โรคต้อกระจก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต้อกระจก - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 32 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
powad1208
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 64


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 05, 2018, 09:33:57 am »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคต้อกระจก
โรคต้อกระจก คืออะไร  ก่อนที่จะรู้ถึงความหมายของต้อกระจกนั้น เราควรจะทำความรู้จักกับเลนส์ตาหรือที่เราเรียกกันภาษาชาวบ้านว่า แก้วตา กันก่อน แก้วตาหรือเลนส์ตา (Lens) เป็นเลนส์นูนใสอยู่ข้างหลังม่านตา (มีลักษณะเหมือนเลนส์นูนทั่วไปทั้งด้าน หน้าและก็ด้านหลัง มีความดกโดยประมาณ 5 มัธยมม. เส้นผ่าศูนย์ กึ่งกลางโดยประมาณ 9 มัธยมม. มีหน้าที่ทำงานร่วมกับกระจกตาในการหักเหแสงจากวัตถุให้ตกจุดโฟกัสที่หน้าจอประสาทตา ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการมองเห็น
ยิ่งไปกว่านี้แก้วตายังสามารถเปลี่ยนกำลังการหักเหได้ด้วยตัวเอง เพื่อสามารถจุดโฟกัสภาพในระยะต่างๆได้ชัดขึ้น มันก็คือ ในคนธรรมดาจะมองเห็นชัดอีกทั้งไกลแล้วก็ใกล้ ดังนั้นธรรมชาติจึงสร้างแก้วตาให้อยู่ในที่ปลอดภัย โดยอยู่ในใจกลางของดวงตาเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายใดๆก็ตามแต่ว่าแม้ว่าแก้วตาจะมิได้รับอันตรายอะไรก็แล้วแต่จากด้านนอก แต่ว่าก็ไม่อาจจะหลบหลีกความเสื่อมถอยสภาพจากอายุที่มากขึ้นหรือการถูกต้นเหตุที่จะเร่งส่งผลให้เกิดความเสื่อมของแก้วตาได้ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มีการเกิดโรคที่เกี่ยวกับเลนส์แก้วตาต่างๆได้ ยกตัวอย่างเช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม อื่นๆอีกมากมาย สำหรับต้อกระจกนี้
ขั้นตอนแรกต้องขอให้คำนิยาม หรือความหมายของคำว่า “ต้อกระจก” เสียก่อน ต้อกระจกซึ่งก็คือสภาวะที่เลนส์ด้านในลูกตาเกิดภาวะขาวขุ่นขึ้นเนื่องมาจากสาเหตุอะไรก็ได้ ตามธรรมดาแล้วเลนส์ข้างในดวงตามีภาวการณ์ใสโปร่งแสงเหมือนกระจกใส มีหน้าที่ปรับแสงที่ผ่านเข้าตา ทำให้เราสามารถเห็นภาพวัตถุต่างๆได้แน่ชัด รวมทั้งเมื่อเกิด “ต้อกระจก” ก็จะก่อให้ตัวเลนส์ตามีลักษณะขาวขุ่นขึ้น ทึบแสง ไม่ยินยอมให้แสงผ่านเข้าสู่ดวงตาไปตกกระทบที่จอประสาทรับภาพ (retina) ได้แจ่มกระจ่าง ผู้นั้นก็เลยมองอะไรไม่ชัดเจน ตาฝ้า มัว แล้วสุดท้ายถ้าขาวขุ่นเยอะขึ้นเรื่อยๆ จะมืดรวมทั้ง มองดูอะไรมองไม่เห็นจากตาข้างนั้น ต้อกระจก เป็นโรคที่พบมากสำหรับคนแก่ ถ้าปล่อยไว้ไม่ผ่าตัดก็จะทำให้ตาบอด ถือได้ว่าเป็นสาเหตุอันดับแรกๆของภาวะสายตาพิการของคนแก่
ที่มาของโรคต้อกระจก โดยส่วนมาก (ประมาณจำนวนร้อยละ 80) เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากภาวการณ์เสื่อมตามวัย คนที่แก่มากยิ่งกว่า 60 ปีจะเป็นต้อกระจกแทบทุกราย แต่บางทีอาจเป็นมากน้อยแตกต่างกันไป เรียกว่า ต้อกระจกในคนชรา (senile cataract)  ส่วนน้อย (ประมาณจำนวนร้อยละ 20) อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะมูลเหตุอื่นๆเช่น ต้อกระจกแต่กำเนิด (Congenital Cataract) เด็กแรกเกิดสามารถเป็นต้อกระจกได้ตั้งแต่แรกกำเนิด โดยอาจกำเนิดได้จากพันธุกรรม การติดเชื้อ การเป็นอันตรายหรือมีความก้าวหน้าระหว่างอยู่ในครรภ์ไม่ดี เด็กอ่อนที่ศึกษาค้นพบว่าเป็นต้อกระจกแต่กำเนิด อาทิเช่น ภาวะกาแล็กโทซีภรรยา โรคหัดเยอรมัน หรือโรคเท้าแสนปมชนิดที่ 2 ก็บางทีอาจนำไปสู่การเกิดต้อกระจกชนิดนี้ เด็กตัวเล็กๆบางบุคคลบางทีอาจออกอาการในตอนหลัง โดยมักเป็นทั้งสองข้าง บางเวลาต้อกระจกนี้เล็กมากจนไม่ส่งผลต่อการมองมองเห็น แต่ว่าเมื่อพบว่ามีผลกระทบต่อการมองมองเห็นก็เลยจะผ่าออก ต้อกระจกทุติยภูมิ (Secondary Cataract) การผ่าตัดรักษาโรคตาจำพวกอื่นอาทิเช่นต้อหิน การป่วยเป็นม่านตาอักเสบ หรือตาอักเสบ บางทีอาจเป็นต้นเหตุให้กำเนิดโรคต้อกระจกตามมาได้ ยิ่งไปกว่านี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน หรือโรคความดันโลหิตสูง การได้รับยาบางชนิด อาทิเช่น สเตียรอยด์ ยาขับเยี่ยวบางตัว ก็นับว่าเป็นกรุ๊ปเสี่ยงเป็นโรคต้อกระจกได้ง่ายเช่นกัน เกิดจากภาวะแรงชนที่ดวงตา ก็ทำให้เลนส์ตาขวาขุ่นได้ โดยเขพาเมื่อโดนสิ่งมีคมทิ่มทะลุเข้าตา เข้าไปโดนเลนส์ตา เกิดภาวะต้อกระจกได้โดยทันทีภายใน 1 วัน หรือถ้าโดนวัตถุไม่มีคมชน ก็อาจจะมีการเกิดต้อกระจกตามมาทีหลังได้ ถ้าความแรงนั้นมากพอให้เยื่อเลนส์ตาแตกแยก มีสาเหตุจากโดนรังสีเอกซเรย์ บริเวณลูกตาอยู่เป็นประจำๆตัวอย่างเช่น พวกที่มีโรคมะเร็งบริเวณเบ้าตา รวมทั้งรักษาด้วยรังสี ซึ่งรังสีนี้บางทีอาจลึกลงไปโดนเลนส์ตาทำให้ขุ่นได้ รวมทั้งเกิดต้อกระจกตามมา  นอกจากสาเหตุต่างๆดังที่กล่าวมาแล้วแล้ว อาจจะมีอิทธิพลมาจากอันอื่นได้ ดังเช่นว่า อาหารพวกที่มีสภาพทุโภชนา หรือพวกอาหารผิดสุขอนามัย ขาดโปรตีน และก็วิตามินทำให้เกิดต้อกระจกได้เร็วกว่าปกติ
อาการของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกนั้นยากที่จะพิจารณาได้ตั้งแต่ช่วงแรกเริ่ม ด้วยเหตุว่าจำเป็นต้องใช้เวลานานกว่าอาการของต้อกระจกจะเพิ่มมากขึ้นกระทั่งกระทบต่อการมองมองเห็น โดยคนไข้มักมีลักษณะดังนี้

  • อาการเด่นของต้อกระจกคือ ตาเบาๆมัวลงอย่างช้าๆโดยไม่มีลักษณะการเจ็บปวด หรือ ตาแดงอะไร อาการตามัวจะเป็นมาขึ้นเมื่ออยู่ในที่มีแสงสว่างจ้า ดังเช่นว่า เมื่อออกแดด แต่กลับมองเห็นเกือบปกติในที่มืดมัวๆหรือเวลาพลบค่ำ เหตุเพราะเมื่ออยู่ในที่แจ้งม่านตาจะหดแคบลง ทำให้แสงไฟที่จะเข้าตาเข้ายากขึ้น ตรงกันข้ามกับเมื่ออยู่ในที่มืด ซึ่งม่านตาจะขยายทำให้แสงเข้าตาได้มากขึ้น ก็เลยเห็นชัดขึ้นในที่มืด
  • ในคนชราเวลาอ่านหนังสือจำต้องใช้แว่นตาช่วยเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ว่าอยู่ๆกับพบว่าอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใส่แว่น นั่นเป็นเนื่องจากว่าอาการจากเริ่มมีการเสื่อมของแก้วตาทำให้การหักเหแสงเปลี่ยน ก็เลยกลับมาเป็นคนสายตาสั้นเมื่อแก่ (Secondary myopia)
  • ในเด็กๆที่เป็นต้อกระจกบางทีอาจจะพูดหรือบอกไม่ได้ถึงการมองมองเห็นเพียงจะดูได้ว่าเด็กจะมอง จับหรือเล่นของเล่นเด็กไม่ถนัด ตาอาจส่ายไปๆมาๆ หรือเฉไปทางไปทางใดทางหนึ่งได้
  • มองเห็นภาพซ้อน หรือ มองเห็นแสงกระจัดกระจาย
  • แลเห็นภาพเป็นสีเหลืองหรือซีดเซียวจางลงกว่าที่สายตาคนปกติเห็น
  • จำต้องใช้แสงสว่างมากยิ่งขึ้นสำหรับเพื่อการอ่านหนังสือหรือกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา
ภาวะแทรกซ้อนของต้อกระจก

  • เมื่อต้อสุกและไม่ได้รับการผ่าตัดจะก่อให้ตาบอดสนิท
  • ในบางรายแก้วตาบางทีอาจบวมหรือผ่านไปอุดกั้นทางระบายของเหลวในดวงตา ส่งผลให้เกิดความดันด้านในดวงตาสูงมากขึ้น จนกลายเป็นต้อหินได้
  • คนไข้จะสามารถมีลักษณะปวดตาอย่างหนักได้

กรรมวิธีรักษาโรคต้อกระจก หมอจะวินิจฉัยพื้นฐานด้วยการตรวจเจอแก้วตา (เลนส์ตา) ขุ่นขาว เวลาใช้ไฟส่องตาคนป่วยจะรู้สึกตามัว การใช้เครื่องส่องตา (ophthalmoscope) ตรวจตาจะไม่พบปฏิกิริยาย้อนกลับสีแดง (red reflex)
หากยังไม่มั่นใจ แพทย์จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษตรวจอย่างถี่ถ้วน อาจจึงควรวัดความดันลูกตา (เพื่อแยกออกจากโรคต้อหินที่จะเจอความดันดวงตาสูงยิ่งกว่าธรรมดา) รวมทั้งตรวจพิเศษอื่นๆดังเช่นว่า

  • การวัดสายตา (Visual Acuity Test) การประเมินความรู้ความเข้าใจการมองมองเห็นในระยะต่างๆโดยให้อ่านชุดตัวเขียน เมื่อทดสอบตาข้างอะไรก็แล้วแต่อีกข้างจะถูกปิดไว้ แนวทางนี้เป็นการประเมินว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติทางสายตาให้เห็นหรือเปล่า
  • การทดลองโดยขยายรูม่านตา (Retinal Eye Exam) ทำได้ด้วยการหยดยาลงที่ตาเพื่อให้รูม่านตาเปิดกว้างขึ้น แล้วใช้เลนส์ขยายแบบพิเศษตรวจทานจอประสาทตาและก็เส้นประสาทตาเพื่อใส่ความไม่ดีเหมือนปกติของตา ข้างหลังการตรวจนี้ ดวงตาของผู้ป่วยมองเห็นในระยะใกล้มัวเป็นเวลาหลายชั่วโมง
  • การตรวจโดยใช้กล้องถ่ายรูปตาจุลทรรศน์ชนิดลำแสงแคบ (Slit Lamp Examination) คือการใช้กล้องถ่ายรูปที่มีความเข้มของลำแสงสูงและบางพอที่จะดูกระจกตา ม่านตา เลนส์แก้วตา รวมทั้งพื้นที่ว่างระหว่างม่านตาและก็กระจกตา ช่วยทำให้หมอสามารถมองเห็นโครงสร้างที่เป็นส่วนเล็กได้อย่างสะดวก

เนื่องด้วยโรคต้อกระจกไม่มียาที่ใช้กิน หรือหยอดอะไรก็แล้วแต่ที่ช่วยแก้อาการของต้อกระจกได้ ระยะแรกๆของโรคต้อกระจกสามารถบรรเทาได้ด้วยการตัดแว่นตาใหม่ สวมแว่นดำกันแสงสะท้อน หรือการใช้เลนส์ขยายกระทั่งต้อกระจกจะเริ่มกระทบต่อแนวทางการทำกิจกรรมต่างๆในชีวิตประจำวัน ก็เลยจะกระทำการผ่าตัด ในอดีตกาลมักคอยให้ต้อกระจกสุกจึงกระทำการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเลนส์ แต่ว่าตอนนี้มักนิยมรักษาโดยการสลายต้อกระจกแม้กระนั้นเนิ่นๆเป็นเมื่อปัญหาตามัวนั้นทำให้เป็นปัญหากับการดำเนินชีวิตของผู้ป่วยก็ควรรับการรักษา ด้วยเหตุว่าการรอต้อกระจกสุก จะก่อให้การดูแลและรักษาด้วยการสลายต้อทำได้ยาก และยังอาจจะเป็นผลให้เกิดโรคตาอื่นเข้าแทรก ตัวอย่างเช่น ต้อหิน ซึ่งอาจจะก่อให้เป็นอันตรายเพิ่มมากขึ้นได้
ในขณะนี้การดูแลและรักษาต้อกระจกมีเพียงวิธีเดียว คือ การผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออกและก็ใส่เลนส์ตาเทียมเข้าไปแทนที่ในขณะนี้การผ่าตัดต้อกระจกมีความปลอดภัยสูงใช้เวลาสำหรับในการผ่าตัดไม่นาน และไม่ควรต้องนอนโรงพยาบาลข้างหลังผ่าตัด
กรรมวิธีการผ่าตัดที่นิยมในตอนนี้มี 3 แนวทาง

  • การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง
  • การสลายต้อกระจกด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงร่วมกับการใช้เฟมโตเชคเคินเลเซอร์ (Femtosecond Laser assisted Cataract Surgery)
  • การผ่าตัดนำเลนส์ตาออกอีกทั้งก้อน (Extracapsular cataract extraction) ซึ่งแนวทางแบบนี้ใช้ในกรณีที่เลนส์ตาแข็งมากมายๆ

ต้นเหตุที่นำมาซึ่งโรคต้อกระจก

  • อายุ – เป็นสาเหตุหลักโดยมากที่ทำให้มีการเกิดโรคต้อกระจกมากยิ่งกว่า 80% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากาแขนเสื่อมตามวัย ด้วยเหตุว่าเลนส์ที่อยู่ในตาพวกเรานั้นต้องถูกใช้งานรับแสงสว่างมานานพอๆกับอายุของตัวเราจึงมีการหมดสภาพได้
  • แสง UV – การทำงานบางชนิดโดยไม่ใส่หน้ากากปกป้องแสงหรือรังสีเข้าตา ตัวอย่างเช่นเวลาเชื่อมเหล็ก ก็สามารถทใด้เกิดโรคต้อกระจกได้
  • โรคเกี่ยวกับตา – การต่อว่าดเชื้อในตา ม่านตาอักเสบ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคต้อกระจก
  • การถูกกระทบกระแทกรอบๆตาอย่างรุนแรง
  • โรคประจำตัวบางประเภทดังเช่น เบาหวาน ที่ทำให้เป็นโรคต้อกระจกเร็ววกว่าธรรมดา
  • การทานยาประเภท ateroid
  • เด็กอ่อนที่ติดเชื้อโรคจาก มีคุณแม่มีการติดโรคโรคเหือดในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งท้อง

การติดต่อของโรคต้อกระจก โรคต้อกระจกมีเหตุมาจากเลนส์ตาหรือแก้วตา หมดสภาพจากนานัปการมูลเหตุทำให้มีลักษณะขุ่นขาวทึบแสงสำเร็จให้แสงสว่างผ่านเข้าไปสู่ดวงตาได้น้อย ก็เลยนำมาซึ่งการมองเห็นภาพฝ้ามัวมากเพิ่มขึ้นกระทั่งไม่เห็นสุดท้าย ซึ่งเป็นโรคที่ไม่ได้มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคต้อกระจก

  • ถนอมสายตาด้วยการใส่ใส่แว่นตาดำหลีกเลี่ยงการโดนแดดจ้า
  • เข้ารับการตรวจรักษาจากจักษุแพทย์แต่ว่าเนิ่นๆเพื่อจะได้ทำมือรักษาได้อย่างทันทีทันควันไม่ให้อาการแย่ลงจนไม่สามารถที่จะรักษาได้
  • ปฏิบัติตามหมอสั่งรวมทั้งไปตรวจตามนัดหมายอย่างเคร่งครัด
  • รักษาสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ครบอีกทั้ง 5 กลุ่ม
  • ภายหลังจากผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ตาแล้วคนป่วยควรนอนพักให้มากที่สุด รวมทั้งลุกขึ้นยืนเดินเท่าที่มีความจำเป็นแค่นั้นและก็ควรเลี่ยงการทำงานหนัก การชูของหนักหรือสะเทือนมาก การออกกำลังกายอย่างหนัก รวมถึงการไอหรือจามแรงๆเป็นเวลาประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจนกระทั่งแผลจะหายดี
การป้องกันตัวเองจากโรคต้อกระจก

  • ควรจะสวมแว่นตากันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง คุ้มครองแสง UV ที่เป็นเหตุกระตุ้น
  • ควรจะพบหมอรักษาตาเมื่อมีอาการไม่ปกติทางตาและไม่ควรซื้อยาหยอดตามาใช้เอง โดยเฉพาะยาที่มีส่วนประกอบของ Steroids
  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำทุกปี ในคนที่เป็นโรคโรคเบาหวาน หรือ เมื่อท่านแก่ 40 ปีขึ้นไป
  • คนเจ็บโรคเบาหวานควรจะควบคุมระดับน้ำตาลบให้อยู่ในระดับปกติ
  • หลบหลีกการเกิดอุบัติเหตุกับดวงตา หรือใส่เครื่องคุ้มครองเวลาทำงานที่เสี่ยงตอการกระทบกระแทกดวงตา
  • เมื่อมีการใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน จะต้องมีการพักสายตา
  • รับประทานอาหารที่มีคุณประโยชน์ อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีวิตามิน และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีในผักรวมทั้งผลไม้หลากสี ดังเช่น มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง กล้วย ผลไม้เชื้อสายเบอรี่
  • หลบหลีกการสูบบุหรี่ แล้วก็ดื่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์
  • นอนพักให้พอเพียง

สมุนไพรที่ช่วยปกป้องการเกิดโรคต้อกระจก  จากการเล่าเรียนค้นคว้าข้อมูลการวิจัยพบว่า สมุนไพรไทยหลายอย่างสามารถคุ้มครองโรคต้อกระจกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมุนไพรที่มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น ขมิ้นชัน รวมทั้งฟักข้าว โดยในขมิ้นชัน มีสารต้านอนุมูลอิสระสำคัญ คือ เคอร์คิวไม่นอยด์ (curcuminoid) รวมทั้งอุดมไปด้วยวิตามินและธาตุหลายประเภท เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี วิตามินอี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และเกลือแร่ต่างๆรวมไปถึงเส้นใย คาร์โบไฮเดรตรวมทั้งโปรตีน ฯลฯ เพราะฉะนั้น ขมิ้นชันจึงมีสรรพคุณในการช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย รวมทั้งสามารถรักษาอาการแล้วก็โรคต่างๆได้หลากหลายประเภท
ส่วนฟักข้าวนั้น มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระสำคัญ คือ ไลวัวปีน (lycopene) โดยในเยื่อห่อเม็ดของฟักข้าวมีไลวัวพีนสูงกว่ามะเขือเทศ 12 เท่า ที่สามารถช่วยสำหรับในการบำรุงและรักษาสายตา ปกป้องโรคเกี่ยวกับดวงตา โรคต้อกระจก รวมทั้งประสาทตาเสื่อม รวมทั้งตาบอดตอนค่ำได้ ทั้งยัง ยังมีงานศึกษาวิจัยพบว่า ไลวัวตะกายแล้วก็เคอร์คิวมินอยด์ ยังช่วยคุ้มครองป้องกันต้อกระจกที่เกิดขึ้นมาจากโรคเบาหวานได้อีกด้วยนอกเหนือจากนี้ยังมีสมุนไพรอีกหลากหลายประเภทที่สามารถคุ้มครองปกป้อโรคต้อกระจก[/url]ได้ ตัวอย่างเช่น มะขามป้อม มะขามป้อมจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมาก ซึ่งจากการเรียนพบว่า วิตามินซีมีบทบาทสำหรับการปกป้องการเกิดต้อกระจก โดยทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และก็กรองรังสียูวีให้เลนส์ตา นอกเหนือจากมะขามป้อมแล้ว ยังส่งผลไม้อื่นๆที่มีวิตามินซีสูง เป็นต้นว่า ฝรั่ง มะปราง มะละกอ มะกอก ส้ม มะขาม ลูกหว้า เป็นต้น เว้นเสียแต่สมุนไพรพนาแล้ว สมุนไพรต่างถิ่นที่มีการสรรพคุณบำรุงและคุ้มครองป้องกันโรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับตาได้อย่างดีเยี่ยม เป็นต้นว่า
Ginseng หรือโสม คือรากของ Panax ginseng มี สารสำคัญเป็น ginsennosides ซึ่งเป็น steroidal saponin มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาหลายอย่าง อย่างเช่น antiapoptotic, anti-inflammatory, antioxidant จากการทดสอบทางคลินิกในคนเจ็บที่เป็นต้อหิน พบว่า โสมแดงประเทศเกาหลีสามารถเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังเรตินา ก็เลยน่าจะเป็นผลดีในลักษณะการคุ้มครองโรคต้อหิน ยิ่งกว่านั้นสาร Rb1 รวมทั้ง Rg3 ยังมีฤทธิ์ยั้ง TNF-alpha จึงน่าจะเป็นคุณประโยชน์ในการคุ้มครองปกป้องโรคหน้าจอประสาทตาเสื่อมด้วย เนื่องด้วยการอักเสบเป็นต้นเหตุหนึ่งของโรคนี้ การทดลองในหนูแปลว่าโสมสามารถลดการเสื่อมของเรตินาในหนูที่ถูกรั้งนำให้เป็นโรคเบาหวานได้ ลดผลที่เกิดขึ้นมาจากการเหนี่ยวนำหนูให้เป็นต้อกระจกด้วย selenite ได้ ดังนั้นโสมก็เลยเป็นสมุนไพรที่น่าสนใจสำหรับเพื่อการคุ้มครองโรคตา 4เป็นโรคต้อหิน ต้อกระจก หน้าจอประสาทตาเสื่อม แล้วก็สภาวะเบาหวานขึ้นจอตา
Gingko Biloba Extract (GBE) เป็นสารสกัดจากใบของต้นแป๊ะก๊วย (Ginkgo biloba) ในใบมีสารสำคัญสองกรุ๊ปเป็น เฟลโอ้อวดนอยด์และเทอร์พีนอยด์ GBE เป็นอาหารเสริมที่นิยมสูงที่สุดในยุโรปและอเมริกามีฤทธิ์ปกป้องการทำลายจากอนุมูลอิสระ แล้วก็คุ้มครองป้องกัน lipid peroxidation จากการทดสอบพบว่า GBE สามารถคุ้มครองการเสื่อมของ mitochondria ป้องกันการเสื่อมของ optic nerve จึงสามารถปกป้องตาบอดในผู้ป่วยโรคต้อหิน และ คนเจ็บเรตินาเสื่อมได้ แล้วก็สามารถลดการหลุดของจอตา (retinal detachment) ได้ GBE จึงมีประโยชน์ในกรณีคุ้มครองป้องกันและก็รักษาโรคต้อหินแล้วก็โรคที่เกี่ยวกับจอตา
Danshen ชื่อสามัญเป็น Asian Red Sage หรือตังเซียม หรือตานเซิน (Salvia miltiorrhiza) ส่วนที่ใช้เป็นราก ในตำราเรียนยาใช้เป็นยากระตุ้นการไหลเวียนเลือด ใช้รักษาฝี สารสำคัญคือ salvianoic acid B เป็นสารพอลีฟีนอลิกละลายน้ำและก็เป็น antioxidant ที่มีฤทธิ์แรงรวมทั้งยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานจะกำเนิดอาการอักเสบและครึ้มขึ้นของฝาผนังเส้นเลือดฝอยทำให้ อนุมูลอิสระไม่สามารถถูกกำจัดออกไปได้ก็เลยไปทำลายเซลล์ประสาทตา เมื่อทดสอบฉีดตังเซียมเข้าไปที่เนื้อเยื่อจอตาที่ขาดออกสิเจนในหนูที่เป็นโรคเบาหวานพบว่าสามารถคุ้มครองปกป้องการสูญเสียการมองมองเห็นได้ การทดสอบทางคลินิกในคนเจ็บโรคต้อหินพบว่า ตังเซียมสามารถทรงสภาพลานสายตา (visual field) ในผู้เจ็บป่วยระยะกึ่งกลางและก็ระยะปลายได้ ด้วยเหตุนี้ ตังเซียมจึงมีคุณประโยชน์กับคนเจ็บโรคตาที่เกี่ยวพันกับ oxidative stress ดังเช่นว่า จอประสาทตาเสื่อม ภาวะเบาหวานขึ้นเรตินา รวมทั้งต้อกระจก และก็มีรายงานการค้นคว้าของ ดร.พอล จาคส์ (Paul Jacques) ผู้ตัดสินเกษตรสหรัฐอเมริกาพบว่า คนอเมริกันที่กินผักรวมทั้งกินผลไม้บ่อยๆได้โอกาสกำเนิดต้อกระจกน้อยกว่าผู้ไม่บริโภคผักและผลไม้ถึง 4 เท่าครึ่ง แล้วก็ผู้ที่ไม่รับประทานผักแล้วก็ผลไม้เลยจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจกมากเพิ่มขึ้นถึง 6 เท่า ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าคนที่หรูหราวิตามินซีในเลือดต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกมากยิ่งขึ้นถึง 11 เท่า ส่วนผู้ ที่หรูหราสารแคโรทีนอยด์ในเลือดต่ำจะมีความเสี่ยงสูงมากขึ้นไปถึง 7 เท่า
เอกสารอ้างอิง

  • โรคต่อกระจก.แผ่นพับประชาสัมพันธ์.หน่วยตรวจโรคจักษุฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช.2560.
  • ต้อกระจก (Cataract) . บทความเผยแพร่.ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • นพ.สุรพงษ์ ดวงรัตน์.ต้อกระจก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่70.คอลัมน์โรคตา.กุมภาพันธ์2529
  • Sastre J, Lloret A, Borris C et al, Ginkgo biloba extract EGb 761 protects against mitochondrial aging in the brain and in the liver, Cell and Molecular Biology, 2002;48(6):685-692.
  • รศ.ดร.ภญ.อ้อมบุญ วัลลิสุต สมุนไพรและสารธรรมชาติบำรุงตา.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล. http://www.disthai.com/[/color]
  • ต้อกรระจก-อาการ.สาเหตุ.การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “ต้อกระจก (Cataract)” .(นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).หน้า950-952.
  • Kim NR, KimJH, and Kim CY, Effect of Korean red ginseng supplementation on ocular blood flow in patients with glaucoma, Journal of Ginseng Research, 2010;34(3);237- 245.
  • Janssens D, Delaive E, Remacle J, and Michiels C, Protection by bilobalide of the ischaemia-induced alterations of the mitochondrial respiratory activity, Fundamental and Clinical Pharmacology, 2000;14(3):193-201.
  • นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ต้อกระจก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่คอลัมน์สารานุกรมทันโรค.กุมภาพันธ์2553
  • Cho JY, Yoo ES, Baik KU, Park MH, and Han BH, In vitro inhibitory effect of protopanaxadiol ginsenosides on tumor necrosis factor (TNF)-alpha production and its modulation by known TNF-a antagonists, Planta Medica, 2001;67(3):213-218.
  • ผศ.นพ.ศักดิ์ชัย วงค์กิตติรักษ์.ต้อกระจก.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่390.คอลัมน์รักษ์”ดวงตา”.ตุลาคม.2554
  • Sen S, Chen S, Wu Y, Feng B, Lui EK, and Chakrabarti S, Preventive effects of North American ginseng (Panax quinquefolius) on diabetic retinopathy and cardiomyopathy, Phytotherapy Research, 2012;27(2):290-298.
  • Wu ZZ, Jiang JY, Yi YM, and Xia MT, Radix Salvia miltiorrhizae in middle and late stage glaucoma, Chinese Medical Journal, 1983;96(6):445-447.
  • Zhang L, Dai SZ, Nie XD, Zhu L, Xing F, and Wang LY, Effect of Salvia miltiorrhiza on retinopathy, Asian Pacific Journal of Tropical Medicine, 2013;6(2):145-149.
  • Lee SM, Sun JM, Jeong JH et al, Analysis of the effective fraction of sun ginseng extract in selenite induced cataract rat model, Journal of the Korean Ophthalmological Society, 2010;51:733-739.
  • Chen Y, Lin S, Ku H et al, Salvianolic acid B attenuates VCAM-1 and ICAM-1 expression in TNF-alpha-treated human aortic endothelial cells, Journal of Cellular Biochemistry,2001;82(3):512-521.


Tags : โรคต้อกระจก



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ