โรคอัไซเมอร์ มีวิธีรักษาอย่างไรเเละมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคอัไซเมอร์ มีวิธีรักษาอย่างไรเเละมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 53 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: เมษายน 30, 2018, 04:16:57 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer Disease)
โรคอัลไซเมอร์เป็นยังไง โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) เป็นเยี่ยมในโรคสมองเสื่อมที่มักพบที่สุด โรคนี้ศึกษาและทำการค้นพบครั้งแรกโดยจิตแพทย์ชาวเยอรมันชื่อ Alois Alzheimer ในปี พ.ศ. 2499 ซึ่งมีเหตุมาจากการถึงแก่กรรมของเซลล์สมอง ทำให้รูปแบบการทำงานของสมองเสื่อมลง จนกว่าก่อให้เกิดผลกระทบต่องานประจำวันของคนไข้ ในตอน 8 -10 ปี ภายหลังจากเริ่มมีลักษณะและไม่ได้รับการดูแลรักษาคนป่วยโรคอัลไซเมอร์จะมีลักษณะสมองเสื่อมรุนแรงยิ่งขึ้น
            โดโรคอัลไซเมอร์[/url] (Alzheimer,s disease, AD) นี้มีรูปร่างคิดเป็นจำนวนร้อยละ 50 ของผู้เจ็บป่วยสภาวะสมองทั้งหมด จะมีอาการหลงลืม โดยจะลืมเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นใหม่ๆในชีวิตประจำวัน ดังเช่น ลืมว่าวันนี้กินอาหารเช้าหรือยัง ลืมว่าเคยเจอผู้ใดในวันนี้ ชอบกล่าวซ้ำ ถามคำถามซ้ำ ปัญญาความหลักแหลมจริงๆน้อยลง ทักษะต่างๆเริ่มสูญเสียไป การดำเนินของโรคจะค่อยๆเป็น ค่อยๆไป และย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆซึ่งเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
            ในปี คริสต์ศักราช2007 มีการแถลงการณ์ว่าประเทศอเมริการมีคนไข้เป็นโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer,s disease, AD) สูงถึง 5 ล้านคน แล้วก็จะมากยิ่งขึ้นเป็น 16 ล้านคน ในอีก 40 ปีข้างหน้า ในประเทศทางแถบซีกโลกตะวันตก พบว่าโรคอัลไซเมอร์จะเกิดกับคนวัยชราเป็นส่วนใหญ่ โดยอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคเพิ่มขึ้นตามอายุ จากบุคคลที่มีอายุ 60-64 ปี มีอัตราเสี่ยงราว 1-3% บุคคลที่แก่มากกว่า 65 ปี มีอัตราเสี่ยง 6-8% และมากขึ้นเป็น 30-40% ในบุคคลที่อายุมากกว่า 85 ปี
ที่มาของโรคอัลไซเมอร์ ต้นสายปลายเหตุแล้วก็การดำเนินโรคของโรคอัลไซเมอร์ยังไม่เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วนักในตอนนี้ งานศึกษาเรียนรู้บ่งชี้ว่าโรคนี้มีความข้องเกี่ยวกับโครงสร้างเหมือนคราบเปื้อนในสมองที่เรียกว่า พลาก (plaque) แล้วก็แทงเกิล (tangle)  และก็ความแตกต่างจากปกติที่ส่งผลโดยตรงต่อสมอง ซึ่งเป็นศูนย์การสื่อสารที่น่าแปลกสำหรับเพื่อการควบคุมความรู้สึก แล้วก็การตอบสนอง การติดต่อสื่อสารที่สำคัญต่างๆในร่างกายจะถูกส่งผ่านสมอง โดยมีสารเคมีที่เรียกว่า สารสื่อประสาท (NEURO-TRANMITTER) เป็นตัวติดต่อ สารนี้จะช่วยนำคำบัญชาจากสมองไปยังอวัยวะจุดหมายเพื่อมีการปฏิบัติงานขึ้น สำหรับสารสื่อประสาทที่มีความหมายอย่าง  ยิ่งต่อความจำของคนเป็น สารอะเซติลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าสารนี้ช่วยทำให้มนุษย์มีความรู้ความสามารถในการจำ แล้วก็ถ้าเกิดในสมองมีสารนี้ต่ำลงมากจะทำให้เซลล์สมองมีปัญหาในการสื่อสาร รวมทั้งพบว่าคนไข้โรคอัลไซเมอร์มีระดับของสารอะเซติลโคลีนน้อยลงอย่างยิ่ง ซึ่งมั่นใจว่าเป็นเหตุทำให้ความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการจำและการใช้เหตุผลของคนเจ็บน้อยลงตามไปด้วย  แล้วก็ยังมีต้นเหตุอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น คนไข้โดยประมาณ 7% มีสาเหตุมาจากพันธุกรรม แล้วก็สามารถถ่ายทอดสู่บุตรหลานได้ ตำแหน่งความแตกต่างจากปกติบนโครโมโซมที่เจอแจ่มชัดแล้วว่ากระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคอัลไซเมอร์อยู่บนโครโมโซมคู่ที่ 21, 14, 1, และ 19 คนที่มีความผิดธรรมดาของพันธุกรรมพวกนี้ จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ที่อายุน้อยกว่าผู้ที่ไม่ได้มีความผิดปกติทางพันธุกรรม นอกจากนี้พบว่าในผู้เจ็บป่วยโรคกรุ๊ปอาการดาวน์ (Down’s syndrome) ซึ่งมีความผิดปกติคือมีสารพันธุบาปของโครโมโซมแท่งที่ 21 เกินมา หากมีชีวิตอยู่เกิน 40 ปี จะป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์สุดท้าย

ลักษณะของโรคอัลไซเมอร์
ในระยะก่อนโรคสมองเสื่อม (Predementia) อาการแรกสุดชอบเข้าใจผิดว่าเกิดขึ้นเองจากความแก่ หรือเกิดขึ้นจากภาวการณ์เครียด ความบกพร่องที่เห็นได้ชัดคือการสูญเสียความจำ เป็นอุตสาหะจำข้อมูลที่ทำความเข้าใจเมื่อไม่นานมานี้มิได้และไม่สามารถรับข้อมูลใหม่ๆได้ ในระยะก่อนแสดงอาการทางสถานพยาบาลนี้บางทีอาจเรียกอีกอย่างว่า ความบกพร่องทางการทราบน้อย (mild cognitive impairment)
สมองเสื่อมระยะเริ่มต้น (Early dementia) อาการเริ่มแรกมักเป็นการลืมเรื่องราวที่เพิ่มเกิดขึ้นใหม่ๆไม่นาน เวลาที่ความจำเรื่องเก่าๆในสมัยก่อนจะยังดีอยู่ คนป่วยอาจถามซ้ำเรื่องที่เพิ่มบอกไปหรือกล่าวย้ำเรื่องที่เพิ่งเล่าให้ฟัง นอกจากนี้ยังอาจมีอาการอื่นๆได้แก่ วางของแล้วลืม ทำอะไรที่เคยทำประจำมิได้ สับสนเรื่อง วัน เวลา สถานที่ คิดคำกล่าวไม่ค่อยออกหรือใช้คำไม่ถูกๆแทน มีอารมณ์ การกระทำและบุคลิกลักษณะที่เปลี่ยนไปจากเดิม การตัดสินใจห่วยแตกลง ไม่สามารถที่จะมีความคิดเริ่มใหม่ๆได้ อาการต่างๆกลุ่มนี้จะค่อยเริ่มเปลี่ยนแปลง กระทั่งสร้างปัญหาต่อการทำงานแล้วก็กิจวัตรที่ทำทุกๆวัน
สมองเสื่อมระยะปานกลาง (Moderate dementia) เมื่อลักษณะโรคเริ่มปรับปรุงถึงขั้นถัดมา ผู้ป่วยจะยิ่งมีปัญหาด้านความทรงจำ ผู้เจ็บป่วยมักจำเป็นต้องได้รับความให้การช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตทุกวัน ได้แก่ การทานอาหาร การอาบน้ำแต่งตัว แล้วก็การเข้าห้องอาบน้ำทำธุระส่วนตัว โดยอาการที่แสดงมากขึ้นอาจมีดังต่อไปนี้
การจำชื่อของคนรู้จักแปลงเป็นเรื่องยากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกที บากบั่นคิดชื่อเพื่อนพ้องรวมทั้งครอบครัวแต่คิดไม่ออก
เกิดภาวะงวยงงแล้วก็สูญเสียการรับรู้ด้านสถานที่ เวลา และบุคคล เป็นต้นว่า หลงทาง หรือเดินไปเรื่อยเปื่อยโดยไม่รู้วันเวลา
กระบวนการทำงานกิจวัตรที่มีหลายกระบวนการกลายเป็นเรื่องยากขึ้น ได้แก่ การแต่งตัว
มีการกระทำหมกมุ่น ทำอะไรบ่อยๆหรือหุนหันพลันแล่น
ไม่อาจจะศึกษาสิ่งใหม่ๆมีปัญหาในการรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคย
มีอาการหลงทาง เชื่อในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงอย่างสนิทใจ รวมถึงบางทีอาจรู้สึกหวาดระแวงหรือสงสัยในเพศผู้ดูแลหรือครอบครัวของตนเอง
มีปัญหาเกี่ยวกับการพูดหรือการใช้ภาษาสื่อสาร
มีปัญหาด้านการนอนหลับ
กำเนิดความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ ได้แก่ อารมณ์ไม่คงที่ แปรปรวนบ่อยมาก มีสภาวะซึมเซา หรือไม่สบายใจ อารมณ์เสีย ไม่สบายใจเพิ่มขึ้นเรื่อย
ดำเนินงานที่ต้องใช้การกะระยะได้ทุกข์ยากลำบาก
มีลักษณะอาการประสาทหลอน
สมองเสื่อมระยะท้ายที่สุด (Advanced dementioa) ระยะที่ลักษณะโรคร้ายแรงขึ้นอย่างยิ่งกระทั่งนำความเศร้าเสียใจและวิตกกังวลมาให้บุคคลสนิทสนม ในเวลานี้คนป่วยอาจจะต้องได้รับการดูแลรวมทั้งให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลตลอด ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหาร การเคลื่อนไหว หรือการเข้าห้องน้ำ
อาการหลงทางหรือประสาทหลอนที่เป็นๆหายๆกลับยิ่งห่วยแตกลงเรื่อยๆ
ผู้ป่วยบางทีอาจก่อกวน เรียกร้องความพึงพอใจ และไม่ไว้ใจผู้คนรอบกาย
กลืนแล้วก็ทานอาหารตรากตรำ
แปลงท่าทางหรือเคลื่อนไหวตัวเองตรากตรำ จำต้องได้รับการช่วยเหลือ
น้ำหนักต่ำลงมาก แม้ว่าจะทานอาหารมากมายหรือมานะเพิ่มน้ำหนักแล้วก็ตาม
มีลักษณะชัก
กลั้นฉี่หรืออุจจาระไม่อยู่
เบาๆสูญเสียความสามารถสำหรับการกล่าวลงไปทีละเล็กละน้อยจนกระทั่งไม่อาจจะติดต่อได้
มีปัญหาด้านความทรงจำในระยะสั้นแล้วก็ระยะยาวอย่างร้ายแรง
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคอัลไซเมอร์
อายุ โดยภาวการณ์เสี่ยงจะมากขึ้น เมื่อมีอายุเยอะขึ้นโดยช่วงอายุระหว่าง 65-74 ปี พบว่าจะมีอัตราเสี่ยงโดยเฉลี่ย 3% ช่วงอายุระหว่าง 75-84 ปี พบว่ามีอัตราเสี่ยงสูงมากขึ้นเป็น 19%
พันธุกรรม และก็ กลุ่มอาการ Down Syndrome จากการเรียนรู้พบว่าในคู่แฝดแม้ หากฝาแฝดคนหนึ่งมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์แล้ว ฝาแฝดอีกคนหนึ่งจะมีสภาวะความเสี่ยงมากถึง 40-50% รวมทั้งนอกจากนั้นถ้าเกิดมีเครือญาติในครอบครัวป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์ พบว่าก็จะช่องทางเสี่ยงในการเป็นเพิ่มสูงมากขึ้น ในเรื่องพันธุกรรมพบว่ามีการเปลี่ยนของยีนและในผู้ที่เป็น Down Syndrome ถ้าเกิดมีอายุยืนถึง 40-50 ปี จะพบว่ามีภาวการณ์สมองเสื่อมเกิดขึ้นได้
ต้นสายปลายเหตุทางสิ่งแวดล้อม ถึงยีนจะเป็นเหตุที่บ่งบอกถึงอัลไซเมอร์ในคู่แฝดแท้ แต่ว่าอย่างไรก็ตามสภาพแวดล้อมก็น่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ ด้วยเหตุว่าพบว่าแฝดนั้นอาจได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์แตกต่างกันถึง 15 ปี รวมทั้งคนแก่คนประเทศญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในฮาวายจะมีอัตราการเป็นอัลไซเมอร์สูงขึ้นมากยิ่งกว่าคนแก่ที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
การตรวจเจอโปรตีนชนิดหนึ่งในยีนที่อยู่ในโครโมโซมคู่ที่ 19 ผลจากหายๆการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยระบุว่า apolipoprotein E4 (APOE4) จะเพิ่มสภาวะการเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์
การใช้ยาต่อต้านการอักเสบที่ไม่ใช้สเตียรอยด์อย่างไม่บ่อยนัก จากการเล่าเรียนพบว่าผู้ที่ใช้ยาในกลุ่ม NSAIDS บ่อยๆ เป็นระยะเวลาอย่างต่ำ 2 ปี มีอัตราเสี่ยงน้อยลงถึง 30-60% ที่จะเป็นอัลไซเมอร์ งานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยอีกขั้นหนึ่งบอกว่าหลังจากที่ใช้ NSAIDS เพิ่มขึ้นพบว่า ภาวการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจและอารมณ์ต่ำลง
การใช้หรือไม่ได้ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ระยะสั้นในวัยหมดประจำเดือนจากหลายๆกรณีการค้นคว้าวิจัย พบว่าหญิงในวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนสามารถปกป้องหรือ ชะลอโรคอัลไซเมอร์ได้ ดังนั้นฮอร์โมนเอสโตรเจนอาจมีผลต่อการช่วยรักษาโรคนี้ได้
สภาวะขาดสารอาหารที่มีแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นที่ชื่อกันว่า โมเลกุลออกซิเจน ภายในร่างกาย หรือ เรียกว่า Free radicles ฯลฯต่อของการเกิดโรคมะเร็งโรคไส้และยังมีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้สารอาหารที่มีสารแอนตี้ออกซิแดนท์เป็นส่วนประกอบ อาทิเช่น วิตามินเอ ซี อี ซีเลเนียม
ภาวะเกิดสมองกระเทือน มีหลักฐานที่ชี้นำว่าการที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนกระทั่งทำให้สลบ จะมีผลทำให้เกิดช่องทางเป็นอัลไซเมอร์สูงมากขึ้น
โรคเส้นโลหิตหัวใจ โรคนี้มีเหตุการเกิดมาจากความประพฤติการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนแปลงด้วยการเลิกดูดบุหรี่ กินอาหารเป็นประโยชน์ รักษาน้ำหนักให้ไม่มากเกิน ดื่มแอลกอฮอล์ให้ลดลง และก็ตรวจสุขภาพเสมอๆ เพื่อคุ้มครองโรคเส้นโลหิตหัวใจแล้วก็โรคอัลไซเมอร์ไปในครั้งเดียวกัน เพศ (SeX) จากรายงานการเรียนรู้ทางระบาดวิทยา พบว่าเพศเป็นปัจจัยเสี่ยงของวิวัฒนาการของภาวะโรคสมองเสื่อมด้วยเหมือนกัน โดยพบว่าผู้หญิงได้โอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าเพศชายถึง 3.5 เท่าการบริหารร่างกาย (Physical activity) จากรายงานการวิจัยหลายฉบับรับรองได้ว่า การบริหารร่างกายในคนชราจะช่วงเพิ่มความสามารถสำหรับการเรียนรู้ (cognitive function)  นอกจากนี้ยังช่วยลดความถดถอยในการศึกษา (cognitive decline) ลงได้ ด้วยเหตุนั้นผู้ที่ไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจึงได้โอกาสเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้มากกว่าคนที่บริหารร่างกาย
ขั้นตอนการรักษาโรคอัลไซเมอร์  ในการตรวจเบื้องต้นจะพินิจพิเคราะห์จากอาการที่คนเจ็บหรือคนใกล้ชิดบอกกล่าว และไต่ถามครอบครัวหรือคนที่อยู่รอบข้างของคนป่วยเกี่ยวกับสุขภาพโดยรวม เรื่องราวสุขภาพ ความรู้ความเข้าใจสำหรับในการใช้ชีวิตประจำวัน พฤติกรรมแล้วก็ลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนไปของผู้ป่วย รวมถึงใช้การถามคำถามหรือทำแบบทดสอบความจำ การแก้ปัญหา การนับเลข หรือความสามารถทางด้านภาษา เพื่อตรวจดูลักษณะการทำงานของสมองในแต่ละส่วนและก็พิเคราะห์ว่าควรจะรับการตรวจเพิ่มเติมอีกหรือส่งให้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตรวจรักษาถัดไปหรือไม่
โดยเหตุนั้นเมื่อวินิจฉัยจากอาการได้แล้วว่าคนป่วยมีภาวะของสูญเสียความจำเกิดขึ้น ขั้นต่อไปหมอต้องตรวจหาสาเหตุของความจำเสื่อมนั้น โดยอาศัยการตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการแล้วก็การเอกซเรย์ต่างๆเพื่อให้การวินิจฉัยโรคที่เป็นต้นเหตุของจำอะไรไม่ค่อยได้ รวมทั้งให้การรักษาที่ถูกต้องถัดไป เป็นต้นว่า การเจาะเลือดมองภาวะต่อมไทรอยด์ฮอร์โมน การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองเพื่อดูว่ามีเนื้องอกในสมอง มีเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมองหรือไม่ ฯลฯ   ถ้าหากการตรวจวิเคราะห์ไม่เจอปัจจัยอื่นๆประกอบกับอาการและการทดลองทางสมองและก็ภาวะจิต ตรงเกณฑ์การวินิจฉัยของโรคอัลไซเมอร์ ก็เลยจะวินิจฉัยว่าผู้เจ็บป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์    ในเรื่องที่มีปัญหาในการวินิจฉัย อาจจำต้องอาศัยการตัดชิ้นเนื้อสมองเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ปัจจุบันนี้ยังไม่มีแนวทางการรักษาโรคอัลไซเมอร์ให้หายสนิท การรักษาด้วยยาอาจช่วยรักษาอาการที่เป็นได้มากมายน้อยนานับประการ แต่ว่าไม่มียาตัวไหนที่จะสามารถชะลอหรือหยุดการดำ เนินของโรคได้ แบ่งการรักษาออกได้เป็น3 แบบ ได้แก่
การรักษาด้วยยา แบ่งเป็น
การรักษาอาการความจำไม่ดี ปัจจุบันนี้มียาอยู่ 4 ประเภทที่ได้รับการยืนยันจากภาควิชา กรรมการของกินและยาที่สหรัฐฯ สำหรับในการนำมาใช้กับคนป่วยโรคอัลไซเมอร์หมายถึงDonezpezil , Rivastigmin, Galantamine, และ Memantine มีการเล่าเรียนพบว่า การใช้สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Ginkgo biloba) ช่วยบรร เทาลักษณะของผู้ป่วยได้ แม้กระนั้นก็ยังไม่มีการศึกษารับรองแจ่มชัด บางการเรียนรู้พบว่าการให้วิตามินอี เสริมในขนาดสูงจะช่วยชะลอการตายได้ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงต่อระบบหัวใจรวมทั้งเส้นเลือดได้
การรักษาอารมณ์และก็พฤติกรรมที่ร้ายแรง แล้วก็อาการประสาทหลอน โดยการใช้ยารักษาโรคจิตมารักษาตามอาการที่ปรากฏ
การดูแลและรักษาทางด้านจิตสังคม เช่น
การรักษาที่เน้นการกระตุ้นสมอง ดังเช่น ศิลปะบำบัด ดนตรีบำบัด การบำบัดโดยอาศัยสัตว์เลี้ยง
การบำบัดด้วยการนึกถึงถึงเรื่องราวในอดีต เช่น การจับกลุ่มทำกิจกรรมแลก แปลงประสบการณ์ในอดีต การใช้ภาพถ่าย สิ่งของเครื่องใช้ในบ้าน ดนตรี ที่ผู้ป่วยเคยชินในอดีตกาลมาช่วยฟื้นฟูความทรงจำ
การให้เข้าไปอยู่ภายในห้องที่เรียกว่า Snoezelen room ซึ่งเป็นห้องที่ออกแบบให้มีสภาพแวดล้อมข้างในที่เหมาะกับขั้นตอนการกระตุ้นการรับทราบแล้วก็ความรู้สึกที่มากมาย ที่เรียกว่า Multisensory integration อันยกตัวอย่างเช่น การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรับสัมผัส และก็การเคลื่อนไหว
การให้การดูแลคนไข้ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ผู้ที่อยู่สนิทสนมต้องรู้เรื่องอาการโรคต้องทำใจ ยอมรับ และก็อดทน ไม่ทอดทิ้งคนเจ็บไว้ผู้เดียว รวมทั้งเข้าใจการดำเนินของโรคว่า คนเจ็บจะต้องอาศัยความให้การช่วยเหลือที่จะตอบสนองความจำเป็นพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น
การติดต่อของโรคอัลไซเมอร์ ด้วยเหตุว่าโรคอัลไซเมอร์เป็นหนึ่งในโรคของภาวการณ์สมองเสื่อมที่เกิดขึ้นมาจากความเปลี่ยนไปจากปกติของสมอง เพราะฉะนั้นจึงไม่มีการติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คน

การปฏิบัติตนเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคอัลไซเมอร์
 ผู้เจ็บป่วยที่เริ่มมีอาการของจำอะไรไม่ค่อยได้ควรหยุดขับขี่รถด้วยตัวเองคนเดียว ไม่ควรไปยังสถานที่ไม่คุ้นเคยเพียงคนเดียวหรือไปทำธุระคนเดียวโดยเฉพาะถ้าเกิดเป็นเรื่องสำคัญ ดังเช่นว่า ธุรกรรมด้านการเงิน รวมทั้งเมื่อมีลักษณะอาการมากแล้วต้องมีผู้ดูแลใกล้ชิดตลอดระยะเวลา
ผู้เจ็บป่วยจำต้องไปพบแพทย์หรือให้ผู้ดูแลพาไปพบแพยท์ตามนัดเป็นประจำ เพื่อประเมินอาการต่างๆติดตามการใช้ยา แล้วก็ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
คนป่วยควรพกป้ายประจำตัว หรือใส่สายข้อมือที่บอกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรติด แม้กระทั่งชัดเจน เพื่อปกป้องการพลัดหลงถ้าจำเป็นต้องออกนอกบ้าน หรือกำเนิดเดินหนีออกนอกบ้านไปคนเดียว
ควรจะมีการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมด้านในภาย เพื่อผู้ป่วยมีความปลอดภัยและลดภาระต่อผู้ดูแลได้บ้าง เช่น การล็อกบ้านและก็รั้วไม่ให้คนป่วยออกนอกบ้านไปคนเดียว การต่อว่าดป้ายบนเครื่องใช้ต่างๆภายในบ้านให้ชัดแจ้งโดยระบุว่าเป็นยังไง ใช้งานอย่าง ไร การตำหนิดป้ายหน้าห้องต่างๆให้แจ้งชัดว่าเป็นห้องอะไร เป็นต้น
ผู้เจ็บป่วยควรจะหากิจกรรมทำ รวมทั้งควรจะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกับคนที่ดูแลรวมทั้งผู้ที่อยู่ในบ้าน เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้คนป่วยบ่อย
ผู้เจ็บป่วยควรจะออกกำลังกายเท่าที่จะทำได้เพื่อมีสุขภาพที่ดีซึ่งส่งผลที่ดีไปถึงสมองได้
การปกป้องคุ้มครองตนเองจากโรคอัลไซเมอร์ ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลพอเพียงสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันโรคนี้ แม้กระนั้นการกระทำตัวบางอย่างบางทีอาจช่วยทำให้สมองมีความจำที่ดีได้ อย่างเช่น
หลบหลีกยาหรือสารที่จะมีผลให้ทำให้เป็นอันตรายแก่สมอง ตัวอย่างเช่น การกินเหล้าจัด การสูบบุหรี่ การรับประทานยาโดยไม่จำเป็น
การฝึกซ้อมสมอง ตัวอย่างเช่น การพยายามฝึกให้สมองได้คิดเป็นประจำยกตัวอย่างเช่น อ่านหนังสือ แต่งหนังสือเสมอๆคิดเลข มองเกมส์ตอบปัญหา ฝึกหัดการใช้เครื่องมือใหม่ๆเป็นต้น
บริหารร่างกายบ่อย อาทิตย์ละ 3-5 ครั้ง เป็นต้นว่า เดินเล่น รำมวยจีน เป็นต้น
การคุยกัน พบปะสนทนาคนอื่นบ่อยๆเช่น ไปวัด ไปงานสังสรรค์ต่างๆหรือเข้าชมรมคนชรา ฯลฯ
ตรวจสุขภาพรายปี หรือถ้ามีโรคประจำตัวอยู่เดิมก็จะต้องติดตามการรักษาเป็นระยะ ดังเช่น การตรวจค้น ดูแลและก็รักษาโรคความดันเลือดสูง โรคเบาหวาน เป็นต้น
ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุต่อสมอง ระวังการหกล้ม เป็นต้น
อุตสาหะมีสติในสิ่งต่างๆที่กำลังทำแล้วก็ฝึกสมาธิอยู่ตลอดระยะเวลา
พยายามไม่คิดมากมาย ไม่เครียด หากิจกรรมต่างๆทำเพื่อคลายเครียด เนื่องด้วยความตึงเครียดและอาการซึมเซาอาจส่งผลให้จำอะไรได้ไม่ดี
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองปกป้อง/รักษาโรคอัลไซเมอร์
ขมิ้นชัน  หรือ  ขมิ้น  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma longa L. มีรายงานการวิจัยหลายฉบับรับรองว่าสาร curcumin มีคุณภาพสำหรับในการต้านทานอนุมูลอิสระ สาร curcumin มีคุณสมบัติปกป้องเซลประสาทในสมองของสัตว์ทดลองจากการทำลายของสารเอทานอล (ethanol-induced brain injury) สารจำพวกนี้ยังช่วยลดจำนวน lipid peroxide และก็เพิ่มปริมาณ glutathione ในสมองหนูแรท สาร curcumin และ curcuminoids ที่ได้จากเหง้าขมิ้น มีฤทธิ์สมาคมกับการต้านอนุมูลอิสระแล้วก็การต้านการอักเสบ ที่เป็นต้นเหตุหนึ่งของโรคอัลไซเมอร์
บัวบก มีชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica L. มีรายงานการวิจัยพบว่า น้ำมันหอมระเหยจากใบบัวบก ซึ่งมีสารกลุ่ม monoterpenes เป็นต้นว่า bornyl acetate, α-pinene, β-pinene, γ-terpinene มีฤทธิ์ยับยั้งลักษณะการทำงานของเอ็นไซม์acetylcholinesterase  พบว่าสารสกัดจำพวกนี้มีฤทธิ์กล่อมประสาท (tranquilizing) ซึ่งมีเหตุมาจากสารไตรเทอร์ปีนป่าย (triterpenes) ที่ชื่อว่า brahmoside สารสกัดจากใบบัวบกยังมีฤทธิ์กดประสาท (sedatvie) ต้านทานอาการเศร้าหมอง (antidepressant) และก็มีฤทธิ์เป็น cholinomimetic ในสัตว์ทดลอง จากการศึกษาและทำการค้นพบนีจึงบางทีอาจนำบัวบกไปใช้รักษาอาการเศร้าหมองรวมทั้งอาการเป็นห่วงในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ได้ โดยส่งผลกระตุ้นระบบ cholinergic activity แล้วก็ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นสำหรับการศึกษา (cognitive function)
ถั่ว  เว้นแต่ถั่วจะเป็นแหล่งโปรตีนที่ก็ดีแล้ว ถั่วยังเป็นแหล่งของวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระระดับแม่ทัพตามธรรมชาติ แล้วก็เป็นแหล่งของเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในระบบรูปแบบการทำงานของร่างกาย รวมถึงระบบการนำประสาทต่างๆด้วย ได้แก่ แมกนีเซียม สังกะสี ซีลีเนียม ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่ช่วยปกป้องการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้
ใบติดก้วย (Ginkgo biloba) เป็นสมุนไพรจีนที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกมีสารในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม และก็มีสรรพคุณสำหรับในการเพิ่มสมาธิและก็ความทรงจำ
เอกสารอ้างอิง

  • รศ.อารีย์ ตัณฑ์เจริญรัตน์. โรคอัลไซเมอร์  ALZHE1MER DISEASE. วารสารศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.ปีที่ฉบับที่2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2553.หน้า 169-182.
  • ภก.ผศ.ชาญชัย สาดแสงจันทร์.ศักยภาพของพืชสมุนไพรไทยกับภาวะสมองเสื่อม.วารสารไทภษัชยนิพนธ์(ฉบับการศึกษาต่อเนื่องทางเภสัชศาสตร์) มศก.ปีที่ฉบับเดือน มกราคม-เดือนธันวาคม 2555 หน้า 1-21
  • กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2544).เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ.กรุงเทพฯ.กรมการแพทย์.
  • อัลไซเมอร์ โรคอัลไซเมอร์ หาหมอ.com  (ออนไลน์)เข้าถึงได้จากhttp://haamor.com/th
  • Barnes DE,Yaffe K, Satariano WA, et al.A longitudinal study of cardiorespiratory fitness and cognitive function in older adults. Journal of the American Geriatric Society 2003;51:459-65.
  • ผศ.นพ.วีรศักดิ์ เมืองไพศาล โรคสมองเสื่อม.ภาควิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • Karp A, Paillard-Borg S, Wang HX, et al. Mental, physical and social components in leisure activities equally contribute to dementia  risk. Dementia Geriatric Cognitive Disorders 2006; 21: 65-73.
  • บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล.(2551).ตำราบำบัดโรคด้วยอาหารและสารเสริม.กรุงเทพฯ: บริษัท รวมทรรศน์ จำกัด  http://www.disthai.com/[/b]
  • อัลไซม์เมอร์-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://pobpad.com
  • พนัส ธัญญะกิจไพศาล.(2544).คู่มือการดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์.กรุงเทพฯ:โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา.
  • กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข.(2544).ความรู้เรื่องอัลไซเมอร์.กรุงเทพฯ:ศูนย์สารนิเทศและประชาสัมพันธ์.
  • Alzheimer’s disease, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 17th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2008 (electronic book)
  • Berchtold NC, Cotman CW (1998). "Evolution in the conceptualization of dementia and Alzheimer's disease: Greco-Roman period to the 1960s". Neurobiol. Aging 19 (3): 173–89. PMID 9661992. doi:10.1016/S0197-4580 (98) 00052-9
  • Tiraboschi P, Hansen LA, Thal LJ, Corey-Bloom J (June 2004). "The importance of neuritic plaques and tangles to the development and evolution of AD". Neurology 62 (11): 1984–9. PMID 15184601
  • Albert MS. Changing the trajectory of cognitive decline? The New England Journal

Medicine 2007; 357: 502-3.

  • Walsh DM, Selkoe DJ. Deciphering the molecular basis of memory failure in Alzheimer’s disease. Neuron 2004; 44: 181-93.
  • May AB, Adel B, Marwan S, et al, Sex differences in the association of the apolipoprotein E epsilon 4 allele with incidence of dementia, cognitive impairment, and decline. Neurobiology of Aging 2012; 33(4): 720-731.
  • Yaffe K, Barnes D, Nevitt M, et al. A prospective study of physical activity and cognitive decline in elderly women: women who walk. Archives International Medicine 2001; 161: 1703-8.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ