มะกรูดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์เป็นอย่างมาก

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: มะกรูดเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณเเละประโยชน์เป็นอย่างมาก  (อ่าน 15 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หนุ่มน้อยคอยรัก007
Jr. Member
**

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 76


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: พฤษภาคม 31, 2018, 06:08:42 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

มะกรูด
ชื่อสมุนไพร  มะกรูด
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น มะขูด , มะขุน (ภาคเหนือ) , ส้มมั่วผี , ส้มกรูด (ภาคใต้) , โกร้ยเชีด (เขมร) , มะขู (แม่ฮ่องสอน)
ชื่อสามัญ    Kaffir lime , Mauritius papeda , Leech lime
ชื่อวิทยาศาสตร์  Citrus hystrix DC.
วงศ์  RUTACEAE
ถิ่นเกิด เป็นพืชเครือญาติส้ม และมะนาว เป็นพืชท้องถิ่นในเขตร้อนชื้นแถบประเทศเอเซียอาคเนย์ ยกตัวอย่างเช่น ไทย เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา อื่นๆอีกมากมาย  ซึ่งถูกจัดเป็นไม้ผล สำหรับมะกรูดในประเทศไทยนั้น  ชาวไทยคงเคยชินกันเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นสมุนไพรคู่ห้องครัวไทยมาอย่างนาน เนื่องจากว่านิยมใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องแกงที่จำเป็นจะต้องอย่างต้องมีให้ได้เลย (ซึ่งโดยทั่วไปแล้วพวกเรามักจะนิยมใช้ใบมะกรูดและก็ผิวมะกรูดมาเป็นส่วนผสมของพริกแกง) นอกนั้นมะกรูดก็ยังมีคุณประโยชน์ในด้านฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของความสวยสดงดงามรวมทั้งในด้านของยาสมุนไพร ทั้งยังถือว่าเป็นพืชที่มีความมงคลที่นิยมปลูกไว้บริเวณบ้านอีกด้วย เพราะเชื่อว่าจะก่อให้ผู้อาศัยสุขสบาย โดยชอบปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉเหนือของตัวบ้าน
ลักษณะทั่วไป
มะกรูด เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก แก่นไม้เป็นเนื้อแข็ง เปลือกเรียบมีสีน้ำตาลอ่อน ลำต้นแตกกิ่งก้านเยอะมากๆตั้งแต่ระดับล่างของลำต้นทำให้มีลักษณะเป็นพุ่มไม้ ตามลำต้น รวมทั้งกิ่งมีหนามแหลมยาว ใมะกรูด[/url] เป็นใบประกอบ ออกเป็นใบผู้เดียว มีก้านใบแบออกเป็นครีบเหมือนแผ่นใบ ใบมีลักษณะหนา เรียบ มีผิวมัน สีเขียว และก็เขียวเข้มตามอายุของใบ ใบมีคอดกิ่วที่กึ่งกลางใบทำให้ใบแบ่งออกเป็น 2 ตอน หรือ คล้ายใบไม้ 2 ใบ ต่อกัน ขนาดใบกว้างโดยประมาณ 2.5-5 ซม. ยาวโดยประมาณ 5-12 ซม. ใบมีกลิ่นหอมยวนใจมากเนื่องจากว่ามีต่อมน้ำมันอยู่  ดอกมะกรูดเป็นดอกบริบูรณ์เพศ ดอกออกเป็นช่อมีสีขาว แทงออกบริเวณส่วนยอดหรือตามซอกใบ แต่ละช่อมีดอกประมาณ 1-5 ดอก หลีบดอกมีสีขาวครีม 5 กลีบ มีขนปกคลุม ด้านในดอกมีเกสรมีสีเหลือง ดอกมีกลิ่นหอมยวนใจน้อย แล้วก็เมื่อแก่จะหล่นง่าย  ผลมะกรูดหรือลูกมะกรูด มีลักษณะค่อนข้างกลม มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7 เซนติเมตร ผลเหมือนผลส้มซ่า ผลมีขนาดใหญ่กว่าลูกมะนาวน้อย ลักษณะของผลมีรูปร่างนาๆประการแล้วแต่พันธุ์ เปลือกผลออกจะดก ผิวเปลือกมีสีเขียวเข้ม ผิวขรุขระเป็นคลื่นหรือเป็นปุ่มนูน ข้างในเปลือกมีต่อมน้ำมันหอมระเหยเยอะๆ มีจุกที่ศีรษะ และก็ท้ายของผล เมื่อสุก ผลจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง  ด้านในผลประกอบด้วยเนื้อชุ่มฉ่ำน้ำ มีเมล็ดแทรกบริเวณกึ่งกลางผล 5-10 เมล็ด เนื้อผลมีรสเปรี้ยวผสมขมเล็กน้อย
การขยายพันธุ์   การขยายพันธุ์มะกรูดสามารถทำได้ด้วยหลายแนวทาง อาทิเช่น การตอนกิ่ง การทาบกิ่ง การตำหนิดตา การต่อยอด และก็การเพาะเม็ด แต่ว่าวิธีที่เป็นที่ชื่นชอบ ยกตัวอย่างเช่น การตอนกิ่ง การต่อยอด และการเพาะด้วยเมล็ด เมื่อได้ต้นกล้าที่จะนำไปปลูกแล้ว ขั้นตอนต่อไป ให้ขุดหลุม ให้ขนาดหลุมกว้าง x ยาว x ลึก โดยประมาณ 50 x 50 x 50 ซม. รองตูดหลุมด้วยขี้วัวผสมดิน กรีดถุงดำออก น้ำต้นกล้าลงปลูก กลบดิน รดน้ำ ปกคลุมฟาง และก็ทำหลักปักกับต้นเพื่อกันโยกเวลาลมพัด  โดยทั่วไปนิยมนำมาปลูกมะกรูดระยะติด คือ 2×2 เมตร 1 ไร่จะได้มะกรูด 400 ต้น ถ้าหากปลูกระยะ 1.5 x 1.5 เมตร 1 ไร่จะได้ 1067 ต้น สำหรับการปลูกระยะใกล้นี้จะเป็นการปลูกมะกรูดเพื่อขายใบ เนื่องด้วยมีการตัดใบทุกๆ3 – 4 เดือน พุ่มมะกรูดก็จะไม่ชิดกันมากมาย  แม้อยากได้ปลูกเพื่อจัดจำหน่ายเป็นลูกมะกรูด ผู้ปลูกบางทีอาจปลูกระยะห่าง 4 x 4 เมตร 1 ไร่จะได้ 200 ต้น หรือ 5 x 5 เมตร 1 ไร่จะได้ 65 ต้น ฯลฯ
สำหรับมะกรูดปลูกได้ดีในดินทุกชนิดและระยะปลูกมะกรูดนั้น ปลูกได้หลายระยะขึ้นอยู่กับเป้าหมายรวมทั้งพื้นที่ของผู้ปลูกดังที่กล่าวมาข้างต้น
องค์ประกอบทางเคมี นํ้ามันหอมระเหยมะกรูดประกอบด้วย 2 จำนวนมากๆเป็น สารในกรุ๊ปเทอร์พีน ( terpenes) รวมทั้งสารที่ไม่ใช่กรุ๊ปเทอร์พีน ( non-terpene) หรือ oxygenated compounds ดังเช่นว่า ในผิวมะกรูดมีน้ำมันระเหยง่ายร้อยละ 4 มีองค์ประกอบหลักเป็น “เบตาไพนีน” (beta-pinene) โดยประมาณจำนวนร้อยละ 30 , “ลิโมนีน” (limonene)  โดยประมาณจำนวนร้อยละ 29 , beta-phellandrene, citronellal ยิ่งไปกว่านี้ยังพบ linalool, borneol, camphor, sabinene, germacrene D, aviprin   
ที่มา :  Wikipedia
       สารกลุ่มคูมาริน เช่น umbelliferone, bergamottin,  oxypeucedanin, psoralen, N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO)       น้ำจากผลพบกรด citric
ส่วนในใบมะกรูดเมื่อกลั่นด้วยไอน้ำ จะได้น้ำมันระเหยง่ายราวๆร้อยละ 0.08 มีองค์ประกอบหลักเป็น “แอล-ซิโตรเนลลาล”(l-citronellal) ราวๆร้อยละ 65, citronellol, citronellol acetate นอกนั้นยังพบ sabinene, alpha-pinene, beta-pinene, alpha –phellandrene, limonene, terpinene, cymene, linalool และสารอื่นที่พบได้แก่ indole alkaloids, rutin, hesperidin, diosmin, alpha-tocopherol ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของมะกรูดนั้นสามารถแยกได้ดังนี้
คุณประโยชน์ทางโภชนาการของใบมะกรูด (100 กรัม)

  • พลังงาน 171 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 6.8 กรัม
  • ไขมัน 3.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.0 กรัม
  • เส้นใย 8.2 กรัม
  • แคลเซียม 1672 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 20 มก.
  • เหล็ก 3.8 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 303 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.20 มก.
  • ไรโบฟลาวิน 0.35 มก.
  • ไนอาสิน 1.0 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 20 มก.
  • ขี้เถ้า 4.0 กรัม

ค่าทางโภชนาการของผิวลูกมะกรูด (100 กรัม)

  • คาร์โบไฮเดรต 21.3 กรัม
  • โปรตีน 2.8 กรัม
  • ไขมัน 1.1 กรัม
  • ใยอาหาร 3.4 กรัม
  • แคลเซียม 322 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 62 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 1.7 มก.
  • วิตามินบี 1 0 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.13 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 115 มิลลิกรัม

คุณประโยชน์ทางโภชนาการของน้ำมะกรูด (100 กรัม)

  • คาร์โบไฮเดรต 10.8 กรัม
  • โปรตีน 0.6 กรัม
  • ไขมัน 0 กรัม
  • ใยอาหาร 0 กรัม
  • แคลเซียม 20 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 20 มก.
  • เหล็ก 0.6 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 58 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 55 มิลลิกรัม
ประโยชน์/คุณประโยชน์
ใบมะกรูดแล้วก็น้ำมะกรูดสามารถใช้ดับกลิ่นคาวในอาหารและก็ใช้สำหรับการทำอาหารแล้วก็แต่งเหม็นคาวหวานของของกิน เป็นต้นว่า ต้มยำ แกงเผ็ด ผัดเผ็ด ฉู่ฉี่ ห่อหมก อื่นๆอีกมากมาย มีการนำเปลือกของมะกรูดมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องแต่งตัวบางประเภท ตัวอย่างเช่น สบู่ ยาสระผมมะกรูดหรือยาสระผมมะกรูด สินค้าคุ้มครองป้องกันยุงแล้วก็แมลง เป็นต้น ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของมะกรูดนั้นมีดังนี้
หนังสือเรียนยาไทย: ใบมะกรูด มีรสปร่า หอม แก้ไอ แก้อาเจียนเป็นเลือด แก้บอบช้ำใน กัดเสลดในคอ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้ระดูเสียฟอกเลือดประจำเดือน ขับประจำเดือน ขับลมในไส้ แก้จุกเสียด ผิว มีรสปร่าหอม ร้อน เป็นยาขับลมในลำไส้ แก้แน่น ขับระดู ขับผายลม เป็นยาบำรุงหัวใจ ผล ดองเป็นยาฟอกเลือดในสตรี ช่วยขับเมนส์ ขับลมในไส้ แก้จุกเสียด ลักปิดลักเปิด น้ำมันจากผิวช่วยคุ้มครองป้องกันรังแค และทำให้เส้นผมดกดำเป็นเงาสวย ผล รสเปรี้ยว กัดเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว กัดเถาดานในท้อง แก้รอบเดือนเสีย ฟอกเลือดรอบเดือน ขับเมนส์ ขับลมในลำไส้ ถอนพิษผิดสำแดง ผล ปิ้งไฟให้สุก ผ่าครึ่งลูก เอาเช็ดฟอกสระผม ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม นิ่มสลวย แก้คัน แก้รังแค แก้ชันนะตุ ทำให้ผมสะอาดแพทย์ตามต่างจังหวัดใช้ผลเอาไส้ออก ใส่มหาหิงคุ์แทน สุมไฟให้ไหม้เกรียม บดกวาดปากลิ้นเด็กอ่อน ขับขี้เทา ขับลม แก้เจ็บท้องในเด็ก หรือใช้ผลสดเอามาผิงไฟให้ไหม้เกรียม แล้วละลายให้เข้ากับน้ำผึ้ง ใช้ทาลิ้นให้เด็กที่เกิดใหม่ ยาท้องถิ่นบางถิ่นใช้น้ำมันมะกรูดดองยาที่เรียกว่า “ยาดองเปรี้ยวเค็ม” ที่ใช้กินเป็นยาฟอกเลือดในสตรี น้ำผลมะกรูด มีรสเปรี้ยว แก้เสลดในคอ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิตระดู ขับลมในไส้ แล้วก็ใช้ถนอมยาไม่ให้บูดเน่า แก้อาการท้องอืด ช่วยเจริญอาหาร ใช้สระผมกันรังแค  เนื้อของผล แก้ปวดศีรษะ
หนังสือเรียนยาไทย: ผิวมะกรูดจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” ประกอบด้วย ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะนาว หรือผิวส้มโอมือ และก็ผิวมะกรูด มีสรรพคุณแก้ลมกองละเอียด กองหยาบ แก้เสมหะโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
           ในหนังสือเรียนพระยาพระนารายณ์: ระบุตำรับ “น้ำมันมหาจักร” เตรียมได้ง่าย ใช้เครื่องยาน้อยสิ่ง หาซื้อได้ง่าย ในตำรับให้ใช้น้ำมันงา 1 ทะนาน (ขนาดทะนาน 600) มะกรูดสด 30 ลูก ปอกเอาแต่ผิว จัดเตรียมโดยเอาน้ำมันงาตั้งไฟให้ร้อน เอาผิวมะกรูดใส่ลง ทอดจนกระทั่งเหลืองเกรียมดีแล้วให้ยกน้ำมันลง กรองเอากากออก ทิ้งเอาไว้ให้เย็น แล้วเอาเครื่องยาอีก 7 สิ่ง บดให้เป็นผงละเอียด ใส่ลงในน้ำมันที่ได้ เครื่องยาที่ใช้มี เทียน 5 (เทียนตาตั๊กแตน เทียนขาว เทียนข้าวเปลือก เทียนแดง และก็เทียนดำ) หนักสิ่งละ 2 สลึง ดีปลีหนัก 1 บาท และการบูรหนัก 2 บาท คุณประโยชน์ ใช้ยอนหู แก้ลม แก้ริดสีดวง แก้ยุ่ยคันก็ได้ ทาแก้เมื่อยขบ แล้วก็ใส่รอยแผล ที่มีอาการปวด ที่เกิดขึ้นจากเศษไม้ จากหนาม จากหอกกระบี่ ระวังไม่ให้แผลถูกน้ำ จะไม่เป็นหนอง
           นอกนั้นบัญชียาจากสมุนไพร ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะกรูด ในยารักษาอาการโรคในระบบต่างๆของร่างกาย เป็นต้นว่า ตำรับ”ยาหอมเทพจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ในการแก้ลมตาลาย แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียน คลื่นไส้ แก้ลมจุกแน่นในท้อง  ตำรับ “ยาประสะไพล” มีส่วนประกอบของผิวมะกรูด ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ ใช้ในสตรีที่เมนส์มาไม่บ่อยนัก หรือมาน้อยกว่าธรรมดา และก็ขับน้ำคร่ำในสตรีข้างหลังคลอด
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้ ใช้ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้เสมหะ ฝานผิวมะกรูดสดเป็นชิ้นเล็กๆ1 ช้อนแกง เพิ่มการบูร หรือพิมเสน 1 ถือมือ ชงด้วยน้ำเดือดแช่ทิ้งเอาไว้ ดื่มแต่น้ำกิน 1-2 ครั้ง ถ้าหากยังไม่ทุเลารับประทานติดต่อกัน 2-3 วัน ใช้สระผม ให้ดกดำ เงาสวย รักษาชันนะตุ  ให้ผ่ามะกรูดเป็น 2 ชิ้น เมื่อสระผมเสร็จแล้ว เอามะกรูดมาสระซ้ำโดยยีไปบนผม น้ำมะกรูดเป็นกรดจะทำให้ผมสะอาด แล้วล้างเอาสมุนไพรออกให้หมด หรือใช้ผลเผาไฟ เอามาผ่าซีกใช้สระผม  ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ ด้วยการใช้ผิวมะกรูด รากชะเอม ไพล เฉียงมีดพร้า ขมิ้นอ้อย ในจำนวนเสมอกัน เอามาบดเป็นผง นำมาชงละลายน้ำร้อนหรือต้มเป็นน้ำดื่ม  ช่วยฟอกโลหิต ด้วยการนำผลมะกรูดสดมาผ่าเป็น 2 ส่วนแล้วค่อยนำไปดองกับเกลือหรือน้ำผึ้งโดยประมาณ 1 เดือน แล้วรินมัวแต่น้ำดื่ม จะช่วยฟอกเลือดได้อย่างดีเยี่ยม
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ สาร coumarins 2 ประเภทที่ได้จากผลมะกรูด อาทิเช่น bergamottin และ N-(iminoethyl)-L-ornithine (L-NIO) มีฤทธิ์ยั้งการหลั่งไนตริกออกไซด์ (NO) ในหลอดทดลอง ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการอักเสบ ซึ่งหลั่งจาก macrophage ของหนูที่ถูกกระตุ้นด้วย lipopolysaccharide (LPS) รวมทั้ง interferon-g (IFN- g)  โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 14.0 µM และ 7.9 µM เป็นลำดับ
      สารคูมาริน 3 ชนิด ได้แก่ bergamottin, oxypeucedanin และ psoralen สามารถยับยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์ เมื่อทดลองในเซลล์แมคโครฟาจ RAW 264.7 ของหนู ที่ถูกกระตุ้นด้วยลิโปพอลิแซ็กคาร์ไรด์ (LPS) แล้วก็อินเตอร์เฟอรอน (interferon)
ฤทธิ์คุ้มครองป้องกันตับ    เรียนฤทธิ์ปกป้องรักษาตับของใบมะกรูดในหนูขาว โดยให้สารสกัด 80% เมทานอล จากใบมะกรูด ขนาด 200 mg/kg ตรงเวลา 7 วัน ก่อนให้ยา paracetamol ขนาด 2 g/kg เป็นเวลา 5 วัน เพื่อทำให้เกิดพิษต่อตับ ซึ่งยา paracetamol จะทำการกระตุ้นให้ตับของหนูกำเนิดพิษในวันที่ 5 ใช้สาร Silymarin ขนาด 100 mg/kg เป็นสารมาตรฐาน ในวันที่ 7 จะมีการตรวจประเมินรูปแบบการทำงานของตับ เช่น ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ (ALT, AST, ALP), total bilirubin, total protein,blood serums รวมทั้ง hepatic antioxidants (SOD, CAT, GSH and GPx) จากการทดลองพบว่าสารสกัดใบมะกรูดจะช่วยฟื้นฟูตับ โดยการทำให้ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ และโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต่อต้านอนุมูลอิสระของตับกลับมาอยู่ในระดับธรรมดาได้อย่งมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001) ซึ่งการค้นคว้านี้สรุปได้ว่าสารสกัดใบมะกรูดมีฤทธิ์ปกป้องตับไม่ให้เกิดพิษจากยา paracetamol ได้
การทดลองพิษเฉียบพลันของสารสกัดใบด้วยเอทานอล 50% โดยให้หนูกินในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 โล (คิดเป็น 357 เท่า เปรียบเทียบกับขนาดรักษาในคน) และให้โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนู ในขนาด 10 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตรวจไม่พบอาการเป็นพิษ
มีการทดลองความเป็นพิษอีกฉบับหนึ่งบอกว่า สารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) เมื่อป้อนให้หนูกินเพื่อเรียนความเป็นพิษเฉียบพลัน พบว่าขนาดที่ทำให้สัตว์ทดสอบตายเป็นจำนวนกึ่งหนึ่ง (LD50) มีค่ามากยิ่งกว่า 100  กรัม/กก.
ฤทธิ์เสริมการเกิดโรคมะเร็งตับ    จากการทบทวนงานวิจัยพบว่ามะกรูดมีฤทธิ์ต้านฤทธิ์ของสารเสริมการเกิดโรคมะเร็ง (tumor promoter) ในการทดลองแบบ tumor promoter-induced Epstein-Barr virus activation ได้ งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยนี้มีเป้าประสงค์ที่จะเรียนฤทธิ์ของมะกรูดต่อการเกิดมะเร็งตับของหนูขาว สายพันธุ์ F344 ที่ได้รับสารก่อโรคมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo 4,5-ƒ quinoxaline (MeIQx) ในการทดลองแบบ medium-term bioassay ผลการวิเคาะห์พบว่ามะกรูดมีฤทธิ์เสริมฤทธิ์ของ MelQx สำหรับในการทําให้กำเนิดโรคมะเร็งตับ (preneoplastic liver foci) อย่างมีความนัยสําคัญทางสถิติ
พิษต่อระบบขยายพันธุ์   เมื่อป้อนสารสกัดผิวมะกรูดด้วยเอทานอล (95%) ให้กับหนูขาวที่ตั้งครรภ์ขนาด 1 และ 2.5 ก./กิโลกรัม ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง พบว่าสามารถต้านทานการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 42.5 ±14.8 และ 86.1±8.1% เป็นลำดับ รวมทั้งมีผลทำให้แท้งได้ 86.3±9.6 และ 96.9±3.1% ตามลำดับ รวมทั้งสารสกัดผิวมะกรูดด้วยคลอโรฟอร์มเมื่อป้อนให้กับหนูที่ตั้งครรภ์ในขนาด 0.5 และ 1.0 ก./กก. ทางสายยางให้อาหารวันละ 2 ครั้ง เหมือนกัน พบว่าสามารถต่อต้านการฝังตัวของตัวอ่อนได้ 34.4±14.3 และ 62.2±14.5% ตามลำดับ รวมทั้งส่งผลทำให้แท้งได้ 62.2±14.5 แล้วก็ 91.9± 5.5%
พิษต่อเซลล์สารสกัดใบด้วยเมทานอล กระทำการทดสอบกับเซลล์ ด้วยความเข้มข้น 20 มคกรัม/มิลลิลิตร พบว่าเป็นพิษต่อ Cells-Raji (9) น้ำมันหอมระเหย (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้และก็ขนาด) เป็นพิษต่อเซลล์ CEM-SS
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์     สารสกัดใบด้วยน้ำ และน้ำร้อน ทำทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ ด้วยความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/จาน พบว่าไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ต่อเชื้อ Bacillus subtilis H-17 (Rec+) รวมทั้ง B. subtilis M-45 (Rec-)
ข้อแนะนำ/ข้อควรคำนึง การใช้น้ำมันหอมระเหยกับผิวหนังในปริมาณที่มาก  จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงสว่างเนื่องจากว่าน้ำมันที่ได้จากการบีบผิวผล อาจจะทำให้กำเนิดพิษเมื่อสัมผัสกับแสงสว่างได้ แล้วก็เกิดมีสารสีเกินที่ผิวหนัง ใบหน้า รวมทั้งลำคอ เนื่องจากว่ามีสารกลุ่มคูมาริน แม้กระนั้นน้ำมันจากผิวผลที่ได้จากผู้กระทำลั่นจะไม่มีสารนี้  น้ำมะกรูดมีความเป็นกรดสูง จึงควรระมัดระวังการกินขณะท้องว่าง เนื่องจากว่าอาจจะส่งผลให้มีการระคายเคืองต่อระบบทางเดินอาหารได้
เอกสารอ้างอิง

  • ดนัย ทิวาเวช, Hirose M, Futakuchi M, วิทยา ธรรมวิทย์, Ito N, Shirai T.  ฤทธิ์เสริมการเกิดมะเร็งตับของข่า กระชาย และมะกรูด ในหนูที่ได้รับสารก่อมะเร็ง 2-amino-3,8-dimethylimidazo(4,5-ƒ)quinoxaline (MeIQx).  การประชุมวิชาการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ครั้งที่ 11 “ วิทยาศาสตร์การแพทย์ไทยกับกติกาใหม่ของโลก ” กรุงเทพฯ, 9-11 ตุลาคม 2543:33
  • มะกรูด (ผิวผล).ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
  • กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข.2546.ประมวลผลผลงานวิจัยด้านพิษวิทยา ของสถาบันวิจัยสมุนไพร เล่ม 1.โรงพิมพ์การศาสนา:กรุงเทพมหานคร. http://www.disthai.com/[/color]
  • Murakami A, Gao G, Kim OK, Omura M, Yano M, Ito C, et al. Identification of coumarins from the fruit of Citrus hystrix DC as inhibitors of nitric oxide generation in mouse macrophage RAW 264.7 cells. J Agric food chem. 1999;47:333-339.
  • กอบกุล เฉลิมพันธ์ชัย ดวงชัย บำเพ็ญบุญ ธิดา โตจิราการ และคณะ.  ตำรับยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์ทำลายจุลินทรีย์.  รวมบทคัดย่องานวิจัยการแพทย์แผนไทยและทิศทางการวิจัยในอนาคต สถาบันการแพทย์แผนไทย, 2543.
  • คุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข.2544.
  • มะกรูด/ใบมะกรูดประโยชน์และสรรพคุณมะกรูด.พืชเกษตรดอทคอม
  • Tangyuenyongwatana P, Gritsanapan W. Prasaplai: An essential Thai traditional formulation for primary dysmenorrhea treatment. TANG. 2014;4(2):10-11.
  • ชนิพรรณ บุตรยี่. การศึกษาชีวภาพความพร้อมและคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระของฟลาโวนอยด์จากใบมะกรูดในหลอดทดลองและศักยภาพในการป้องกันการแตกหักของโครโมโซมในหนูเม้าส์โดยวิธีการตรวจไมโครนิวเคลียสในเม็ดเลือดแดง [วิทยานิพนธ์ปริญญาดุษฎีบัณฑิต]. กรุงเทพฯ. มหาวิทยาลัยมหิดล;2551.
  • มะกรูด(ใบ).ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ