เรียนทำเบเกอรี่ มาการอง ของขนมสีสันผ่องใส หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ เรียนทำอาหาร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนทำเบเกอรี่ มาการอง ของขนมสีสันผ่องใส หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ เรียนทำอาหาร  (อ่าน 13 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Petchchacha
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 25869


ดูรายละเอียด










« เมื่อ: เมษายน 13, 2018, 04:44:57 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

เรียนทำขนมปัง มาการอง ของของหวานสีสันแจ่มใส  หลักสูตรเปิดร้านเบเกอรี่ เรียนทำอาหาร   เรียนทำขนมปัเรียนทำขนมไทย, เค้ก, เรียนทำเค้ก เบเกอรี่ฝรั่งเศส
 
เพราะอะไรธุรกิจร้านเบเกอรี่ถึงน่าลงทุน
สามารถทำคนเดียวได้ เพราะว่าหากพวกเราเริ่มต้น จากการรับขนมจากที่อื่นๆมาขาย นั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องจ้างผู้ช่วย ซึ่งคนเดียวก็สามารถดูแลร้านค้าได้เอง ทั้งผอง ไม่ต้องลงทุนในการว่าจ้างผู้รับจ้าง และก็วุ่นวายกับคนส่วนมาก
-ปัจจุบันนี้ ร้านเบเกอรี่ นั้น เข้ากับ Lifestyle ของคนรุ่นหลัง เพราะเหตุว่าคนรุ่นหลังนิยม ไปนั่งตามร้านของหวาน เพื่อพักผ่อน นั่งคุย สนทนากับเพื่อน หรือนั่งอ่านหนังสือ เพื่อผ่อนคลาย การเปิดร้านของหวานแบบเต็มรูปแบบ ก็เลยตอบปัญหาข้อนี้ได้ รวมทั้งทำรายได้ให้กับธุรกิจได้ อย่างเป็นกอบเป็นกำ อย่างแน่นอน
-ความนิยมเบเกอรี่ ของคนรุ่นหลัง ที่มีเวลาน้อย เลือกกินเบเกอรี่เป็น อาหารจานด่วน หรือรองท้อง คนไม่ใช่น้อยอาจเคยได้ยินคำว่า “กองทัพจะต้องเดินด้วยท้อง” เมื่อคุณเดินทางไกล หรืออยู่ในช่วงเวลาที่เร่งด่วน ไม่สามารถที่จะหาที่นั่งรับประทานอาหารได้ การกินขนมที่ซื้อข้างทาง จะช่วยให้คุณคลายหิวไปได้ ก่อนที่จะคุณจะทำธุระเสร็จ และไปทานอาหารมื้อใหญ่ต่อไป
การเตรียมความพร้อมก่อนลงทุนในธุรกิจเบเกอรี่
ก่อนจะลงทุนในธุรกิจอะไรก็ตามก็จึงควรมีการจัดแจงให้พร้อมกั่น ซึ่งธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดก็ไม่ได้มีความแตกต่างกัน จำเป็นมากที่ผู้ลงทุนจำต้องพิจารณาถึงความพร้อมเพรียงก่อนการลงทุน ซึ่งดังเช่น
เงินลงทุน
สำคัญเป็นลำดับหนึ่งก็เนื่องจากว่าเงินลงทุนคือปัจจัยสำคัญที่จะช่วยทำให้การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ก่อนจะมีการผลิตเบเกอรี่เป็นไปด้วยดี จำนวนเงินลงทุนย่อมต่างๆนาๆตามลักษณะของธุรกิจว่าอยากให้ออกมาในลักษณะใด ซึ่งก็จะต้องพินิจพิจารณาแล้วก็พิเคราะห์ตามกำลังของตัวอง ด้วยเหตุว่าด้วยทั่วๆไปแล้วการลงทุนในขั้นแรกจะเน้นย้ำไปที่วัสดุปกรณ์ ซึ่งนับว่าเป็นทุนคงที่ รวมทั้งจะให้ผลตอบแทนกลับมาภายในระยะเวลาไม่นาน ดังนั้นควรเลือกใช้อุปกรณ์ที่คุณภาพดี มีการรับประกัน แม้ว่าจะราคาสูงแต่เชื่อมั่นได้ถึงประสิทธิภาพ
ส่วนเงินลงทุนอีกอย่างคราวเรียกกันว่าทุนผันแปรแปร อย่างเช่น ค่าเช่าพื้นที่ ค่าขนส่ง หรือค่าครองชีพที่เปลี่ยนแปลงได้ นับว่าพวกนี้เป็นเงินลงทุนที่ผู้ลงทุนเองจำเป็นต้องจัดแจงไว้ล่วงหน้า เพื่อให้สามารถเงินทุนสามารถเวียนได้อย่างไม่ติดขัด
-ความรู้ความเชี่ยวชาญ
จำเป็นจะต้องสำหรับผู้ที่อยากได้เริ่มต้นธุรกิจเบเกอรี่โฮมเมดมาก เนื่องจากควรจะทำความเข้าใจถึงใอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้แล้วก็วัตถุดิบทุกๆสิ่งทุกๆอย่างสำหรับในการทำเบเกอรี่ ควรจะทำความเข้าใจว่าแป้งมีกี่จำพวก น้ำตาลหรือวัตถุดิบตัวอึ่นๆมีคุณลักษณะเช่นไรใช้เป็นส่วนผสมในเบเกอรี่แต่ละประเภทเพื่ออะไร ยิ่งไปกว่านี้ยังต้องฝึกหัดและก็ชำนาญสำหรับเพื่อการทำ เบเกอรี่มากพอที่จะควบคุมประสิทธิภาพแล้วก็รสชาติได้ เพื่อให้ของหวานที่ผลิตมีคุณภาพรวมทั้งรสชาติที่แบบเดียวกัน
เดี๋ยวนี้ มีสถานศึกษาสอนทำเบเกอรีจำนวนมาก เราสามารถเลือกเรียนได้ ได้ตามอยากได้ ทั้งสามารถเลือกเฉพาะวิชาที่สนใจได้ ซึ่งจำนวนมากหากแม้เขาเรียนเพียงคอร์สเดียวก็สามารถนำมาปรับใช้รวมทั้งทำขายได้ในทันที และก็การเล่าเรียนสูตรและก็กระบวนการทำจากมิตรสหายหรือวงศ์วาน ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะไม่ต้องเลยค่าครองชีพสำหรับในการเข้าเรียนกับโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ต่างๆ
-ศึกษาเล่าเรียนตลาดรวมทั้งคู่แข่ง
ผู้สร้างควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าถึงสภาวะการตลาดเพื่อแนวทางการทำความเข้าใจสำหรับในการดำเนินธุรกิจของพวกเรา ควรศึกษาค้นคว้าว่ากาตลาดเบเกอรี่ในช่วงนั้นๆคืออะไร มีกรุ๊ปคู่แข่งจำนวนราวๆกี่ราย รวมทั้งแต่ละรายมีข้อเด่นข้อด้อยอะไรบ้าง รวมทั้งพวกเราต้องหาจุดเด่นของพวกเรา แล้วก็ปรับวิธีการเพื่อให้สู้กับคู่ปรปักษ์ให้ได้ การ มองหา ร้านรวงสำหรับฝากขายมีความจำเป็นมากในการที่จะช่วยทำให้ธุรกิจของพวกเราก้าวไปข้างหน้าหรือจะถอยหลัง ร้านค้าที่เห็นสมควรให้ความสนใจเป็นร้านค้าที่อยู่ในย่านชุมชน มีทำเลดี มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าไว้พร้อม มีการเคลื่อนของจำนวนลูกค้าและก็หมุนเวียนผลิตภัณฑ์ทั้งวัน และก็ทางร้านค้ามีลักษณะท่าทางที่จะช่วยพรีเซนเทชั่นผลิตภัณฑ์ของเรา เพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของพวกเราถูกกักไว้เพื่อรอคอยส่งกลับคืนอย่างเดียว
-หาแหล่งวัตถุดิบที่เหมาะสมทั้งเรื่องราคาและคุณภาพ
การซื้อวัตถุดิบสำหรับเฉพาะการทำเบเกอรี่ ย่อมทำให้ได้วัตถุดิบที่ราคาแพงถูกกว่าซื้อตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป แล้วก็ยังคงได้เครื่องไม้เครื่องมือสำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่อย่างครบถ้วน
ลักษณะของธุรกิจร้านขนมปัง อาชีพอิสระ รายได้ดี
-รับขนมจากที่อื่นมาขาย
Bakery ยี่ห้อ HOME ของมหาวิทยาลัยราชภัฎ สวนดุสิต เป็นตัวอย่างสุด Classic ของ ร้านเบเกอรี่ รูปแบบนี้ เราจะมองเห็นคนนำขนมแบรนด์ HOME มาเดินขายดังที่ต่างๆหรือจัดโต๊ะขายก็ตาม รูปแบบนี้เป็นแบบที่เริ่มง่าย เพียงไปรับขนม รวมทั้งนำมาตั้งขาย ไม่ต้องจมทุนไปกับการซื้อเครื่องอบของหวาน ไม่ต้องเปลืองแรงทำ แล้วก็ของหวานที่ขายอร่อยแน่นอน
- ทำของหวานขายเอง
แม้คุณมีเงินทุนมากขึ้นมาหน่อย และก็เคยไปเรียนทำ Bakery มา หรือมั่นอกมั่นใจในความสามารถ ธุรกิจร้านเบเกอรี่ชนิดนี้ จะทำเงินได้มากกว่า เนื่องจากว่าเราไม่ต้องไปรับของหวาน มาจากที่อื่น ซึ่งมีต้นทุนที่ซื้อมา แพงกว่าขนมที่เราทำเองอย่างแน่แท้ แต่ว่าก็จำต้องทดลองชั่งน้ำหนักมองว่า เงินลงทุนที่ลงเพิ่มไป จะคุ้มกับรายได้ที่ได้เพิ่มขึ้นมาหรือเปล่า
- ร้านเบเกอรี่พร้อมที่นั่ง แบบเต็มต้นแบบ
ถ้าหากไม่อยากขายแค่ Bakery อย่างเดียว และมีความคิดว่าของหวานที่ทำขึ้นมา มีดีกว่าเพียงแค่จะเป็นร้านค้าทั่วไป ก็เปิดร้านเบเกอรี่พร้อมที่นั่ง แบบเต็มแบบได้เลย เพราะราคาขนมจะขายได้แพงกว่า 2 แบบแรก โดยมีจุดมุ่งหมาย ให้เป็นจุดนัดพบ สำหรับผู้ที่มาทานของหวาน นั่งคุยกัน หรือนั่งอ่านหนังสือ ซึ่งเข้ากับ Lifestyle ของคนรุ่นใหม่ด้วย
 
สูตรคัพเค้ก
 คัพเค้กช็อกโกแลตคาราเมล (สนิกเกอร์ส)
หลังจากชิมคัพเค้กมาถึง 7 สูตรแล้วถ้าหากยังไม่จุใจมาต่อกันด้วยคัพเค้กช็อกโกแลตคาราเมลที่ใช้ขนมสุดอร่อยอย่างสนิกเกอร์สมาเป็นส่วนผสม เนื้อเค้กรสโกโก้ บีบครีมเนยถั่วลงไป ราดซอสคาราเมล ตกแต่งด้วยสนิกเกอร์ส แหม… ทั้งหวานหอมคาราเมลแบบนี้ ชิ้นเดียวไม่พอแน่นอน
ส่วนผสม คัพเค้กช็อกโกแลต
- ผงโกโก้ 1/2 ถ้วย
 - แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3/4 ถ้วย
 - เบกกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
 - ผงฟู 3/4 ช้อนชา
 - เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
 - ไข่ไก่ 2 ฟอง (อุณหภูมิห้อง)
 - น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
 - น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
 - น้ำมันพืช 1/3 ถ้วย
 - กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
 - บัตเตอร์มิลค์ 1/2 ถ้วย
ส่วนผสม ครีมเนยถั่วฟรอสติ้ง
- เนยจืด 5 ช้อนโต๊ะ
 - เนยถั่ว 1 ถ้วย
 - น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วย
 - เฮฟวี่ครีม 1/3 ถ้วย
 - กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
 - เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
 - ซอสคาราเมลสำเร็จรูป (สำหรับราด)
 - สนิกเกอร์สสับ 5-6 แท่ง (สำหรับตกแต่ง)
วิธีทำคัพเค้กช็อกโกแลตคาราเมล (สนิกเกอร์ส)
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ เตรียมไว้
 2. เรียงพิมพ์มัฟฟิน 12 ถ้วยบนถาดอบ เตรียมไว้
 3. ทำคัพเค้ก โดยผสมผงโกโก้ แป้งสาลีอเนกประสงค์ เบกกิ้งโซดา ผงฟู และเกลือป่นให้เข้ากัน เตรียมไว้
 4. ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย น้ำตาลทรายแดง น้ำมันพืช และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากันจนเนียน เสร็จแล้วเทส่วนผสมแป้ง 1/2 ส่วนลงไปผสมให้เข้ากัน พักไว้
 5. นำส่วนผสมแป้งอีก 1/2 ส่วนที่เหลือเอาไปผสมกับบัตเตอร์มิลค์ เสร็จแล้วนำไปผสมกับส่วนผสมไข่ไก่จนเข้ากัน
 6. หยอดส่วนผสมคัพเค้กลงในพิมพ์มัฟฟิน นำเข้าเตาอบประมาณ 18-19 นาที หรือจนสุก พักไว้ให้เย็น นำออกมาจากพิมพ์
 7. ทำช็อกโกแลตคาราเมลโดยตีเนยจืดด้วยความเร็วปานกลางประมาณ 1 นาที ใส่เนยถั่วตีต่อจนเข้ากัน ใส่น้ำตาลไอซิ่ง เฮฟวี่ครีม กลิ่นวานิลลา และเกลือป่นลงไปตีให้เข้ากันประมาณ 20 วินาที แล้วมาตีด้วยความเร็วสูงประมาณ 1 นาที
 8. นำไปบีบตกแต่งบนหน้าคัพเค้ก ราดซอสคาราเมล โรยสนิกเกอร์สให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ


เค้กช็อกโกแลตลาวา
เอาใจคนพิเศษด้วยการทำเค้กช็อกโกแลตสักก้อนดีไหม ขอนำเสนอเค้กช็อกโกแลตลาวา สูตรจาก คุณสมาชิกหมายเลข 1567779 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรนี้ใช้หม้อตุ๋นเค้กแทนเตาอบแสนง่าย หั่นออกมาช็อกโกแลตเยิ้มเชียว
ส่วนผสม เค้กช็อกโกแลตลาวา
• ช็อกโกแลต 115 กรัม
 • เนยจืด 125 กรัม
 • ไข่ไก่ 2 ฟอง
 • ไข่แดง 2 ฟอง
 • น้ำตาลทราย 1 ถ้วย
 • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม
 • ผงโกโก้ 25 กรัม
 • ถ้วยอะลูมิเนียมฟอยล์แบบกลม
ขั้นตอนการทำส่วนผสมเค้ก
1. นำช็อกโกแลตไปละลายพร้อมกับเนยจืด
 2. ตีไข่ไก่ทั้งหมดจนขึ้นฟู ค่อย ๆ แบ่งน้ำตาลทรายเทลงไปทีละน้อยจนหมดแล้วตีจนส่วนผสมขึ้นฟู
 3. นำช็อกโกแลตกับเนยจืดที่ละลายไว้ ค่อย ๆ เทใส่ลงไปผสมกับไข่ที่ตีจนฟู (ค่อย ๆ เทแล้วคน ไม่อย่างนั้นไข่อาจจะสุก เพราะช็อกโกแลตอาจจะร้อนอยู่)
 4. ร่อนแป้งอเนกประสงค์และผงโกโก้ใส่ลงไปแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน
ขั้นตอนการเตรียมพิมพ์
• ทาเนยจืดให้ทั่วถ้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ แล้วนำแป้ง (หรือน้ำตาลทราย,ผงโกโก้) โรยลงไปให้ทั่วพิมพ์แล้วเคาะส่วนเกินออก (ขอแนะนำเป็นแป้งหรือผงโกโก้มากกว่า เพราะถ้าโรยด้วยน้ำตาลทรายมันจะเป็นเม็ด ๆ ตอนอบเสร็จ)
วิธีการอบเค้กด้วยหม้อ
1. เปิดเตา ใช้ไฟกลาง หาตะแกรงมาวางลงในหม้อก่อนจะวางถ้วยขนมลงไป (เพราะถ้าก้นขนมติดกับก้นหม้อ ขนมชั้นล่างจะไหม้)
 2. ปิดฝาหม้อแล้วก็จับเวลา ตามปกติช็อกโกแลตลาวาใช้เวลาประมาณ 10 นาที สามารถเพิ่ม-ลดเวลาได้ตามต้องการว่า อยากให้ข้างในเยิ้มแค่ไหน
หมายเหตุ : ถ้าใช้หม้ออบ ปกติก็จะใช้อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส แต่ถ้าหากว่า ใครมีกระทะไฟฟ้าก็ง่ายเลย แค่เปลี่ยนเป็น Mode "ปิ้ง" แล้วหาตะแกรงมารองก่อนวางขนมลงไปแล้วปิดฝาหรือใช้ฟอยล์ปิดแทนฝาหม้อ แต่ก็หมั่นดูขนมด้วย เพราะถ้าใช้เตาแก๊ส ไฟอาจจะแรงหรือเบาเกินไป
3. พอครบเวลานำขนมออกจากหม้อ จัดใส่จานให้สวยงาม แต่ด้วยวิปปิ้งครีม และสตรอว์เบอร์รีสดสไลซ์ พร้อมเสิร์ฟ

 
 
ความเป็นมาของของหวานสีสันแจ่มใส มาการูนหรือมาการอง (Macaroon)
มาการูน หรือ มาการอง (Macaroon) ขนมหวานรูปวงกลมเชื้อชาติฝรั่งเศส ซึ่งมีชีวิตชีวาแจ่มใส สอดไส้ตรงกลาง ชักชวนให้น่ากิน กำลังเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากมายและก็พบเห็นกันได้มากมายตามห้าง ร้านขนมปัง หรือในโรงแรมประเทศไทยขณะนี้
 ใครจะรู้บ้างว่าต้นกำเนิดที่จริงจริงของของหวานทรงกลมสีสันสดใสที่น่ารับประทานนี้เป็นของหวานที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี มาจากคำว่า "Maccaone หรือ Maccherone" ในภาษาอิตาลี มาการองหรือมาการูน เปิดตัวทีแรกในปี คริสต์ศักราช 1553 โดยเชฟหญิงชาวอิตาลีที่มีนามว่า Catherine de Medicis ในงานมงคลสมรสของคุณกับ Duc d'Orleans หรือกษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ของฝรั่งเศส ในอีก 21 ปีต่อมานั่นเอง
มาการองหรือมาการูน เริ่มแรกเป็นขนมที่สร้างขึ้นมาง่ายๆจากอัลมอนต์ น้ำตาลแล้วก็ไข่ขาวเพียงแค่นั้น ซึ่งเป็นของที่ราคาแพงไม่แพงและมีคุณค่าทางของกิน มีการบันทึกไว้ว่าหลานสาวของ Catherine de Medicis แล้วก็ชาวประเทศฝรั่งเศสใช้รับประทานเพื่อประทังชีวิตในยุคสินค้าต่างๆมีราคาแพง
จนตราบเท่าช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เค้าหน้าของ มาการองหรือมาการูน ก็แปรไปเป็นขนมที่มีสีสันบาดตา และเอามาการูนสองแผ่นมาตามติดกันโดยมีไส้ "chocolate panache (ช็อกโกแล็ตผสมครีม)" โดย Pierre Desfontaines หลายชายของ Louis Ernest Laduree (Laduree pastry and Salon de the,rue Royale) ร้านขนมปังโด่งดังในฝรั่งเศส
กระบวนการทำมาการองโดยประมาณคือ การผสมไข่ขาว น้ำตาล รวมทั้งอัลมอนด์ล้วนๆบดละเอียดจนกระทั่งเป็นผงคล้ายแป้ง เรียกส่วนผสมนี้ว่า เมอแรงก์ (meringue) ตักเมอแรงก์ใส่กรวยแล้วบีบลงบนถาดอบเป็นชิ้นกลมๆขนาดเล็ก และก็ต้องตากทิ้งไว้ครู่หนึ่งแล้วจึงนำเข้าเตาอบ ออกมาเป็นฝามาการอง (Shell) แล้วทำไส้ใส่ไว้กึ่งกลาง
 กระบวนการทำมาการองต้นตำรับ ไม่เหมือนกันตั้งแต่วิธีจัดเตรียมเมอแรงก์แบบที่นิยมทำกันในปัจจุบัน แนวทางการทำมาการองแบบต้นตำรับนั้นจำเป็นต้องใช้วิธีตระเตรียมเมอแรงก์แบบ "เฟรนช์ เมอแรงก์ (French Meringue)" เป็นการตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายแบบไม่ต้องต้ม ใช้มือค่อยๆตีไปเรื่อยซึ่งเป็นแนวทางเริ่มแรกที่คนฝรั่งเศสทำมาเมื่อร้อยปีที่ล่วงเลยไป ร้านมาการองที่เป็นที่รู้จักในตอนนี้ของประเทศฝรั่งเศสก็ยังใช้แนวทางดั้งเดิมนี้อยู่ แม้กระนั้นเวลานี้คนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำแล้ว เพราะว่ากระบวนการทำยุ่งยากกว่าวิธีต้มน้ำตาลด้วยความร้อนซึ่งจะมีผลให้ผิวของมาการองต่างกัน รวมทั้งแบบเริ่มแรกจำเป็นต้องใช้เวลาตากที่อุณหภูมิปกติอย่างต่ำ 3 ชั่วโมงถึงจะนำเข้าอบได้ ช่วงเวลาที่แนวทางต้มน้ำตาล ทิ้งไว้เพียงแต่ 15 นาที ก็นำเข้าเตาอบได้เลย
มาการองสมัยปัจจุบันนี้นิยมต้มน้ำตาลที่อุณหภูมิ 118 องศาเซลเซียส ซึ่งเมื่อรวมกับไข่ขาวจะมีความแน่นและก็คงตัวช่วยไม่ให้ผิวหน้ามาการองแตกจากการอบ ผิวเรียบงาม แต่ว่าไม่มีความนิ่มเท่ากับแนวทางตีน้ำตาลทราย ไข่ขาวและก็ผงอัลมอนด์ให้ขึ้นฟูเบาๆซึ่งจำเป็นต้องอาศัยความเก่ง
กระบวนการทำมาการองเจ้าตำรับแบบ เฟรนช์ เมอแรงก์ ทำให้ได้ตัวฝามาการอง (Shell) ซึ่งผิวสัมผัสข้างนอกจะกรอบบางๆกัดนิดเดียวจะพบความนุ่มของเนื้อเชลล์แทบละลายในปากผสมผสานจนกลมกลืนไปกับรสของไส้
ลักษณะเฉพาะของมาการองอีกจุดหมายถึง"ชายกลอุบายประเทศฝรั่งเศส (skirt)" คือส่วนที่เป็นรอยหยักๆบริเวณรอบๆขอบเชลล์ ซึ่งมีต้นเหตุมาจากส่วนผสมรวมทั้งการอบที่สมควร ถ้าหากอบแล้วไม่มีสเกิร์ตเกิดขึ้น ตัวเชลล์จะเปลี่ยนเป็นขนมผิงที่กรอบทั้งชิ้น
|
ขมป้งบ้านครูแอน อร่อย การันตี เรียนแล้วทำเป็น ชัวร์
|
อยากทำขนมเค้กเป็น อยากทำขนมอร่อยๆ เรียนกับครูแอนเลย
|
ทำขนมเค้กกินเอง ขนมปัง เบเกอรี่ บ้านครูแอน สอนเป็นกันเอง เรียนจบต้องทำเป็นให้จงได้
}
คอร์สแต่งหน้าเค้ก ไส้ขนมปัง เปิดร้านเบเกอรี่ (สอนส่วนตัว) อร่อยเหาะ

ขอบคุณบทความจาก : [url=http://www.annann201.com/][url]http://www.annann201.com/
[/url]

Tags :  ทำเบเกอรี่,อาหารญี่ปุ่น,สอนทำอาหาร



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ