Advertisement
แชร์เรื่องน![](https://s.isanook.com/he/0/ud/0/4465/thumb.jpg)
อย่าหลงเชื่อ! “วิตามินแบบสูบ” วิธีรับวิตามินเข้าร่างกายแบบใหม่ที่แทบไม่ได้ผล เกี่ยวกับ วิตามิน
[url=http://health.sanook.com/" target="_blank]![](https://s.isanook.com/he/0/uc/0/145/logo_100x35.jpg)
สนับสนุนเนื้อหา
โลกออนไลน์แห่แชร์สินค้าทา
อ้างว่าใส่วิตามินเข้าไปสารพัด รับเข้าร่างกายโดยใช้วิธีสูบ แต่เหล่าแพทย์และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ทั้ง
ทนพ. ภาคภูมิ เดชหัสดิน จากเพจ
” อ. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ จากเพจ
“[url=https://www.facebook.com/jessada.denduangboripant" target="_blank]Jessada Denduangboripant[/url]”และ
หมอแมวจากเพจ
“[url=https://www.facebook.com/HmxMaew/?fref=nf" target="_blank]ความรู้สนุกๆแบบหมอแม” ต่างให้ข้อมูลที่ตรงกันว่า การรับวิตามินเข้าร่างกายในรูปแบบนี้ ให้ผลน้อยมาก เพราะปริมาณวิตามินที่ใส่เข้าไปในผลิตภัณฑ์มีปริมาณน้อยเกินไป และยังไม่มีผลงานวิจัยออกมายืนยันที่ผลที่เกิดขึ้นหลังใช้ผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง นอกจากนี้ยังไม่ได้รับการรับรองจาก อย. หรือหน่วยงานรัฐใดๆ อีกด้วย
สำหรับ
วิตามิน หรืออาจเรียกว่า
ไวตามิน (Vitamin) นั้นเป็นสารอาหารประเภทหนึ่งทำหน้าที่ช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกาย คนที่ขาดวิตามินอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย ถ้าไม่นับ
‘วิตามินแบบสูบ’ คนในสมัยโบราณมีวิธีการนำวิตามินเข้าสู่ร่างกายในรูปแบบของอาหารที่ไว้รับประทาน ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสมัยอียิปต์โบราณ คนในยุคนั้นเชื่อว่าการกิน
‘น้ำมันตับปลา’ จะช่วยให้หายจากอาการตาบอดกลางคืน ส่วนในยุคปัจจุบันที่มีความเจริญในเรื่องของการแพทย์ ศัลยแพทย์ชาวสก๊อตได้ทำการสังเกตแล้วพบว่า ไก่ที่กินข้าวแบบไม่ขัดสีจะไม่มีอาการเหน็บชาเกิดขึ้น นับแต่นั้น ข้อมูลต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการค้นพบโดยบังเอิญและจากการเฝ้าสังเกต มนุษย์ก็ได้นำมาประยุกต์ใช้จนเป็นวิทยาการความรู้ในปัจจุบัน โดยวิตามินสำคัญๆ ที่ถูกค้นพบก็ได้แก่
วิตามินเอ (A), บี1 (B1), บี2 (B2), บี3 (B3), บี5 (B5), บี6 (B6), บี7 (B7), บี9 (B9), บี12 ( B12), ซี (C), ดี (D), อี (E ) และ เค (K)นอกจากนี้ อ. เจษฎา ยังกล่าวอีกว่า รูปแบบของผลิตภัณฑ์ได้รับการพัฒนามาจาก “บุหรี่ไฟฟ้า” โดยไม่ใส่นิโคติน แล้วนำวิตามินลงไปใส่แทน แต่ปริมาณไม่เพียงพอเมื่อใช้วิธีสูบเข้าปอด เพราะนอกจากสารต้องมีขนาดเล็กมากพอต่อการเข้าไปสู่ถุงลม และลำเลียงเข้าสู่กระแสเลือดได้แล้วนั้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือวิตามินจะเสียสภาพเมื่อถูกความร้อน จนทำให้วิตามินลดประสิทธิภาพลง และอาจกลายเป็นสารอันตรายได้
ทั้งนี้ หมอแมวเสริมว่า วิตามินแบบสูบมีปริมาณวิตามินน้อยกว่าวิตามินเม็ดละบาทที่เราเคยทานกันเสียอีก ดังนั้น
Sanook! Health แนะนำว่า หากอยากมีร่างกายแข็งแรงจากวิตามิน ควรทานผักผลไม้สดๆ หรือเพิ่มเติมด้วยวิตามินเสริมแบบเม็ดจะดีกว่าค่ะ
การใช้วิตามินเป็นเวลานานๆ จะส่งผลเสียอะไรบ้าง ?ในทางการแพทย์ วิตามินจะถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ วิตามินที่ละลายน้ำและวิตามินที่ละลายในไขมัน โดยวิตามินทั้งสองอย่างนี้นอกจากจะมีข้อดีแล้ว ก็ยังมีข้อเสียที่แตกต่างกันไปตามประเภทหากใช้กับร่างกายเป็นระยะเวลานานๆ
วิตามินที่ละลายในน้ำ จะอยู่ในร่างกายได้นานเป็นเวลา 2 - 4 ชั่วโมง โดยส่วนที่เหลือจากการใช้งานก็จะถูกขับผ่านไตออกมากับปัสสาวะ ทำให้โอกาสที่วิตามินประเภทนี้จะสะสมอยู่ในร่างกายมีน้อย ไม่ก่อให้เกิดผลเสีย และเหตุเพราะมีการสะสมในร่างกายน้อยนี่เอง เราจึงต้องบริโภคอาหารที่มีวิตามินเข้าไปเสริมอยู่อย่างสม่ำเสมอ
วิตามินที่ละลายในไขมัน ปกติแล้ววิตามินประเภทนี้มักจะสะสมอยู่ในไขมัน ซึ่งหากว่ามีการสะสมมากเกินไปก็อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายคล้ายกับคนที่โรค
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
https://www.sanook.com/health/4465/คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
กรดไหลย้อนTags : สุขภาพ, การดูแลสุขภาพ, ลดความอ้วน