Advertisement
เรียนทำขนมเค้ก สูตรขนมไทยโบราณอร่อยติดใจ ไส้เผือกหมูหยองน้ำพริกเผา line: annzy201
เรียนทำขนมปั[/b]
ขั้นตอนพื้นฐานสำหรับในการทำขนมปัง1. การผสมแป้ง
ส่วนที่ 1 ส่วนประกอบของแห้ง ได้แก่ แป้ง ยีสต์ สารเสริมคุณภาพ นมผง ร่อนผสมเข้าด้วยกัน
ส่วนที่ 2 ส่วนประกอบของแฉะ ดังเช่นว่า น้ำเย็น น้ำตาล ไข่ไก่ เกลือป่น รวมทั้ง นมสด หรือนมข้นจืด คนให้เข้ากันจนกระทั่งละลาย
ส่วนที่ 3 ส่วนผสมไขมัน ดังเช่นว่า เนยสด เนยขาว มาการีน หรือ น้ำมันพืช
การผสมแป้งวิธีแบบนี้จะช่วยให้ส่วนผสมเข้ากันได้ แล้วก็ช่วยให้กลูเต็นในแป้งถูกผสมจนกระทั่งจุดที่ไใช้ได้ โดยพิจารณาได้จากการรวมตัวของก้อนแป้งไม่เหนียวติดมือ และก็เครื่องผสมมีความนุ่มเนียนแล้วก็สามารถดึงเป็นผ่นบางๆได้โดยไม่ขาด แต่ว่าถ้าเกิดผสมแป้งหรือนวดแป้งไม่เพียงพอ จะมีผลให้แป้งมีความยืดหยุ่นน้อย ขนาดของของหวานจะลดน้อยลง หรือจะมีเนื้อสัมผัสหยาบคาย
2. การดองแป้งหลังจากการผสม
แป้งหลังจากการผสมควรมีการพักแป้งก่อนสักระยะหนึ่งเพื่อแป้งคลายตัว สำหรับในการหมักนั้นโดยทั่วไปแล้วจะหมักโดยการคลึงแป้งเป็นก้อนกลม และก็หมักในอ่างผสม หรือกดเป็นก้อนกลมแล้วพักบนโต๊ะ โดยใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาดๆคลุมก้อนแป้ง เพื่อเป็นการป้องกันและไม่ให้ผิวหน้าของก้อนแป้งแห้ง
3. การไล่อากาศในก้อนแป้ง
หลังจากแป้งถูกหมักจนได้ที่แล้วจะไล่อากาศที่มีมากเกินออกไป เพื่อให้ขนมปังมีเนื้อเนียน แนวทางคือใช้มือกดเบาๆที่ก้อนแป้ง หรือใช้เครื่องรีดเพื่อไล่อากาศ
4. การเตรียมก้อนแป้งใส่ไส้หรือพิมพ์
หลังจากไล่อากาศในก้อนแป้งแล้ว ตัดก้อนแป้งตามขนาดที่อยากได้ หลังจากนั้นใช้มือหรือเครื่องคลึงให้เป็นก้อนกลมกระทั่งผิวหน้าเรียบเนียน หลังจากนั้นจะขึ้นรูปพักลงในพิมพ์ หรือพักให้ขึ้นเป็น 2 เท่า และนำมาใส่ไส้ตามต้องการ
5. การพักแป้งในพิมพ์
ช่วงเวลาสำหรับการพักแป้งขึ้นอยู่กับขนาดก้อนแป้ง และอุณหภูมิที่ใช้สำหรับในการหมัก โดยธรรมดาจะใช้อุณหภูมิที่โดยประมาณ 32-40 องศาเซลเซียส ซึ่งในระหว่างการหมักดองนั้นจะต้องใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆคลุมแป้งเพื่อป้องกันผิวหน้าของก้อนแป้งแห้งแข็งกระด้าง ในขณะนี้ถ้าเกิดเป็นระบบอุตสาหกรรมหรือร้านที่ขายดิบขายดีก็จะใช้ตู้หมักแป้ง โดยตู้หมักแป้งสามารถปรับระดับอุณหภูมิที่ใช้เพื่อการหมักได้ จึงช่วยให้ได้ก้อนแป้งที่พองตัวอย่างเร็ว
6. การอบแล้วก็การตกแต่งหลังการอบ
โดยทั่วไปอุณหภูมิที่ใช้ในการอบอยู่ที่ 350-400 องศาฟาเรนไฮต์ ส่วนระยะเวลาขึ้นกับขนาดก้อนแป้ง ก่อนอบบางสูตรอาจจะเพิ่มสีสันแก่ขนมปัง โดยจะมีการทาหน้าขนมปังด้วยไข่ไก่ นมสด ฯลฯ และเมื่ออบสุกแล้วหากอยากได้ให้ขนมปังเป็นเงาเงา จะทาหน้าขนมปังด้วยเนยสดทับอีกครั้ง ขนมก็จะดูมันเงา ก็เลยนำออกจากพิมพ์หรือถาดอบ บางสูตรจะมีการตกแต่งหลังการอบเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีแล้วก็สะดุดตาน่ารับประทานมากเพิ่มขึ้น การตกแต่งนั้นมีหลายวิธี ได้แก่ การโรยหน้าขนมด้วยน้ำตาลไอซิ่ง หรือ การตกแต่งด้วยน้ำสลัดครีม จึงพักบตะแกรงจนเย็นสนิทเื่พื่อปกป้องการเกิดราได้ง่าย หลังจากนั้นจึงบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่เตรียนมไว้ ภายหลังจากการบรรจุแล้วควรจะเก็บขนมปังเอาไว้ในห้องที่ไม่แห้งกระทั่งเหลือเกิน แล้วก็มีอุณหภูมิที่เย็นเหมาะเจาะ
เครมบรูเล่สูตรคลาสสิก (ส่วนผสม 4 อย่าง)
เริ่มต้นจากเมนูเครมบรูเล่สูตรคลาสสิก เหมาะสำหรับคนอยากลิ้มรสเครมบรูเล่ต้นตำรับ ส่วนผสมมีแค่ครีมสด ไข่ น้ำตาลทราย และกลิ่นวานิลลา จะกินแบบอุ่นหรือแบบแช่เย็นก็ตามชอบ แต่ก่อนเสิร์ฟอย่าลืมพ่นน้ำตาลให้ไหม้ด้วยล่ะ
ส่วนผสม เครมบรูเล่สูตรคลาสสิก (สำหรับ 4 ถ้วย)
• เฮฟวี่ครีม 4 ถ้วย
• ไข่แดง 6-8 ฟอง
• น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
• กลิ่นวานิลลา 2-3 ช้อนโต๊ะ หรือเม็ดวานิลลา 1 ฝัก
• น้ำตาลทรายป่น 12 ช้อนชา (สำหรับโรย)
วิธีทำเครมบรูเล่
1. เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 325 องศาฟาเรนไฮต์ และปูกระดาษรองอบที่ถาดอบ (ใช้ถาดอบแบบแก้วหรือถาดอบย่างทนไฟ) ปูด้วยกระดาษรองอบ 2 แผ่นหรือผ้า นำถ้วยอบวางลงไป เตรียมไว้
2. ตั้งน้ำเปล่า รอจนเดือด
3. ใส่เฮฟวี่ครีมลงในหม้อ เคี่ยวพอเดือดเติมกลิ่นวานิลลา คนผสมจนเข้ากัน เตรียมไว้
4. คนผสมไข่แดงและน้ำตาลทรายจนกลายเป็นสีเหลืองนวล ใส่เฮฟวี่ครีมร้อน ๆ ลงไป คนผสมจนเข้ากัน เทใส่ถ้วยอบ เสร็จแล้วนำไปวางบนตะแกรงชั้นกลางในเตาอบ เติมน้ำร้อนลงไปสูงประมาณครึ่งหนึ่งของถ้วย นำถ้วยมาห่อด้วยฟอยล์ นำไปอบประมาณ 40 นาที นำออกมาพักไว้ที่อุณหภูมิห้องสักครู่ แล้วนำเข้าแช่เย็น ประมาณ 3-4 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว
5. นำออกมาพักไว้ประมาณ 30 นาที โรยน้ำตาลทรายป่น 1 ช้อนชาให้ทั่วหน้าขนม ใช้ไฟพ่นให้น้ำตาลละลาย จัดเสิร์ฟ
โลลีเค้ก
ส่วนผสม
บิสกิต 250 กรัม
เนยสดชนิดเค็ม 150 กรัม
นมข้นหวาน 150 กรัม
มาร์ชแมลโลว์ขนาดเล็กสีต่าง ๆ 50 กรัม
มะพร้าวอบแห้ง 100 กรัม
กระดาษไข
วิธีทำ
1. บดบิสกิตให้ละเอียดเตรียมไว้
2. ใส่เนยสดลงในภาชนะ ตั้งไฟอ่อนคนจนละลาย ยกลง
3. เติมนมข้นหวาน คนพอเข้ากัน ใส่บิสกิต มาร์ชแมลโลว์ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. โรยมะพร้าวอบแห้งบนกระดาษไข วางส่วนผสมในข้อที่ 3 ลงทับ แล้วคลึงเป็นแท่งกลม นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็ง ประมาณ 3 ชั่วโมง แกะกระดาษไขออก ตัดเป็นชิ้น ๆ
วิธีการรักษาวัตถุดิบสำหรับเพื่อการทำเบเกอรี่หรือส่วนประกอบที่ใช้เพื่อทำเบเกอรี่ที่ถูก1. แป้งชนิดต่างๆดังเช่นว่า แป้งขนมเค้ก แป้งขนมปัง อื่นๆอีกมากมาย ถ้าหากปราศจากจากแมลงรบกวนจะมีคุณภาพดีแล้วก็เก็บได้นานถึง 5 เดือน โดยเก็บในห้องที่สะอาด มีอากาศถ่ายเทดี ปราศจากกลิ่น มีอุณหภูมิ 68 - 72 องศสฟาเรนไฮต์ แล้วก็มีความชื้นสัมพัทธ์ 55 - 65 % แป้งที่มีตัวแมลงอยู่จะต้องแยกนำออกมาทิ้งทันที
2.ยีสต์ เป็น ส่วนผสมที่เสียได้ง่าย ควรที่จะเก็บในที่แห้ง ไม่ให้สัมผัสโดยตรงกับแดดแล้วก็ความชุ่มชื้น ถ้าไม่เก็บในตู้แช่เย็นควรจะเก็บในที่มีอุณหภูมิไม่สูงกว่า 90 องศาฟาเรนไฮต์ ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยีสต์แห้งจะแก่การเก็บได้อย่างน้อยที่สุด 1 เดือน หรือเป็นเวลานานกว่านี้ได้
3. น้ำตาล ทั้งยัง น้ำตาลทรายขาวและก็น้ำตาลทรายแดงเป็นตัวดูดความชื้น จะต้องนำออกมาจากถุงใส่กล่องพลาสติคหรือแก้ว มิฉะนั้นแล้วน้ำตาลจะดูดความชุ่มชื้นจากอากาศจนถึงจุดที่มันแฉะ ซึ่งพวกจุลชีพจะเติบโตได้ดิบได้ดี ทำให้น้ำตาลนั้นมีรสเปรี้ยว สำหรับน้ำตาลละเอียดหรือน้ำตาลไอซิ่ง เมื่อไม่ใช้จะต้องเก็บเอาไว้ภายในที่แห้ง เพื่อป้องกันการจับตัวกันจบกลายเป็นก้อน อย่าใช้ภาชนะที่เป็นโลหะเพราะว่าอาจจะมีการเกิดสนิมได้
4. ไขมัน และก็น้ำมัน ไขมัน จากพืชสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิปกตินาน 2-3 เดือน หากอยากเก็บให้ได้เป็นเวลายาวนานกว่านี้จะต้องเก็บในตู้แช่เย็น น้ำมันหมูประเภทแข็งควรที่จะเก็บในตู้เย็น โดยใส่ภาชนะบรรจุปิดฝาให้สนิท หรือเก็บเอาไว้ภายในห้องปกติก็ได้ น้ำมันสลัดหรือน้ำมันที่ทำจากมะกอกจะมีกลิ่นหืนได้ง่ายภายหลังจากเปิดฝาแล้ว สำหรับไขมันพืช นอกจากจะเก็บในตู้เย็นแล้ว ไม่ควรเก็บไว้ใกล้สิ่งที่ให้กลิ่น เพราะว่าไขมันนั้นสามารถดูดกลิ่นแปลกปลอมเข้าไว้ได้ง่ายแล้วก็รวดเร็ว ศัตรูตัวสำคัญของไขมันก็คือแสง อากาศ น้ำ ความร้อน อุณหภูมิสูงๆและโลหะ เหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้ไขมันมีกลิ่นหืนได้ง่าย
5. ไข่ ไข่ สดควรจะเก็บในช่องเก็บไข่ของตู้แช่เย็น โดยให้ส่วนกว้างของไข่อยู่ด้านบนจะเก็บได้นานถึง 5 อาทิตย์ ไข่สดจะสูญเสียความชุ่มชื้นแล้วก็ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามอายุของไข่ ไข่มักจะดูดเอากลิ่นจากตู้เย็นเอาไว้ และจะมีกลิ่นมากมายถ้าเกิดไม่เก็บไว้ในช่อง ไข่ขาวที่แยกค่อนข้างจะเก็บได้นานเป็นสัปดาห์ หากเก็บในตู้เย็นแล้วก็ใส่ภาชนะแก้วที่ปิดฝาสนิท ไม่ควรเก็บไข่ไว้นาน แม้ว่าจะเก็บในตู้แช่เย็นก็ตาม ด้วยเหตุว่าบัคเตรีบางทีอาจเกิดขึ้นทำให้อาหารเป็นพิษได้
6. นม นม สดหรือหางนมควรที่จะเก็บไว้ในตู้เย็น เมื่อไม่ใช้แล้ว ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบูดเพราะเหตุว่ากรดแลคติกจะทำให้นมเปรี้ยว สำหรับนมระเหยนั้นไม่เป็นปัญหาเนื่องจากนมบรรจุกระป๋องนั้น ได้ผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อโรคแล้ว แม้กระนั้นก็ควรระวังในเรื่องกระป๋องบวม ซึ่งมีสาเหตุมาจากนมเสีย นมผงควรที่จะเก็บในที่เย็นและก็แห้ง ปิดฝาให้สนิท เนื่องมาจากนมผงนั้นมีความชุ่มชื้นอยู่น้อย ก็เลยดูดเอาความชุ่มชื้นจากอากาศเข้าไว้ทำให้จับกุมตัวกันเป็นก้อน
7. เครื่องเทศรวมทั้งผงฟู ควรจะเก็บในที่เย็น แห้ง และก็ปิดฝาให้สนิท สำหรับกระป๋องบรรจุจะต้องไม่เป็นสนิม และจะต้องสะอาด
8. สารเสริม ดังเช่นว่า SP ควรที่จะเก็บในภาชนะที่ปิดสนิท แห้งรวมทั้งเย็น อย่าให้โดนแสงแดดโดยตรง
หากอยากได้เรียนขนมปัง8ไส้ สิ่งเดียว4,500บาท
ต้องการเรียนวิชาอื่นเพิ่มด้วย วิชาละ 2,500 บาท
ผู้ติดตามได้ลงมือปฎิบัติด้วยเหมือนกัน
พึงพอใจเรียน โดยการจองผ่านไลน์เท่านั้น
line id: annzy201
หรือคลิกลิ้งค์ [url]http://line.me/ti/p/~annzy201[/b]
เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง :
[url]http://www.annann201.com/[/url]
Tags : ทำเบเกอรี่,เรียนทำขนมไทย,สอนทำอาหารญี่ปุ่น
