Advertisement
โรคไข้สมองอักเสบ เจอี (Japanese Encephalitis)โรคไข้สมองอักเสบ เจ อี คืออะไร ไข้สมองอักเสบ (encephalitis) หมายถึง การอักเสบของเนื้อสมอง หรือเฉพาะที่เล็กน้อย เนื่องด้วยเนื้อสมองอยู่ติดกับเยื่อหุ้มสมอง ก็เลยอาจเจอการอักเสบของเยื่อหุ้มสมองร่วมกับการอักเสบของสมองได้ด้วย โดยโรคไข้สมองอักเสบบางทีอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุโดยมากมักจะมีเหตุที่เกิดจากการตำหนิดเชื้อจากไวรัส โดยสามารถเกิดได้จากเชื้อไวรัสหลายชนิดหรือบางโอกาสอาจพบเป็นโรคแทรกซ้อนของโรคฝึกหัด คางทูม ไข้เปล่งปลั่ง แม้กระนั้นไข้สมองอักเสบจำพวกที่อันตราย/ร้ายแรงที่ทำให้มนุษย์เสียชีวิตได้หมายถึงโรคไข้สมองอักเสบ เจอี(Japaneseencephalitis, JE) พบมากที่สุดในเอเชียรวมถึงเมืองไทยและก็บางส่วนของแปซิฟิคตะวันตก ส่วนใหญ่ชอบพบการเกิดโรคในฤดูฝน แต่ในแต่ล่ะประเทศจะเจอตอนที่มีการเกิดโรคได้ไม่เหมือนกันซึ่งเจอได้ตลอดทั้งปี โดยในบริเวณแหล่งระบาดชอบเจอในคนป่วยอายุน้อยกว่า 15 ปี เนื่องจากว่าในผู้ใหญ่จะมีภูมิต้านทานอยู่ก่อนแล้ว แต่แม้เป็นรอบๆที่ไม่เคยเกิดโรคมาก่อนก็จะพบในกรุ๊ปของผู้ที่แก่สูงมากขึ้นได้
โรคไข้สมองอักเสบเจอี เป็นโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิตและก็เป็นโรคหวานใจษายาก ที่สำคัญเมื่อเป็นแล้วมีอัตราการตายสูง ถ้าหากรอดตายมักมีความพิการหรือเปลี่ยนไปจากปกติทางสมองตามมา อัตราเจ็บไข้ตายอยู่ระหว่างปริมาณร้อยละ 20-30 โดยประมาณสองในสามของคนรอดตาย จะมีความพิกลพิการเหลืออยู่ ในทวีปเอเชียเจอคนเจ็บโรคนี้โดยประมาณปีละ 30,000-50,000 ราย โรคนี้เรียกว่า Japanese เหตุเพราะสามารถแยกเชื้อได้จากผู้ป่วยในญี่ปุ่นหนแรกเมื่อปี พุทธศักราช2468
ที่มาของโรคไข้สมองอักเสบ เจ อี ด้วยโรคไขสมองอักเสบเจอีเปนโรคที่มีอัตราตาย รวมทั้งความพิการตามมาสูง ซึ่งสวนใหญชอบเปนในเด็ก ส่วนเชื้อที่กอโรคไดมึง Japanese encephalitis virus (JEV) ซึ่งเปน arbovirus จัดอยูใน family Flaviviridae, genus Flavivirus โดยมียุงรําค้างญ Culex tritaeniorhynchus เปนพาหะนําโรค โรคนี้พบในเขตเมืองนอชูวาบ้านนอก มีอัตราตายรอยละ 10-35 และก็มีอัตราการเกิดความพิการ ตามมามากถึงรอยละ 30-50 โดยไวรัสจำพวกนี้ถูกศึกษาและทำการค้นพบคราวแรกโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นและได้กระจายทั่วไปทุกภาคและทุกฤดู ซึ่งประเทศที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี ดังเช่น บริเวณเอเชียใต้ ประเทศอินเดียและศรีลังกา ตลอดจนประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แล้วก็ในภาคทิศตะวันออกของเมืองจีน รวมทั้งพบได้ในประเทศ ไต้หวัน ประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น
ปลายคริสตศตวรรษที่ 18 มีการระบาดใหญ่ของโรคไขสมองอักเสบเจอีในประเทศญี่ปุน โดย ในป พุทธศักราช 2468 สามารถแยกเชื้อไวรัสเจอีไดเปนครั้งแรกจากสมองของผูปวยชายอายุ 19 ปที่มี อาการสมองอักเสบและเสียชีวิตในกรุงเมืองโตเกียว ต่อมาสามารถแยกเชื้อไวรัสไดจากยุงรำคาญ Culex และมีรายงาน การระบาดของโรคไขสมองอักเสบเจอีในประเทศต่างๆในทวีปเอเชียตามมา ซึ่งนับเป็นปัญหาที่สําคัญที่สุดในบรรดาโรค สำหรับประเทศไทยพบการระบาดทีแรกในป พุทธศักราช 2512 ที่จังหวัดเชียงใหมหลังจากนั้นมีการพบผูปวยเรื่อยๆมารวมทั้งมีการระบาดใหญ่เปนครั้งคราว ผู้ปวยโรคนี้สามารถเจอไดบอยทางภาคเหนือแล้วก็ ภาคอีสาน รองลงมาไดมึง ภาคกึ่งกลาง และก็ภาคใต
ปจจุบันพบผูปวยโรคไขสมองอักเสบ เจ อี นอยลง เนื่องด้วยมีการฉีดวัคซีนปองกันโรคไขสมอง อักเสบเจอีในเด็กทั้งประเทศ ในป พ.ศ. 2552 สํานักระบาดวิทยาไดรับรายงานผูปวยโรคไขสมองอักเสบรวมทั้งสิ้น 543 ราย คิดเปนอัตราปวย 0.86 ตอแสนราษฎร จําแนกเปนโรคไขสมองอักเสบเจอีจํานวน 106 ราย (รอยละ 19.52) คิดเปนอัยี่ห้อปวย 0.17 ตอแสน ประชากร ไมมีรายงานผูเสียชีวิต สวนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยนอชูวา 15 ป พบผูปวยสูงสุดในกลุมอายุยง 0-4 ป คิด เปนอัตราปวย 1.1 ตอแสนมวลชน รองลงมาเป็น กลุมอายุ 5-9 ป มากกวา 15 ป แล้วก็ 10-14 ป โดยมี อัตราปวย 0.3, 0.09 แล้วก็ 0.08 ตอแสนมวลชนตามลําดับ กระจัดกระจายอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ
อาการของโรคไขสมองอักเสบ เจ อี ไวรัสเจอีนี้ เมื่อไปสู่ร่างกายจะแพร่ไปไปสู่สมองและจะทำลายเนื้อสมองตั้งแต่บางส่วนไปจนถึงอย่างมากมายต่างๆนาๆในแต่ละคน (Japanese encephalitis virus) โดยส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการ มีเพียงแต่ 1 ใน 300 คนเพียงแค่นั้น ที่จะแสดงอาการ โดยในรายที่ร้ายแรงจะออกอาการแบบสมองอักเสบ (encephalitis) โดยมีลักษณะอาการแบงเปน 3 ระยะดังนี้ 1. Prodromal stage ในตอนนี้ผู้ปวยจะมีลักษณะอาการไขสูงรวมกับอาการออนเหนื่อย ปวดหัว คลื่นไสอาเจียน ตอนนี้จะกินเวลาประมาณ 1-6 วัน 2. Acute encephalitic stage ผูปวยยังคงมี ไข้และก็เริ่มมีลักษณะระคายเคืองของเยื่อหุมสมอง มีการเปลี่ยนแปลงของระดับความรูสึกตัว มีลักษณะชักเกร็ง สามารถตรวจเจอ pyramidal tract signs, flaccid paralysis รวมทั้งเจอ deep tendon reflex น้อยลงไดรอยละ 10 บางทีอาจพบอัมพาตครึ่งซีกและความเปลี่ยนไปจากปกติของเสน ประสาทสมองได ระยะที่ 1 รวมทั้ง 2 ของโรคมักใช้เวลา ไมเกิน 2 สัปดาห ผูปวยที่มีลักษณะอาการรุนแรงมักเสียชีวิต ในช่วงนี้ 3. Late stage and sequele ในช่วงนี้ไข้จะลดลง อาการทางสมองจะคงเดิมหรือดีขึ้น ผูปวยที่เสียชีวิตในระยะนี้มักมีสาเหตุมาจากโรคแทรกซอนที่ตามมา อย่างเช่น ปอดอักเสบ โรคติดเชื้อทางเดินเยี่ยว ติดเชื้อในกระแสโลหิต ฯลฯ ซึ่งผู้ป่วยโรคไข้สมองอักเสบ บางรายอาจมีอาการ การกระทำเปลี่ยนแปลงหรือเป็นอาการทางด้านจิตได้ อาการชักมักเป็น แบบชักเกร็งกระตุกทั่วตัว ซึ่งพบได้มากมากโดย เฉพาะเด็กเล็ก บางครั้งก็อาจจะมาด้วยนิ้วกระตุก, ตาเข, หรือหายใจผิดจังหวะได้หรืออาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการคล้าย โรคพาร์กินสัน คือมีลักษณะตัวเกร็ง, หน้าไม่แสดง อารมณ์,มือสั่นและก็เคลื่อนไหวตรากตรำ
ขั้นตอนการรักษา
โรคไข้สมองอักเสบ การวินิจฉัย การวินิจฉัยอาศัยเรื่องราว การตรวจรางกายและก็การ ตรวจทางหองปฏิบัติงาน การตรวจนับเม็ดเลือดพบได้ทั่วไปวาจํานวนเม็ดเลือดขาวแล้วก็คารอยละของนิวโตรฟล เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางถึงสูงมากมาย การตรวจน้ำไขสันหลัง สวนใหญจะพบวาน้ำไขสันหลังมีลักษณะใส ไมมี สีความดันของน้ำไขสันหลังอยูในเกณฑปกติมีเซลล เม็ดเลือดขาวไดตั้งแต 10-1,000 เซลล/ลบ.มิลลิเมตร ซึ่งส่วนใหญเปนจำพวกโมโนนิวเคลียรเซลล ในระยะเริ่มต้นของโรคบางทีอาจไมพบเซลลในน้ำไขสันหลังหรืออาจพบนิวโตรฟลเดนได โปรตีนมักสูงกวาปกติเล็กนอย ระดับน้ำตาลมักอยูในเกณฑธรรมดาเมื่อเทียบกับระดับน้ำตาลในเลือด
การส่งไปทำการตรวจวินิจฉัยด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะมีคุณภาพสูงยิ่งกว่าการตรวจด้วยเครื่อง เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์โดยจะเห็นความแปลกใน ตำแหน่ง thalamus,basalganglia, midbrain, pons, แล้วก็ medullaโดยตำแหน่งที่พบร่วมมาก ที่สุดคือตำแหน่ง thalamus การส่งไปเพื่อทำการตรวจแยกเชื้อ (serology) ซึ่ง เป็นการวิเคราะห์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันเป็นตรวจหาIgM antibodyเฉพาะต่อไวรัสเจอีในนํ้าไขสันหลังและก็ ในเลือด โดยการตรวจเจอ JEV-specific IgM antibody ในนํ้าไขสันหลังสามารถช่วยรับรองการ ติดโรคในคราวนี้ได้แม้กระนั้นแม้ตรวจเจอJEV-specific IgMantibodyในเลือดอาจเป็นการติดโรคหรือขึ้น จากการได้วัคซีนก็ได้ การตรวจหา antibody ในนํ้าไขสันหลัง จะสามารถตรวจเจอได้ปริมาณร้อยละ 70-90 ในผู้เจ็บป่วยที่ ติดเชื้อโรค โดยจะสามารถตรวจพบได้เมื่อประมาณ วันที่5-8ภายหลังเริ่มมีลักษณะ การตรวจหาantibodyในเลือดจะสามารถ ตรวจเจอได้ร้อยละ60-70 ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคโดย จะสามารถตรวจเจอได้ขั้นต่ำ 9 วันหลังจาก เริ่มมีอาการ ในปัจจุบันยังไม่มีการดูแลรักษาที่เจาะจง การดูแลและรักษา เปนเพียงแต่การดูแลรักษาตามอาการ ที่สําคัญหมายถึงลดอาการบวมของสมอง ดูแลระบบทางเท้าหายใจ ใหยาหยุดชัก บางรายบางทีอาจจําเปนตองให mannitol เพื่อควบคุมความดันในกะโหลกศีรษะ และคุ้มครองป้องกันอาการสอดแทรกตามมา การใช dexamethasone ในขนาดสูงเพื่อลดการบวมของสมองในผูปวยไขสมองอักเสบเจอี พบวาไมสามารถลดอัตราการตายแล้วก็อัตราการฟนจากโรคได มีรายงานจากการศึกษาเล่าเรียนแบบ controlled clinical trials ขนาดเล็กเกี่ยวกับ Neutralizing murine monoclonal antibodies ซึ่งผลิตในประเทศจีน นํามาใชรักษาผูปวย ไขสมองอักเสบเจอี เจอวาการดูแลรักษาดังมายากลาวใหผลการ รักษาที่ดีขึ้น บางรายงายการศึกษาเล่าเรียนพบว่าได้มีการทดสอบการใช้ยาต้านทาน ไวรัส ribavirin แม้กระนั้นไม่เจอความไม่เหมือนของผล การดูแลรักษาของการใช้ยาต้านไวรัสกับยาหลอกรวมทั้ง พบว่าcorticosteroidsและinterferonalpha2a ไม่ช่วยในเรื่องเกี่ยวกับการควบคุมอาการและไม่ช่วย ในเรื่องของผลของการรักษา
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะนำไปสู่โรคไข้สมองอักเสบ ด้วยเหตุว่าเชื้อไวรัส Japanese encephalitis ที่เป็นตัวการของโรคไข้สมองอักเสบ เจอี จะอยู่ในสัตว์กินนมหลายประเภท อย่างเช่น หมู และยุงจะเป็นพาหะนำเชื้อประเภทนี้มาสู่คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมูที่มีอายุที่มากขึ้น ตัวสัตว์เองก็จะมีภูมิคุ้มกันพอเหมาะพอควร โดยเหตุนี้ ถ้าหากมีไวรัสอยู่ในตัวก็จะโดนควบคุมไม่ให้มีปริมาณมาก ส่วนลูกหมูชอบมีภูมิต้านทานไม่ค่อยดี เมื่อโดนยุงกัด แล้วมีเชื้อไวรัส ไวรัสจะเพิ่มขึ้นอย่างเร็ว ก็จะเป็นแหล่งกระจายเชื้อมาสู่ยุงไปสู่คน เพราะฉะนั้นไข้สมองอักเสบเจอี ก็เลยพบบ่อยในแหล่งที่มีการเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่มีการเลี้ยงหมูเป็นจำนวนมาก ดังเช่นว่า ในต่างจังหวัด และก็บริเวณชานเมือง และพบมากในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม แม้กระนั้นก็บางทีอาจพบเรี่ยรายได้ตลอดทั้งปี ผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคไข้สมองอักเสบเจอี ได้แก่ เกษตรกรที่มีอาชีพเลี้ยงหมู ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านนอกในท้องถิ่นที่มีการระบาด ทหารที่เข้าไปประจำการหรือทำการในเขตแดนที่มีการระบาดของโรค ผู้ย้ายที่อยู่ไปอาศัยอยู่ในต่างประเทศที่มีการระบาด
การติดต่อของโรคไข้สมองอักเสบ เจอี เชื้อ JEV (Japanese encephalitis Virus) จัดอยู่ในเครือญาติฟลาวิเชื้อไวรัส (family flaviviridae) สกุลฟลาวิไวรัส (genus flavivirus)อยู่ในกรุ๊ปเดียวกับเชื้อไวรัสเด็งกี่(Dengue virus)รวมทั้งไข้เหลือง(yellowfever) ด้วยเหตุนี้เชื้อไวรัสเจอี จึงมีคุณลักษณะเหมือนกับฟลาวิเชื้อไวรัสตัวอื่นๆซึ่งเป็น ไวรัสที่มีแมลงกินเลือดเป็นพาหะนำ โรคจะติดต่อ ในวงจรจากสัตว์สู่คน โดยมียุงเป็นตัวพาหะนำ เชื้อโรค โดยมีหมูเป็นรังโรคที่สำคัญ หมูที่ติดเชื้อโรค JE จะไม่มีอาการ แต่มีเชื้อ JE ในเลือด เมื่อยุงไปกัด หมูในช่วงนี้เชื้อจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในยุง เมื่อ มากัดคนจะแพร่เชื้อเข้าสู่คน ส่วนสัตว์อื่นๆที่จะติด เชื้อ JEยกตัวอย่างเช่นม้า วัวควายนก แม้กระนั้นสัตว์พวกนี้เมื่อติดเชื้อโรคแล้วจะไม่มีอาการมีแม้กระนั้นม้ารวมทั้งคนเพียงแค่นั้นที่มีอาการ เมื่อได้รับเชื้อ แล้วโดยประมาณ 1 ใน 300-500 ของผู้ติดโรคจะมี อาการสมองอักเสบ หมูมีความหมายในวงจรการ แพร่ขยายของโรค เพราะจะมีเชื้ออยู่ในกระแส เลือดได้เป็นเวลายาวนานกว่าสัตว์อื่นๆก็เลยจัดว่าเป็นamplifier ที่เป็นรังโรคที่สำคัญ ยุงที่เป็นพาหะเป็นจำพวก Culex tritaeniorhynchus Culex golidus , Culex fascocephalus ยุงกลุ่มนี้เพาะพันธุ์ใน ทุ่งนาที่มีนํ้าขัง ปริมาณยุงจะเพิ่มมากในช่วงฤดูฝน ยุงตัวเมียสามารถถ่ายทอดเชื้อผ่านรังไข่ไปสู่ลูกยุงได้ ซึ่งมีระยะฟักตัวในยุงประมาณ 9-12 วัน ยุงกลุ่มนี้จะออกมากัดรับประทานเลือดในช่วงเวลาเย็นหรือ ตอนคํ่า หมูรวมทั้งนกนํ้า ตัวอย่างเช่น นกกระสา นกกระยาง เป็นรังโรคที่สำ คัญเนื่องจากว่าจะมีเชื้อในการแส เลือดได้นานแล้วก็มีการเพิ่มเชื้อได้สูง ซึ่งใน เมืองไทยมวลชนโดยมาก เลี้ยงชีพทำการเกษตรรวมทั้งมีปริมาณของการ เลี้ยงหมูปริมาณมากด้วยเหตุนี้จึงมีโอกาสที่จะเพิ่มความเสี่ยงสำหรับโรคไข้สมองอักเสบมากมายตามมา
การกระทำตนเมื่อป่วยด้วยโรคไข้สมองอักเสบ เจอี- กินยาตามแพทย์สั่ง รวมทั้งทำตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- รักษาสุขภาพของร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อคุ้มครองป้องกันโรคแทรกซ้อน
- ไปพบแพทย์จากที่แพทย์นัดให้ตรงเวลา
- เมื่อพบว่าอาการกำเริบหรืออาการทรุดลง ภายหลังรับประทานยาที่แพทย์สั่งให้รีบไปพบหมอโดยด่วน
- ใช้ยาใช้ภายนอกกันยุงแล้วก็นอนในมุ้งเพื่อคุ้มครองป้องกันการกระจายเชื้อให้กับคนที่อยู่รอบตัว
- รับประทานอาหารที่มีสาระครบ 5 หมู่ แล้วก็บริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
การปกป้องคุ้มครองตนเองจากโรคไข้สมองอักเสบ เจอี- คนที่เป็นไข้ตัวร้อนควรไปพบหมอทันที เมื่อมีลักษณะกลุ่มนี้ร่วมด้วย ได้แก่ ปวดหัวรุนแรง รับประทานยาแก้ปวดแล้วไม่ทุเลา อ้วกมากมาย มีลักษณะชักร่วมด้วย ซึม ไม่ค่อยรู้ตัว หรือหมดสติ แขนขาเป็นอัมพาต ปากเบี้ยว กลืนตรากตรำ หรืออ้าปากตรากตรำ (ขากรรไกรแข็ง) หรือก้มคอไม่ลง (คอแข็ง)
- ควรกำจัดยุงแล้วก็แหล่งเพาะพันธุ์ของยุง
- เมื่อมีการระบาดของโรคไข้สมองอักเสบ เจอี ควรยินยอมให้เจ้าหน้าที่ฉีดยาทำลายยุงในรอบๆพื้นที่ มีการระบาดของโรคโดยการพ่นสารเคมีเพื่อฆ่ายุงตัวแก่
- คุ้มครองป้องกันไม่ให้ยุงกัด โดยนอนกางมุ้ง หรือติดมุ้งลวดในบ้านและตามห้องต่างๆ
- ย้ายคอกสัตว์ เป็นต้นว่า หมู วัว ควาย ให้ห่างจากแหล่งที่พักอาศัย เพื่อลดความเสี่ยงของรังโรค
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบ
- วิธีที่เยี่ยมที่สุดตอนนี้ ดังเช่นว่าการฉีดยาปกป้องโรคนี้ให้แก่เด็กๆของเราก่อนที่จะติดเชื้อเองตามธรรมชาติ
- วัคซีนคุ้มครองโรคไข้สมองอักเสบเจอี (JEV) เริ่มมีการปรับปรุงมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2473 ในประเทศรัสเซียและก็ญี่ปุ่น ถัดมาได้เพิ่มการทำให้วัคซีนบริสุทธิ์ขึ้นเพื่อป้องกันผลสอดแทรกจากการแปดเปื้อนของเนื้อเยื่อสมองหนู แล้วก็ได้รับการพัฒนาต่อเรื่อยมาจนกระทั่งมีใช้กันอย่างล้นหลามในตอนนี้
- ส่วนในประเทศไทยซึ่งเป็นแหล่งระบาดของ เชื้อนั้น มีการฉีดยาเพื่อปกป้องโรค ตั้งแต่ปี 2533 โดยเริ่มในภาคเหนือ รวมทั้งเบาๆขยาย ครอบคลุมทั้งประเทศ ตั้งแต่ พ.ศ. 2543 โดย ให้วัคซีนแก่เด็กอายุ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปีคนละ 2 ครั้งและก็กระตุ้น 1 ครั้ง เมื่ออายุ2 ปีครึ่ง ถึง 3 ปี วัคซีนที่ใช้เป็นชนิดเชื้อตาย (JE SMBV: mouse brain-derivedinactivatedJEvaccine)วัคซีน ปกป้องไข้สมองอักเสบเจอีที่จดทะเบียนรวมทั้ง จำหน่ายในประเทศไทยปัจจุบันนี้มี2ชนิดเช่น (1.) วัคซีนจำพวกเชื้อตายที่เพาะเชื้อในสมอง หนู(suckling mouse brain vaccine หรือ SMBV) (2.) วัคซีนชนิดเชื้อมีชีวิตอ่อนฤทธิ์ (SA 14–14–2) ที่เพาะเชื้อในเซลล์เพาะเลี้ยง เป็นวัคซีน ใหม่ที่เพิ่งจะขึ้นทะเบียนในประเทศไทยปีพุทธศักราช2550
สมุนไพรที่ใช้ปกป้องตนเองจากโรคไข้สมองอักเสบ เอจี โรคไข้สมองอักเสบ เจอี เป็นโรคที่ยังไม่มียารักษาเฉพาะการดูแลและรักษายังจะต้องใช้การรักษาแบบเกื้อหนุน รักษาตามอาการ โดยเหตุนั้นก็เลยไม่มีสมุนไพรจำพวกไหนซึ่งสามารถรักษาได้ เพียงแค่มีสมุนไพรซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคไข้สมองอักเสบ เจอี ได้ไพเราะเพราะพริ้งไข้สมองอักเสบ เจอี นั้นมียุงเป็นยานพาหนะนำเชื้อ ด้วยเหตุดังกล่าวสมุนไพรที่ช่วยปกป้องโรคประเภทนี้นั้น ก็เลยเป็นสมุนไพรที่ใช้ไล่ยุงต่างๆเช่น
พืชกรุ๊ปสกุล (genus) Cymbopogonตะไคร้หอม (Cymbopogon nardus (L.) Rendle) มีการเรียนฤทธิ์ไล่ยุงของตำรับน้ำมันตะไคร้หอม (citronella oil) ที่มีส่วนประกอบที่สำคัญเป็น citronella, geraniol และ citronellol ในรูปแบบของครีม พบว่าตำรับที่มีน้ำมันตะไคร้หอม 17% คุ้มครองป้องกันยุงลายได้นานประมาณ 3 ชั่วโมง ครีมที่มีน้ำมันตะไคร้หอม 14% ลดปริมาณยุงเบื่อหน่ายที่มาเกาะภายใน 1 ชั่วโมงหลังทาครีม นอกจากนี้สารสกัดเอทานอลของตะไคร้หอมผสมกับน้ำมันที่สกัดจากมะกอกสามารถไล่ยุงลายแล้วก็ยุงหงุดหงิดได้นาน 2 ชั่วโมง ครีมที่มีน้ำมันหอมระเหยจากใบตะไคร้หอมที่ความเข้มข้น 1.25, 2.5 รวมทั้ง 5.0% คุ้มครองปกป้องยุงก้นปล่องได้โดยประมาณ 2 ชั่วโมง ระหว่างที่ความเข้มข้น 10% ให้ผลได้เป็นเวลานานกว่า 4 ชั่วโมง
ตะไคร้ (Cymbopogon citratus (DC.) Stapf) น้ำมันตะไคร้ (lemongrass oil) ใน liquid paraffin ความเข้มข้น 20 และ 25% ส่งผลคุ้มครองป้องกันยุงลายได้ 100% ใน 1 ชั่วโมงแรก รวมทั้งลดน้อยลงเหลือประมาณ 95% ด้านใน 3 ชั่วโมง การเตรียมผลิตภัณฑ์น้ำมันตะไคร้ 15% ในรูปของครีมและก็ขี้ผึ้งพบว่าได้ผลปกป้องยุงกัดได้ โดยคุณสมบัติขององค์ประกอบของผลิตภัณฑ์มีผลต่อการปลดปล่อยน้ำมันหอมระเหย และมีผลต่อประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการคุ้มครองป้องกันยุงด้วย น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่มี geraniol ปริมาณ 0.2 มก./ซึม2 สามารถลดอัตราการกัดจากยุงเบื่อหน่าย เป็น 10, 15 แล้วก็ 18% ที่เวลา 1, 2 และก็ 3 ชั่วโมงเป็นลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับการมิได้ทาน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ สบู่อาบน้ำที่มีส่วนประกอบของน้ำมันตะไคร้หอม 0.1% น้ำมันตะไคร้ 0.5% และน้ำมันสะเดา 1% สามารถไล่ยุงได้ในตอน 8 ชั่วโมง
พืชกลุ่มสกุล (genus) Ocimumน้ำมันหอมระเหยจากพืชกลุ่มนี้ 5 จำพวก เช่น แมงกะแซง (O. americanum L.) โหระพา (O. basilicum L.) แมงลัก (O. africanum Lour. ExH) ยี่หร่าหรือโหระพาช้าง (O. gratissimum L.) และก็กะเพรา (O. tenuiflorum L.) พบว่ามีฤทธิ์อีกทั้งฆ่าลูกน้ำแล้วก็ไล่ยุงลายได้ ฤทธิ์ฆ่าลูกน้ำยุงลายของน้ำมันหอมระเหย เรียงลำดับดังนี้ โหระพา > ยี่หร่า> กะเพรา > แมงลัก = แมงกะแซง โดยมีค่าความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยที่ได้ผลปกป้องยุงได้ 90% (EC90) เท่ากับ 113, 184, 240, 279 และ 283 ppm เป็นลำดับ สำหรับฤทธิ์ไล่ยุงของน้ำมันหอมระเหยที่ความเข้มข้น 10% พบว่า โหระพาช้างมีฤทธิ์แรงที่สุด คุ้มครองปกป้องยุงกัดได้นาน 135 นาที รองลงมาคือ กะเพรา แล้วก็แมงลัก ที่คุ้มครองยุงกัดได้นาน 105 และ 75 นาที ตามลำดับ ในช่วงเวลาที่แมงกะแซง แล้วก็โหระพาให้ผลน้อยที่สุดเพียงแค่ 15 นาที
พืชกลุ่มสกุล (genus) Citrusมะกรูด (Citrus hystrix DC.) น้ำมันหอมระเหยจากมะกรูดมีฤทธิ์คุ้มครองปกป้องยุงได้นาน 95 นาที แล้วก็ตำรับยาทากันยุงที่มีน้ำมันมะกรูดความเข้มข้น 25 และ 50% สามารถไล่ยุงได้นาน 30 แล้วก็ 60 นาที เป็นลำดับ น้ำมันหอมระเหยผสมจากมะกรูด 5% และจากดอกชิงเฮา (Artemisia annua L.) 1% ปกป้องยุงลาย ยุงก้นปล่อง แล้วก็ยุงหงุดหงิดได้นาน 180 นาที ในห้องปฏิบัติการ ในความเข้มข้นเดียวกันสามารถคุ้มครองยุงลาย และก็ยุงเสือ ได้ 180 นาที แล้วก็ยุงอารมณ์เสียได้นานถึง 240 นาทีในภาคสนาม
มะนาวฝรั่ง (Citrus limon (L.) Burm.f.) น้ำมันหอมระเหยจากมะนาวฝรั่งมีฤทธิ์ไล่ยุงก้นปล่องได้ 0.88 เท่าของสารเคมีสังเคราะห์ N,N-diethyl-3-methylbenzamide
นอกจากสมุนไพรที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสมุนไพรอื่นๆที่มีการศึกษาฤทธิ์สำหรับในการป้องกันยุง ดังเช่น ข่า ไพล ขึ้นฉ่าย ว่านน้ำ กานพลู หนอนตายหยาก ดอกกระดังงาไทย สารไพรินทรัม (pyrethrum) รวมทั้งผู้จองเวรทริน (pyrethrins) ที่พบได้ในพืชเครือญาติดอกเบญจมาศ (chrysanthemum flowers) ฯลฯ
เอกสารอ้างอิง- รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ไข้สมองอักเสบ จากเชื้อไวรัส เจอี.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่ 174.คอลัมน์ แนะยา-แจงโรค.ตุลาคม.2536
- Halstead SB, Jacobson J. Japanese encephalitis vaccines. In: Plotkin SA, Orenstein WA, Offit PA, editors. Vaccines. 5th ed. Elsevier Inc.; 2008. p.311-52. http://www.disthai.com/[/b]
- Thisyakorn U, Thisyakorn C. Japanese encephalitis. In: Dupont HL, Steffen R, editors. Textbook of Travel Medicine and Health. 2nd ed. Hamilton: B.C. Decker Inc.; 2001. p.312-4.
- นศ.พ.เฉลิมเกียรติ สุวรรณเทน.รศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า. Japanese Encephalitis. วารสารสมาคมประสาทวิทยาศาสตร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.ปีที่ 6.ฉบับที่4.ตุลาคม-ธันวาคม 2554.หน้า 93-100
- Thisyakorn U, Thisyakorn C. Diseases caused by arboviruses: dengue haemorrhagic fever and Japanese B encephalitis. Med J Aust. 1994;160:22-6.
- โอฬาร พรหมาลิขิต.วัคซีนป้องกันโรคไข้สมองอักเสบเจอี.ตำราวัคซีน.สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย.หน้า 127-135
- Thisyakorn U, Nimmannitya S. Japanese encephalitis in Thai children, Bangkok, Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health. 1985;16:93-7.
- กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. โครงการเสริมภูมิคุ้มกันโรคและวัคซีนไข้ สมองอักเสบเจอีในประเทศไทย. ประจำปี Available from:
- Thisyakorn U, Thisyakorn C. Studies on Flaviviruses in Thailand. In: Miyai K, Ishikawa E, editors. Progress in Clinical Biochemistry: Proceedings of the 5th Asian-Pacific Congress of Clinical Biochemistry; 1991 Sept 29-Oct 4; Kobe, Japan. Amsterdam: Excerpta Medica; 1992. p.985-7.
- อุษา ทิสยากร, สุจิตรา นิมมานนิตย. Viral meningitis และ encephalitis ในเด็ก. วารสารโรคติดเชื้อ และยาตานจุลชีพ. 2528;2:6-10.
- สุจิตรา นิมมานนิตย, อุษา ทิสยากร, อนันต นิสาลักษณ, Hoke CH, Gingrich J, Leake E. Outbreak of Japanese encephalitis-Bangkok Metropolis. รายงาน การเฝาระวังโรคประจําสัปดาห. 2527;15:573-6.
- นพ.คำนวน อึ้งชูศักดิ์.โรคไข้สมองอักเสบจากไวรัสเจอี ถึงจะร้ายแต่ก็ป้องกันได้.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่108.คอลัมน์กันไว้ดีกว่าแก้.เมษายน.2531
- สำนักระบาดวิทยา.สรุปรายงานการเฝ้าระวัง โรคประจำปีนนทบุรี:สำนักระบาดวิทยา กองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข; รายปี2552: 21-23.
- สมบุญ เสนาะเสียง, อัญชนา วากัส, ฐิติพงษ์ ยิ่งยง. Situation of encephalitis and Japanese B Encephalitis, Thailand, 2009. Weekly Epidemiological Surveillance Report. 2010;41:33-5.
- อุษา ทิสยากร. ไขสมองอักเสบจากเชื้อไวรัส แจแปนนิส. ใน: อุษา ทิสยากร, จุล ทิสยากร, บรรณาธิการ. กุมารเวชศาสตรเขตรอน. กรุงเทพฯ: ดีไซร จํากัด; 2536. น.89-97
- วรรณี ลิ่มปติกุล, อุษา ทิสยากร. การติดเชื้อ Japanese Encephalitis Virus ที่โรงพยาบาลสงขลา. วารสารวิชาการเขต 2541;9:65-71.
- Weekly epidemiological record. Japanese Encephalitis. 2015;90:69-88.
- อ.นพ.วินัย รัตนสุวรรณ.โรคไข้สมองอักเสบ.บทความความรู้สู่ประชาชน.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล