ฝรั่งนั้นมีข้อดียังไง เเละสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง

Advertisement


หน้า: [1]
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝรั่งนั้นมีข้อดียังไง เเละสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง  (อ่าน 20 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
plawan1608
Full Member
***

การ์ม่า: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 158


ดูรายละเอียด อีเมล์










« เมื่อ: กรกฎาคม 06, 2018, 02:11:31 pm »



ล้อแม็ก แม็ก แม็กซ์แต่งรถ

↑ ลงทะเบียนรับข่าวสาร

ล้อแม็ก

Advertisement

[/b]
ฝรั่[/size][/b]
ชื่อสมุนไพร  ฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น มะก้วย  มะก้วยกา มะกา (เชียงใหม่) , มะปั่น (ลำปาง) , บักสีดา (อีสาน) , สีดา (นครพนม) จุ่มโป่ (สุราษฎร์ธานี) , ชมพู่ (ปัตตานี) , ยามู ,ย่าหมู (ภาคใต้) ยะมูบุเตบันยา (ทุ่งนาราธิวาส , มลายู) , ยะริง (ละว้า) , ฮวงเจี๊ยะหลิ่วกังซิวก้วยติดจีฉิ่ว (จีน)
ชื่อสามัญ  Guava
ชื่อวิทยาศาสตร์  Psidium guajava Linn
สกุล  MYRTACEAE
ถิ่นเกิด ฝรั่งคือผลไม้ที่มีบ้านเกิดหรือเป็นพืชพื้นเมืองของเมริกาเขตร้อน De Candolle มั่นใจว่าอยู่ระหว่างประเทศเม็กซิโก แล้วก็ประเทศเปรู รวมถึงหมู่เกาะอินดีสตะวันตกด้วยชาวประเทศสเปนนำจากฝั่งแปซิฟิคไปยังฟิลิปปินส์ และประเทศโปรตุเกสนำจากฝั่งตะวันตกไปยังประเทศอินเดีย สำหรับในประเทศไทยนั้น คาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในช่วงยุคของสมเด็จพระท้องนารายณ์มหาราช ปัจจุบันเป็นพืชมีขึ้นทั่วไปในเขตร้อนและครึ่งร้อน ปลูกเป็นไม้ผลตามบ้าน ตามสวนทั่วๆไป
ลักษณะทั่วไป ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง 5-10 เมตร ลำต้นกิ่งมีเนื้อไม้เหนียวแข็งดี เปลือกต้นเรียบมีเหลืองอ่อนออกเทา และก็มีรอยลอกออกเป็นแผ่นๆก้านอ่อนมีลักษณะสี่เหลี่ยม มีขนสีขาวๆสั้น ก้านแก่ ขนร่วงไปหมด ยอดอ่อนมีขนสีขาวสั้นๆปกคลุม ใบเป็นใบคนเดียวออกตรงกันข้ามกันมีน้อยที่ออกเป็นวง (ที่ข้อเดียวกันออกเกินกว่า 2 ใบ) ใบรูปไข่ยาว 5-12 ซ.มัธยม หรือกว้าง 3-5 เซลเซียสมัธยม ขยี้ใบสูดดมดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมหวน ใบบางคล้ายแผ่นหนัง ปลายใบมนหรือแหลมสั้น ฐานใบค่อยๆขยายแหลมออกมายังกลางใบ ขอบของใบเรียบข้างหลังใบมีสีเขียวแก่ มีรอยเส้นใบ (ยุบลงไปนิดหน่อย) ท้องใบมีขนสั้นๆสีขาวอ่อนนุ่ม แล้วก็มีเส้นใบเป็นรอยนูนออกมา มีเส้นใบ 7-11 คู่ ก้านใบยาว 4 เซนติเมตร ดอกอาจออกเป็นช่อ 1-4 ดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวกลมมน กลีบสาวบางๆหลุดร่วงง่าย ยาว 2-2.5 ซ.มัธยม มีเกสรตัวผู้มากมาย มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวยาวเท่าๆกับกลีบ มีอับเรณูสีเหลืองอ่อน มีก้านเกสรตัวเมีย 1 อันยาวพุ่งขึ้นมาสูงขึ้นมากยิ่งกว่าก้านเกสรตัวผู้ รังไข่อยู่ข้างล่างมี 5 ห้องแล้วก็ลักษณะทรงกลม รวมทั้งมีกลีบเลี้ยงเหลือติดอยู่กับปลายผล ผลรูปทรงกลม  มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 3-15 ซ.ม. เนื้อผลส่วนมากมีสีเหลือง ขาว หรือชมพู มีกลิ่นหอมสดชื่น เมล็ดแข็ง เป็นรูปไตมีจำนวนไม่ใช่น้อย ขนาดเม็ด 0.3-0.5 ซม. สีขาวอ่อน พบได้ทั่วไปปลูกตามบ้านหรือสวนทั่วไปเอาผลไว้กินหรือขาย
การขยายพันธุ์    สามารถเจริญวัยได้ดีในทุกสภาพดิน แล้วก็ทนต่อความแล้ง รวมทั้งน้ำนองได้น้อย แต่โดยธรรมดามักถูกใจเติบโตก้าวหน้าในดินร่วนซุยผสมทราย ที่มีสภาพพื้นที่มีการระบายน้ำดี สามารถได้ผลผลิตได้โดยประมาณ 1 ปีข้างหลังปลูก ผลสามารถเก็บได้ในตอน 4-5 เดือน หลังติดดอก  โดยปกติจะได้ผลได้ในช่วงปลายฤดูแล้งถึงต้นฤดูฝนหมายถึงตอนมี.ค.-เดือนมิถุนายน
                สำหรับการขยายพันธุ์ฝรั่งสามารถทำได้หลายวิธี ดังเช่นว่า การปลูกด้วยเม็ด การทาบกิ่ง การต่อว่าดตา การปักชำ แต่วิธีที่นิยมสูงที่สุด คือ การตอนกิ่ง
การเตรียมดิน และก็การเตรียมแปลง ในการปลูกฝรั่งนั้น สามารถทำได้ 2 แบบตามสภาพพื้นที่ คือ

  • พื้นที่ดินเหนียว น้ำท่วมขังง่าย และมีระบบน้ำมากเกินเพียงพอ ให้ทำขุดร่องลุกประมาณ 1 เมตร กว้าง 1-2 เมตร เพื่อเป็นแถวร่องสำหรับในการให้น้ำ การเตรียมแปลง และการปลูกเอาไว้ในรูปแบบนี้พบได้มากในพื้นที่ลุ่มภาคกึ่งกลางเป็นส่วนมาก
  • พื้นที่ทั่วๆไปที่มีระบบน้ำไม่พอ สามารถปลูกลงในแปลงโดยไม่ยกร่องหรือการชูร่องสูงประมาณ 30 ซม. ระยะห่างระหว่างร่องราวๆ 3-4 เมตร ดังนี้ ให้กระทำการไถดะ 1 ครั้ง เพื่อตากดิน รวมทั้งกำจัดวัชพืช และไถแปร 1 ครั้ง โดยเว้นตอนห่างประมาณ 1-2 อาทิตย์ จากนั้นทำการไถยกร่อง
ส่วนวิธีการปลูกฝรั่ง มีดังนี้

  • ใช้กิ่งชนิดจากการตอนหรือการปักชำ
  • ขุดหลุมปลูก กว้าง ลึก ขนาด 50×50 ซม. แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถวประมาณ 3-4 เมตร หรือตามขนาดระยะห่างของร่อง
  • รองพื้นด้วยปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์ราวๆ 0.5 กิโล/หลุม หรือขนาด 1 พลั่วตัก พร้อมคลุกดินผสมก้นหลุมให้สูงราว 1 ฝ่ามือ ดังนี้บางทีอาจผสมปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ในอัตรา 1 กำมือ/หลุมก็ได้
  • นำกิ่งประเภท จากการตอนหรือการปักชำลงหลุมปลูก โดยกลบดินสูงเหนือปากหลุมเล็กน้อย ทั้งนี้ควรจะให้ดินกลบเหนือเขตรากสูงราว 10-15 ซม.
  • ใช้หลักไม้ปักหลุม รวมทั้งผูกเชือกยึดลำต้น
  • เมื่อปลูกเสร็จควรจะให้น้ำให้เปียกโดยทันที

การให้น้ำ เริ่มให้น้ำหนแรกหลังการปลูกเสร็จให้เปียกชุ่ม หลังจากนั้น ให้น้ำทุก 2 ครั้ง/วัน รุ่งเช้า-เย็น จนกระทั่งต้นฝรั่งตั้งตัวได้ โดยบางทีอาจเลือกใช้ระบบการให้น้ำที่มีคุณภาพ ต่อจากนั้นอาจทำให้น้ำลดลง ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และก็ความชื้นของดิน ซึ่งไม่สมควรปล่อยให้ดินแห้ง ขาดน้ำ โดยเฉพาะในตอนติดผล แม้กระนั้นในตอนติดดอกไม่ควรให้น้ำมากซึ่งในระยะนี้แค่เพียงระวังไม่หน้าดินแห้งก็ เพียงพอ
                โดยสายพันธุ์ของฝรั่งยอดนิยมในขณะนี้ เช่น ประเภท แป้นสีทอง , จำพวกกิมจู , ชนิดกลมสาลี่ , ประเภทไร้เมล็ด , ชนิดเวียดนาม ฯลฯ
องค์ประกอบทางเคมี
quercetin, quercetin-3-arabinoside , quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin),                                    quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin),                             quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และก็ quercetin 3-O gentiobioside , Tannin ในผิวฝรั่งเมื่อเอามาสกัดน้ำมันระเหย พบสารต่างๆอย่างเช่น 1,8-cineole  ,   a-copaene,  trans-caryophyllene  , humulene  ,  a-amorphene ,    nerolidol   , caryophyllene oxide ,  epigiobulol, longitorenedehyde , aromaden dendrene , helifdenolC อื่นๆอีกมากมาย  รวมทั้งสำหรับคุณค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ (165 กรัม) คือ

  • พลังงาน 112 กิโลแคลอรี
  • ใยอาหาร 8.9 กรัม
  • โปรตีน 4.2 กรัม
  • ไขมัน 1.6 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม
  • วิตามินเอ 1030 IU
  • วิตามินซี 377 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.1 มก.
  • วิตามินบี 3 1.8 มก.
  • กรดโฟลิก 81 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 30 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 66 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.4 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 688 มิลลิกรัม
  • ธาตุทองแดง 0.4 มิลลิกรัม ที่มา : Wikipedia

คุณประโยชน์/สรรพคุณ ฝรั่งคือผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก หรือผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะเหตุว่าฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อรับประทานแล้วจะก่อให้อิ่มนาน ช่วยกำจัดท้องร้อง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ช่วยปรับให้ระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้สมควร และก็ยังช่วยล้างพิษโดยรวมได้อีกด้วย ก็เลยมีผลทำให้ผิวพรรณดูผ่องแผ้วแจ่มใส โดยฝรั่งจัดคือผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกชนิด และก็ยังมีวิตามินซีสูตระหนี่ว่าส้มถึง 5 เท่า แล้วก็ยังนิยมนำฝรั่งไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น ฝรั่งดอง ฝรั่งแช่บ๊วย พายฝรั่ง และขนมอีกหลากหลายชนิด รวมถึงนำมาใช้ทำเป็นยาแคปซูลแก้ท้องเสียจากใบฝรั่ง ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งบรรจุแคปซูลละ 250 มก.
                ยิ่งไปกว่านี้น้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่งยังมีการใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมของกิน ตัวอย่างเช่น หมากฝรั่ง ลูกกวาด รวมทั้งเอามาผสมหรือแต่งกลิ่นในน้ำยาบ้วนปากได้อีกด้วย ส่วนคุณประโยชน์ทางยาของฝรั่งนั้นมีดังนี้ หนังสือเรียนยาไทยกล่าวว่า เปลือกต้น, ราก รสฝาด สุขุม ใช้แก้แผลเป็นพิษ แก้ปวดฟัน โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการเลือดกำเดา แก้น้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง ใบรสฝาดชุ่ม สุขุมไม่มีพิษ ใช้เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องเดิน บิดเรื้อรัง ผื่นคัน ผื่นคัน รอยแผลที่มีเลือดออก ผลที่ยังไม่สุก รสเปรี้ยว ฝาดอ่อนโยน ใช้แก้ท้องเดิน บิด ขจัดกลิ่นปาก แก้ปวดฟัน ผลสุกรสหวานหอมใช้เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก ใช้ห้ามเลือดต่อต้านการอักเสบ ลดน้ำตาลในเลือด โดยใช้เปลือกแห้งหนัก 10 กรัม ต้มน้ำกิน ใบแห้งหนัก 3-5 กรัม หากเป็นใบสดใช้หนัก 15-30กรัม ต้มน้ำกิน ถ้าใช้ด้านนอกต้มเอาน้ำล้างหรือตำพอก ผลที่ยังไม่สุก แห้งหนัก 6-10 กรัม ต้มน้ำกิน
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้

  • แก้ลำไส้อักเสบ บิด ใช้ใบสด 30-60 กรัม ต้มน้ำกิน
  • แก้กระเพาะไส้อักเสบรุนแรงและท้องเดิน ที่เกิดขึ้นจากการสรุปยไม่ดี ใช้ใบแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำกิน
  • แก้บาดแผลเกิดขึ้นจากการหกล้มหรือกระทบกระแทกหรือบาดแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดตำพอกแผลด้านนอก
  • แก้ปวดฟัน ใช้เปลือกรากผสมน้ำส้มสายชูต้มเอามาอมแก้ปวดฟัน
  • แก้เด็กเป็นแผลเล็กแผลน้อยเรื้อรัง ใช้เปลือก ราก ต้มร่วมกับขนไก่ เอามาชำระล้างบาดแผล
  • แก้ผิวหนังเป็นผื่นผื่นคัน ใช้เปลือกต้นสดและก็ใบต้นเอาน้ำล้างรอบๆที่เป็น
  • แก้ท้องเสีย ใช้ใบหรือผลดิบ ต้มกินต่างชา (ใบแห้ง 5 กรัม ใส่น้ำ 100 มล.)
  • ใช้สวนล้างช่องคลอดหลังคลอด ใช้น้ำต้มจากใบสดอุ่นๆสวนล้าง
  • ใช้สำหรับในการดับกลิ่นปาก ด้วยการนำใบสด 3-5 ใบมาบดแล้วคายกากทิ้ง
  • ช่วยรักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบโดยการใช้ผลที่ตากแห้งต้มน้ำกิน
  • ยอดอ่อนๆปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ ชงน้ำดื่มแก้ท้องเดิน บิด ใบสดบดอมดับกลิ่นยาสูบ สุรา แล้วก็กลิ่นปากได้ดิบได้ดี
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้ แก้ท้องร่วง             จากการศึกษาวิจัยฤทธิ์ทางยาของฝรั่งพบว่าการให้ยาเม็ดแคปซูลใบฝรั่งครั้งละ 500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง ตรงเวลา 3 วัน กับผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคอุจจาระตก 122 คน สามารถลดปริมาณครั้งของการถ่ายอุจจาระ ระยะเวลาที่อึ รวมทั้งปริมาณน้ำเกลือที่ให้ทดแทนได้  การให้ยาเม็ดแคปซูลฝรั่งขนาด 500 มิลลิกรัม (ที่มีสารฟลาโวนอยด์ 1 มก./แคปซูล 500 มก.)  ทุก 8 ชั่วโมง ตรงเวลา 3 วันในคนป่วยที่มีอาการท้องเดิน ปวดท้อง จำนวน 50 คน จะสามารถลดการบีบตัวของไส้และลดระยะเวลาเจ็บท้องได้   การให้ยาต้มของฝรั่งในคนป่วยเด็กที่เป็นโรคลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) 62 คน ทำให้อาการดีขึ้นด้านใน 3 วัน ช่วงเวลาท้องเสียสั้นลง และไม่เจอเชื้อ Rota virus ในอุจจาระมากยิ่งกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยคลอโรฟอร์ม เฮกเซน เมทานอล และก็น้ำ สามารถลดการเคลื่อนไหว รวมทั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาและหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้มีการเคลื่อนไหวมากเพิ่มขึ้นด้วยอะเซทิลโคลีน  สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 สามารถยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้หดตัวด้วยกระแสไฟ อะเซทิลโคลีน รวมทั้งแบเรียมคลอไรด์ได้อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งสามารถยับยั้งอาการท้องเสียในหนูเม้าส์ที่ถูกชักชวนให้เกิดอาการท้องเสียด้วยน้ำมันละหุ่ง โดยฝรั่งจะไปเพิ่มการดูดซึมน้ำในลำไส้แล้วก็ลดการบีบตัวของไส้   สารสกัดด้วยน้ำของใบฝรั่งสดสามารถยั้งอาการท้องเดินได้ โดยลดปริมาณครั้งของการอุจจาระในหนูซึ่งถูกรั้งนำให้เกิดอาการท้องเสียด้วยยา microlax ได้
                 ส่วนสกัดของสารกรุ๊ป polyphenolic, saponin และ alkaloid จากใบฝรั่ง สามารถยั้งการยุบเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาที่รั้งนำให้หดเกร็งด้วยอะเซทิลโคลีนและก็โปแตสเซียมคลอไรด์ได้   สาร quercetin รวมทั้ง quercetin-3-arabinoside จากใบฝรั่ง สามารถต้านทานการยุบตัวของลำไส้เล็กที่ถูกรั้งนำด้วยอะเซทิลโคลีน ทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนไหวน้อยลง  ยิ่งกว่านั้นสาร quercetin ในใบฝรั่งยังสามารถยับยั้งการยุบเกร็งของลำไส้เล็กในหนูแรทและก็หนูตะเภาซึ่งเหนี่ยวนำให้กำเนิดอาการหดเกร็งด้วยสารละลายโปตัสเซียม  อะเซทิลโคลีน แบเรียมคลอไรด์ ฮีสตามีน แล้วก็ซีโรโทนินได้ และก็สามารถลดความรู้ความเข้าใจสำหรับในการซึมผ่านของๆเหลวของเส้นเลือดฝอยบริเวณท้องซึ่งมีผลช่วยรักษาอาการท้องเสีย  สาร quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin), quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin), quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และก็ quercetin 3-O-gentiobioside จากใบฝรั่ง สามารถลดการยุบเกร็งของลำไส้เล็กหนูเม้าส์ได้   สาร asiatic acid จากใบฝรั่งมีผลทำให้กล้ามเนื้อของลำไส้เล็กส่วนปลายของกระต่ายคลายตัว  สารสกัดผลฝรั่งดิบด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านทานการหลั่งอะเซทิลโคลีนในลำไส้เล็กของหนูแรทแล้วก็หนูตะเภาได้ แต่ว่ามีฤทธิ์น้อยกว่าอะโทรปีนป่าย โดยฝรั่งมีผลทำให้ไส้มีการขยับเขยื้อนลดลง ทำให้รักษาอาการท้องเสียได้    สารสกัดฝรั่ง (ไม่เจาะจงส่วน) สามารถลดการบีบตัวของลำไส้เล็กของหนูแรทได้
ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียมีการเล่าเรียนการต้านเชื้อแบคทีเรียหลายรายงาน เช่น สารสกัดเอทานอลของฝรั่ง สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli, Salmonella enteritidis, Shigella flexneri ได้  สารสกัดน้ำ ความเข้มข้น 10-5 มคลิตร/มล. ทดลองในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Shigella dysenteriae ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคบิดได้ สารสกัดเปลือกต้น
ด้วย 70% เอทานอล  ความเข้มข้น 250 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคอุจจาระหล่นหมายถึงStaphylococcus aureus, Vibrio cholerae รวมทั้ง V. parahaemolyticus แม้กระนั้นไม่เป็นผลต่อเชื้อ E. coli, Shigella  flexneri, Salmonella typhimurium สารสกัดราก กิ่ง รวมทั้งใบฝรั่งด้วย 50% เอทิลอัลกอฮอล์  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. dysenteriae, Sh. flexneri, S. typhimurium ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร แต่ว่าไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella enteritidis สารสกัดกิ่งฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ อัตราส่วน 1:1 ความเข้มข้น 50 มคล. สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae, Sh. flexneri (ซึ่งนำไปสู่โรคบิด) E. coli (แบคทีเรียในลำไส้) S. typhimurium (นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคไข้รากสาดน้อย) แต่ไม่เป็นผลต่อเชื้อ S. enteritidis สารสกัดทิงเจอร์ของฝรั่ง สามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย V. chlorea ที่เป็นต้นเหตุของอหิวาต์ ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้แต่ว่าเห็นผลปานกลาง  น้ำมันหอมระเหยของใบฝรั่ง สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus แต่ว่าไม่เป็นผลต่อเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli, S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Enterococcus faecalis ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ไม่มีผลต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium, S. aureus สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำ ความเข้มข้น 20 มก./มิลลิลิตร พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย S. dysenteriae 1 (นำมาซึ่งโรคบิด) และก็ V. chlorea (นำมาซึ่งอหิวาตกโรค) ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งขนาดความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 1.25, 5 มิลลิกรัม/มล. เป็นลำดับ
สารสกัดผลดิบของฝรั่งด้วยเมทานอล  ในขนาด 50,100, 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae 1, Sh. dysenteriae 2, Sh. dysenteriae 4, Sh. dysenteriae 8 และ V. chlorea 1350 ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 100-200 มคกรัม/มิลลิลิตร สารสกัดหยาบคายของใบฝรั่ง สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio ที่แยกได้จากกุ้งว่าวกุลาดำที่เป็นโรค 23 สายพันธุ์ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 1.25-5.00 มก./มิลลิลิตร สารสกัดใบฝรั่งด้วยอะซีโตน รวมทั้ง 95% เอทานอล สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Salmonella B, S. newport, S. typhimurium, Sh.  flexneri ยิ่งไปกว่านี้สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ยังสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้อีกด้วย  สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วยน้ำ สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. flexneri, S. aureus แต่ไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. newport และก็ S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ
สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยับยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 10 มิลลิกรัม/วัน แม้กระนั้นสำเร็จไม่แน่นอนต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium สารสกัดใบฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร พบว่าสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระตก อาทิเช่น Salmonella D, Sh. dysenteriae 1, Sh. flexneri 2A, Sh. flexneri 4A  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. typhimurium type 2, Shigella bodyii, Sh. bodyii 5, Sh. dysenteriae 2, Sh. flexneri 3A, Sh. sonnei  ส่วนสกัดแทนนินจากใบฝรั่ง ความเข้มข้น 85, 95, 95, 100, 110 มคก./มล. สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri, S. enteritidis, S. aureus , Escherichia piracoli, E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ เป็นลำดับ    สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Salmonella spp. ได้ 2 สายพันธุ์  แล้วก็ต้านทานเชื้อ Sh.  flexneri, Sh. virchow, Sh. dysenteriae รวมถึงเชื้อ E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ(1:1)แล้วก็อะซีโตน สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย E. coli ที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วงได้ สารสกัดลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย S. newport และ S. typhimurium, Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. aureus   น้ำคั้นจากผลฝรั่ง ไม่อาจจะต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus typhosus ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคไทฟอยด์ได้ สารสกัดส่วนที่อยู่เหนือดินด้วยอัลกอฮอล์ และน้ำ (1:1) ความเข้มข้นมากยิ่งกว่า 25 มคกรัม/มล. ไม่สามารถที่จะต้านเชื้อแบคทีเรีย B. subtilis, E. coli, S. typhosa
มีการศึกษาวิจัยโดย ปัญจางค์ ธนังเราล รวมทั้งภาควิชา ในผู้เจ็บป่วย 122 คน ที่เป็นโรคอุจจาระร่วง เป็นชาย 64 คน รวมทั้งหญิง 58 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 16-55 ปี ทำการศึกษาเทียบโดยขั้นตอนการสุ่ม โดยนำใบฝรั่งอบแห้งแล้วบดเป็นผง ใส่แคปซูล ขนาด 250 มิลลิกรัม ลักษณะเดียวและก็ขนาดเดียวกับ tetracyclin และก็บริหารการรับประทานยาเหมือนกันหมายถึง500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน ทั้งคู่กรุ๊ป พบว่าใบฝรั่งสามารถลดปริมาณอุจจาระ ระยะเวลาที่อึ แล้วก็ปริมาณน้ำเกลือที่ให้ทดแทนได้
มีการเรียนรู้ในคนป่วยเด็ก 62 คน ที่เป็นโรคไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) โดยให้กินยาต้มของฝรั่ง พบว่าอาการดียิ่งขึ้นข้างใน 3 วัน รวมทั้งช่วงเวลาท้องร่วงสั้นลงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง (p<0.05) จำนวนโซเดียมและก็กลูโคสในอุจจาระลดน้อยลง และก็ผลของการตรวจอุจจาระไม่พบเชื้อ Rota virus มากถึง 87.1% ในเวลาที่กลุ่มควบคุมไม่พบเชื้อ Rota virus 58.1% หมายความว่ายาต้มของฝรั่งมีประสิทธิภาพสำหรับในการรักษาอาการท้องเดินในคนป่วยลำไส้อักเสบจากเชื้อ Rota virus ได้
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ   จากการเล่าเรียนทางสถานพยาบาลในคนเจ็บ 70 คน ที่มีเหงือกอักเสบ พบว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบฝรั่งสามารถลดการอักเสบได้ร้อยละ 19.8 และก็ลดรอยโรคที่ความรุนแรง ได้ร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนประกอบของสารสกัดจากใฝรั่ง
หลังใช้เป็นเวลา 3 อาทิตย์
            สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำขนาด 50-800 มิลลิกรัม/กก. เมื่อฉีดเข้าท้องพบว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบกะทันหัน  เมื่อทดลองกับอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยไข่ขาวสด นอกนั้นเมื่อฉีดน้ำมันหอมระเหยจากใบฝรั่งเข้าทางช่องท้องของหนูแรทในขนาด 0.8 มล./กิโล พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบที่ถูกรั้งนำด้วยสาร carrageenan ได้
สารสกัดจากผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางท้องของหนูแรท พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกรั้งนำให้เกิดการอักเสบด้วยสาร carrageenan, kaolin รวมทั้ง formaldehyde ได้ ยิ่งกว่านั้นสารสกัดผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูเม้าส์จะสามารถยับยั้งการอักเสบและลดอาการเจ็บปวดที่ถูกเหนี่ยวนำด้วย acetic acid  ได้ดีกว่าแอสไพรินที่ให้ในขนาดเท่ากันเล็กน้อย
เมื่อนำใบฝรั่งมาหมักกับรารวมทั้งแบคทีเรียดังเช่น Phellinus linteus (ส่วนเส้นใย) Lactobacillus plantarum แล้วก็ Saccharomyces cerevisiae แล้วนำมาสกัดด้วยเอทานอล พบว่าสารสกัดที่ได้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบโดยยับยั้งการผลิตสารที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบคือ ไนตริกออกไซด์แล้วก็ พรอสต้าเอ็งรนดิน อี 2 ในหลอดทดลอง นอกจากนั้นสารสกัดฝรั่งด้วยเอทานอลรวมทั้งน้ำยังออกฤทธิ์ยับยั้งการผลิตไนตริกออกไซด์
             สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทิลอะซีเตตมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ และก็แก้แพ้โดยยับยั้งการตอบสนองต่อแอนติเจนที่ชักจูงให้เกิดการแพ้แล้วก็การอักเสบ
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูแรทที่ถูกชักจูงให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีด alloxan เข้าเส้นเลือดดำโดยสารสกัดใบฝรั่งออกฤทธิ์ใน 2 ชั่วโมง มีฤทธิ์สูงสุดในชั่วโมงที่ 6 แล้วก็หมดฤทธิ์ใน 24 ชั่วโมง
ฤทธิ์ต่อต้านเซลล์มะเร็ง      สารสกัดใบฝรั่งมีความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง murine fibrosarcoma แล้วก็เซลล์ของมะเร็งเต้านม
[/b]
การศึกษาทางพิษวิทยา
การทดสอบความเป็นพิษ  พิษเฉียบพลัน  สารสกัดด้วยน้ำจากใบ LD50 มีค่ามากยิ่งกว่าหรือเท่ากับ 20 กรัม/กิโลกรัม  เมื่อให้ทางปากในหนูถีบจักรทั้งยัง 2 เพศ และมีค่ามากกว่า 5 ก./กิโลกรัม  เมื่อฉีดเข้าทางท้อง สารสกัดเอทานอล (50%) จากส่วนเหนือดิน LD50 มีค่าพอๆกับ 0.188 เมื่อฉีดเข้าช่องท้องในหนูถีบจักร พิษเรื้อรัง  การให้สารสกัดน้ำจากใบทางปาก ขนาด 0.2, 2 รวมทั้ง 20 ก./กก. ทุกๆวันติดต่อกันตรงเวลา 6 เดือน  พบว่าอัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวต่ำลง ในกลุ่มที่ได้รับสารสกัด เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับน้ำ ช่วงเวลาที่ไม่เจอความแตกต่างของจำนวนอาหารที่กินในทุกกลุ่ม พฤติกรรมทั่วๆไปปกติในทุกกลุ่ม หนูเพศผู้มีระดับ ALP, SGPT (ลักษณะการทำงานของตับ), BUN (ลักษณะการทำงานของไต) และก็ WBC สูงมากขึ้น ในตอนที่ระดับของโซเดียมแล้วก็คลอเลสเตอรอลในเลือดต่ำลง น้ำหนักของตับและไตเพิ่มขึ้น การตรวจทางจุลทัศนกายวิภาค พบการเปลี่ยนแปลงของไขมันและลักษณะ hydronephrosis หนูเพศภรรยาหรูหราโซเดียม



GPSราคาถูก | เครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ | Ran Online | Ragnarok | โปรโมชั่น | เกมส์ออนไลน์

Promotion
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

ฐานข้อมูลผิดพลาด
ลองอีกครั้ง ถ้าเกิดการผิดพลาดอีกครั้ง ให้แจ้งผู้ดูแลระบบด้วย
กลับ