Advertisement
เดี๋ยวนี้ต้องการตอกย้ำซ้ำเติมชีวิตครับผม ต้องการแชร์ประสบการณ์เจ็บๆแบบเจ๊งๆแบบแสบๆคันๆ... ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง ขอเล่าเลยนะครับ ... ผมเริ่มทำธุรกิจมา 7-8 ปีนะครับ ก็เริ่มจากเล็กๆไต่เต้าไปเรื่อยๆตามจังหวะชีวิต รุ่งบ้างร่วงบ้างตามภาวะ แต่ในความก้าวหน้าก็มีรุ่งริ่งนะครับ ด้วยเหตุว่า หลายๆปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ผมทำธุรกิจเจ๊งไปหลายอย่าง ธุรกิจแรกๆครั้งเรายังเล็กก็ทำอะไรเล็กๆเจ๊งก็โดนไม่มากมายหลักพันหลักหมื่น โตขึ้นก็เจ๊งหนักขึ้นตามลำดับ ... ถ้าหากนับเป็นตัวเงินของการขาดทุน ผมขาดทุนรวมๆแล้วหลายล้านบาทขอรับ อ่านไม่ผิดดอกขอรับ ... หลายล้านบาท!!!
คนจำนวนไม่น้อยอาจจะสงสัย “โหหหห ขาดทุนขนาดๆนี้ ยังอยู่ได้อีกรึ” ... เอ่ออ ยังนะครับ ยังอยู่ได้ ผมเจ๊งมากมาย เจ็บหนักก็จริงแต่โชคยังดีที่มีธุรกิจที่ทำแล้วไม่เจ๊งอยู่บ้าง ทำให้เมื่อหักลบกลับหนี้สินกับที่ขาดทุนไปก็ยังเพียงพอมีกำไร ยังเป็นบวกอยู่บ้าง!!! (ขออนุญาตไม่เท้าสมัยก่อนแล้วก็ความเป็นมาครับผม กดเข้าไปในยิ้มหรือโปรไฟล์ผมได้เลยนะครับ หัวข้อเก่าๆเล่าไว้เพียบ)
ในหลายล้านที่ผมเสียไป ผมสรุปสาเหตุของความผิดพลาดออกมาได้เป็นเป็น 5 ข้อ ดังต่อไปนี้ขอรับ
เจ๊ง ที่ 1 : โจทย์สินค้าไม่แข็ง และก็ ตอบโจทย์ลูกค้าไม่ได้ชัด!!!
ถ้าเกิดตั้งปัญหาผลิตภัณฑ์ไม่แข็ง และก็ ตอบโจทย์ลูกค้ามิได้ชัด โอกาสที่จะอยู่รอดได้ในอนาคตก็น้อย กล่าวได้ว่าเจ๊งกันตั้งแต่อยู่ในมุ้งเลยขอรับ เจาะลงไปให้ลึก จำเป็นต้องย้อนกลับปัญหาสุดคลาสสิค ... เริ่มทำธุรกิจอะไรดี? … ปัญหานี้หลายท่านถกกันกระทั่งคอแห้งผากก็ยังมิได้คำตอบ ... เรียกได้ว่าเลือกกันไม่ดี ได้โอกาสเจ๊งกันตั้งแต่อยู่ในมุ้งเลยนะครับ ... ผมเคยนำผลิตภัณฑ์บางชนิด ไปขายในตลาดที่ผิดจำต้อง เรียกกล้วยๆว่า ขายของผิดตลาดตอบโจทย์ลูกค้าแถวนั้นมิได้ ... แน่ๆขอรับสรุปเจ๊งนะครับ ทางออกเป็นต้องย้ายร้านค้า
แนวความคิดเสริมเติม : เดี๋ยวนี้ ถ้าเกิดผมจะเริ่มทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ผมมักจะใช้การพินิจพิเคราะห์ธุรกิจการค้าตาม 2 หนทางดังต่อไปนี้ครับ
1. ทางแรก คือ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะขายก่อน แล้วถามต่อว่าสินค้านี้จะต้องขายคนใดกันแน่ ขายที่ใด ขายยังไง แต่ว่า ถ้าไม่ใช่สินค้าใหม่หรือเป็นสินค้าที่มีคู่แข่งอยู่แล้วจำเป็นต้องถามว่ากล่าว สินค้าพวกเราดียิ่งกว่าคู่ปรปักษ์อย่างไร เพราะเหตุไรลูกค้าถึงต้องเลือกเรา
2. หนทางลำดับที่สองเป็นเลือกกลุ่มลูกค้าหรือเลือกตลาดก่อน ว่าต้องการจะขายใครขายที่แหน่งใด แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยมาตั้งโจทย์ว่า ถ้าเกิดลูกค้ากลุ่มนี้หรือตลาดนี้เราควรจะขายอะไร อะไรหรือสิ่งใดที่จะตอบโจทย์แก่ลูกค้าเหล่านี้
เจ๊ง ที่ 2 : ไม่มีใครซื้อ บริหารไม่เป็น
ธุรกิจที่มันเจ๊งส่วนใหญ่ ก็เพราะว่า มันขายไม่ออก ... เอ่อ ตอบแบบกำปั้นทุบดินเหลือเกินมั้ย 555+ ขยายความอีกนิด ถ้าโจทย์ผลิตภัณฑ์พวกเราแข็งและตอบปัญหาลูกค้าได้แน่นอน จะต้องย้อนกลับไปดูว่าการตลาดพวกเราดีพอเพียงสมน้ำสมเนื้อหรือเปล่า ทำเลที่ตั้ง โปรโมชั่น หนทางการจำหน่าย ดีและถูกตามสมควรหรือเปล่า ... การที่เรามีผลิตภัณฑ์ที่ดีงามที่ตอบปัญหาลูกค้าได้แต่ถ้าเราไม่อาจจะทำให้ลูกค้ารับรู้ได้ การมีตัวตนอยู่ของพวกเราได้ ก็ไม่มีสาระอันใด
ธุรกิจที่มันเจ๊งบางส่วน ก็เพราะเหตุว่า บริหารไม่เป็น ... บริหารไม่เป็นในที่นี้คือ การที่ไม่รู้เรื่องเนื้อแท้ของธุรกิจนั้นๆเลยทำให้พวกเราละเลยปัจจัยสำคัญไป ธุรกิจค้าขายดูแลงานไม่เหมือนธุรกิจบริการ ธุรกิจบริการบริหารงานไม่เสมือนธุรกิจการสร้าง การที่เราไม่รู้เรื่องเนื้อแท้เหล่านี้ทำให้เราหลงทาง การลงบัญชีแล้วก็การเน้นตัวเลขสาระสำคัญที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงในแต่ละธุรกิจ ... ผมเคยได้งานที่ทำอยู่เป็นประจำล้านมาทำ ทำไปทำมาจากหวังว่าจะมีผลกำไรเปลี่ยนเป็นขาดทุนหลักแสน เพราะเหตุว่า ผมไม่รู้เรื่อง ไม่มีความสนใจ รวมทั้ง ละเลยปัจจัยสำคัญของธุรกิจนั้นๆไป สรุปเจ๊งหมดท่า
เจ๊ง ที่ 3 : หุ้นส่วนพาเพลิน
หุ้นส่วนธุรกิจนี้สำคัญมาก หลักการคัดหุ้นส่วน บ้างก็พินิจจากเงินทุน บ้างก็พิเคราะห์จากความสามารถหรือความชำนาญของแต่ละหุ้น บ้างก็พินิจจากความสนิทใกล้เชื้อ บ้างก็ใคร่ครวญจากความเชื่อถือ บ้างก็พินิจจากดวงศิลปิน หรือจะพิจารณาจากอะไรก็ตามแต่ว่า หุ้นส่วนธุรกิจนี้จะร่วมรุ่งแล้วก็หล่นไปกับพวกเราแน่นอน …
ถ้าเป็นโลกของมืออาชีพ แบบ joint venture พันล้านระหว่างชาติ เขาจะมีข้อตกลงความร่วมแรงร่วมใจ มีภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ และ มีการจัดสรรปันส่วนผลกำไรหรือแม้กระทั้งการขาดทุนกันเป็นระเบียบเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนร่วมมือกัน แม้กระนั้นสำหรับกิจการเล็กๆที่พวกเราทำๆกัน มักไม่มีความเอาใจใส่สิ่งพวกนี้ทำให้เกิดปัญหาตามมามากไม่น้อยเลยทีเดียวในอนาคต โทษกันไปโทษกันมาไม่จบสิ้น ... ข้อผิดพลาดนี้ของคนใดกันแน่? ข้อคิดเห็นขัดแย้งผู้ใดกันตัดสิน? ขาดทุนมากเกินกว่าที่กำหนดคนไหนกันแน่แบกรับ? กำไรที่ได้มาเพราะเหตุใดคนไม่ทำเป็นมากกว่า? หลายๆกรณีวาดฝันอนาคตสวยหรู ประสบเจอกับปัญหาจริงเข้าไปก็ไปกันไม่เป็นเลยทีเดียว ... ข้อสรุปเป็น ตัดญาติขาดมิตร หรือ เลิกความเป็นเพื่อก็มีเห็นกันเป็นประจำ
Tags : ธุรกิจออนไลน์