นมผึ้งและคุณค่าที่น่าสนใจขั้นตอนทีดีต่อร่างกาย

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: นมผึ้งและคุณค่าที่น่าสนใจขั้นตอนทีดีต่อร่างกาย  (อ่าน 3 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
iampropostweb
Drift King
*****

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 37259


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2018, 06:59:38 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

นมผึ้ง ได้ผลสำเร็จผลิตที่หลั่งออกมาจากต่อมไฮโปฟาริงจ์ (Hypopharyngeal Gland) ของผึ้งงาน นมผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวสีขาวคล้ายน้ำนม รสหวาน มีกลิ่นเปรี้ยวนิดหน่อย เป็นของกินหลักของผึ้งนางพญาและตัวอ่อนผึ้งเพื่อช่วยกระตุ้นในการเจริญเติบโต หลายประเทศใช้นมผึ้งในฐานะยารักษาโรค อาหารเสริม และก็ยังรวมทั้งเป็นส่วนประกอบของครีมบำรุงรวมทั้งเครื่องแต่งตัว
นมผึ้งมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลักราวๆ 60-70% รวมทั้งอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆดังเช่นว่า โปรตีน น้ำตาล วิตามิน เกลือแร่ แล้วก็กรดอะมิโน นอกจากนั้น ยังพบสารอื่นในนมผึ้ง ดังเช่น กรดไขมันเอชดีเอ (10-Hydroxy-Trans-2-Decenoic Acid) ซึ่งเป็นสารที่มีหน้าที่สำหรับเพื่อการเจริญเติบโตของผึ้ง สารแอสิว่ากล่าวลโคลีน (Acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจสึกแล้วก็กลไกลักษณะการทำงานของร่างกาย รวมถึงฮอร์โมนเพศ ดังเช่น เทสโทสเตอโรน โปรเจสเตอโรน ฯลฯ ดังนี้สถานที่ ภูมิศาสตร์ รวมทั้งสภาพภูมิอากาศเป็นตัวแปรที่ทำให้องค์ประกอบของนมผึ้งต่างกันออกไป หลายคนเชื่อว่าการกินนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการวัยทอง กระตุ้นระบบภูมิต้านทานร่างกาย รักษาเบาหวาน รวมทั้งแผลเบาหวาน ฯลฯ อีกทั้งยังเชื่อกันอีกว่าแม้นำนมผึ้งทาที่หนังศีรษะอาจช่วยกระตุ้นการก้าวหน้าเติบของเส้นผมอีกด้วย ซึ่งคำกล่าวอ้างเหล่านี้จะเป็นจริงหรือไม่ และมีหลักฐานด้านการแพทย์มาดน้อยแค่ไหนที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ ผลดี และก็ความปลอดภัยของนมผึ้งที่มีหน้าที่หรือส่วนช่วยสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหล่านี้
คุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากนมผึ้งที่อาจมีต่อสุขภาพ
ทุเลาอาการวัยทอง อาการวัยทองเป็นปัญหาทางสุขภาพที่เกิดขึ้นกับหญิงวัยกลางคน นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการหลายประเภท ดังเช่น ช่องคลอดแห้ง แสบร้อนหรือคันในช่องคลอด เจ็บขณะร่วมเพศ เป็นต้น
อาการดังกล่าวข้างต้นสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการใช้สารหล่อลื่น แต่สารหล่อลื่นส่วนมากจะออกฤทธิ์ได้เพียงแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งนมผึ้งมีคุณสมบัติต่อต้านจุลินทรีย์ (Antimicrobial Activity) และก็มีคุณลักษณะเหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน
จากการศึกษาเล่าเรียนโดยให้ผู้หญิงวัยทองที่สมรสแล้วอายุ 50-65 ปี ปริมาณ 90 คน กรุ๊ปหนึ่งใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้ง 15% กลุ่มหนึ่งใช้ฮอร์โมนทดแทนเอสโตรเจนประเภทครีมแบรนด์หนึ่ง รวมทั้งอีกกลุ่มใช้สารหล่อลื่นทาบริเวณช่องคลอดเป็นเวลา 3 เดือน พบว่าครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งมีประสิทธิภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของหญิงวัยทองได้มากกว่าอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับฮอร์โมนชดเชยเอสโตรเจนประเภทครีมแล้วก็สารหล่อลื่น ซึ่งจากผลของการทดสอบอาจกล่าวได้ว่าการใช้ครีมที่มีส่วนผสมของนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตและก็ทุเลาอาการวัยทองที่เกี่ยวโยงกับช่องคลอดของเพศหญิงวัยทอง รวมทั้งทางผู้ศึกษาค้นคว้าและวิจัยยังได้ระบุอีกว่าแม้เพิ่มความเข้มข้นของนมผึ้งก็บางทีอาจจะช่วยทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นให้มากขึ้นได้
ลดระดับไขมันในเลือด นมผึ้งมีส่วนประกอบของสารอาหารหลายแบบ หนึ่งในนั้นคือกรดไขมันทางสายกลาง (Medium Chain Fatty Acid) แล้วก็สารประกอบที่มีคุณสมบัติช่วยลดไขมันในเลือด ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาที่ให้เพศหญิงวัยทองสุขภาพแข็งแรงปริมาณ 36 ผู้รับประทานนมผึ้งขนาด 150 มิลลิกรัม ตรงเวลา 3 เดือน โดยตรวจสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่อาจจะเป็นผลให้เกิดโรคเส้นโลหิตแล้วก็หัวใจ รวมทั้งระดับไขมันในเลือดทั้งยังก่อนแล้วก็ข้างหลังการทดสอบ พบว่ามีการเปลี่ยนของระดับไขมันในเลือดอย่างมีนัยสำคัญ โดยที่ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (LDL) น้อยลง 4.1% ระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) น้อยลง 3.09% และระดับคอเลสเตอรอลประเภทที่ดี (HDL) มากขึ้น 7.7% จากผลของการทดสอบอาจจะบอกได้ว่าการรับประทานนมผึ้งอาจมีส่วนช่วยลดระดับไขมันในเลือด และก็บางทีอาจเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับในการควบคุมอาการวัยทองที่เกี่ยวโยงกับภาวะไขมันในเลือดสูง ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีอีกการเล่าเรียนหนึ่งที่ให้อาสาสมัครซึ่งมีสภาวะไขมันในเลือดสูงประเภทไม่รุนแรงจำนวน 40 คน รับประทานนมผึ้งขนาด 350 มิลลิกรัมวันละ 9 แคปซูล เป็นเวลา 3 เดือนก็บอกให้เห็นถึงระดับไขมันในเลือดที่ลดลงสิ่งเดียวกัน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone Sulphate: DHEA-S) แล้วก็ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดรวมทั้งหัวใจได้อีกด้วย
ทุเลาอาการก่อนมีระดู อาการก่อนมีระดูมักส่งผลในทางลบกับสุขภาพของหญิง บางเวลาการดูแลรักษาโดยไม่ใช้ยาก็อาจช่วยบรรเทาให้อาการต่างๆได้ ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาชิ้นหนึ่งที่ให้นิสิตแพทย์ปริมาณ 110 คน กินนมผึ้งขนาด 1,000 มก.วันละ 1 ครั้ง โดยเริ่มในวันแรกที่มีประจำเดือน แล้วก็กินต่อเนื่องจนกระทั่งหมดระดูในรอบถัดไป พบว่าอาการก่อนมีเมนส์ลดน้อยลง
จากผลการทดสอบอาจจะกล่าวว่าการกินนมผึ้งต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 เดือน อาจช่วยบรรเทาอาการก่อนมีรอบเดือนได้
รักษาแผลโรคเบาหวาน แผลโรคเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบมากในคนป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมอาการได้ไม่ดี ส่วนใหญ่จะพบแผลเบาหวานที่รอบๆเท้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนิ้วโป้งเท้าและก็ปลายฝ่าตีน
ซึ่งนมผึ้งประกอบไปด้วยสารประกอบฟีนอลิคทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระ โปรตีนที่มีคุณลักษณะต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย แล้วก็กรดไขมันเอชดีเอ ที่ช่วยต้านเชื้อจุลินทรีย์ จึงคาดว่าบางทีอาจจะช่วยรักษาแผลเบาหวานได้
จากการศึกษาชิ้นหนึ่งให้ผู้เจ็บป่วยที่มีแผลโรคเบาหวานที่ได้รับการดูแลและรักษาหลักตามธรรมดา ทายาที่มีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลรวมทั้งปิดแผลด้วยแผ่นปิดแผลประเภทไม่มีเชื้อตรงเวลา 3 เดือนหรือตราบจนกระทั่งแผลจะหาย
รวมทั้งมีการให้คะแนนสัปดาห์ละ 3 ครั้ง พบว่าใช้เวลาเฉลี่ย 424 ชั่วโมงก็เลยทำให้แผลหายดี รวมทั้งค่าเฉลี่ยของความยาว ความกว้าง แล้วก็ความลึกของแผลน้อยลงวันละ 0.35 มิลลิเมตร 0.28 มิลลิเมตร รวมทั้ง 0.11 มม.เป็นลำดับ
จากผลการศึกษาเรียนรู้อาจกล่าวได้ว่านมผึ้งอาจมีความสามารถเป็นลู่ทางหนึ่งในการรักษาแผลเบาหวานควบคุ่ไปกับการรักษาหลัก แต่ผลการศึกษาข้างต้นมีผู้เข้าร่วมการทดสอบเพียงแค่ 8 คน
ซึ่งบางทีอาจจะเล็กเหลือเกินที่จะสรุปความสามารถของนมผึ้งสำหรับการรักษาแผลโรคเบาหวาน
แต่การเล่าเรียนชิ้นหนึ่งได้บอกให้เห็นผลของนมผึ้งที่แตกต่างออกไป โดยให้ผู้ที่มีแผลโรคเบาหวานทายาซึ่งมีความเข้มข้นของนมผึ้ง 5% ในรอบๆที่เป็นแผลตรงเวลา 3 เดือนหรือจะกว่าแผลจะหายเหมือนกัน
แต่ว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่านมผึ้งมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวานได้มากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกเนื่องจากว่าการเรียนรู้อีกทั้ง 2 ชิ้นข้างต้นบ่งบอกถึงผลของนมผึ้งที่ตรงกันข้ามกัน ก็เลยบางทีอาจยังไม่สามารถสรุปคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาแผลโรคเบาหวานได้อย่างชัดเจน ก็เลยจะต้องเรียนรู้เพิ่มอีก
บรรเทาอาการอ่อนแรงจากโรคมะเร็ง
อาการอ่อนแรงที่เป็นผลมาจากโรคมะเร็งเกิดขึ้นจากการดูแลรักษาการฉายรังสีหรือแนวทางการทำเคมีบำบัดรักษา มักมีผลต่ออารมณ์ จิตใจ ร่างกาย แล้วก็คุณภาพชีวิตของผู้เจ็บป่วย ซึ่งการกินยา การบำบัด หรือการบริหารร่างกายบางทีอาจช่วยบรรเทาอาการลงได้ รวมถึงการรับประทานอาหารเสริม ดังเช่น นมผึ้งก็อาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการสิ่งเดียวกัน ก็เลยสอดคล้องกับการศึกษาหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 52 คน พบว่ากลุ่มที่กินน้ำผึ้งดัดแปลงรวมทั้งนมผึ้งขนาด 5 มก. วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีลักษณะอ่อนแรงจากโรคมะเร็งดีขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติเมื่อเทียบกับอีกกรุ๊ปที่ัรับประทานน้ำผึ้งบริสุทธิ์ อย่างไรก็ตามยังจำเป็นจะต้องเล่าเรียนเพิ่มเติมถึงบทบาทที่แท้จริงของนมผึ้งสำหรับการทุเลาอาการอ่อนแรงจากโรคมะเร็ง
รักษาไข้ละอองฟาง
โรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายตอบสนองอย่างรุนแรงกับละอองเกสรดอกไม้หรือสารอื่นๆทำให้ผู้เจ็บป่วยมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล คันตา หูอื้อ ฯลฯ ซึ่งจากการศึกษาเล่าเรียนทดสอบโดยให้เด็กอายุ 5-16 ปี ที่ป่วยละอองฟาง จำนวน 80 คน กลุ่มหนึ่งรักษาด้วยการใช้การรับประทานผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมผึ้งแล้วก็อีกกลุ่มกินยาหลอกเป็นเวลา 3-6 เดือน และตราบจนกระทั่งจะสิ้นสุดฤดูของเกสรดอกไม้ พบว่า 2 กรุ๊ปยังคงพบอาการของไข้ละอองฟาง และหรูหราความรุนแรงของอาการที่ไม่ได้ต่างอะไรกันมากเท่าไรนัก จากผลวิจัยอาจกล่าวได้ว่านมผึ้งบางทีอาจไม่มีสมรรถนะต่อการดูแลและรักษาไข้ละอองฟางและไม่สามารถบรรเทาอาการต่างๆให้ดียิ่งขึ้นได้
ก็เลยยังจำเป็นจะต้องศึกษาเพิ่มเกี่ยวกับคุณภาพของนมผึ้งสำหรับเพื่อการรักษาไข้ละอองฟางที่แจ่มแจ้งเพิ่มขึ้น
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการกินมผึ้ง[/url]
การกินนมผึ้งค่อนข้างไม่เป็นอันตรายถ้าเกิดรับประทานในจำนวนที่เหมาะสม แม้กระนั้นก็ได้โอกาสที่จะเป็นผลข้างเคียงได้ ยกตัวอย่างเช่น เลือดออกในลำไส้ เจ็บท้อง หรือถ่ายเป็นเลือด ฯลฯ บางรายถ้ามีอาการแพ้อย่างรุนแรงอาจจะเป็นผลให้มีลักษณะหอบหืด คอบวม หรือถึงขั้นเสียชีวิต ทั้งการใช้นมผึ้งทาที่รอบๆผิวหนังออกจะปลอดภัย แม้กระนั้นไม่สมควรทาบริเวณหนังหัวด้วยเหตุว่าอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้ ผื่นคัน หรือมีลักษณะอาการอักเสบ
ข้อควรตรึกตรองสำหรับในการกินนมผึ้งโดยเฉพาะบุคคลในกลุ่มดังนี้
คนที่กำลังมีครรภ์หรือผู้ที่อยู่ในช่วงให้นมลูก ในขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยของนมผึ้ง โดยเหตุนั้นก็เลยไม่สมควรรับประทานนมผึ้งถ้ากำลังมีท้องหรืออยู่ในตอนให้นมบุตรคนไข้โรคหอบหืดหรือผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้สินค้าที่มีนมผึ้งเป็นส่วนประกอบ อาจจะก่อให้กำเนิดอาการแพ้อย่างรุนแรง หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้คนไข้โรคผิวหนังอักเสบ การกินหรือทานมผึ้งอาจส่งผลให้อาการรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคนเจ็บความดันเลือดต่ำ การรับประทานนมผึ้งอาจส่งผลให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลงมากเกินไปผู้ที่อยู่ในตอนรับประทานยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น ยาวาร์ฟาริน เพราะการกินนมผึ้งบางทีอาจมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดแผลฟกช้ำได้ง่าย

ขอบคุณบทความจาก : [url]http://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/royal-jelly/[/url]



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ