โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 15 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Chaiworn998
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21212


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 04, 2018, 04:06:17 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร เป็นยังไง โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน เป็นคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะซึ่งก็คือ สิ่งผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งบางครั้งจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในสมัยก่อนมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเหมือนกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งหมายถึง เนื้องอกไม่ปกติในโพรงจมูก พบบ่อยในคนป่วย โรคภูมิแพ้ชนิดเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันนี้ไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แม้กระนั้นจะเรียกเนื้องอกในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ และการบวมของกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด ที่อยู่ภายในทวารหนักและก็รอบๆปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีบทบาทช่วยคุ้มครองป้องกันเยื่อทวารหนักในช่วงมีการขับถ่ายอุจจาระ และช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทตอนไม่ปวดขี้
โดยริดสีดวงทวารจะกำเนิดความผิดแปลกขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ประมาณ 3-4 เซลเซียสม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ภายในมี เส้นโลหิตและกล้ามเนื้อ ซึ่งจะต่อกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักและอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักเกิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามและก็การ โป่งพองของกรุ๊ปเส้นเลือดและก็เยื่อบริเวณส่วนปลายของลำไส้ตรง ในคนธรรมดาจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วบางทีอาจมีการปริแตกของผนังหลอดเลือดในขณะเบ่งอึ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นครั้งคราว โดยมักจะมีลักษณะของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือกำเนิดท้องร่วงบ่อยครั้ง ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะอาการร้ายแรงหรืออันตราย โดยบางทีอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่ารำคาญ หรือทำให้กังวลได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ

  • ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids)หมายถึงริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (รอบๆ แถบรอยที่หยักๆ) เป็นกลุ่มเส้นเลือดดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุลำไส้ภายในรูทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งจะตรวจเจอได้เมื่อใช้กล้องถ่ายภาพส่องตรวจ
  • ริดสีดวงทวารนอก (External Hemorrhoids)หมายถึงริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line เป็นกรุ๊ปหลอดเลือดดำที่ อยู่ใต้ผิดหนังรอบๆปากทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งสามารถเห็นและก็ลูบคลำได้น่าฟังผิวหนังบริเวณทวารจะถูกดันกระทั่งโป่งออกมาผู้เจ็บป่วยก็เลยรู้สึกเจ็บปวด

โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบได้มาก ในสหรัฐฯเจอคนไข้มีลักษณะอาการจากโรคนี้ได้โดยประมาณ 5% ของประชากรผู้ใหญ่ทั้งสิ้น โดยพบได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยผู้หญิงและเพศชายได้โอกาสกำเนิดโรคได้ใกล้เคียงกันที่มาของโรคริดสีดวงทวาร  มีเหตุที่เกิดจากกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือดดังที่กล่าวถึงแล้วได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนวนเลือด ไม่ดีจากต้นสายปลายเหตุต่างๆกระทั่งก่อให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือเกิดมีลิ่มเลือดในกรุ๊ปเยื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งต้นสายปลายเหตุ ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเบ่งถ่ายอุจจาระเป็นประจำนานๆซึ่งได้ผลของท้องผูก การมีท้อง การกระทำการดำรงอยู่ แล้วก็รูปแบบของการอุจจาระ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเสมอๆนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงกดดันในท้อง ทำให้การไหลเวียนของโลหิตในเส้นเลือดดำรอบๆทวารหนักไม่สะดวก มีการยืด ย่นย่อ คด งอ พอง และก็โตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ ราวการเป่าเพิ่มลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความหนาของฝาผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ตัวอย่างเช่น อุจจาระแข็งหรือเพิ่มระดับแรงดันขึ้นอีก ก็จะมีผลให้เกิดการปริแตกหรือฉีกขาดของหลอดโลหิตดำ นำมาซึ่งเลือดออกมาเป็นเลือดใหม่ๆได้
    นอกจากการเบ่งถ่ายอุจจาระนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันเลือดในตับที่สูง (ซึ่งกำเนิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องเดินเรื้อรังยังเป็นอีกมูลเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
ลักษณะโรคริดสีดวงทวารภายใน คือ ผู้ป่วยโดยมากมักจะมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่รู้สึกปวดอะไร ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกคละเคล้ามากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม แล้วก็อาจสังเกตว่ามีเลือดเลอะบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกปน แล้วก็เลือดมักจะหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้าเกิดมีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจก่อให้เกิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก เส้นโลหิตจะบวมมาก ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวการณ์แบบนี้จะมีผลให้เกิดลักษณะของการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจก่อให้กำเนิดอาการคันแล้วก็อาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเหมือนกัน
ทั้งนี้ โดยธรรมดาแบ่งความร้ายแรงของโรคริดสีดวงด้านใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง ตัวอย่างเช่น

  • ระดับ 1 เส้นโลหิตที่โป่งพอง ยังกำเนิดอยู่ข้างในทวารหนักและลำไส้ตรง
  • ระดับ 2 เส้นเลือด พร้อมเนื้อเยื่อบริเวณเส้นโลหิตปลิ้นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักในขณะอุจจาระ แต่ก้อนเนื้อนี้สามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เองหลังสิ้นสุดอุจจาระ
  • ระดับ 3 ก้อนเนื้อไม่กลับเข้าด้านในทวารหนัก หลังสุดอุจจาระแล้ว แม้กระนั้นสามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
  • ระดับ 4 ก้อนเนื้อกลับเข้าไปข้างในทวารหนักไม่ได้ ค้างอยู่หน้าปากทวารหนัก แม้จะใช้นิ้วช่วยดันและจากนั้นก็ตาม ซึ่งเวลานี้คนป่วยจะเจ็บปวดมากมาย ที่มา : Wikipedia

แล้วก็จำเป็นต้องรีบเจอแพทย์เป็นการรีบด่วน ก่อนที่ก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
ลักษณะของโรคริดสีดวงด้านนอกเป็นมีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีอาการท้องผูกหรือท้องร่วง ทำให้ผู้เจ็บป่วยมีอาการปวด บวม เจ็บ แล้วก็ระคาย และก็แม้มีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือดที่โป่งพองจะทำให้เกิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากยิ่งขึ้น แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกมาจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งธรรมดาแล้วมักจะหายเจ็บได้ภายใน 2-3 วัน อย่างไรก็แล้วแต่ กว่าจะหายบวมอาจจะต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายดีแล้วบางครั้งก็อาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลือ แล้วก็แม้หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจส่งผลให้มีการเคืองหรือคันรอบๆรอบปากทวารหนักได้ด้วย
วิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก ประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และก็การส่องกล้องตรวจทวารหนักและลำไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อจะต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยหมอจะวินิจฉัยในอาการหลักๆพวกนี้เป็นพิเศษ เป็นต้นว่า

  • มีเลือดแดงสดหยดออกมา หรือพุ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย หรือหลังจากถ่ายอุจจาระ จำนวนแต่ละครั้งไม่มากหนัก ไม่มีอาการปวดหรือแสบของทวาร
  • มีก้อนเนื้อปลิ้นจากด้านในขณะเบ่งอึ แล้วก็ยุบกลับเข้าเมื่อหยุดเบ่ง เมื่อเป็นมากจะต้องดันจึงจะกลับเข้าไป และก็ขั้นตอนสุดท้ายบางทีอาจย้อนอยู่ข้างนอกตลอดระยะเวลา
  • มีก้อนรวมทั้งปวดที่ขอบทวารเกิดขึ้นเร็วใน 1 วัน แล้วก็เจ็บมากในระยะเวลา 5-7 วันแรก

ขั้นตอนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ได้แก่ ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร และก็การใช้ยาต่างๆยกตัวอย่างเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด รวมทั้งยาพารา ฯลฯ แต่เมื่อการดูแลรักษาในลักษณะประคับประคองไม่ได้เรื่อง การดูแลรักษาขั้นต่อไปเป็นการรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายต้นแบบ เช่น การจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นเลือด เพื่อให้เส้นโลหิตยุบแฟบ การผูกเส้นโลหิต หรือการผ่าตัดเส้นโลหิต ดังนี้ ขึ้นอยู่กับความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด แล้วก็ดุลยพินิจของหมอซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

  • การรักษาแบบจุนเจืออาการ ดังเช่นว่า การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกรุ๊ปเยื่อหลอดเลือดที่เป็นต้นเหตุของโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งการใช้ยาต่างๆซึ่งมักใช้ในกรณีที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีสาเหตุที่รุนแรง อาทิเช่น
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ ดังเช่นว่า การใส่ยาใช้ภายนอกแถวๆศีรษะริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่างๆจากที่หมอสั่ง
  • ระวังไม่ให้ท้องผูกหรือท้องร่วงเสมอๆคนเจ็บควรรับประทานผักและก็รับประทานผลไม้ที่มีกากใยสูงๆให้มากๆและดื่มน้ำให้มากๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยทำให้อุจจาระนุ่มรวมทั้งถ่ายออกได้ง่าย
  • ฝึกฝนถ่ายอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระมากจนเกินความจำเป็น
  • หลบหลีกการทานอาหารรสจัด
  • การดูแลและรักษาทางศัลยกรรม (ถ้าเกิดใช้ขั้นตอนการรักษาแบบทะนุถนอมมาสุดแต่ไม่เป็นผล) ทั้งนี้ ขึ้นกับความร้ายแรงของโรค ข้อบ่งชี้ รวมทั้งดุลยพินิจของแพทย์ ตัวอย่างเช่น
  • การฉีดยาเข้าที่หัวริดสีดวงทวาร ตัวยาจะมีผลให้หลอดเลือดดำฝ่อและหัวริดสีดวงยุบไป มักใช้กับโรคริดสีดวงในระยะที่ 2 วิธีแบบนี้เป็นแนวทางที่สบาย ไม่มีอันตราย ไม่มีความเจ็บ แพทย์มักจะนัดมาฉีดอาทิตย์ละครั้งราวๆ 3-5 ครั้ง สามารถช่วยให้หายสนิทได้ราวๆ 60-70%
  • การดูแลรักษาโดยวิธีใช้ยางรัด (Rubber band ligation) หรือยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา ซึ่งจะมีผลให้หัวของริดสีดวงนั้นฝ่อและก็หลุดออกไปเองภายใน 5-7 วัน วิธีจะใช้ได้ผลในทางที่ดีในระยะ 2 โดยเฉพาะเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ ผู้ป่วยมักไม่มีลักษณะการเจ็บปวด แม้กระนั้นถ้ารัดยางใกล้กับแนวเส้นประสาทมากเกินความจำเป็น จะเป็นสาเหตุของการเกิดความรู้สึกปวดอย่างหนักทันที
  • การทำลายเนื้อเยื่อด้วยการเผา เป็นกรรมวิธีรักษาที่ใช้กับโรคริดสีดวงระยะที่ 2 แต่ว่ายังไม่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ปกติแล้วแพทย์จะใช้เฉพาะเมื่อแนวทางอื่นไม่ได้ผล ซึ่งก็มีอยู่ร่วมกันหลายวิธี เช่น การเผาเนื้อเยื่อด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าจี้, การฉายรังสีรังสีอินฟาเรด, การใช้แสงเลเซอร์ผ่าตัด, การผ่าตัดด้วยการใช้ความเย็น ฯลฯ (การทำลายเนื้อเยื่อด้วยรังสีอินฟาเรดอาจเป็นลู่ทางหนึ่งสำหรับในกรณีที่เป็นโรคในระยะที่ 1-2 ส่วนระยะที่ 3-4 การกลับมาเป็นซ้ำจะมีอัตราที่สูง)
  • การผ่าตัดริดสีดวงทวาร มักทำให้กรณีที่เป็นมากแล้วในระยะที่ 3-4 หรือเมื่อมีลิ่มเลือด หรือมีการขาดเลือดของริดสีดวงทวาร เรื่องจริงแล้วการผ่าตัดริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่าสยดสยอง และไม่เจ็บในขณะผ่าตัด ด้วยเหตุว่าหมอจะให้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก่อนเสมอ หลังการผ่าตัดผู้เจ็บป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดบ้าง แม้กระนั้นก็ไม่มากไม่น้อยเลยทีเดียวแต่อย่างใด และสามารถหยุดได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด นอนพักฟื้นในโรงพยาบาลโดยประมาณ 3-4 วันก็กลับไปอยู่ที่บ้านได้

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อเกิดโรคริดสีดวงทวาร ต้นสายปลายเหตุที่นำมาซึ่งโรคริดสีดวง

  • พันธุกรรม
  • อาชีพ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่จะต้องยืนนานๆ
  • เป็นผลมาจากโรคแทรกของโรค เช่น ตับแข็ง ซึ่งจะมีอาการท้องมานในระยะในที่สุด และก็เมื่อมีน้ำในช่องท้องมากๆจะส่งผลไปกดการไหลเวียนเลือดในท้อง เป็นสาเหตุทำให้เส้นเลือดดำไหลกลับเข้าท้องได้ไม่ดีนัก
  • ท้องผูก ต้องเบ่งถ่ายอุจจาระเสมอๆ
  • สตรีตั้งครรภ์ ด้วยเหตุว่ามีการเพิ่มระดับความดันในท้อง การขยายตัวของเส้นโลหิตที่ปากทวารหนักร่วมกับท้องผูก
  • โรคอ้วนและก็น้ำหนักตัวเกิน นำมาซึ่งการทำให้เพิ่มแรงดันในท้องและก็ในอุ้งเชิงกรานสูงขึ้น เลือดก็เลยคั่งในกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นโลหิตเหมือนกันกับในหญิงตั้งท้อง
  • ท้องเสียเรื้อรัง การอุจจาระบ่อยๆจะเพิ่มระดับความดัน รวมทั้ง/หรือการบาดเจ็บต่อกรุ๊ปเนื้อเยื่อหลอดเลือด เช่นกัน
  • โรคแต่กำเนิดที่ไม่มีลิ้นปิดเปิด (Valve) ในหลอดเลือดดำในเยื่อเส้นเลือดซึ่งช่วยในการไหลเวียนเลือด ก็เลยเกิดภาวะเลือดคั่งในหลอดเลือด ก็เลยกำเนิดเส้นเลือดโป่งพองง่าย
  • การนั่งแช่นานๆรวมถึงนั่งถ่ายอุจจาระนานๆจะกดทับกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิต ก็เลยเพิ่มระดับความดัน/การเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิต
  • การมีเซ็กส์ทางทวารหนัก ก็เลยมีการกดแทรกทับ/เจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อหลอดเลือดส่วนนี้เรื้อรัง จึงมีเลือดคั่งในหลอดเลือด กำเนิดโป่งพองได้ง่าย

การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ และก็การบวมของเนื้อเยื่อเส้นโลหิตของทวารหนัก และก็เมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงกดดันในท้องขึ้น ก็เลยส่งผลให้เกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างได
การกระทำตนเมื่อป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร

  • ใส่ยาทาบริเวณตูด/รอบๆริดสีดวง หรือ เหน็บยาตามหมอเสนอแนะ
  • รับประทานยาต่างๆและก็ยาพาราตามหมอเสนอแนะ
  • เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมารอบๆตูด อาจประคบด้วยน้ำเย็น ซึ่งบางทีอาจช่วยลดบวมได้
  • เมื่ออุจจาระ/ฉี่ ไม่สมควรกระทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระที่แข็ง ควรจะชุบน้ำ หรือ ใช้กระดาษชำระจำพวกแฉะ (มีขายในท้องตลาดแล้ว)
  • เมื่อเลือดออกมาก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดบริเวณตูดไว้ให้แน่น ถ้าหากเลือดไม่หยุด ควรจะพบหมอเป็นการฉุกเฉิน
  • กินน้ำสะอาดมากมายๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำกิน
  • รับประทานผัก ผลไม้จำพวกมีกากใยสูงมากๆดังเช่น ฝรั่ง แอบเปิ้ล มะละกอสุก เพื่อคุ้มครองท้องผูก
  • ฝึกอุจจาระให้เป็นเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่ง หรือ ยืนนานๆแล้วก็นั่งส้วมนานๆไม่นั่งอ่านหนังสือนานๆขณะอุจจาระ
  • พบแพทย์ตามนัดหมายเสมอ รวมทั้งรีบเจอก่อนนัดหมายเมื่อมีอาการผิดปกติไปจากเดิม หรือ เมื่ออาการต่างๆหยาบช้าลง หรือเมื่อกลุ้มอกกลุ้มใจในอาการ

การคุ้มครองป้องกันตนเองจากโรคริดสีดวงทวาร

  • เลี่ยงอาการท้องผูก เพราะว่าท้องผูกเป็นต้นเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของริดสีดวงทวารหนัก ทั้งที่ยังไม่ตายสิ่งที่ทำให้เกิดการเบ่ง แล้วก็ทำให้อุจจาระแข็ง ซึ่งมีทางแก้ไขอาการท้องผูกด้วยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง ดังนี้
  • ทานอาหารที่มีเส้นใยสูง ตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ และเมล็ดธัญพืช เพื่อช่วยทำให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • ควรจะกินน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อย่างสม่ำเสมอ
  • ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วก็คาเฟอีน ยกตัวอย่างเช่น สุรา เบียร์สด ไวน์ กาแฟ ชา น้ำวัวล่า เพราะเหตุว่าจะก่อให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง และก็ถ่ายตรากตรำขึ้น
  • ควรหลบหลีกกลั้นอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่งหรือเบ่งอุจจาระโดยไม่เคยรู้สึกปวดจะถ่าย
  • ควรหลบหลีกการขัดถูบริเวณทวารหนักอย่างหนัก เพราะว่าจะยิ่งเคืองริดสีดวงทวารหนัก
  • ควรจะบริหารร่างกายสม่ำเสมอ เนื่องจากจะช่วยเพิ่ม กระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ทำให้อุจจาระได้ง่าย
  • เลี่ยงการใช้ยาระบายอย่างหนัก หรือการสวนทวาร
  • พักผ่อนนอนให้พอเพียง
  • เลี่ยงความเครียด ทำจิตใจให้สบายอยู่เสมอ
  • เมื่อมีสภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือ มีภาวะอ้วนควรลดน้ำหนักเพื่อลดระดับความดันในช่องท้องและอุ้งเชิงกราน
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
ตระกูล :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มเป็นจำนวนมากต้นสด 100 กรัม มี carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก.
สรรพคุณ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ กินสดๆหากเคี้ยวจะคันปากคันคอ เนื่องจากในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารแบบเดียวกับที่เจอในต้นบอน ต้นเผือก การรับประทานจึงใช้สอดไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะเห็นผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
ตระกูล :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
สรรพคุณ : ราก - ปวดท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับฉี่
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มราวๆ 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ก้นเพียงพออุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆชะล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขทาง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
ตระกูล :   Asteraceae (Compositae)
สรรพคุณ :
ต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มกินขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่พิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เมล็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอมยวนใจ แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และรับประทาน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 นำมาต้มน้ำกิน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
สกุล :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม อ้วก คลื่นไส้ น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างเปลือกนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการปวด อาการคันได้ด้วย โดยทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดแล้วก็แห้ง ควรปฏิบัติภายหลังการอุจจาระ หรือหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมนิดหน่อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าเกิดจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะก่อให้สอดได้ง่าย ต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง ตราบจนกระทั่งจะหาย
ไฟทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
สกุล :   Limiaceae (Labiatae)
สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

  • นำรากหรือต้นยาว 1-2 องคุลี ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆทาที่ริดสีดวงทวาร เป็นยาเกลื่อนหัวริดสีดวง
  • นำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา รับประทานทีละ 2-4 เม็ด ทุกวันติดต่อกัน 7-10 วัน
  • ใช้ใบแห้งป่นเป็นผุยผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงผลิออกทวารหนัก ให้ยุบฝ่อ
เอกสารอ้างอิง

  • ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด.ยารักษาโรคริดสีดวง.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่337.คอลัมน์การใช้ยาพอเพียง.พฤษภาคม.2550
  • ขลู่.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • แนะนำการปฏิบัติตัวโรคริดสีดวงทวาร.เอกสารเผยแพร่.ห้องตรวจศัลยกรรม.งานพยาบาลผู้ป่วยนอก กลุ่มภารกิจบริการวิชาการโรงพยาบาลราชวิถี.
  • Mounsey, A., Halladay, J., and Sadiq, T. (2011). Am Fam Physician. 84, 204-210. http://www.disthai.com/[/b]
  • เพชรสังฆาต.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • Chen, Herbert (2010). Illustrative Handbook of General Surgery. Berlin: Springer. p. 217. ISBN 1-84882-088-7.
  • ครอบฟันสี.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 551-553.
  • ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. “ผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย)”.  (ผศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : si.mahidol.ac.th.  [05 มี.ค. 2016].
  • อัคคีทวาร.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • ธีรพล อังกูรภักดีกุล.(2546).ริดสีดวงทวาร.Healthtoday,ปีที่3(ฉบับที่25),หน้า68-73.
  • สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ท้องผูกและริดสีดวงทวาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน(2546).
  • ว่านหางจระเข้.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • รศ.นพ.วิรุณ บุญชู.ริดสีดวงทวาร.ภาควิชาศัลยศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ