ่ายอุจจาระเสมอๆ
  • หญิงท้อง เพราะมีการเพิ่มระดับความดันในช่องท้อง การขยายตัวของเส้นเลือดที่ปากทวารหนักร่วมกับท้องผูก
  • โรคอ้วนและก็น้ำหนักตัวเกิน ทำให้เพิ่มแรงกดดันในช่องท้องและในอุ้งเชิงกรานสูงมากขึ้น เลือดจึงคั่งในกลุ่มเยื่อเส้นเลือดเช่นเดียวกับในหญิงตั้งท้อง
  • ท้องเดินเรื้อรัง การอุจจาระบ่อยๆจะเพิ่มความดัน และก็/หรือการเจ็บต่อกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นเลือด ด้วยเหมือนกัน
  • โรคแต่กำเนิดที่ไม่มีลิ้นปิดเปิด (Valve) ในเส้นเลือดดำในเยื่อเส้นเลือดซึ่งช่วยสำหรับเพื่อการไหลเวียนของโลหิต จึงเกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือด ก็เลยเกิดเส้นเลือดโป่งพองง่าย
  • การนั่งแช่นานๆรวมทั้งนั่งอุจจาระนานๆจะกดทับกรุ๊ปเยื่อหลอดเลือด จึงเพิ่มระดับความดัน/การเจ็บต่อกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด
  • การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก ก็เลยเกิดการกดแทรกทับ/เจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิตส่วนนี้เรื้อรัง จึงมีเลือดคั่งในเส้นโลหิต กำเนิดโป่งพองได้ง่าย

การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของเยื่อหลอดเลือดของทวารหนัก รวมทั้งเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงกดดันในช่องท้องขึ้น ก็เลยกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้มิได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างได
การกระทำตนเมื่อมีอาการป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร

  • ทายาทาบริเวณก้น/รอบๆริดสีดวง หรือ เหน็บยาตามหมอชี้แนะ
  • รับประทานยาต่างๆแล้วก็ยาแก้ปวดตามหมอเสนอแนะ
  • เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมารอบๆตูด บางทีอาจประคบด้วยน้ำเย็น ซึ่งอาจช่วยลดบวมได้
  • เมื่ออุจจาระ/ฉี่ ไม่สมควรทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระที่แข็ง ควรจะชุบน้ำ หรือ ใช้กระดาษชำระประเภทเปียก (มีขายในท้องตลาดแล้ว)
  • เมื่อเลือดออกมาก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดบริเวณก้นไว้ให้แน่น ถ้าเกิดเลือดไม่หยุด ควรจะพบหมอเป็นการรีบด่วน
  • ดื่มน้ำสะอาดมากๆอย่างต่ำวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำ
  • กินผัก ผลไม้ชนิดมีกากใยสูงมากมายๆอาทิเช่น ฝรั่ง แอบเปิ้ล มะละกอสุก เพื่อป้องกันท้องผูก
  • ฝึกฝนอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
  • ไม่ควรนั่ง หรือ ยืนนานๆและก็นั่งส้วมนานๆไม่นั่งอ่านหนังสือนานๆขณะอุจจาระ
  • เจอแพทย์ตามนัดหมายเสมอ รวมทั้งรีบพบก่อนนัดเมื่อมีลักษณะอาการแตกต่างจากปกติไปจากเดิม หรือ เมื่ออาการต่างๆเหลวแหลกลง หรือเมื่อเป็นห่วงในอาการ

การปกป้องคุ้มครองตัวเองจากโรคริดสีดวงทวาร

  • หลบหลีกอาการท้องผูก ด้วยเหตุว่าท้องผูกเป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของริดสีดวงทวารหนัก ทั้งที่ยังไม่ตายที่มาของการเบ่ง และทำให้อุจจาระแข็ง ซึ่งมีทางแก้ไขอาการท้องผูกด้วยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง ดังนี้
  • รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ แล้วก็ธัญญาหาร เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • ควรกินน้ำอย่างต่ำวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อย่างสม่ำเสมอ
  • ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ แล้วก็กาเฟอีน เช่น สุรา เบียร์สด เหล้าองุ่น กาแฟ ชา น้ำวัวล่า เพราะเหตุว่าจะมีผลให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง รวมทั้งถ่ายตรากตรำขึ้น
  • ควรหลบหลีกกลั้นอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่งหรือเบ่งอุจจาระโดยไม่รู้จักสึกปวดจะถ่าย
  • ควรเลี่ยงการขัดเช็ดรอบๆทวารหนักอย่างหนัก เนื่องจากว่าจะยิ่งเคืองริดสีดวงทวารหนัก
  • ควรจะบริหารร่างกายสม่ำเสมอ เพราะเหตุว่าจะช่วยเพิ่ม กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้อึได้ง่าย
  • เลี่ยงการใช้ยาระบายอย่างหนัก หรือการสวนทวาร
  • พักผ่อนนอนให้เพียงพอ
  • หลบหลีกความเครียด ทำจิตใจให้สบายอยู่เป็นประจำ
  • เมื่อมีภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือ มีภาวการณ์อ้วนควรจะลดความอ้วนเพื่อลดระดับความดันในช่องท้องแล้วก็อุ้งเชิงกราน
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
สกุล :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนไม่ใช่น้อยต้นสด 100 กรัม ประกอบด้วย carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก.
สรรพคุณ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ กินสดๆถ้าเกิดเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารลักษณะเดียวกันกับที่เจอในต้นบอน ต้นเผือก การรับประทานจึงใช้ใส่ไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะได้ผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
ตระกูล :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
คุณประโยชน์ : ราก - ปวดท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับปัสสาวะ
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มโดยประมาณ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดเพียงพออุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชำระล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
สกุล :   Asteraceae (Compositae)
สรรพคุณ :
ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มรับประทานขับเยี่ยว แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่ทุพพลภาพ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เมล็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอมสดชื่น แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก แล้วก็รับประทาน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 เอามาต้มน้ำกิน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
สกุล :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม อ้วก อ้วก น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างเปลือกนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากการที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยบรรเทาลักษณะของการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและก็แห้ง ควรปฏิบัติภายหลังการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมบางส่วน เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าหากจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้แช่เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะมีผลให้ใส่ได้ง่าย จำเป็นต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง กระทั่งจะหาย
ไฟทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
สกุล :   Limiaceae (Labiatae)
สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

  • นำรากหรือต้นยาว 1-2 องคุลี ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆทาที่ริดสีดวงทวาร เป็นยาเกลื่อนหัวริดสีดวง
  • นำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา รับประทานครั้งละ 2-4 เม็ด ทุกๆวันต่อเนื่องกัน 7-10 วัน
  • ใช้ใบแห้งป่นเป็นผุยผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงผลิออกทวารหนัก ให้ยุบฝ่อ
เอกสารอ้างอิง

  • ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด.ยารักษาโรคริดสีดวง.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่337.คอลัมน์การใช้ยาพอเพียง.พฤษภาคม.2550
  • ขลู่.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • แนะนำการปฏิบัติตัวโรคริดสีดวงทวาร.เอกสารเผยแพร่.ห้องตรวจศัลยกรรม.งานพยาบาลผู้ป่วยนอก กลุ่มภารกิจบริการวิชาการโรงพยาบาลราชวิถี.
  • Mounsey, A., Halladay, J., and Sadiq, T. (2011). Am Fam Physician. 84, 204-210. http://www.disthai.com/[/b]
  • เพชรสังฆาต.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • Chen, Herbert (2010). Illustrative Handbook of General Surgery. Berlin: Springer. p. 217. ISBN 1-84882-088-7.
  • ครอบฟันสี.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 551-553.
  • ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. “ผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย)”.  (ผศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : si.mahidol.ac.th.  [05 มี.ค. 2016].
  • อัคคีทวาร.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • ธีรพล อังกูรภักดีกุล.(2546).ริดสีดวงทวาร.Healthtoday,ปีที่3(ฉบับที่25),หน้า68-73.
  • สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ท้องผูกและริดสีดวงทวาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน(2546).
  • ว่านหางจระเข้.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • รศ.นพ.วิรุณ บุญชู.ริดสีดวงทวาร.ภาควิชาศัลยศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ