Advertisement
เนื่องจากว่าปัจจุบันงานที่เกี่ยวกับด้านอุตสาหกรรมทุกชนิดล้วนจำเป็นต้องอาศัยเครื่องจักร วัสดุ และก็เครื่องทุ่นแรงที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเยอะมากๆ แม้กระนั้นก็ยังเจออุบัติเหตุที่เกิดในโรงงานอุตสาหกรรม อยู่เสมอ จากสถิติอุบัติเหตุในโรงงานอุตสาหกรรม ปี 2550 (กรมโรงงานอุตสาหกรรม, 2552) การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจทำให้เกิดโรงงานอุตสาหกรรมขึ้นมากมาย ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพที่สืบไปจากการทำงานดำเนินงานในโรงงานอุตสาหกรรมมีมากขึ้นมากมายเรื่อยๆด้วยเหตุว่าระบบป้องกันภัยยังไม่ดีพอยังไม่ดีพอเพียง ปัญหาที่เกิดขึ้นมีผลต่อชาติโดยส่วนร่วม ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ประกอบอาชีพอุตสาหกรรมจึงจำต้องรู้จักแนวทางป้องกันอันตรายอย่างแม่นยำและใช้ความระมัดระวังสำหรับในการทำงานให้เพิ่มมากขึ้น
1.สิ่งที่ทำให้เกิดการเกิดอุบัติภัยจากการเลี้ยงชีพอุตสาหกรรม สรุปได้ดังนี้
1) การกระทำในลักษณะที่ไม่ปลอดภัย ได้แก่ ชูหรือโยกย้ายของด้วยลีลาที่ไม่ถูกต้อง เล่นหรือเย้าแหย่กันในขณะปฏิบัติงาน ขาดความรู้และความเข้าใจหรือทักษะในการใช้เครื่องจักร ไม่ประพฤติตามกฎระเบียบหรือสิ่งที่ห้าม
2) สิ่งแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย ดังเช่นว่า ที่ทำงานไม่สะอาด ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย พื้นลื่น กองวัสดุสูงเกินไปหรือกองผิดแนวทาง แสงไฟน้อยเกินไป อุณหภูมิร้อนหรือเย็นเกินความจำเป็น การถ่ายเทอากาศไม่ดี มีฝุ่นผงฟุ้งกระจาย มีเสียงดังเกินความจำเป็น
3) ใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ เครื่องจักรผิดจำเป็นต้อง หรืออุปกรณ์ เครื่องจักรชำรุดเสียหายซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่นำไปสู่อุบัติเหตุได้ง่าย
4) การใช้ยานพาหนะขนส่งผลิตภัณฑ์หรืออุปกรณ์ต่างๆดังเช่น การลากเข็น ดึง ผลักสิ่งของให้เขยื้อนไป ตลอดจนการชู แบก หรือขนถ่าย บางทีอาจได้รับอันตรายกับผู้ปฏิบัติการได้ถ้าขาดความรอบคอบ
5) การใช้สารเคมีต่างๆหรือสารพิษอื่นๆหากใช้โดยขาดความรอบคอบหรือขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกสำหรับเพื่อการใช้อาจทำให้สารเคมีหรือพิษสัมผัสกับผิวหนัง เข้าทางรอยแผล ดมกลิ่น เข้าตา หรือรับประทานเข้าไป จะมีผลให้ร่างกายได้รับสารพิษในระยะกระทันหันหรืออาจสะสมภายในร่างกายจนก่อให้เกิดอันตรายในตอนหลังได้
2.หลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสำหรับการประกอบอาชีพทางด้านอุตสาหกรรม
การผลิตความปลอดภัยเพื่อลดอุบัติเหตุรวมทั้งการบาดเจ็บจากการดำรงชีพในโรงงานอุตสาหกรรมนั้น จำเป็นต้องได้รับความร่วมแรงร่วมมือจากฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวเป็นฝ่ายรัฐบาล ข้างผู้ประกอบธุรกิจหรือเจ้านาย และข้างลูกจ้าง โดย 3 ข้าง มีหน้าที่จำต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
1) ฝ่ายรัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่ออกกฎหมาย เป็นต้นว่า พ.ร.บ.ปกป้องแรงงานซึ่งเป็นระเบียบเรียบร้อยกฎที่ต้องปฏิบัติตามหรือมาตรการที่เมืองกำหนดขึ้น เพื่อให้นายละผู้รับจ้างยึดถือเป็นแถวปฏิบัติสำหรับในการดำเนินงาน เกี่ยวกับการใช้แรงงานทั่วๆไป การใช้แรงงานหญิง การใช้แรงงานเด็ก ค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา สวัสดิการ ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมสำหรับเพื่อการทำงาน นอกเหนือจากนี้ รัฐบาลจำเป็นต้องจัดบุคลากรไปปฏิบัติหน้าที่สำรวจดูแลสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามข้อบังคับ พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแนะนำด้านความปลอดภัยให้กับเจ้านายและผู้รับจ้างด้วย
2) ข้างผู้ประกอบการหรือเจ้านาย มีหน้าที่สร้างเสริมความปลอดภัยให้กับผู้รับจ้างโดยปฏิบัติ ดังนี้
(1) ช่วยเหลือสุขภาพที่ตัวบุคคล อย่างเช่น ตรวจสุขภาพร่างกายบุคลากรอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง ให้การอบรมด้านสวัสดิการแก่หัวหน้าบุคลากรแล้วก็ผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้รับรู้แนวปฏิบัติสำหรับในการรักษาความปลอดภัยโดยเคร่งจัดผลประโยชน์ต่างๆอย่างพอเพียง ดังเช่น มีน้ำสะอาดสำหรับดื่ม มีส้วมสุขาที่ถูกสุขลักษณะ จัดผลประโยชน์ช่วยเหลือบุคลากรที่เจออันตราย หรือป่วยไข้ โดยจัดให้มีการดูแลรักษาพยาบาลเบื้องต้นและการดูแลรักษาพยาบาล มีอุปกรณ์คุ้มครองอันตรายสำหรับพนักงาน ดังเช่นว่า หมวกคุ้มครองป้องกันศีรษะ หน้ากาก ถุงมือ แว่นตา ควรจะให้มีการพักผ่อนในช่วงของการทำงาน ประมาณ 10-15 นาที แล้วก็ควรบำรุงรวมทั้งเกื้อหนุนสุขภาพของผู้ใช้แรงงานให้มีพลานามัยดี ทางด้านสมรรถภาพทางด้านร่างกายแล้วก็ทางด้านจิตอยู่เป็นประจำ
(2) ควบคุมแล้วก็จัดสิ่งแวดล้อมภายในโรงงาน เป็นต้นว่า การจัดสิ่งแวดล้อมในโรงงานให้ถูกสุขลักษณะ ดังเช่น ในโรงงานไม่สมควรมีเสียงดังเกิน 80 เดซิเบล ควบคุมแสงสว่างให้เหมาะสมพอเพียงกับสภาพงานนั้น ไม่มืดหรือมีแสงจ้ามากเกินไป ในโรงงานจะต้องมีอุณหภูมิเหมาะเจาะระหว่าง 21.9-29.4 องศาเซลเซียส จัดให้ระบายอากาศที่ดี ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่มีฝุ่นเขม่าควัน หรือไอระเหยมากมาย ควรจะติดตั้งเครื่องดูดฝุ่น ต้องมีการตรวจทาน ปรับแต่ง รวมทั้งป้องกันสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ ดังเช่น แก๊สพิษ น้ำเสีย หรือปรังปรุงภาวะอาคารให้แข็งแรงทนทาน และรักษาความสะอาดข้างในโรงงานอยู่เสมอ
(3) การบำรุงรักษาเครื่องจักรและเครื่องไม้เครื่องมือ ยกตัวอย่างเช่น ดูแลรักษาเครื่องจักรแล้วก็เครื่องมือต่างๆให้อยู่ในภาวะที่ใช้งานเจริญตลอดระยะเวลา ไม่เก่าหรือชำรุด อันอาจจะก่อให้ทำให้เป็นอันตรายได้ รวมทั้งจะต้องมีการต่อว่าดตั้งอุปกรณ์สร้างความปลอดภัยไว้ภายในโรงงาน ดังเช่นว่า เครื่องดับไฟ หรือเครื่องคุ้มครองปกป้องอันตรายต่างๆ
3) ข้างผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างมีบทบาทปกป้องรักษาดูแลตนเอง โดยควรปฏิบัติดังนี้
(1) ดูแลสุขภาพของตนเองให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ ถ้าหากเจ็บไข้ได้ป่วยหรือมีลักษณะไม่ดีเหมือนปกติควรจะรีบขอความเห็นหมอ
(2) ดำเนินการด้วยความระวังกระทำตามกฎข้อปฏิบัติ กฎข้อบังคับของสถานประกอบการอย่างเคร่งครัด
(3) แต่งกายให้เหมาะสมรัดกุมรวมทั้งใช้เครื่องปกป้องอันตรายทุกหนในขณะทำงาน
(4) ไม่เย้าแหย่หรือเล่นกันในขณะปฏิบัติงาน
(5) ใช้เครื่องไม้เครื่องมือให้ถูกแนวทาง ถูกขนาด แล้วก็ถูกกับงาน ระมัดระวังสำหรับในการใช้สารเคมีต่าง ๆ
(6) หลบหลีกการอยู่ใกล้เครื่องกลที่กำลังทำงานอยู่
(7) ถ้าพบภาวะงานที่ไม่ปลอดภัยหรือเครื่องใช้ไม้สอยวัสดุ เครื่องใช้สอยที่ไม่ปลอดภัยควรจะรีบแจ้งผู้ควบคุมงาน
การเจออันตรายของผู้รับจ้างไม่ว่าจะเป็นผลมาจากสาเหตุใดก็ตาม ย่อมทำให้เกิดผลเสียต่อทั้งตัวผู้รับจ้าง นาย ผู้รับจ้างที่เผชิญอันตรายหรือไม่สบายจากการทำงานอาจได้รับความเจ็บ ทุพพลภาพหรือถึงแก่ชีวิตรวมถึงก่อให้เกิดผลกระทบไปถึงครอบครัว ส่วนเจ้านายก็จำต้องสูญเสียเงินทอง เงินฉะนั้นความปลอดภัยในการปฏิบัติงานจึงไม่ใช่หน้าที่ของนายจ้างหรือผู้รับจ้างเพียงฝ้ายข้างใดข้างหนึ่งแม้กระนั้นเป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายที่จะจำต้องช่วยเหลือกันควบคุม คุ้มครองปกป้อง ดูแล เพื่อให้มีความปลอดภัยสำหรับเพื่อการดำเนินการ
การผลิตความปลอดภัยในโรงงานจำเป็นต้องเริ่มที่การบริหารงาน โดยควรจะมีการกำหนดหลักการ
จุดมุ่งหมายงานเพื่อมุ่งไปสู่การปกป้องคุ้มครองแล้วก็ลดอุบัติเหตุให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
1) วิธีการป้องกันอุบัติเหตุ การปฏิบัติการสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันอุบัติเหตุนั้น แบ่งออกได้เป็น 4 ขั้นตอนด้วยกัน เป็น
1. ชี้ชัดที่อันตรายแนวทางการที่จะบ่งชัดถึงอันตรายนั้น สามารถปฏิบัติได้ใน 3 วิถีทางด้วยกัน เป็น
1.1 อันตรายจากบริเวณที่ทำงาน (Workplace) ภัยจากที่ทำงาน
แยกเป็นชนิดและประเภทได้ดังนี้
- ความไม่เป็นระเบียบแล้วก็ความสกปรก
- ฟุตบาทและทางเข้า - ออก
- การจัดเก็บพัสดุภัณฑ์ต่างๆ
- พื้น แล้วก็ขอบมุมต่างๆ
- เครื่องจักร และเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ
- เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่จัดตั้งอยู่ในรอบๆงาน
- สารที่ติดไฟได้ง่ายแล้วก็ที่เป็นพิษ
- ระบบการระบายอากาศที่ทรุดโทรมเสียหาย
- สภาพการณ์ของหลังคา ผนัง ส่วนประกอบ
1.2 อันตรายจากกรรมวิธีการปฏิบัติการ (Operation method)
- การใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ไม้สอยและวัสดุต่างๆที่ทรุดโทรม
- การชูย้ายที่วัสดุ
- การกระทำงานกับเครื่องจักรที่มีอุปกรณ์เครื่องกำบังไม่เหมาะสม
1.3 อันตรายจากตัวคนงาน (Worker)
- การขาดความเข้าใจเกี่ยวกับกฎด้านความปลอดภัย
- การไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัย
- การแต่งกายไม่เหมาะสม
- ความประพฤติปฏิบัติธรรมดาที่ไม่เหมาะสม
- การไม่ใช้เครื่องใช้ไม้สอยป้องกันตัวส่วนตัว
2. ควบคุมอันตรายแล้วก็การกระทำเมื่อเล็งเห็นรวมทั้งตระหนักถึงอันตรายของภัยต่างๆลำดับต่อไป ที่จะต้องปฏิบัติหมายถึงหาทางควบคุม ลดอันตรายให้หมดหรือลดลง โดยการจัดการต่างๆที่เป็นไปได้ดังต่อไปนี้
2.1 กำจัด (Eliminate) แม้เป็นได้ให้กำจัดอันตรายอันเป็น แหล่งตัวการของที่เป็นอันตรายที่เกิดขึ้น
2.2 คุม (Guard) ถ้าหากไม่อาจจะขจัดอันตรายได้ ให้ปฏิบัติการ คุมระดับความรุนแรงของอันตรายให้อยู่ในระดับน้อยที่สุด ด้วยมาตรการด้านกายภาพต่างๆดังเช่นว่า สร้างเครื่องกำบัง การใช้เครื่องใช้ไม้สอยป้องกันภัยส่วนบุคคลด้วยวิธีการอื่นๆ
2.3 แนะนำ (Warn) หากอันตรายเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของคนงานซึ่งพวกเราไม่อาจจะจะกำจัดหรือคุมได้ด้วยมาตรการทางกายภาพต่างๆจำเป็นจะต้อง จะต้องปฏิบัติการด้วยมาตรการทางจิตวิทยาต่างๆซึ่งรวมทั้งการออกกฎ คำสั่ง การว่ากล่าวรวมทั้งการดึงดูดใจด้วยแนวทางต่างๆ
2.4 รายงาน (Report) ขั้นตอนที่สำคัญสำหรับเพื่อการควบคุมอันตรายหมายถึงการรายงาน พูดอีกนัยหนึ่ง จะต้องมีระบบการรายงานที่ดี เพื่อรายงานอันตรายต่างๆที่ชี้ชัดออกมา หรือสิ่งที่คิดว่าเป็นอันตรายให้คนที่อยู่ในฐานะและก็ความรับผิดชอบสูงมากขึ้นไป ให้ทราบเพื่อการกระทำ ที่เหมาะสมถัดไป
3. การป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำขึ้นมาอีกสิ่งที่น่าจะต้องทำ คือ
1. วิเคราะห์ (Analysis) ให้มีการพินิจพิจารณาค้นหาต้นสายปลายเหตุทั้งหลายแล้วก็วิธีการป้องกัน
2. ปฏิบัติการให้บริเวณที่ทำงานไม่มีอันตราย ถ้าเกิดผลที่เกิดจากการวิเคราะห์ หมายความว่าอันตรายเป็นผลมาจากรอบๆสถานที่สำหรับทำงาน
3. ดำเนินการให้มีวิธีการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยถ้ามีการบ่งชัดออกมาว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นเนื่องจากวิธีทำงานที่ไม่ปลอดภัย
4. ให้มีการฝึกอบรมพนักงานให้มีวิธีการดำเนินงานที่ถูกวิธี รวมทั้งโดยสำนึกที่ความปลอดภัย
4. การต่อว่าดตามผล (Follow up) สิ่งต่างๆที่เป็นคำแนะนำไม่ว่าจะเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากขั้น 2 หรือ 3 ควรมีการติดตามผลแต่ละขั้นตอนกระทั่งการทำงานเสร็จสิ้นเป็นระเบียบ รวมทั้งจำต้องติดตามผลว่าดีขึ้นมากน้อยเท่าใดวัดผลแล้วก็อาจจะควรจะมีความเคลื่อนไหวอีก เพื่อผลที่ดีมากยิ่งกว่า
2) สภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อความปลอดภัย การวางแผนผังโรงงานเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยของคนงาน เนื่องจากว่าเป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่สมควรสำหรับเพื่อการปฏิบัติ และก็สภาพแวดล้อมนั้นจะประกอบด้วยข้อจำกัดต่างๆเช่น ทางด้านกายภาพ อย่างเช่น อุณหภูมิ แสงสว่าง เสียง อื่นๆอีกมากมาย ทางเคมี ยกตัวอย่างเช่น ควันพิษ ปฏิกิริยาทางเคมีในขั้นตอนการผลิต อื่นๆอีกมากมาย ทางสุขาภิบาล อย่างเช่น ความสะอาด ฯลฯ และ ทางด้านจิตใจ ดังเช่น ดำเนินการเร่งเบื่อระอา ประมาท อื่นๆอีกมากมาย
1. ขนาดสำหรับฟุตบาทภายในโรงงานมีขนาดและก็ลักษณะที่ดี ดังนี้
1.1 ทำให้ทางเท้าทุกแนวเป็นทางตรง
1.2 ระดับของทางเดินควรจะห่างกันและเรียบ ในกรณีต่างระดับ ควรจะทำทางลาดเชื่อมต่อกัน
1.3 ทำให้ทางเดินอยู่กึ่งกลางใช้ได้ทั้งสองข้างทางเดิน
1.4 ทำให้ทางเท้าเจอกันข้ามกันเป็นมุมฉาก
1.5 ทำให้ความกว้างที่พอเหมาะ
1.6 ทำให้ฟุตบาทมีขนาด ความกว้าง หลายขนาดแปรตามปริมาณของการใช้แรงงาน ได้แก่ ประเภทของสิ่งที่ขนส่งผ่าน ความถี่สำหรับเพื่อการใช้ความเร็วสำหรับในการขนส่ง รวมทั้งแนวโน้ม ที่จะเปลี่ยนแปลงในอนาคต
2. การจัดสภาพแวดล้อมในโรงงาน
2.1 ทางผ่านของระบบสายพานลำเลียงสิ่งของกับทางเท้าในโรงงานเป็นสิ่งที่หลบหลีกได้ยาก แต่ว่าควรจะออกแบบให้ใช้งานได้พร้อมๆกัน โดยยกสูงต่างระดับกัน
2.2 ระบบแสงสว่างในโรงงาน มี 2 แหล่ง คือ แสงสว่าง จากดวงอาทิตย์และก็แสงไฟจากหลอดไฟ สำหรับในการออกแบบแผนผังโรงงานควรจะอาศัยและก็ ใช้แสงไฟจากพระอาทิตย์ให้เยอะที่สุด โดยเข้าทางหลังคาแบบโปร่งแสง รวมทั้งเข้าทางหน้าต่าง ซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้า
2.3 การออกแบบเกี่ยวกับเสียง ส่งผลต่อการปฏิบัติงานอย่างมาก ด้วยเหตุว่าเสียงดังในโรงงานสาเหตุจากเหตุไรๆก็จะไม่ดีต่อการผลิต 3 ประการ
1. กัดกันการสื่อสารสั่งการหรือสัญญาณเตือนต่างๆทำให้ เกิดข้อผิดพลาดในการติดต่อประสานงานแล้วก็ทำให้เป็นอันตรายได้
2. ลดขวัญพลังใจรวมทั้งประสาทสัม
Tags : bestsafe,ผู้นำเข้า