โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โรคต่อททอนซิล มีวิธีรักษาด้วยสมุนไพรอย่างไร เเละสมุนไพรมีสรรพคุณ-ประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 29 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
teareborn
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 743


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2018, 09:46:29 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement


โรคต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)
โรคต่อมทอนซิลอักเสบเป็นยังไง  ต่อมทอนซิล เป็นอวัยวะที่อยู่ข้างในลำคอ ซึ่งคือต่อมคู่ซ้ายขวาใกล้กับโคนลิ้น โดยเป็นต่อมน้ำเหลืองที่ทำหน้าที่จับสิ่งเจือปนจากของกิน , น้ำและการหายใจ ยกตัวอย่างเช่น แบคทีเรียที่เข้าสู่ร่างกายเหมือนกองทหารด่านหน้า รวมทั้งบ่อยมากที่ต่อมทอนซิลมักมีการอักเสบขึ้น
ต่อมทอนซิลอักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) คือ โรคที่มีสาเหตุมาจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมทอนซิลซึ่งเป็นโรคพบได้ทั่วไปโรคหนึ่ง พบได้ในทุกอายุ แม้กระนั้นพบมากกว่าในเด็ก และไม่ค่อยเจอในผู้ใหญ่แล้วก็คนวัยชรา ช่องทางกำเนิดโรคเสมอกันทั้งยังในเพศหญิงแล้วก็เพศชาย  ต่อมทอนซิลอักเสบเจอได้ทั้งยังการอักเสบติดโรคกระทันหันซึ่งเมื่อเกิดมักมีลักษณะอาการร้ายแรงกว่า แต่รักษาหายได้ภายใน 1 - 2 อาทิตย์ และอักเสบเรื้อรังที่มักจะเป็นๆหายๆอาการแต่ละครั้งรุนแรงน้อยกว่าชนิดรุนแรง แต่มีลักษณะอาการอักเสบกระทันหันซ้อนได้เป็นระยะๆซึ่งนิยามของต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรังเป็นต้นว่า มีต่อมต่อมทอนซิลอักเสบเกิดขึ้นอย่างน้อย 7 ครั้งใน 1 ปีที่ล่วงเลยไป หรือขั้นต่ำ 5 ครั้งทุกปีต่อเนื่องกันใน 2 ปีที่ผ่านมา หรืออย่างน้อย 3 ครั้งทุกปีติดต่อกันใน 3 ปีที่ล่วงเลยไป
ทั้งโรคนี้กำเนิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่มีสาเหตุมาจากกรุ๊ปโรคติดเชื้อรวมทั้งกลุ่มโรคไม่ติดโรค ซึ่งในบทความนี้จะขอกล่าวถึงการอักเสบจากโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสแล้วก็เชื้อแบคทีเรียซึ่งเจอได้เป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า “เบต้า-ฮีโมไลว่ากล่าวกสเตรปโตค็อกคัสกลุ่มเอ” (Group A beta-hemolytic streptococcus) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สเตรปโตค็อกคัส ไพโอจีเนส” (Streptococcus pyogenes) ซึ่งอาจจะทำให้คนป่วยมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงตามมาได้
ที่มาของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ การต่อว่าดเชื้อที่ต่อมทอนซิลจำนวนมากเกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผ่านเข้าทางปาก โดยต่อมทอนซิลจะช่วยคุ้มครองปกป้องการต่อว่าดเชื้อด้วยการผลิตเซลล์เม็ดเลือดขาวออกมาต่อสู้กับเชื้อโรค รวมทั้งเหตุเพราะเป็นภูมิต้านทานด่านแรก ต่อมทอนซิลจึงเป็นอวัยวะที่มีความเสี่ยงต่อการอักเสบและก็ติดเชื้อโรคมากมาย
โดยต่อมทอนซิลอักเสบส่วนใหญ่ เป็นการติดเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้สูงกว่าการตำหนิดเชื้ออื่นๆประมาณ 70 - 80% ของต่อมทอนซิลอักเสบทั้งหมดทั้งปวง ซึ่งเชื้อไวรัสที่ก่อโรคต่อมทอนซิลอักเสบมีหลายประเภทเป็นต้นว่า

  • ไรโนไวรัส (Rhinoviruses) ไวรัสที่ส่งผลให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วๆไป
  • เชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza) ไวรัสที่เป็นต้นเหตุของไข้หวัดใหญ่
  • ไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (Parainfluenza) กระตุ้นให้เกิดโรคกล่องเสียงอักเสบและก็กลุ่มอาการครู้ป
  • ไวรัสเอนเทอร์โร (Enteroviruses) ที่มาของโรคมือเท้าปาก
  • ไวรัสรูบิโอลา (Rubeola) นำมาซึ่งโรคหัด
  • เชื้อไวรัสอะดีโน (Adenovirus) ไวรัสที่มักเป็นสาเหตุ ที่มา : wikipedia           ของอาการท้องร่วง
  • เชื้อไวรัสเอ็บสไตน์บาร์ (Epstein-Barr) ที่สามารถก่อให้เกิดโรคโมโนนิวคลีโอซิส แต่ต่อมทอนซิลอักเสบที่เกิดขึ้นมาจากแบคทีเรียชนิดนี้จะเจอได้ไม่บ่อย
  • แล้วก็อีกต้นสายปลายเหตุหนึ่งเป็นการติดโรคแบคทีเรียราว 15 - 20 %

ต้นเหตุของต่อมทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยที่สุดเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการเชื้อสเต็ปโตคอคคัสกลุ่ม  ที่ส่งผลให้เกิดทอนซิลอักเสบแบบเป็นหนอง (exudative tonsil litis)
ลักษณะของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ โดยปกติโรคต่อมทอนซิลอักเสบมักเกิดร่วมกับการอักเสบติดโรคของคอเสมอ
อาการของโรคต่อมทอนซิลอักเสบแยกได้เป็น 2 กรุ๊ปใหญ่ๆเป็น

  • กรุ๊ปที่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อไวรัส มีลักษณะอาการเจ็บคอบางส่วนถึงปานกลาง และไม่เจ็บมากเพิ่มขึ้นตอนกลืน อาจมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกใส ไอ เสียงแหบ เป็นไข้ ปวดหัวบางส่วน ตาแดง บางบุคคลอาจมีอาการท้องร่วงหรือถ่ายเหลวร่วมด้วย  การตรวจดูคอจะเจอฝาผนังคอหอยแดงเพียงเล็กน้อย ต่อมทอนซิลบางทีอาจโตนิดหน่อยมีลักษณะแดงเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ
  • กรุ๊ปที่มีต้นเหตุจากแบคทีเรีย จะมีอาการไข้สูงเกิดขึ้นฉับพลัน หนาวสั่น  ปวดศีรษะ  เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวเรียกตัว  เมื่อยล้า  ไม่อยากกินอาหาร  เจ็บคอมากจนกระทั่งกลืนน้ำลายหรือของกินลำบาก  อาจมีอาการปวดร้าวขึ้นไปที่หู  บางบุคคลอาจมีลักษณะของการปวดท้อง  หรืออ้วกและก็มีกลิ่นปากร่วมด้วย  มักจะไม่มีอาการน้ำมูกไหล ไอ  หรือตาแดง  แบบการตำหนิดเชื้อจากเชื้อไวรัส

                นอกนั้นจะเจอฝาผนังคอหอยแล้วก็เพดานอ่อน  มีลักษณะแดงจัดและก็บวม  ต่อมทอนซิลบวมโตสีแดงจัด  รวมทั้งมีแผ่นหรือจุดหนองสีขาวๆเหลืองๆติดอยู่บนต่อมทอนซิล  ยิ่งกว่านั้น       ยังบางทีอาจตรวจเจอต่อมน้ำเหลืองที่ใต้ขากรรไกรบวมโตและเจ็บ
กรรมวิธีการรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
การวิเคราะห์โรคทอนซิลอักเสบ แพทย์จะวิเคราะห์พื้นฐานด้วยอาการแสดงและก็การตรวจคอโดยบางทีอาจใช้วิธีการตั้งแต่นี้ต่อไป

  • ใช้ไฟฉายส่องมองบริเวณลำคอ และก็บางทีอาจมองรอบๆหูแล้วก็จมูกร่วมด้วย เนื่องด้วยเป็นบริเวณที่ออกอาการติดโรคได้เช่นเดียวกัน
  • ตรวจทานผื่นแดงที่เป็นลักษณะโรคไข้อีดำอีแดงซึ่งมีเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียตัวเดียวกับกับโรคคออักเสบ
  • ตรวจด้วยการคลำสัมผัสเบาๆที่คอเพื่อดูว่าต่อมน้ำเหลืองบวมหรือเปล่า
  • ใช้เครื่องสเต็ทโทสโคปฟังเสียงจังหวะการหายใจของคนป่วย

ถ้าหากพบผนังคอหอยรวมทั้งต่อมทอนซิลมีลักษณะแดงเพียงแค่เล็กๆน้อยๆไหมกระจ่าง ก็มักมีเหตุมาจากการต่อว่าดเชื้อไวรัส   ถ้าเกิดต่อมทอนซิลบวมโต แดงจัด แล้วก็มีแผ่นหรือจุดหนองติดอยู่บนทอนซิล  ก็ชอบเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื้ออนุภาคเบตาฮีโมโลตำหนิกสเตรปโตค็อกคัส กลุ่มเอ  ในรายที่ยังคลุมเคลือหมอบางทีอาจจำต้องทำตรวจค้นเชื้อจากรอบๆคอหอยและก็ต่อมทอนซิล  โดยใช้วิธีที่เรียกว่า "rapid strep test" ซึ่งสามารถรู้ผลประโยชน์ในไม่กี่นาที ถ้าหากผลของการตรวจไม่กระจ่าง  ก็อาจจำเป็นต้องทำเพาะเชื้อซึ่งจะทราบผลใน 1-2 วัน

การดูแลและรักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ แพทย์จะให้การรักษาตามปัจจัยที่เจอ คือ

  • มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัส ก็จะให้การรักษาแบบเกื้อหนุนตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ แก้หวัด ไม่มีการให้ยายาปฏิชีวนะ เพราะว่าไม่สามารถที่จะฆ่าเชื้อโรคเชื้อไวรัสได้ ซึ่งอาการโรคชอบหายได้ข้างใน 1 สัปดาห์
  • เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย เว้นเสียแต่ให้ยาบรรเทาตามอาการแล้ว ก็จะให้ยายาปฏิชีวนะรักษาด้วยการใช้ ยกตัวอย่างเช่น เพนิสิลลินวี (Penicillin V) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) อีริโทรไมซิน (Erythromyin)  อาการมักทุเลาข้างหลังรับประทานยาปฏิชีวนะ 48-72 ชั่วโมง  โดยหมอจะให้กินยาสม่ำเสมอจนถึงครบ 10 วัน เพื่อคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนต่างๆตามมา

ดังนี้การกินยาปฏิชีวนะควรต้องรับประทานให้ครบตามคำแนะนำของหมอ เพื่อมั่นใจว่าแบคทีเรียถูกกำจัดจนหมด เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียที่กำจัดไม่หมดอาจจะก่อให้การตำหนิดเชื้อห่วยลงหรือแพร่ขยายไปยังส่วนอื่นของร่างกาย ยิ่งไปกว่านี้ในเด็กยังเสี่ยงเกิดภาวะสอดแทรก ดังเช่นว่า การติดเชื้ออย่างรุนแรงที่ไต และก็ไข้รูมาติกซึ่งเป็นการติดโรครอบๆลิ้นหัวใจร่วมกับมีไข้ตามมาได้
ยิ่งกว่านั้นยังมีวิธีการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออก (tonsillectomy) ซึ่งเป็นแนวทางรักษาทอนซิลอักเสบที่เป็นซ้ำหลายคราว หรือทอนซิลอักเสบเรื้อรัง หรือทอนซิลอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียที่ไม่ตอบสนองต่อการดูแลรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเท่านั้น โดยพิจารณาได้จากลัษณะดังกล่าวต่อไปนี้

  • ต่อมทอนซิลอักเสบมากกว่า 7 ครั้งในรอบหนึ่งปี
  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 4-5 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 2 ปีให้หลัง
  • ทอนซิลอักเสบมากยิ่งกว่า 3 ครั้งในรอบหนึ่งปีเป็นระยะเวลา 3 ปีให้หลัง

ยิ่งไปกว่านี้ แพทย์ยังบางทีอาจใช้การผ่าตัดทอนซิลในกรณีที่ต่อมทอนซิลอักเสบนำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากจะรักษาตามมา ตัวอย่างเช่น

  • ภาวะหยุดหายใจขณะที่กำลังหลับ (ก่อเกิดอาการนอนกรมด้วยเหตุว่าต่อมทอนซิลโต)
  • หายใจลำบาก (เนื่องมาจากต่อมทอนซิลโตมากมายจนอุดกั้นฟุตบาทหายใจ)
  • กลืนทุกข์ยากลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลืนเนื้อหรือของกินชิ้นหนาๆ
  • เป็นฝีที่ใช้ยาปฏิชีวนะแล้วยังไม่ดีขึ้น
  • มีต่อมต่อมทอนซิลโตด้านเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นอาการโรคโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลบ่อยมากหรือเรื้อรังอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆเช่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะกำลังหลับ หายใจไม่สะดวก การตำหนิดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เนื้อเยื่อรอบๆ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะนำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมา ตัวอย่างเช่น  ในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่จะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนผู้ที่ลักษณะของโรคร่วมกับไม่สบายหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ยกตัวอย่างเช่น ภูมิแพ้ หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ เป็นต้น และในกรุ๊ปที่มีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

  • เชื้ออาจลุกลามไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกึ่งกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ฝีที่ทอนซิล
  • เชื้อบางทีอาจเข้ากระแสโลหิตแพร่ไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบชนิดกระทันหัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาภูเขามิต้านตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งภายหลังติดเชื้อแบคทีเรียจำพวกนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยายับยั้งเนื้อเยื่อของตนเอง นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนร้ายแรง อาทิเช่น ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อแล้วก็หัวใจ ถ้าหากปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดโรคลิ้นหัวใจพิการ หัวใจวายได้) รวมทั้ง หน่วยไตอักเสบฉับพลัน (จับไข้ บวม ฉี่สีแดง อาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกซ้อนพวกนี้มักกำเนิดข้างหลังทอนซิลอักเสบ 1-4 สัปดาห์

สำหรับไข้รูมาติก มีโอกาสเกิดขึ้นประมาณปริมาณร้อยละ 0.3-3 ของคนที่ไม่ได้รับการดูแลรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างถูกต้อง แต่ว่าดังนี้การคุ้มครองภาวะแทรกซ้อนรุนแรงดังกล่าวสามารถทำได้กล้วยๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (แม้ว่าอาการจะดีขึ้นข้างหลังกินยาได้ 2-3 วันไปและตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เช่นเดียวกับในโรคไข้หวัดทั่วๆไปแล้วก็ในไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายและเสลด (รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของคนไข้ แล้วก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังกล่าวจากผู้เจ็บป่วย จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกรวมทั้งช่องปากได้แก่ น้ำมูก น้ำลายคนเจ็บ แล้วก็จากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดเลือกหลั่งดังกล่าวข้างต้น

  • มีต่อมต่อมทอนซิลโตด้านเดียว ซึ่งบางทีอาจเป็นลักษณะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ต่อมทอนซิล)

ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ  การบวมอักเสบของต่อมทอนซิลหลายครั้งหรือเรื้อรังบางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อนอื่นๆยกตัวอย่างเช่น เกิดภาวะหยุดหายใจขณะกำลังหลับ หายใจลำบาก การติดเชื้อที่แพร่ลึกลงไปสู่เยื่อโดยรอบ
ส่วนภาวะแทรกซ้อนที่จะก่อเกิดโรคต่างๆตามมา ตัวอย่างเช่น  ในกรุ๊ปที่มีต้นเหตุมาจากไวรัส โดยมากจะไม่มีภาวะแทรกซ้อน ส่วนคนที่ลักษณะของโรคร่วมกับไม่สบายหวัด  ไข้หวัดใหญ่  ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อน ดังเช่นว่า ไซนัสอักเสบ หูชั้นกึ่งกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ  ปอดอักเสบ ฯลฯ แล้วก็ในกลุ่มที่เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อแบคทีเรีย อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังนี้

  • เชื้อบางทีอาจแพร่กระจายไปยังรอบๆใกล้เคียง ทำให้เป็นหูชั้นกลางอักเสบ จมูกอักเสบ ไซนัสอักเสบ ปอดอักเสบ ฝีที่ต่อมทอนซิล
  • เชื้ออาจเข้ากระแสเลือดแพร่กระจายไปยังที่ต่างๆ ทำให้เป็นข้ออักเสบประเภทเฉียบพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
  • ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูเขามิต่อต้านตัวเอง (autoimmun reaction) กล่าวอีกนัยหนึ่งภายหลังติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ ร่างกายจะสร้างสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อขึ้นมา แล้วไปก่อปฏิกิริยายับยั้งเนื้อเยื่อของตน ก่อให้เกิดโรคแทรกร้ายแรง ได้แก่ ไข้รูมาติก (มีการอักเสบของข้อรวมทั้งหัวใจ ถ้าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดโรคลิ้นหัวใจทุพพลภาพ หัวใจวายได้) แล้วก็ หน่วยไตอักเสบกระทันหัน (มีไข้ บวม ปัสสาวะสีแดง อาจทำให้เกิดภาวะไตวายได้) โรคแทรกซ้อนเหล่านี้มักเกิดข้างหลังทอนซิลอักเสบ 1-4 สัปดาห์

สำหรับไข้รูมาติก ได้โอกาสเกิดขึ้นประมาณจำนวนร้อยละ 0.3-3 ของผู้ที่มิได้รับการดูแลและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอย่างแม่นยำ แต่ว่าทั้งนี้การป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสามารถทำได้กล้วยๆด้วยการกินยาปฏิชีวนะให้ครบ 10 วัน (แม้ว่าอาการจะดีขึ้นกว่าเดิมหลังกินยาได้ 2-3 วันไปและก็ตาม)
การติดต่อของโรคต่อมทอนซิลอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบติดต่อได้เหมือนกันกับในโรคไข้หวัดทั่วๆไปและก็ในไข้หวัดใหญ่คือ เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของดรคอยู่ในน้ำลายแล้วก็เสลด (รวมทั้งสารคัดหลั่งอื่นๆ) ของคนป่วย แล้วก็จะติดต่อจากการสัมผัสเชื้อโรคดังที่กล่าวผ่านมาแล้วจากคนไข้ จากการไอ จาม หายใจ หรือการสัมผัสสารคัดเลือกหลั่งจากจมูกแล้วก็ช่องปากอาทิเช่น น้ำมูก น้ำลายคนป่วย รวมทั้งจากใช้ของใช้ส่วนตัวที่สัมผัสสารคัดเลือกหลั่งดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
สมุนไพรที่ช่วยป้องกัน/รักษาโรคต่อมทอนซิลอักเสบ
ฟ้าทะลายขโมย ชื่อวิทยาศาสตร์ Andropraphis paniculata (Burm.f.) Wall. EX Nees ชื่อพ้อง Justicia paniculata Burm.f. ชื่อสกุล Acanthaceae คุณประโยชน์: ตำรายาไทย: มีการใช้ส่วนเหนือดินเก็บก่อนจะมีดอก เพื่อรักษาไข้ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ดับพิษร้อน ระงับอักเสบในอาการไอ เจ็บคอ คออักเสบ ต่อมทอนซิล หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ ขับเสมหะ ลดบวม แก้ติดเชื้อโรค รูปแบบและก็ขนาดวิธีการใช้ยา:.ทุเลาลักษณะการเจ็บคอ                   กินครั้งละ 3-6 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน บรรเทาอาการหวัด กินครั้งละ 1.5-3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังรับประทานอาหารและก่อนนอน  ส่วนประกอบทางเคมี: สารประเภทแลคโตน andrographolide,neoandrographolide,deoxyandrographolide, deoxy-didehydroandrographolide สารกรุ๊ปฟลาโวน ดังเช่น aroxylin, wagonin, andrographidine A 
จากการเล่าเรียนประสิทธิภาพของสารสกัดจากฟ้าทะลายขโมยในผู้เจ็บป่วยระบบทางเท้าหายใจส่วนบนไม่รุนแรง  223 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายขโมย 200 มิลลิกรัมต่อวัน แล้วก็อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นระยะเวลา 5 วัน ซึ่งจะวัดผลด้วยการวัดอาการจากเพศผู้ป่วยไข้เองในด้านต่างๆได้แก่ อาการไอ เสลด มีน้ำมูก ปวดศีรษะ เป็นไข้ เจ็บคอ อาการเหน็ดเหนื่อยง่าย แล้วก็ปัญหาในการนอน ผลพบว่า ทั้งยัง 2 กรุ๊ปมีอาการดีตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งจบการทดสอบ แต่ว่ากลุ่มที่กินสารสกัดจากฟ้าทะลายโจรเห็นผลได้อย่างเห็นได้ชัดในช่วงวันที่ 3-5 มากกว่ากรุ๊ปที่กินยาหลอก อย่างไรก็ดี ยังเจอผลกระทบเล็กน้อยในอีกทั้ง 2 กรุ๊ป จากการทดสอบจึงเชื่อว่าฟ้าทะลายโจรอาจช่วยรักษาหรือทุเลาอาการติดเชื้อในทางเดินหายใจตอนต้น
โทงเทง ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Physalis angulata  L. ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Physalis minima ชื่อสามัญ :   Hogweed, Ground Cherry ชื่อวงศ์ :   SOLANACEAE สรรพคุณโทงเทง : แบบเรียนยาไทย ผลรสเปรี้ยวเย็น แก้ต่อมน้ำลายอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ฝีในคอ แก้อักเสบในคอ แก้ร้อนในอยากกินน้ำ ตำพอกแก้ปวดบวม
ส่วนผลดีที่สำคัญของโตงเตงที่ ใช้รักษาอาการทอนซิลอักเสบ โดยหมอพื้นเมืองนั้นจะใช้ทั้งต้นตำให้แหลกละลายกับเหล้า เอาสำลีชุบเอาน้ำยาใช้อมไว้ข้างแก้ม กลืนน้ำผ่านคอนิด แก้ทอนซิลอักเสบ หรือที่เรียกว่าต่อมน้ำลายอักเสบ แก้ฝีในคอ ใช้แก้อาการอักเสบในคอก้าวหน้า หรือแพ้แอลกอฮอล์ก็ใช้ละลายกับน้ำส้มสายชูแทน ใช้ด้านในแก้ร้อนในกระหายน้ำ ใช้ด้านนอกแก้ฟกบวมอักเสบทำให้เย็น รวมทั้งอีกแบบเรียนยาหนึ่งบอกว่าแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ ให้ใช้ต้นนี้สดๆ(หรืออย่างแห้งก็ใช้ได้) 3 หัว แผ่น ฝักชุบน้ำตาล 2 แผ่น ใส่น้ำ 1 ถ้วย ต้มให้เหลือครึ่งถ้วย รับประทานครั้งเดียวหมด เด็กก็รับประทานต่ำลงตามส่วน จากการรักษาผู้ป่วยร้อยกว่าราย บางบุคคลกิน 4-10 ครั้งก็หาย บางบุคคลรับประทานต่อเนื่องกันถึง 2 เดือนก็เลยหาย
ปลาไหลเผือก ชื่อวิทยาศาสตร์ :  EURYCOMA LONGIFOLIA Jack. สกุล : SIMAROUBACEAE คุณประโยชน์ทางยา : ราก ต้านโรคมะเร็ง รักษาโรคอัมพาต ช่วยถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้อาการท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้อาการเจ็บคอ วิธีการใช้ตามตำราไทย : ต้านทานโรคมะเร็ง ช่วยขับถ่ายน้ำเหลือง ขับพยาธิ แก้อาการท้องผูก แก้ต่อมทอนซิลอักเสบ แก้ลักษณะการเจ็บคอ นำรากแห้งราว 8-15 กรัม นำมาต้มเอาน้ำดื่มก่อนที่จะกินอาหารทุกเช้าและก็เย็น (2 เวลา)
เอกสารอ้างอิง

  • พรพิมล พฤกษ์ประเสริฐ.(2550). การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน. ใน ประยงค์ เวชวนิชสนอง และวนพร อนันตเสรี. กุมารเวชศาสตร์ทั่วไป (หน้า214-216).หน่วยผลิตตำราคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ทอนซิลอักเสบ.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่324.คอลัมน์สารานุภาพทันโรค.เมษายน.2549
  • ศ.พญ.นวลอนงค์ วิศิษฎสุนทร.คออักเสบและตอ่มทอนซิลอกัเสบปัญหาของหนูน้อย.ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.
  • ทอนซิลอักเสบ-อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์ดอทคอม. http://www.disthai.com/[/b]
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2.  “ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 410-413.
  • วิทยา บุญวรพัฒน์.”โทงเทง” หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย.หน้า284.
  • ฟ้าทะลายโจร.ฐานข้อมูลเครื่องยา.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • โทงเทง สมุนไพรหยุดการอักเสบในลำคอ.ศูนย์ข้อมูลสมุนไพร.สถาบันวิจัยสมุนไพร.กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ